ตอนที่ 129 สมุนไพรระดับพระเจ้า

“บัดซบ!” ฮวงจื่อเต๋าและพรรคพวกของมันชะงักไปชั่วขณะก่อนที่จะได้สติกลับมา พวกมันกวัดแกว่งอาวุธของตนด้วยท่าทางโกรธเกรี้ยว

 

พวกมันไม่ชอบหน้าหลิงฮันมาสักพักแล้ว ชายหนุ่มเพียงคนเดียวแต่กลับครอบครองหัวใจของสองไข่มุกแฝดแห่งเมืองจักรพรรดิ แถมเมื่อกี้พวกมันยังถูกหลิงฮันพูดจายั่วยุใส่ แล้วพวกมันจะอดทนต่อไปไหวรึ? พวกมันกวัดแกว่งอาวุธและพุ่งโจมตีใส่หลิงฮัน

 

“รังแกคนที่อายุน้อยกว่า พวกเจ้าไม่รู้สึกละอายใจบ้างรึ?” หลิงฮันพูดเหยียดหยามและขยับเท้าเพื่อใช้ย่างก้าวเมฆาสลาย ดาบของเขาสั่นไหวและปล่อยประกายแสงที่เย็นเฉียบออกไป

 

กลุ่มของฮวงจื่อเต๋าใช่ว่าจะแข็งแกร่งทุกคน นอกจากฮวงจื่อเต๋าแล้ว อีกสามคนที่เหลือมีพลังบ่มเพาะอยู่ที่ระดับรวมธาตุเท่านั้น ที่พวกมันกล้าโจมตีเป็นเพราะมีฮวงจื่อเต๋าคอยควบคุมสถานการณ์ให้กับพวกมัน หลิงฮันไม่ได้แยแสคนทั้งสามคนแม้แต่น้อย ด้วยการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วของย่างก้าวเมฆาสลายทำให้เขาสามารถหลบทุกๆการโจมตีของฮวงจื่อเต๋าได้ ปราณดาบของเขาเคลื่อนไหวไปมาอย่างไม่อาจตาดเดาและพุ่งเข้าใส่ชายทั้งสามคน

 

พลังต่อสู้ของเขาสามารถกำราบจอมยุทธระดับรวมธาตุขั้นเก้าทั่วไปได้อย่างไม่ยากเย็น แถมเขายังมีปราณดาบถึงหกเล่ม ดังนั้นการโจมตีของเขาจึงน่าสะพรึงกลัวอย่างไม่ต้องสงสัย ‘ฉัวะ ฉัวะ ฉัวะ’ เศษเสื้อผ้าถูกตัดขาดปลิวว่อนไปทั่ว ชายทั้งสามถูกการโจมตีที่รุนแรงของเขาเข้าไปจนต้องกรีดร้อง

 

“เจ้าหนู แน่จริงก็มาสู้กับข้าตรงๆ!” ฮวงจื่อเต๋าตะโกนอย่างฉุนเฉียว

 

“สมองของเจ้ามีอะไรผิดปกติรึเปล่า?” หลิงฮันพูดเหยียดหยาม “ข้ามีพลังเพียงรวมธาตุขั้นหก แต่เจ้าอยู่ในระดับก่อเกิดธาตุขั้นห้า เจ้ายังจะหน้าไม่อายมาบอกให้ข้าสู้กับเจ้าตรงๆอีกรึ? เจ้าฝึกฝนวรยุทธมากเกินไปจนกลายเป็นบ้าไปแล้วรึไง?”

 

“บัดซบ!” ฮวงจื่อเต๋าสาปแช่งหลิงฮันอีกครั้งและตะโกนขึ้นมา “พวกเจ้าถอยไป!”

 

นอกจากทั้งสามคนจะช่วยอะไรไม่ได้แล้ว ทั้งสามคนยังกลายเป็นตัวถ่วง ทำให้มันไม่สามารถใช้พลังทั้งหมดออกไปได้ ขณะที่สู้กัน ชายทั้งสามจะถูกหลิงฮันใช้เป็นโล่มนุษย์จนมีหลายครั้งที่มันต้องถอนการโจมตีกลับมา

 

หลังจากที่ทั้งสามคนถอยไปข้างหลัง กระบี่ของฮวงจื่อเต๋าได้ส่องแสงอันเย็นยะเยือกออกมาและแพร่ขยายไปรอบข้างจนล้อมรอบหลิงฮันเอาไว้

 

หลิวอู๋ตงไม่ได้ปล่อยการโจมตีไปช่วยหลิงฮันแต่นางใช้โอกาสนี้ค่อยๆเขยิบเข้าใกล้สมุนไพรระดับพระเจ้า นี่เป็นแผนการที่หลิงฮันคิดเอาไว้ตั้งแต่ต้นแล้ว เขาจะเป็นคนที่เข้าปะทะและคอยยับยั้ง ฮวงจื่อเต๋าเอาไว้ ในขณะที่หลิวอู๋ตงจะทำหน้าที่ไปเก็บสมุนไพร

 

ฮวงจื่อเต๋าต้องปะทะกับหลิงฮันทำให้ไม่สามารถไปหยุดหลิวอู๋ตงได้ ส่วนจอมยุทธอีกสามคนที่มีพลังเพียงระดับรวมธาตุจะสามารถต่อกรกับนางได้รึ?

 

“ไม่นะ!” ทั้งสามคนไม่ใช่คนโง่ พวกมันมองการเคลื่อนไหวของหลิวอู๋ตงออกอย่างรวดเร็ว พวกมันรีบกระโจนออกไปเพื่อที่จะหยุดนาง แต่ถึงยังไงพวกมันก็เคลื่อนไหวช้าไปแล้ว แถมพวกมันก็ยังอยู่ในระดับรวมธาตุ พวกมันจะตามนางทันได้อย่างไร?

 

หลิวอู๋ตงเคลื่อนที่ไปหาสมุนไพรระดับพระเจ้าอย่างรวดเร็ว

 

เมื่อนางอยู่ห่างจากเป้าหมายประมาณสิบเมตร ‘ฉัวะ’ ปราณดาบได้พุ่งเข้ามาขวางเอาไว้ ทำให้การเคลื่อนไหวของนางหยุดชะงัก

 

ชายหนุ่มชุดขาวถือดาบเดินใกล้เข้ามา ผมของเขาสีดำและมีใบหน้าที่งดงามราวกับหยกชั้นดี ทุกๆการก้าวเดินของเขาทำเกิดจังหวะอันไพเราะและดึงดูดสายตาของทุกคนโดยไม่ตั้งใจ

 

“ซุนปู้เหลิน!” ดวงตาของหลิวอู๋ตงหรี่ลงเล็กน้อย และแสดงสีหน้าหวาดกลัวออกมา

 

ซุนปู้เหลินคือรุ่นเยาว์ที่มีพรสวรรค์มากที่สุดของตระกูลซุนในยุคสมัยนี้ ถึงแม้มันจะไม่ได้เป็นศิษย์หลักของสำนักฮูหยาง แต่มันก็อยู่ในสิบอันดับแรกของศิษย์ที่แท้จริงที่แข็งแกร่งที่สุด มันมีศักยะภาพเพียงพอที่จะก้าวผ่านขึ้นไปยังตำแหน่งศิษย์หลัก

 

ระดับก่อเกิดธาตุขั้นสาม ด้วยความสามารถอันลึกล้ำ พลังต่อสู้ของมันน่าจะอยู่ที่ห้าดาว

 

“แม่นางอู๋ตง เจ้าจะยอมมอบสมุนไพรนั่นให้ข้าได้หรือไม่?” ใบหน้าของซุนปู้เหลินปรากฎรอยยิ้มที่อบอุ่น แต่ใครที่คุ้นเคยกับมันดีจะรู้ว่ามันเป็นคนที่มีนิสัยกลับกลอก บางทีมันอาจจะยิ้ม แต่จู่ๆมันอาจจะเปลี่ยนมาสังหารคนตรงหน้าเลยก็ได้

 

“เหอะๆ ข้าไม่ยอม!” เสียงหัวเราะดังขึ้นและมีร่างอีกร่างหนึ่งปรากฏขึ้นมา ชายที่มาใหม่มีรูปร่างสูงและใบหน้าที่หล่อเหลา ในแง่ของออร่าที่ปล่อยออกมา มันไม่ด้อยกว่าซุนปู้เหลินแม้แต่น้อย

 

“ฮูเฟิงเย่!” สีหน้าของซุนปู้เหลินเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียด

 

ฮูเฟิงเย่เองก็เป็นหนึ่งในสิบอันดับแรกของศิษย์ที่แท้จริงที่แข็งแกร่งที่สุดของสำนักฮูหยาง

 

“ข้าก็ไม่ยอม!” รุ่นเยาว์อีกคนปรากฏตัว แต่คนคนนี้มีรูปร่างอ้วนท้วม ร่างของมันกลมราวกับเป็นถังไวน์ แต่การปรากฏตัวของมันทำให้ทั้งซุนปู้เหลินและฮูเฟิงเย่ขมวดคิ้ว

 

เฉียนวู่หยง หนึ่งในสิบอันดับแรกของศิษย์ที่แท้จริงที่แข็งแกร่งที่สุดเช่นกัน

 

ตอนนี้พื้นที่ที่เคยว่างเปล่าได้มีจอมยุทธระดับหัวกะทิปรากฏตัวขึ้นมากมาย

 

หลิงฮันกับฮวงจื่อเต๋าหยุดเข้าปะทะกัน ตอนนี้ที่นี่มีจอมยุทธระดับสูงมากเกินไป มีเพียงแต่คนโง่เท่านั้นมีจะเปิดการโจมตีก่อน

 

“ฮ่าๆ ไม่มีใครเลยที่คิดจะลงมือ? งั้นสมุนไพรวิญญาณต้นนี้ก็เป็นของข้า!” เฉียนวู่หยงพุ่งไปข้างหน้า ถึงแม้มันจะอ้วนท้วม แต่ความเร็วของมันกลับรวดเร็วเป็นอย่างยิ่ง ภายในไม่กี่วินาทีมันก็สามารถไปถึงสมุนไพรพระเจ้า

 

“ช่างอวดดีนัก!” ซุนปู้เหลิน ฮูเฟิงเย่ และฮวงจื่อเต๋าลงมือ ปราณกระบี่และปราณดาบถูกปล่อยออกไปพร้อมกันจนเกิดเป็นภาพที่น่าสะพรึ่งกลัว

 

เฉียนวู่หยงช่วยไม่ได้ที่จะต้องหันหลังกลางอากาศเพื่อหลบการโจมตี ถึงแม้จะเป็นมันก็ไม่กล้าที่จะสวนการโจมตีประสานของจอมยุทธระดับก่อเกิดธาตุสามคนกลับไป

 

ทั้งสี่คนเลิกดูเชิง และเข้าปะทะกัน พวกมันต้องหยุดอีกฝ่ายไม่ให้ได้สมุนไพรไป ในขณะที่ตัวมันเองก็ต้องพยายามคว้าสมุนไพรมาให้ได้เป็นคนแรก ภายในไม่นานสถานการณ์ก็เปลี่ยนเป็นความยุ่งเหยิง

 

หลิงฮันยังไม่ลงมือแต่ยืนมองอยู่เฉยๆ เมื่อใดที่ทั้งสี่ตัดสินผู้ชนะได้ เขาจะใช้กระบี่วิเศษเพื่อแย่งสมุนไพรพระเจ้ากลับมา

 

ในตอนแรก ฮวงจื่อเต๋าและคนอื่นๆเป็นกังวลว่าคลื่นกระแทกจากการปะทะที่รุนแรงจะทำให้สมุนไพรเกิดความเสียหาย แต่เมื่อพวกมันสู้กันไปสักพัก พวกมันเริ่มรู้สึกตัวว่าทุกครั้งที่พวกมันโจมตี คลื่นกระแทกที่เกิดการโจมตีของพวกมันจะถูกป้องกันเอาไว้โดยแสงสีทองที่โอบล้อมสมุนไพรอยู่

 

ดังนั้นพวกมันจึงยิ่งปะทะกันอย่างรุนแรงขึ้นไปอีก ปราณกระบี่ ปราณดาบและปราณก่อเกิดพุ่งกระจายไปทั่ว

 

เมื่อหลิงฮันเห็นเช่นนั้น เขาพยักหน้าเบาๆ นอกจากฮวงจื่อเต๋าแล้ว ทั้งสามคนที่เหลือแข็งแกร่งอย่างมาก ถ้าไม่ใช่เพราะพลังบ่มเพาะของฮวงจื่อเต๋าสูงกว่าทั้งสามคน มันคงถูกทั้งสามคนตบกระเด็นจนออกจากการต่อสู้ไปนานแล้ว

 

ซุนปู้เหลินสามารถสร้างปราณดาบได้สามเล่ม ในขณะที่ฮูเฟิงเย่เองก็มีปราณกระบี่สามเล่ม ส่วนชายร่างอ้วนเป็นผู้ใช้กรงเล็บและสร้างปราณขึ้นมาได้สามอันเช่นกัน ทั้งสามคนสามารถเรียกได้ว่ามีพลังที่สูสีกัน และคงจะเป็นเรื่องยากหากจะตัดสินว่าใครเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุด

 

“ทั้งสามคนต่างก็เป็นศิษย์ที่แท้จริงสิบอันดับแรกของสำนัก ส่วนถ้าถามว่าใครแข็งแกร่งกว่ากันคงไม่สามารถตอบได้ เพราะพวกเขาไม่เคยเปิดเผยพลังที่แท้จริงมาก่อนเลย” หลิวอู๋ตงกระซิบให้หลิงฮันฟัง

 

หลิงฮันยิ้มและพูด “ภายในสามเดือน เจ้าจะสามารถอยู่เหนือพวกมันได้!”

 

ถ้ามีคนมาได้ยินคำพูดนี้ พวกมันคงหัวเราะจนท้องแข็งตายแน่นอน

 

ควรต้องรู้เอาไว้ก่อนว่าทั้งสามคนมีชื่อเสียงในสำนักได้ก็เพราะพวกมันผ่านการต่อสู้มามากมาย พวกมันใช้เวลาไปหลายปีจนในที่สุดก็สามารถได้รับตำแหน่งดั่งเช่นที่เป็นในวันนี้ แล้วพวกมันจะถูกคนอื่นก้าวข้ามไปง่ายๆได้อย่างไร?

 

แต่ถึงอย่างนั้นหลิวอู๋ตงก็มั่นใจอย่างมากว่าจะทำเช่นนั้นได้ พรสวรรค์ของนางเป็นของจริง แถมนางยังบ่มเพาะพลังด้วยทักษะระดับสวรรค์และใช้เม็ดยาที่หลิงฮันหลอมอีก รวมถึงยังมีทักษะยุทธระดับดำขั้นสูงที่นางกำลังทำความเข้าใจอยู่ ด้วยทุกสิ่งที่กล่าวมานี้จะต้องทำให้นางเปลี่ยนเป็นคนใหม่ได้ภายในเวลาสามเดือนแน่นอน

 

การต่อสู้ของสี่จอมยุทธระดับก่อเกิดธาตุรุนแรงและดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ เพลิงแห่งความโกรธของทั้งสี่คนได้ถูกปลุกขึ้นมา ในเมื่อพวกมันไม่สามารถตัดสินกันได้ พวกมันทั้งหมดจึงเปลี่ยนไปทำการแย่งกันคว้าสมุนไพรพระเจ้าแทน

 

“บัดซบ!” หลิงฮันสาปแช่งและรีบชักกระบี่พุ่งเข้าไป นั่นคือสมุนไพรระดับพระเจ้า เขาจะยอมให้มันได้รับความเสียหายได้อย่างไร?

 

แต่ในตอนนั้นก็ได้มีเรื่องที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้น ต้นสมุนไพรได้ถอนตัวมันเองขึ้นมาจากพื้นดิน และมันทำราวกับว่ารากของมันเป็นขา รากของมันหมุนอย่างรวดเร็วจนมีรูปร่างเหมือนกับล้อรถและวิ่งหนีการโอบล้อมของทั้งสี่คนออกมาในทันที จากนั้นมันได้เผ่นหนีไปไกลด้วยความเร็วอันน่าเหลือเชื่อ

 

อะไรวะนั่น!

 

*ติดตามข่าวสารได้ที่ เพจ*