ตอนที่ 133 ผสาน
ความรู้สึกของหลิงฮันในตอนนี้คือ ดวงของเขาในชีวิตนี้ช่างดีจนเหลือเชื่อจริงๆ
ในชีวิตที่แล้ว ถึงแม้เขาจะเป็นจอมยุทธระดับสวรรค์ แต่เขาก็ไม่เคยเห็นแม้แต่สมุนไพรระดับพระเจ้าหรือจิตวิญญาณเปลวเพลิง แต่ในชีวิตนี้ เพียงแค่ระดับรวมธาตุขั้นหกเขาก็พบเจอกับสิ่งต่างๆที่หายากมากมายแล้ว แถมยังได้รับรากของสมุนไพรระดับพระเจ้ามาสามอันด้วย
ถ้าเขาสามารถทำให้จิตวิญญาณเปลวเพลิงอันนี้มาเป็นของเขาได้ด้วยล่ะก็... จังหวะหัวใจของหลิงฮันเต้นอย่างรวดเร็ว
จิตวิญญาณเปลวเพลิงสามารถช่วยให้เขาหลอมเม็ดยาที่มีระดับสูงกว่าพลังบ่มเพาะของเขาในตอนนี้ได้ แถมพลังเปลวเพลิงที่รุนแรงของจิตวิญญาณเปลวเพลิงก็ยังสามารถมาเป็นไพ่ตายให้กับเขาได้ด้วย
หลิงฮันรู้สึกสงสัยเล็กน้อย จิตวิญญาณเปลวเพลิงมีต้นกำเนิดมาจากอะไร? ต้องรู้กันก่อนว่าจิตวิญญาณเปลวเพลิงนั้นมีอยู่หลายประเภท แต่ทุกๆประเภทต้องมีบางสิ่งบางอย่างที่ทำให้มันเกิดมาได้ จิตวิญญาณเปลวเพลิงประเภทที่ธรรมดาที่สุดจะเกิดมาจากส่วนลึกของภูเขาไฟ แต่ก็ยังมีประเภทพิเศษที่เกิดมาจากดินแดนน้ำแข็งอันหนาวเย็น ซึ่งเรียกว่าเปลวเพลิงเหมันต์ และมันมีพลังที่สามารถแช่แข็งสิ่งมีชีวิตจนตายได้
แล้วสถานที่แห่งนี้ล่ะ?
หลิงฮันคิดไม่ออกเลยว่าตัวแปรใดของที่นี่ที่ทำให้จิตวิญญาณเปลวเพลิงเกิดมาได้ นอกเสียจาก... ซากศพที่อยู่ตรงหน้าเขา
ซากศพนี้เคยเป็นถึงจอมยุทธระดับทลายมิติเมื่อตอนยังมีชีวิต!
หรือว่าจอมยุทธระดับทลายสวรรค์จะแข็งแกร่งจนถึงขนาดสร้างจิตวิญญาณเปลวเพลิงขึ้นมาได้?
หลิงฮันครุ่นคิดอยู่ในใจโดยที่สายตาของเขามองไปยังจิตวิญญาณเปลวเพลิงตรงหน้า เขากำลังคิดว่าจะทำอย่างไรดี จิตวิญญาณเปลวเพลิงตนนี้ถึงจะกลายมาเป็นของเขา
ถ้าเขายังมีพลังบ่มเพาะอยู่ที่ระดับสวรรค์ก็คงไม่มีปัญหาอะไร เขาเพียงแค่ใช้กำลังกำราบมันก็พอ แต่ด้วยพลังของเขาในตอนนี้ ถ้าเขาพยายามใช้กำลังเพื่อบังคับมัน อาจจะมีเหตุการณ์ที่ร่างของเขากลายเป็นเถ้าถ่านเกิดขึ้นก็ได้
“เจ้าเปลวเพลิงน้อย มาทางนี้มา จากนี้เจ้าจะมาอยู่ด้วยกันกับข้า!” หลิงฮันทำราวกับกำลังเรียกลูกสุนัข
จิตวิญญาณเปลวเพลิงยังคงเปลี่ยนรูปร่างไปเรื่อยๆ โดยเมินเฉยเขาอย่างสิ้นเชิง
นั่นก็ไม่แปลก จิตวิญญาณเปลวเพลิงจะสามารถเข้าใจภาษามนุษย์ได้อย่างไร?
หลิงฮันกัดฟัน ถ้าเขาใช้สัมผัสสวรรค์ เขาคงสามารถสื่อสารกับจิตวิญญาณเปลวเพลิงได้ แต่ปัญหาคือ เขาจะกล้าใช้สัมผัสสวรรค์กับจิตวิญญาณเปลวเพลิงรึ? อำนาจของจิตวิญญาณเปลวเพลิงนั้นมีมากพอที่จะเผาสัมผัสสวรรค์ของเขาให้กลายเป็นเถ้าถ่าน
ทักษะส่วนแรกของคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์ไม่ได้บอกถึงวิธีการรักษาสัมผัสสวรรค์ของจอมยุทธ
แต่หากจะให้ยอมตัดใจจากจิตวิญญาณเปลวเพลิงตรงหน้าก็ไม่ใช่สิ่งที่เขาสามารถทำได้
เขาคิดจนสมองแทบจะระเบิด จนในที่สุดก็เกิดความคิดหนึ่งขึ้นมา เขาจะสามารถขอความช่วยเหลือจากหอคอยทมิฬได้หรือไม่? เขามีความรู้สึกว่าหอคอยทมิฬนั้นมีระดับที่อยู่สูงยิ่งกว่าจอมยุทธระดับทลายมิติเสียอีก ดังนั้นมันก็อาจจะสามารถสยบจิตวิญญาณเปลวเพลิงได้ก็เป็นได้
แต่ปัญหาคือถึงแม้หอคอยทมิฬจะอยู่ในร่างกายของหลิงฮัน แต่มันก็ทำตัวราวกับเป็นเจ้านายของเขา มันจะยอมช่วยจริงๆรึ??
‘ลองดูแล้วกัน’
เขาใช้สัมผัสสวรรค์เพื่อกระตุ้นหอคอยทมิฬ แต่มันกลับไม่เคลื่อนไหวและเมินเฉยเขาอย่างสิ้นเชิง
หลิงฮันไม่รู้สึกท้อแท้แม้แต่น้อยและใช้สัมผัสสวรรค์เพื่อตื้อหอคอยทมิฬต่อไปเรื่อยๆ เขาเคยเห็นมาก่อนหน้านี้แล้วว่าหอคอยทมิฬไม่ใช่สิ่งที่ไร้ชีวิต
ในที่สุดหอคอยทมิฬก็เริ่มสั่นไหวเล็กน้อยพร้อมกับปลดปล่อยคลื่นกระแทกออกมา หลิงฮันไม่รู้สึกเจ็บปวดใดๆกับเคลื่อนแทกที่ปล่อยออกมาแม้แต่น้อย แต่โครงกระดูกของซากศพตรงหน้ากลับปรากฏรอยแตกร้าวเพิ่มมากขึ้น ราวกับว่ามันไม่สามารถต้านทานคลื่นกระแทกจากหอคอยทมิฬได้
จิตวิญญาณเปลวเพลิงราวกับเป็นเด็กสาวที่กำลังตกใจ จู่ๆมันก็หดตัวเล็กลงและสั่นไหวอย่างหวาดกลัว
หลิงฮันรู้สึกตื่นเต้นและกวักมือเรียกจิตวิญญาณเปลวเพลิงให้เข้ามาหา เหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงได้เกิดขึ้น จิตวิญญาณเปลวเพลิงยอมกระโดดเข้ามาบนฝ่ามือของเขา แต่สิ่งหน้าตกตะลึงยิ่งกว่าก็คือหลิงฮันไม่รู้สึกถึงความร้อนตรงฝ่ามือแม้แต่น้อย
จิตวิญญาณเปลวเพลิงมีวิญญาณและสติปัญญาเป็นของตนเอง!
หลิงฮันสื่อสารกับจิตวิญญาณเปลวเพลิงโดยใช้สัมผัสสวรรค์ “เด็กน้อย จากนี้เจ้าจะต้องมาอยู่กับข้า ข้าจะหาจิตวิญญาณเปลวเพลิงตนอื่นมาให้เจ้าดูดกลืนและกลายเป็นเปลวเพลิงที่ทรงพลังที่สุดในโลกนี้!”
การใช้สัมผัสสวรรค์ในการสื่อสารนั้นสามารถก้าวข้ามข้อกำกัดด้านภาษาและเผ่าพันธุ์ได้ ตัวตนแบบใดที่มีสติปัญญาจะสามารถเข้าใจได้
“ยี่ ย้า ย้า อี่ อ่า!” จิตวิญญาณเปลวเพลิงส่งข้อความที่ฟังแล้วสับสนมาให้หลิงฮัน ราวกับมันเป็นเพียงเด็กทารกที่เพิ่งหัดพูดและพูดไม่ชัด
ในที่สุดหลิงฮันก็เข้าใจ ถึงแม้จิตวิญญาณเปลวเพลิงตนนี้จะมีสติปัญญา แต่สติปัญญาของมันก็ยังต่ำอยู่ ดูเหมือนว่ามันจะเป็นเด็กที่เพิ่งเกิดใหม่
เด็ก... คงจะหลอกล่อได้ไม่ยากสินะ?
หลิงฮันปลดปล่อยออร่าที่อ่อนโยนออกมา และให้เวลาจิตวิญญาณเปลวเพลิงคิดว่าจะเอายังไง ในความเป็นจริงเขาก็ไม่ได้พูดโกหกอะไร หากเขาพบเจอกับจิตวิญญาณเปลวเพลิงอีกครั้งในอนาคต เขาจะจะผสานจิตวิญญาณเปลวเพลิงทั้งสองเข้าด้วยกัน เพื่อให้อำนาจของมันแข็งแกร่งขึ้น
ในโลกนี้ ทุกๆสิ่งมีชีวิตล้วนแต่มีสัญชาตญาณที่ปรารถนาอยากจะแข็งแกร่งขึ้น จิตวิญญาณเปลวเพลิงเองก็ไม่มีข้อยกเว้น มันไม่สามารถบ่มเพาะพลังได้ แต่มันสามารถผสานเข้ากับจิตวิญญาณเปลวเพลิงตนอื่นเพื่อเพิ่มสติปัญญาและอำนาจให้กับตนเอง
หลิงฮันไม่เร่งรีบและค่อยๆสื่อสารกับจิตวิญญาณเปลวเพลิงต่อไปเรื่อยๆ
เขามั่นใจว่าจิตวิญญาณเปลวเพลิงจะต้องตอบตกลงแน่นอน เพราะด้วยอำนาจที่หอคอยทมิฬปลดปล่อยออกไป จิตวิญญาณเปลวเพลิงจะต้องรู้สึกว่าเขาเป็นชายผู้ทรงอำนาจ โดยคนฉลาดจะเลือกเจ้านายที่ดี สติปัญญาของจิตวิญญาณเปลวเพลิงในตอนนี้ยังอยู่ในระดับต่ำและไร้เดียงสา ดังนั้นถ้ามันจะเลือกเจ้านาย สิ่งแรกที่จะมันนึกขึ้นมาคือพลังอำนาจของเจ้านายของตน
แม้พลังบ่มเพาะของหลิงฮันจะไม่สูงก็ไม่เป็นไร ตราบใดที่หอคอยทมิฬมีพลังอำนาจที่สุดยอดก็เพียงพอแล้ว
“ยี่ ย้า ย้า อี่ อ่า อา!” จิตวิญญาณเปลวเพลิงส่งส่งข้อความไปยังหลิงฮันและทันใดนั้นก็หายเข้าไปในฝ่ามือของเขาราวกับหยดน้ำที่ซึมเข้าไปในเม็ดทราย มันถูกดูดกลืนและเข้าไปในร่างของหลิงฮันทันที
ชีวิตที่แล้วหลิงฮันไม่เคยมีจิตวิญญาณเปลวเพลิงมาก่อน แต่เขาก็รู้วิธีการหลอมและดูดซับจิตวิญญาณเปลวเพลิงที่ถูกต้อง
ตอนนี้จิตวิญญาณเปลวเพลิงมาอยู่ในร่างของเขาแล้ว เขามีตัวเลือกอยู่สองข้อ
ข้อแรกคือหลอมจิตวิญญาณเปลวเพลิงเข้ากับตัวเขาและลบสติปัญญาของมันทิ้งไป เพื่อที่จะเปลี่ยนให้มันกลายเป็นพลังงานบริสุทธิ์และเสริมความแข็งแกร่งให้กับเขา ข้อที่สองคือการผสานจิตวิญญาณเปลวเพลิงโดยเหลือสติปัญญาของมันเอาไว้ วิธีการนี้ก็เหมือนกับการที่ให้ร่างกายของเขาเป็นที่อยู่อาศัยใหม่ของจิตวิญญาณเปลวเพลิง
สำหรับจอมยุทธ พวกเขาจะเลือกข้อแรกโดยไม่ลังเลแน่นอน แต่หลิงฮันจะผิดสัญญาที่ให้ไว้มันจิตวิญญาณเปลวเพลิงได้อย่างไร? ยิ่งกว่านั้น เขายังต้องใช้การช่วยเหลือจากมันเพื่อหลอมเม็ดยาด้วย ดังนั้นตัวเลือกที่ดีที่สุดคือการเหลือสติปัญญาเอาไว้
เขาเริ่มทำการผสานจิตวิญญาณเปลวเพลิง จิตวิญญาณเปลวเพลิงตัวน้อยขดตัวอยู่ในมือซ้ายของเขาและผสานเข้ากับจิตวิญญาณของหลิงฮัน
หอคอยทมิฬสั่นไหวเล็กน้อยและปลดปล่อยพลังอำนาจที่สามารถสยบทุกสิ่งออกมา ทำให้ขั้นตอนการผสานราบรื่นยิ่งขึ้นไปอีก
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมงการผสานก็เสร็จสิ้น
ดวงตาของหลิงฮันเปิดออก เขายื่นมือซ้ายออกไปและปรากฏเปลวเพลิงสีชาดอันบ้าคลั่งขึ้นที่ฝ่ามือของเขา นี่ไม่ใช่เปลวเพลิงที่สร้างขึ้นจากปราณก่อเกิดแต่มาจากจิตวิญญาณเปลวเพลิง
“อี่ อ่า อา!” จิตวิญญาณเปลวเพลิงแสดงความรู้สึกยินดีออกมา ดูเหมือนมันจะพึงพอใจกับร่างกายของหลิงฮันอย่างมาก
“ไป!” หลิงฮันสะบัดมือซ้ายและปล่อยเปลวเพลิงสีชาดออกไป ด้วยการสั่งการด้วยจิตใจ เปลวเพลิงสีชาดเริ่มหมุนไปอยู่บนพื้นดิน เมื่อเขากวักมืออีกครั้ง เปลวเพลิงสีชาดได้บินกลับมาและหายไปในฝ่ามือของเขา
“ฮ่าๆๆๆ ตอนนี้พลังต่อสู้ของข้าได้เพิ่มขึ้นไปอีกขั้นแล้ว ด้วยเพลิงอันบ้าคลั่งของจิตวิญญาณเปลวเพลิง ข้าสามารถสังหารได้แม้กระทั่งจอมยุทธระดับห้วงจิตวิญญาณ! แต่ปัญหาก็คือคงไม่มีใครโง่พอที่จะยอมให้จิตวิญญาณเปลวเพลิงเข้าไปใกล้เพื่อโจมตีหรอก”
“อย่างไรก็ตาม ถ้าข้าใช้จิตวิญญาณเปลวเพลิงล้อมรอบหมัดหรือดาบของข้า เมื่อจอมยุทธระดับห้วงจิตวิญญาณดูถูกข้าและทำตัวประมาท มีอากาสสูงมากที่ข้าจะสามารถสังหารมันได้ทันที!”
“ฮ่าๆ มารอดูแล้วกันว่าใครจะเป็นผู้โชคร้ายคนนั้น”
หลิงฮันมองไปยังซากศพอีกครั้ง ด้วยคลื่นกระแทกที่เกิดจากหอคอยทมิฬ กระดูกได้เกิดรอยร้าวเพิ่มมากขึ้น ทำให้ไม่สามารถมองเห็นอักขระสีทองได้อีกต่อไป หลิงฮันอดที่จะรู้สึกเสียดายไม่ได้
นั่นคือเจตจำนงของจอมยุทธระดับทลายมิติเชียวนะ!
“ช่างมันเถอะ ข้าคงจะโลภมากเกินไป!” หลิงฮันพูด “สิ่งที่ข้าได้รับในครั้งนี้มันมากมายเกินกว่าจะบรรยายออกมาได้แล้ว แถมเจตจำนงของจอมยุทธระดับทลายมิติจะมีประโยชน์อันใดกับข้าในตอนนี้?”
ปัญหาในตอนนี้คือข้าจะออกไปจากที่ที่อย่างไร?
*ติดตามข่าวสารได้ที่ เพจ*