GE43 ยกระดับวิญญาณ หลอมสร้างสมบัติ
ยามราตรี ภายในห้องหลอมสร้าง... หนิงฝานปรับลมหายใจและปราณภายในร่าง จากนั้นผ่อนลมหายใจออกมาด้วยความผ่อนคลาย
กลางวันที่ผ่านมา หลังจากสังหารผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณ และสังหารผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณที่ใช้วิชาลับ ยกระดับพลังของตนให้เทียบเท่าแก่นทองคำขั้นต้น หนิงฝานก็ได้วิชาบางอย่างที่ต้องทำความเข้าใจให้ถ่องแท้
หากเป็นผู้คนทั่วไป การจะบรรลุแก่นทองคำขั้นต้นนั้น อย่างน้อยต้องใช้เวลา 100 ปี แต่หนิงฝานใช้เวลาเพียงครึ่งปีก็สามารถสังหารผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำได้ ความเร็วระดับนี้นับว่าน่าสะพรึงกลัว แต่นั่นยังไม่ทำให้หนิงฝานพึงพอใจ เพราะเขารู้ว่าโลกแห่งการฝึกตนนั้นมีผู้ที่สืบทอดความทรงจำจากทวยเทพอยู่มากมาย ความเร็วในการยกระดับพลังของคนเหล่านั้นสมควรไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าตน
แม้ผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำในโลกพิรุณใบนี้ถือเป็นตัวตนที่ยิ่งใหญ่ แต่ในสายตาของแดนสวรรค์ทั้ง 4 นั้น ไม่ควรค่าให้กล่าวถึง
หยิ่งทะนงได้อย่างเสรี ลงมือได้อย่างเสรี ใช้ชีวิตได้อย่างเสรี ทั้งหมดนั้นคือขอบเขตการฝึกตนที่หนิงฝานปรารถนา
อีก 100 ปีให้หลัง เทพกษัตริย์เนี่ยจะมาเยือน เมื่อถึงยามนั้น มันจะไม่ประมาทหนิงฝานอีกต่อไป หนิงฝานเองย่อมไม่อยากพ่ายแพ้ให้มันเช่นกัน
หากเทียบกับโลกแห่งเซียนทั้ง 9 ใบ เทพกษัตริย์ถือเป็น 1 ใน 10 ผู้เชี่ยวชาญที่ทรงพลังที่สุด แต่ในอีก 100 ปีให้หลัง มันต้องตายด้วยน้ำมือของหนิงฝาน!
หนิงฝานมีวิธียกระดับพลังอย่างรวดเร็วอยู่ 3 วิธี หนึ่งคือ ‘การขัดเกลาผสาน’ สองคือ ‘การใช้โอสถ และสามคือ ‘การค้นหาเพลิงพิภพและปราณเยือกแข็ง’’
การจะได้ครอบครองเพลิงพิภพนั้นขึ้นอยู่โชคลาภ ไม่อาจบงการได้ ยามนี้หนิงฝานมี ‘เพลิงปีศาจทมิฬ’ และ ‘เพลิงกระดูกขาว’ ซึ่งเป็นหนึ่งในสิบสองเพลิงปีศาจชีพจรพิภพ แต่การจะดูดกลืนเพลิงทั้งสองต้องบรรลุเงื่อนไขมากมาย
ข้อแรก ต้องฝึกฝนและยกระดับเพลิงของตนให้บรรลุขอบเขตที่สูงขึ้น หนึ่งในตัวเลือกการฝึกฝนคือ ‘วิชาลับปีศาจทมิฬ’ หากเทียบวิชานี้กับวิชาที่ใช้ยกระดับเพลิงอื่นๆ วิชาลับปีศาจทมิฬเหนือชั้นกว่ามาก ดังนั้น หากต้องการดูดกลืนเพลิงปีศาจ สิ่งแรกที่ต้องทำคือฝึกฝนวิชาลับปีศาจทมิฬ
ข้อสอง หาสถานที่ที่เย็นมากๆเพื่อดูดกลืนเพลิงปีศาจ... เพลิงปีศาจทมิฬที่แท้จริงคือผสานมังกรเพลิงทมิฬทั้ง 8 ตัวรวมเป็นหนึ่ง อานุภาพของมันจะรุนแรงกระทั่งผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำยังไม่อาจต้านทานได้ แต่ยามนี้ หนิงฝานยังไม่อาจทำได้ถึงขั้นนั้น
ข้อสุดท้าย เพื่อป้องกันความเสี่ยงและอันตรายทั้งมวล หนิงฝานต้องปรุงโอสถเพื่อใช้รักษา เพราะยามที่ดูดกลืนเพลิงปีศาจทมิฬ มันจะแผดเผาทำลาย
ในโลกพิรุณแห่งนี้ ครั้งหนึ่งเคยมีผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มพยายามดูดกลืน ‘เพลิงหงส์คราม’ กระทั่งสุดท้าย มันถูกแผดเผาจนกลายเป็นเถ้าถ่าน
การจะดูดกลืนเพลิงปีศาจทมิฬและเพลิงกระดูกขาวจึงต้องเตรียมการเป็นอย่างดี อย่างน้อย ยามนี้หนิงฝานก็ยังดูดกลืนพวกมันไม่ได้ ส่วน ‘ปราณหยินลึกล้ำ’ ที่อยู่ในนิกายกุ่ยเชว่ก็เช่นกัน หากหนิงฝานจะดูดกลืนมัน เขาต้องเตรียมการอย่างน้อย 3 สิ่ง
‘สิบสองปราณเยือกแข็งสวรรค์’ นั้นหาได้ยากไม่แพ้กัน ต่อให้เป็นหนิงฝาน การจะหาให้ครบใน 100 ปีย่อมไม่ใช่เรื่องง่าย กระทั่งบางที หนิงฝานอาจจะต้องสู้กับผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยกเพื่อช่วงชิง
ทั้งหมดทั้งมวล นอกจากค้นหาปราณเยือกแข็งและเพลิงปีศาจแล้ว วิธีในการยกระดับพลังยังมีการขัดเกลาผสานและการปรุงโอสถ ทั้งสองวิธีหนิงฝานกระทำอยู่เป็นนิจ แต่ยามนี้ ที่หนิงฝานยังอยู่ภายในห้องหลอมสร้างนั้น เขาต้องการสร้างแหวนกระถาง
ในเมื่อตนผันเปลี่ยนเป็นปีศาจเต็มตัว เหตุใดต้นหันหลังกลับ.. หากหนิงฝานหลอมสร้างแหวนกระถางได้ หากพบสตรีที่เหมาะสม ศัตรู หรือผู้ใดก็ตาม เขาจะช่วงชิงพวกนาง ประทับตราวิญญาณ เปลี่ยนให้พวกนางกลายเป็นกระถางขัดเกลา!
ยามนี้วิชาแปลงหยินหยางของหนิงฝานได้บรรลุขอบเขตที่ 1 สร้อยคอหยินหยางจึงเปิดวิชาวิญญาณขอบเขตที่ 1 ให้ หากต้องการบรรลุขอบเขตที่ 2 เขาต้องร่วมรักกับสตรีในขอบเขตดวงจิตแรกเริ่ม เพียงแต่ในแคว้นเยว่แห่งนี้ ไม่สตรีนางใดบรรลุขอบเขตนั้น ดังนั้นการจะทะลวงไปยังขอบเขตที่ 2 จึงไม่อาจทำได้ในเวลาสั้นๆ... ก่อนหน้านี้ที่หนิงฝานสะกดความเจ็บปวดจากผลของโอสถจักรพรรดิหยกด้วยการร่วมรักกับจื่อเฮ่อ ทำให้ระดับพลังของนางลดลงไปมาก หากหนิงฝานต้องการยกระดับพลังของตน อย่างน้อยเขาต้องร่วมรักกับกระถางโอสถในขอบเขตแก่นทองคำ
แต่หนิงฝานยังไม่อาจร่วมรักกับซื่อหวูเสียได้... ยิ่งนานไป นางยิ่งเชื่อใจและไว้ใจ ยิ่งนานไปนางยิ่งเชื่อฟังไม่ขัดขืน แม้ยามนี้นางจะยอมร่วมรักและมีความสุข แต่หนิงฝานทำไม่ได้...เขาเกลียดชังจิตใจของตน... ด้วยระดับพลังของหนิงฝานยามนี้ การจะช่วงชิงพลังจากสตรีในขอบเขตแก่นทองคำไม่ถือเป็นเรื่องยาก แต่หากจะทำ สมควรกระทำกับสตรีผู้ยั่วยุเขามากกว่า
จากวิธียกระดับพลังทั้งสาม ดูเหมือนวิธีที่เร็วที่สุดคือการปรุงโอสถ เส้นชีพจรหยินหยางปีศาจมีความสามารถในการดูดซับโอสถในระดับความเร็วที่เรียกได้ว่า ‘ท้าทายสวรรค์’ ด้วยการปรุงโอสถผันแปรที่ 4 ของหนิงฝาน ตราบใดที่เขามีสมุนไพรพอ อย่างน้อยก่อนจะบรรลุดวงจิตแรกเริ่ม เขาไม่จำเป็นต้องกังวล
ในขอบเขตดวงจิตแรกเริ่ม โอสถที่จำเป็นอย่างน้อยต้องเป็นโอสถผันแปรที่ 4... ส่วนโอสถผันแปรที่ 5 หนิงฝานจะฝึกฝนในภายหลัง
เมื่อขุมกำลังทั้งหมดในแคว้นเยว่ทราบว่าปีศาจทมิฬหนิง เป็นนักปรุงโอสถผันแปรที่ 4 พวกมันจึงเร่งรวบรวมสมุนไพรเพื่อหวังให้หนิงฝานปรุงโอสถให้
การที่ผู้เชี่ยวชาญรวบรวมสมุนไพรขอให้นักปรุงโอสถปรุงให้นั้นถือเป็นเรื่องธรรมดาทั่วไป แต่ในการปรุงโอสถย่อมมีโอกาสผิดพลาด เพียงแต่หากเกิดความผิดพลาดขึ้น นักปรุงโอสถไม่จำเป็นรับผิดชอบ ไม่ว่าจะเป็นนิกายฝ่ายธรรมะหรือฝ่ายอธรรมล้วนใช้กฏเกณฑ์นี้ แต่นอกจากนักปรุงโอสถแล้ว อีกหลายอาชีพก็ใช้กฏเกณฑ์เช่นเดียวกัน เช่น นักเสริมวิญญาณ ผู้หลอมสร้างสมบัติ ผู้เชี่ยวชาญข่ายพลัง ทั้งหมดก็ใช้กฏเกณฑ์เดียวกัน
ไม่ว่าขุมกำลังอื่นๆจะกระทำการเช่นใด สิ่งที่พึงระวังมีเพียงข้อเดียว คือห้ามเปิดเผยระดับพลัง หนิงฝานต้องรอกระทั่งตนเองแข็งแกร่ง จึงสามารภเปิดเผยตัวตนได้
นับจากนี้ไป... หนิงฝานจะมีสองตัวตน หนึ่งคือหนิงฝานศิษย์แห่งหานหยวนจี๋ อีกหนึ่งคือปีศาจทมิฬหนิงเจ้าเมืองหนิง แม้ชื่อเสียงของเขาจะดูยิ่งใหญ่ แต่ในโลกแห่งการฝึกตนนี้ เขาเป็นได้เพียงมดตัวน้อย
เมื่อจัดการกับความคิดทั้งหมดแล้ว จิตใจของหนิงฝานก็ใสกระจ่างเฉกเช่นวารี จากนั้น เขานำเอาโอสถเสริมวิญญาณออกมา 3 ขวด
การจะบรรลุขอบเขตประสานวิญญาณขั้นสุดท้าย ผู้ฝึกตนจำเป็นต้องเสริมจิตวิญญาณให้แข็งแกร่ง หากยกระดับจิตวิญญาณธรรมชาติที่ผสานกับเส้นชีพจรของตนได้ครบทั้ง 100 เส้นแล้ว ก็สามารถทะลวงไปยังขอบเขตประสานวิญญาณขั้นสุดท้ายได้
เดิมทีการทะลวงขอบเขตประสานวิญญาณขั้นกลางไปยังขั้นสุดท้าย อย่างน้อยต้องใช้เวลา 100 ปี แต่นั่นไม่ใช่กับหนิงฝาน
ใบหน้าของหนิงฝานปรากฏรอยยิ้มเล็กน้อยพลางกินโอสถเสริมวิญญาณ จากนั้นจึงเริ่มดูดซับมันอย่างรวดเร็ว
หากเป็นทั่วไป โอสถเสริมวิญญาณ 1 เม็ดสามารถยกระดับจิตวิญญาณในเส้นชีพจรได้ 1 เส้น แต่ด้วยหนิงฝานมีเส้นชีพจรหยินหยาง จึงต้องใช้โอสถเสริมวิญญาณ 2 เม็ดในการยกระดับ
หลังจากผ่านไปสองชั่วยาม โอสถเสริมวิญญาณหมดไป 60 เม็ด เส้นชีพจรของหนิงฝานยกระดับได้ 30 เส้น ทำให้เส้นชีพจรขยายใหญ่ขึ้น 1 เท่าตัว ปราณภายในร่างเพิ่มพูนเป็น 2 เท่า
หลังจากยกระดับพลัง ระยะห่างของพลังจะเพิ่มมากขึ้น ยกตัวอย่างซื่อถู หนานกง และยุ่ยฉี การที่ทั้งสามจะสังหารผู้เชี่ยวชาญในระดับที่ต่ำกว่าถือเป็นเรื่องง่าย
โอสถเสริมวิญญาณนั้นหาได้ยากในแคว้นเยว่ หนิงฝานไม่มีสมุนไพรของโอสถชนิดนี้ แต่การที่เยี่ยนซวนหยินมีโอสถเสริมวิญญาณจำนวนมากเช่นนี้... มันไปหาสมุนไพรมาจากที่ใด?
หนิงฝานส่ายหัวขับไล่ความคิด จากนั้นนำแร่สีดำขลับออกมา
มันคือ ‘โลหะเหอฮวน’ เป็นวัตถุดิบสำหรับหลอมสร้างแหวนกระถาง!
แหวนกระถางคือสมบัติลับของทวยเทพในสมัยโบราณ ภายในนั้นจะมีพื้นที่มนุษย์อาศัยอยู่ได้ มันจึงเป็นสมบัติที่เหมาะสมกับผู้ฝึกตนฝ่ายอธรรม แต่น่าเสียดายที่วิธีการหลอมสร้างแหวนกระถางได้หายสาบสูญ ทั้งโลหะเหอฮวนยังหาได้ยาก
หนิงฝานนำโลหะเหอฮวนใส่ลงไปในเตาหลอม จุดเพลิง และเริ่มกระบวนการหลอมสร้าง
...
ในราตรีที่ผู้คนมากมายนับไม่ถ้วนหลับใหล กลับมีบางคนที่ไม่อาจข่มตา นั่นคือหนานหยางสื่อ หลู่หนานสื่อ หลู่หมิง รวมถึงทัพปราการใต้ที่รอดชีวิต
“ช่างน่าเศร้า... หากรู้เร็วกว่านี้ว่าเมืองหนิงน่าเกรงขาม ข้าจะไม่ช่วยหลู่หนานสื่อ...” หนานหยางสื่อนั่นอยู่ในกระท่อมหลังหนึ่งเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บของตน
คำกล่าวของมันแสดงให้เห็นถึงความโศกเศร้าเสียใจ... มันหวังทำลายเมืองหนิง แต่สุดท้ายกลับกลายเป็นทาส นี่เป็นสิ่งที่สมควรแล้วหรือ?
หลู่หนานสื่อและหลู่หมิงก็ไม่อาจข่มตานอนเช่นกัน พวกมันนั่งมองหน้ากันอยู่ในบ้านไม้หลังหนึ่ง
แม้ตระกูลหลู่จะไม่ใช่ตระกูลใหญ่ของแคว้นเยว่ แต่พวกมันยังนับว่าทรงพลัง โดยเฉพาะทัพปราการใต้ที่หลู่หนานสื่อฝึกฝนมากับมือ
ยามนี้มันประสบเคราะห์กรรมกลายเป็นทาสของหนิงฝาน กองทัพที่มันภาคภูมิถูกสังหารไป 300 คน เหลือแค่เพียง 200 คนเท่านั้น แต่สุดท้าย ทัพที่เหลือที่ตนเฝ้าสร้างก็กลายเป็นของอีกฝ่าย
ยิ่งคิดมันยิ่งอยากกระอักโลหิต
ก่อนหน้านี้หนิงฝานให้คำสั่งไว้ว่า รุ่งเช้า มันต้องนำทัพปราการใต้ฝึกฝนร่วมกับสามกองทัพเทพปีศาจทมิฬ
‘ในเมื่อข้าพ่ายแพ้และเป็นทาส ข้ายังจะขัดขืนสิ่งใดได้อีก’
หลู่หนานสื่อไม่ยอมรับหนิงฝาน มันเป็นผู้หยิ่งทะนงยิ่งกว่าหนานหยางสื่อ มันเชื่อว่าหากตนทะลวงขอบเขตแก่นทองคำได้ และทัพปราการใต้ของมันกลับมาเฟื่องฟู มันจะทรงพลังยิ่งกว่าหนานหยางสื่อ
นั่นคือเป้าหมายของมัน มันจะฝึกฝนทัพปราการใต้ให้ผงาดอีกครั้ง
แม้วันรุ่งขึ้นทัพปราการใต้ต้องฝึกร่วมกับสามกองทัพเทพ แต่หลู่หนานสื่อจะทำให้กองทัพของมันโด่ดเด่นจนทำให้ปีศาจทมิฬหนิงตกตะลึงและพึงพอใจ!
เพราะการทำให้ปีศาจทมิฬหนิงพอใจ...ตัวมันก็จะได้ประโยชน์
“เห้อ... ชีวิตข้าช่างหน้าเศร้า...บางทีชีวิตที่เหลือของข้าอาจเป็นทาสไปตลอดกาล”
หลู่หนานสื่อถอนหายใจยาว
ไม่นานนักหลู่หนานสื่อและหนานหยางสื่อก็หลับไป พอรุ่งเช้า สีหน้าของพวกมันดูราวกับไม่ได้เคียดแค้นชิงชังหนิงฝานอีก
เป้าหมายสูงสุดของหนานหยางสื่อและหลู่หนานสื่อคือได้เป็นผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยก ผู้สามารถเหยียบย่างไปได้ทุกหนแห่งในโลกพิรุณ แต่ยามนี้พวกมันกลับกลายเป็นทาสของผู้เยาว์คนหนึ่งที่เรียกขานตนว่า ‘ปีศาจหนิง’
เช่นนั้นแล้ว หากไม่ให้พวกมันเคียดแค้นชิงชังย่อมเป็นไปไม่ได้!...
** ช่วงนี้ลงวันเว้นวันนะครับ