บทที่ 305 - น้ำเย็น
บทที่ 305 - น้ำเย็น
ตอนนี้เจ่าไห่ก็ได้บอกเวลส์ดัวยความจริงจัง ทำให้เวลส์สงบลง ท่าทางของเวลส์ก็ดูมีความสุขมากขึ้น เวลส์เทไวน์นมของเจ่าไห่ และเขาก็หลับตาลงแล้วไม่นานนักเขาก็ลืมตายขึ้นและมองไปที่เจ่าไห่และพูดว่า “น้องไห่ ฉันต้องขอบคุณนายจริงๆ ชัยชนะครั้งนี้เป็นอะไรที่ทำให้ฉันมีความสุขมากๆ แต่ฉันก็โชคดีมากที่มีนายค่อยบอกฉันหลายๆอย่าง”
หลังจากที่ได้ยินเวลส์พูดเจ่าไห่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่เจ่าไห่ดูท่าทางของเวลส์ ถ้าเวลส์ฟังสิ่งที่เจ่าไห่ได้พูด มันก็แสดงให้เห็นว่าตัวของเวลส์เองนั้นเป็นคนที่มีคุณค่าพอที่เจ่าไห่จะให้การช่วยเหลือแบบที่เขาเคยทำ
แต่ถ้าเวลส์ไม่ยอมเชื่อฟังสิ่งที่เจ่าไห่พูด เวลส์ก็จะไม่ได้เป็นคนที่สำคัญของเจ่าไห่และเจ่าไห่จะไม่ให้การช่วยเหลือแก่เขาอีกเลย
แต่ก็ยังโชคดีที่เวลส์ยังฟังสิ่งที่เจ่าไห่พูด เจ่าไห่ก็หันไปมองเวลส์และพูดว่า “พี่ชายตอนนี้เราจะต้องไปดูเผ่าราชาและรีบจัดการกับเผ่าบูลที่ยังเหลืออยู่ที่หนีไป และพี่จะทำอะไรต่อไปฉันอยากจะรู้จริงๆ? และพี่จะแน่ใจได้ยังไงว่าเผ่าบูลจะไม่เพิ่มจำนวนคนเพิ่มอีก หรือว่าพี่จะให้พวกเขามีโอกาสแก้ตัวงั้นหรือ”
เวลส์มีท่าทางที่นิ่งมากและพูดว่า “โอกาสงั้นหรอ? ทำไมฉันจะต้องให้โอกาสแก่พวกเขาด้วยหล่ะ? ไม่เห็นหรอว่าพวกเขาทำกับพวกเรายังไงบ้าง? ตอนนี้พวกเขาก็เหลือเพียงแค่เด็กและผู้ที่สูงอายุแล้วเท่านั้น แต่ฉันก็อยากให้พวกเขาได้แก้ตัวใหม่และไม่กลับมาทำอะไรพวกเราอีก”
เมื่อเจ่าไห่ได้ยินสิ่งที่เวลส์พูดเขาก็พยักหน้าและพูดต่อว่า “ตอนนี้ฉันมีหลายอย่างเลยที่ต้องบอกกับพี่เวลส์ เมื่อไปพบกับเผ่าราชาแล้วพี่ควรจะบอกพวกเขาว่าเผ่าบูลได้ร่วมมือกับกิลแห่งความสว่าง เพื่อที่จะทำให้พวกเขารู้ถึงเรื่องบางอย่างที่พวกเขาไม่รู้ และพี่ก็ควรบอกพวกเขาเกี่ยวกับสิ่งที่กิลได้ทำขึ้นมากด้วย นั่นก็คืออาวุธที่สุดยอดที่สุด และหลังจากนั้นพี่ก็ควรที่จะทำให้เผ่าทุกเผ่าในทุ่งหญ้ารู้เรื่องนี้ด้วยเช่นกัน”
เวลส์และฟาโรม่าก็ไม่ได้พูดอะไร แต่พวกเขากับดูกลัวๆ เพราะก็ต่อสุ้กับกิลแห่งความสว่างนั้นเป็นอะไรที่ยากลำบากมาก และคนที่ยังรอดอยุ่ของเผ่าบุลจะไปบอกกับคนอื่นว่าตนเองนั้นไม่ได้ผิดแต่กับเป็นหัวหน้าของพวกเขาที่ทำทุกอย่าง แต่ตอนนี้ในความคิดของเจ่าไห่นั้น เขาต้องการให้จัดการกับเผ่าบูลไปเลยทั้งหมด
และสำหรับทุ่งหญ้าแห่งนี้ พืชและข้าวนั้นเป็นอะไรที่สำคัญมากๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับชนเผ่าที่ไม่ใหญ่มากนัก หากว่าเผ่าพวกนั้นได้เข้าร่วมกับเผ่าบูลพวกเขาก็จะไม่ได้รับโอกาสที่จะได้รับพืชและได้ค้าขายกับเจ่าไห่ และนี่ก็เป็นสิ่งที่บอกว่าพวกเขาจะต้องหมดไปจากทุ่งหญ้าแห่งนี้
เวลส์และฟาโรม่าก็มองไปที่เจ่าไห่และก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา และก็กลืนน้ำลายของพวกเขา เพราะว่าพวกเขาไม่เคยเห็นเจ่าไห่ที่อยู่ให้อารมณ์แบบนี้มาก่อนเลย
เจ่าไห่มองไปที่ทั้งสองคนและพูดว่า “เป็นอะไรงั้นหรอ? พี่เวลส์ตอนนี้เรามีพืชและข้าวอยู่ในมือเพิ่มมากขึ้น เพราะเราได้เอาพืชที่เผ่าบูลได้เก็บไว้มารวมด้วย และมันก็ดูเหมือนว่าจะเยอะไปแล้วด้วย และฉันก็คิดว่าเราน่าจะใช้ประโยชน์จากพวกมันนะ”
ปัง!! เวลส์ตีลงไปที่โต๊ะและพูดว่า “เป็นความคิดที่ดีมากน้องชาย ฉันต้องการให้เผ่าบูลหายไปจากทุ่งหญ้า แต่ฉันก็อยากให้เผ่าบูลพวกนั้นกลายเป็นทาสของนาย แต่ฉันก็ทำมันไม่ได้”
เจ่าไห่ยิ้มและพูดว่า “พี่ตอนนี้พี่สามารถให้เผ่าบูลที่อยู่กับเผ่าราชากลายเป็นทาสของฉันได้”
เวลส์ยิ้มและก็พูดว่า “จริงๆด้วย” เมื่อพูดและเวลส์ก็หันไปเม็นเดซและพูดว่า “ไปบอกทหารว่าอีกสามวันเราจะเดินทางไปที่เผ่าราชา ฉันอยากจะไปดูคนที่คิดที่จะหักหลังพวกเรา ฉันอยากจะดูว่าพวกเขาจะสู้พลักของเราได้อย่างไร”
เจ่าไห่ยิ้มแต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เพื่อความดูดีของเขา เขสก็คิดว่าเขาเองจะไม่ทำให้ตัวเองดูน่ากลัว แต่ตอนนั้นเมิ่อเจ่าไห่ได้เห็นสิ่งที่พวกเขาได้ทำกับทหารของเวลส์เขาก็รู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก และนอกจากนี้เผ่าบูลก็ยังได้ร่วมมือกับกิลแห่งความสว่างด้วย และกิลแห่งความสว่างนั้นก็ได้เป็นศัตรูของเจ่าไห่ ดังนั้นเจ่าไห่ก็เลยไม่ได้คิดที่จะสงสารพวกเขาเลย
เมื่อเวลาผ่านไป ตั้งแต่ที่เขามาถึงทุ่งหญ้าแห่งนี้ เขาก็มีประสบการณ์มากมายหลายๆด้าน หัวใจของเขาได้เปลี่ยนไปมากเลย เพราะความปราณีที่เขาเคยมีมันค่อยๆหายไปแล้ว เจ่าไห่รู้ตัวเองดีว่าถ้าเขาใจดีกับศัตรูเกินไปมันจะทำให้เหมือนว่าพวกเขาทำร้านตัวเอง และสิ่งที่เขาต้องทำก็คือทำให้ศะตรูของพวกเขาไปให้หมดเลย เพื่อแก้ปัญหาในอนาคต
เจ่าไห่มองไปที่เวลส์และถามว่า “พี่เวลส์ ตอนนี้เรามีอะไรเสียหายไปบ้าง? ฉันคิดว่าพี่ควรนับสิ่งที่ยังเหลืออยู่”
ไม่ต้องรอให้เวลส์ตอบฟาโรม่าก็พูดขึ้นมาว่า “ฉันได้นับทุกอย่างไว้แล้ว ก่อนที่เผ่าเราจะถูกโจมตีเรามีคนทั้งหมด 1,329,000 คน แต่ตอนนี้เหลือคนทั้งหมด 800,000 คนเท่านั้น แต่นี่ก็เป็นเพียงคนในเผ่าที่ยังคงเหลืออยู่ และตอนนี้เราก็ยังคิดว่ายังมีคนในเผ่าอีกมากที่ยังไม่ได้กลับมา พวกเขาจะกลับมาที่นี่เมื่อพวกเขาได้ยินข่าวชัยชนะของเรา จากการทำนายไว้นั้น คนของเราน่าจะเหลือประมาณ 1,000,000 คน ซึ่งตอนนี้คนที่หายไปก็ประมาณ 200,000 คนเท่านั้น และคนที่ได้ตายไปก็น่าจะประมาณ 300,000 คนจากจำนวนคนเดิมของเผ่า และการต่อสู้ในครั้งนี้ซึ่งไม่ได้รวมกับคนที่ถูกฆ่า เราก็เสียไปเพียงแค่ 10,000 คนเท่านั้น ซึ่งในจำนวนนี้ก็มีทั้งเด็กและผู้ใหญ่ และตอนนี้เราก็ไม่สามารถนับจำนวนของแกะที่เรามีได้ มันเป็นเพราะว่าเราไม่ได้นับจำนวนแกะตอนแรกเลย แต่ฉันก็คิดว่าตอนนี้จำนวนแกะของเราจะเพิ่มขึ้นเพราะเผ่าบูลได้เอาของพวกเขามารวมด้วย และด้วยจำนวนขนวดนี้มันก็เพียงพอกับพวกเขาแล้ว พวกเขาไม่ต้องเป็นกังวลเลยในอีก 10 ช้างหย้าพวกเขาจะมีแกะกินอยู่ตลอด และสุดท้ายนี้เผ่าบูลก็ได้ถูกทำให้เป็นทาสจำนวน 500,000 คนมันทำให้ตอนนี้คนในเผ่าของเผ่าเฮคัสมีประมาณ 1,300,000 คน”
เวลส์พยักหน้า เขาไม่แปลกใจเลยที่พวกเขาไม่ได้นับแกะของพวกเขา และโดยทั่วไปบนทุ่งหญ้าแล้วนั้น เผ่าแต่ละเผ่าจะไม่นับแกะของพวกเขาทีละตัว เพราะพวกเขาจะต้องทำการค้ากับพ่อค้าในทุกๆวัน พวกเขาใช้เพื่อแลกเปลี่ยนเท่านั้น
เมื่อพ่อค้าได้ค้าขายกับชนเผ่า พกวเขาจะต้องใช้ม้าของพวกเขาเพื่อจัดการกับแกะตามจำนวนที่อยากได้เลย ดังนั้นถ้าคนที่ขี่ม้าเก่งพวกเขาก็จะได้รับแกะจำนวนมากไป
แต่วิธีการซื้อขายแบบนี้ ใช้กับชนเผ่าใหญ่ๆเท่านั้น วิธีการนี้จะไม่ได้ใช้กับเผ่าที่มีขนาดเล็กๆ จึงทำให้พวกเขาจำเป็นต้องนับจำนวนแกะเพื่อการค้าขาย
นี่เป็นเหตุผลที่ว่สทำไมพ่อค้าจึงเต็มใจที่จะค้าขายกับเหล่าชนเผ่า หากพวกเขามีคนที่ขี่ม้าเก่งๆ พวกเขาก็จะได้รับแกะเป็นจำนวนมากและได้กำไรมากกว่าของที่ได้ขายไป และตอนนี้เผ่าเฮคัสก็มีแกะอยู่ในเมืองเป็นจำนวนมาก ซึ่งส่วนนึ่งก็ได้มาจากเผ่าบูล
เจ่าไห่ก็พยักหน้าและพูดว่า “ตอนนี้ฉันยังคงมีเนื้อแกะเป็นจำนวนมาก พูดได้เลยว่าเราไม่ต้องห่วงเรื่องของอาหารแล้ว พี่ชาย ก่อนหน้านี้ฉันพูดเล่นว่าฉันจะเอาคนของเผ่าบูลที่อยู่กับเผ่าราชาให้เป็นทาส ฉันคิดว่าการต่อสู้ในครั้งนี้เป็นอะไรที่ดูโหดร้ายมากๆต่อเด็กๆ?”
เวลส์เดินไปที่เจ่าไห่ เขาคิดว่ามันจะเป็นเรื่องลำบากของเจ่าไห่ เวลส์ไม่ต้องการให้น้องชายของเขาลำบาก
เวลส์จึงให้เจ่าไห่กลับไปที่พักของเขาก่อน และเจ่าไห่ก็พูดกับเวลส์ว่า “ถ้ายังไงฉันขอตัวกลับไปพักก่อนได้หรือไม่? หากว่ามีอะไรสำคัญพี่ต้องบอกฉันด้วย”
เจ่าไห่ก็กลับมาที่เต็นท์ของเขา เต็นท์นี้ใหญ่กว่าและอยู่ตรงกลางเมืองเลย ภายในเป็นเตาถ่าน มันทำให้อุ่นมาก ตอนนี้ลอร่าก็ไม่ได้ใส่เสื้อกันหนาวอีกต่อไป
จบบทแล้วนะครับ ขอบคุณมากๆนะครับ