ตอนที่ 443 พบหยี่ เสิ่นอีกครั้ง
ขณะที่พวกเขากำลังพูดคุยกันเรื่องเจ้าอ้วน หยี่ เสิ่นก็ปรากฏตัวที่ประตู
“พี่สาวโร่วอยู่ไหน?”หยี่ เสิ่นกวาดตามองรอบห้องและสังเกตเห็นหลิน ฮวง
“นี่คือ...หลิน ฮวง?”
“พี่ชายเสิ่น”หลิน ฮวงยืนขึ้นและทักทายเขาทันที
“มันเป็นนายจริงๆ นายสูงขึ้นนะ”หยี่ เสิ่นยิ้ม
หยี่ เสิ่นจำได้ว่าหลิน ฮวงดูเหมือนเด็กเมื่อพบกันครั้งแรก เขาสูงไม่ถึง1.75เมตร แต่ตอนนี้เขาควรจะสูง1.75เมตรแล้ว
“เอ๊ะ ระดับพลังนาย...”ในไม่ช้าหยี่ เสิ่นก็สังเกตเห็นว่าหลิน ฮวงอยู่ในระดับทองขั้น3แล้ว เขาจำได้อย่างชัดเจนว่าหลิน ฮวงยังไม่ถึงแม้กระทั่งระดับเหล็กเมื่อพวกเขาพบกันปีก่อน ความเร็วการเลื่อนระดับเขาน่ากลัวมาก
“นายจะถูกพิจารณาให้เป็นอัจฉริยะด้วยความเร็วนี้!”
เห็นได้ชัดว่าหยี่ เยว่หยู่ไม่ได้บอกพี่ชายเธอเกี่ยวกับระดับพลังหลิน ฮวง หลิน ฮวงยิ้มโดยไม่พูดอะไร
“โอ้ ใช่ ไม่ใช่เธอบอกว่าจะไปรับพี่สาวโร่ว?เธออยู่ไหนละ?”หยี่ เสิ่นไม่จดจ่ออยู่กับหลิน ฮวงเพราะเขาพิจารณาหลิน ฮวงเป็นรุ่นน้อง เขาแค่ประหลาดใจ และในไม่ช้าก็หันมามองหยี่ เยว่หยู่
“เธอมีบางสิ่งต้องทำตอนบ่าย เราไปกินข้าวกลางวันด้วยกัน จากนั้นเธอก็ไป”หยี่ เยว่หยู่อธิบาย
“พี่อยากคุยกับเธองั้นหรอ?”
“เธอไปแล้ว?!พี่อยากฝึกซ้อมกับเธอนะ”หยี่ เสิ่นดูผิดหวัง
“ก็พี่ไม่ยอมตามฉันไปตอนเช้าเองนี่”หยี่ เยว่หยู่ล้อเลียน
“ไม่รู้หรือไงว่าตอนเช้าพี่กำลังฝึก?พี่คิดว่าเธอจะอยู่หลายวันซะอีก”หยี่ เสิ่นไม่คิดว่าจะพลาดโอกาสฝึกกับซือ คงโร่ว
“หากพี่อยากฝึกจริงๆ งั้นก็ฝึกกับหลิน ฮวงสิ”หยี่ เยว่หยู่ยิ้ม เธอไม่รู้ว่าความสามารถของหลิน ฮวงตอนนี้เป็นยังไง แต่เขาควรจะทรงพลังกว่าเธอที่อยู่ในระดับเพลิงขาว แม้เขาจะไม่อาจล้มหยี่ เสิ่นได้ เขาก็คงพอรับมือได้
หลิน ฮวงเหลือบมองหยี่ เยว่หยู่โดยไม่พูดอะไร เขาไม่กลัวที่จะสู้กับหยี่ เสิ่นผู้เป็นระดับเพลิงฟ้า ด้วยความสามารถเขา เขาควรจะสามารถฆ่าเพลิงฟ้าได้ แต่ทว่า หยี่ เสิ่นเองก็ถือว่าเป็นอัจฉริยะเช่นกัน ดังนั้นเขาจะต้องทรงพลังกว่าระดับเพลิงฟ้าปกติมาก เขาคงจะไม่เสียเปรียบหากต้องสู้กับหยี่ เสิ่น
“ไม่เป็นไร พี่ไม่คิดว่าเขาจะสู้กับน้องได้ด้วยซ้ำไป”หยี่ เสิ่นโบกมือและเตรียมจากไป
“พี่พูดผิดแล้ว หลิน ฮวงทรงพลังกว่าฉันมาก มันเป็นเขาที่ช่วยฉันฆ่าฟีนิกส์เพลิงในมิติบรรพกาล”หยี่ เยว่หยู่เคยบอกหยี่ เสิ่นว่าได้เพื่อนช่วยฆ่าฟีนิกส์เพลิง แต่เธอไม่บอกว่าใครคือเพื่อนคนนั้น ในที่สุดความจริงก็หลุดออกมา
ฟีนิกส์เพลิงคือมอนสเตอร์กลายพันธ์สองครั้งเลือดฟีนิกส์ ความสามารถมันเทียบได้กับเพลิงแดง หยี่ เสิ่นอยากรู้ว่าใครที่ช่วยเหลือหยี่ เยว่หยู่เพราะคนๆนั้นต้องเป็นอัจฉริยะอย่างแน่นออน หยี่ เสิ่นรู้ดีว่าน้องสาวเขาไม่อาจฆ่าฟินกส์เพลิงได้ด้วยตัวเอง
“ไม่ใช่แค่ทรงพลังกว่า แต่เขายังเป็นผู้ควบคุมที่มีมอนสเตอร์อัญเชิญสุดทรงพลังอีกด้วย พี่แน่ใจนะว่าไม่อยากลอง?”หยี่ เยว่หยู่พยายามโน้มน้าวเขา ดูเหมือนจะอยากดูพวกเขาสู้กัน
“ฉันลืมไปเลยว่านายคือผู้ควบคุม หากนายไม่อ่อนแอ ด้วยมอนสเตอร์อัญเชิญนาย นายควรจะสามารถทำให้ฉันเครื่องติดได้”หยี่ เสิ่นหันกลับมาและมองหลิน ฮวง
“ฉันไม่ได้สู้กับผู้ควบคุมมากนานแล้ว นายอยากเล่นหน่อยไหม?”หยี่ เสิ่นถาม
“ได้สิ”หลิน ฮวงเองก็อยากทดสอบผลการฝึกตัวเองเช่นกัน
หยี่ เยว่หยู่ไม่คิดว่าหลิน ฮวงจะตอบรับเร็วขนาดนี้ เธอคิดว่าเธออาจจะต้องคอยยั่วยุเขาแต่มันกลับไม่จำเป็นแล้ว
“งั้นก็ไปสนามฝึกกัน”หยี่ เสิ่นพยักหน้า
ทั้งสามเดินผ่านสวน และหลิน ฮวงก็เห็นสิ่งก่อสร้างทรงกลมขนาดยักษ์ไม่ไกล สิ่งก่อสร้างนั้นสูงอย่างน้อย50-60เมตรซึ่งมีหลังคาที่ทำจากกระเบื้อง เพียงแค่มองมัน หลิน ฮวงก็รู้ว่ามันคือสนามฝึกต่อสู้
หยี่ เสิ่นพาทั้งคู่เข้าไปในสนามฝึก ภายในสนามฝึกดูเหมือนกับสนามฝึกในสถาบันนักล่ายุทธ์ไม่มีผิด แต่ทว่า สนามฝึกต่อสู้นี้ดูเหมือนจะเล็กกว่าในสถาบันนักล่ายุทธ์มาก มันดูเหมือนจะกว้างเพียง80000-90000ตารางเมตร แต่ก็ใหญ่กว่าสนามฝึกปกติถึงสองเท่า
“นายคิดว่าไง?ไม่เลวเลยใช่ไหม?”หยี่ เสิ่นดูภูมิใจ
“หืม ไม่เลว”หลิน ฮวงยิ้มและพยักหน้า เขาไม่ได้บอกว่าสนามฝึกต่อสู้ที่เขาใช้ในสถาบันนักล่ายุทธ์ใหญ่กว่านี้สามเท่า
“เสี่ยว หยู อยากฝึกร่วมกับเราไหม?น้องสามารถช่วยหลิน ฮวงได้ การเพิ่มคนจะไม่สร้างความแตกต่างอะไรให้พี่”หยี่ เสิ่นยิ้ม
“ไม่ละ ฉันไม่อยากเอาตัวเองไปลำบาก ฉันอยากดูการต่อสู้อย่างสวยๆ”หยี่ เยว่หยู่ส่ายหัว
โดยไม่รอให้หยี่ เสิ่นตอบกลับ เธอก็บินไปในอากาศเพื่อชม หยี่ เยว่หยู่คิดว่าเนื่องจากหลิน ฮวงบินไม่ได้ หยี่ เสิ่นคงไม่เอาเธอไปสู้ด้วยหากเธออยู่ในอากาศ ขณะที่ทั้งคู่ยืนอยู่ตรงกลางสนามฝึก หลิน ฮวงก็หยิบเอาดาบ5ดาวออกมา เขาอยากทดสอบความสามารถจริงๆของเขา ดังนั้นเขาจึงไม่เก็บงำฝีมือ
หยี่ เสิ่นอยู่ห่างจากเขาประมาณ30เมตรพร้อมถือดาบ5ดาวเล่มบางไว้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม เห็นได้ชัดว่านี่เป็นดาบที่สร้างขึ้นมาให้เหมาะสมกับตัวเจ้าของ แม้เขาจะมีสมบัติสูงสุด เขาก็คิดว่ามันไม่จำเป็นเพราะการต่อสู้นี้แค่การทดสอบความสามารถเขา
“จะไม่อัญเชิญมอนสเตอร์?”หยี่ เสิ่นถามเมื่อเห็นหลิน ฮวงยืนนิ่งโดยไม่มีทีท่าจะเรียกมอนสเตอร์ออกมา
“ประการแรก ผมไม่รู้ว่าคุณเก่งแค่ไหนและมอนสเตอร์ไหนจะได้ผลดีสุด ดังนั้นผมจึงไม่คิดจะอัญเชิญมอนสเตอร์มาช่วย ประการที่สอง การอัญเชิญมอนสเตอร์ตอนนี้ก็เหมือนการปล่อยให้คุณเตรียมตัว มันจะดีกว่าหากผมอัญเชิญระหว่างต่อสู้ ประการที่สาม ผมอยากเห็นความสามารถที่แท้จริงของตัวผมเอง”หลิน ฮวงบอกเหตุผลทั้งสามออกมา
“ในฐานะคู่ต่อสู้คนแรก ฉันต้องบอกว่านายเป็นผู้ควบคุมที่น่าสนใจ”หยี่ เสิ่นหัวเราะเมื่อได้ยินหลิน ฮวงกล่าว
“แต่ฉันขอเตือน หากนายไม่อัญเชิญมอนสเตอร์ก่อนเริ่มการต่อสู้ นายอาจไม่มีโอกาสได้ทำมันอีก”
ทันทีที่หยี่ เสิ่นกล่าวจบ เขาก็พุ่งแหวกอากาศใส่หลิน ฮวง
ปล.หยี่ เสิ่น เมิงปากดีมาก555555