ตอนที่ 127 หญ้ากลืนกินกระดูก
“ออกเดินทางกันเถอะ!” หนึ่งในปีศาจเฒ่าสะบัดมือ พวกมันทุกคนดำลงไปในน้ำ
ทุกคนที่มีพลังระดับก่อเกิดธาตุและต่ำกว่าเข้าไปยังช่องว่างของแสงแห่งพระเจ้าทีละคน
สีหน้าของหลิงฮันกลายเป็นจริงจัง ถ้าสถานที่แห่งนี้มีแสงแห่งพระเจ้าก็แสดงว่าแม้แต่ตัวเขาที่เป็นจอมยุทธระดับสวรรค์ในชีวิตที่แล้วก็ยังต้องเคลื่อนไหวอย่างระมัดระวัง ไม่เช่นนั้นเขาอาจจะต้องเสียชีวิต เหตุผลที่ว่าทำไมเขาถึงยอมสร้างช่องว่างและยอมให้ผู้คนมากมายผ่านเข้าไปก็เป็นเพราะเขาจั้งใจจะให้ผู้คนเหล่านั้นเข้าไปสำรวจอันตรายก่อน
แน่นอนว่าการพบเจอแห่งโชคชะตามักจะมาพร้อมกับภัยอันตราย ถ้าใครอยากจะได้รางวัลอันยิ่งใหญ่ คนคนนั้นก็ต้องเตรียมใจที่จะเอาชีวิตไปเสี่ยงด้วยเช่นกัน
พวกเขาเดินกันเข้าไปเรื่อยๆจนในที่สุดก็มีพื้นดินปรากฏตรงหน้าพวกเขา
ในตอนนี้ พวกมันควรจะอยู่ตรงพื้นที่ส่วนในสุดของภูเขาน้ำพุโลหิต แต่ภายในช่องว่างกลับกลายเป็นพื้นผืนดินกว้างใหญ่ที่ว่างเปล่า
พวกเขาทุกคนก้าวขึ้นไปบนผืนดิน สถานที่แห่งนี้ไม่มืดสลัวสักเท่าไหร่เนื่องจากมีแสงสว่างลึกลับกระพริบๆอยู่ แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ไม่สามารถมองเห็นข้างหน้าได้อย่างชัดเจนราวกับว่ามีอะไรบางอย่างคอยขัดขวางการมองเห็นเอาไว้
ผู้คนส่วนใหญ่แยกตัวออกมาและเดินไปคนเดียว แม้แต่คนที่มาจากตระกูลเดียวกันเองยังแบ่งกลุ่มกันออกไปหลายกลุ่ม
อย่างแรกเลยเพราะพวกมันไม่อยากแบ่งสมบัติที่ค้นพบเจอให้กลับใคร และอย่างที่สอง ถึงแม้พวกมันจะสามารถตระกูลเดียวกัน แต่ก็ไม่ได้สนิทชิดเชื้ออะไรกันมาก เพราะงั้นจะดีเสียหว่าหากพวกมันไม่ได้อยู่ใกล้กัน ถ้าพวกมันอยู่ด้วยกันแล้วพบเจอกับภัยอันตราย นอกจากคนตระกูลเดียวกันจะไม่ช่วยแล้ว พวกมันอาจจะขัดแข้งขัดขากันเองด้วยซ้ำ
ภายในเวลาไม่นานกลุ่มคนที่เข้ามาก็แยกตัวกันออกไปและมุ่งหน้าไปยังทิศทางที่ต่างกัน
“น้องชายหลิง ข้าคงต้องขอตัวก่อน!” องค์ชายสามประสานมือไปทางหลิงฮันโดยมีสตรีผมแดงยืนอยู่ข้างกาย
หลิงฮันพยักหน้าและมององค์ชายสามที่เดินจากไป
ผ่านไปสักพักพื้นที่บริเวณนี้ก็ว่างเปล่าจนเหลือแค่หลิงฮัน หลิวอู๋ตงและหลีซื่อฉาง
“พวกเราจะไปทางไหนดี?” หลิวอู๋ตงถาม สถานที่แห่งนี้ดูราวกับเป็นพื้นที่ราบเรียบ นอกจากลำธารใต้พิภพที่อยู่ข้างหลังพวกเขาแล้ว ทุกอย่างรอบทิศทางล้วนแต่ว่างเปล่า นางไม่รู้แม้แต่น้อยว่าพวกเขาควรจะเดินไปทางไหนดี
หลิงฮันหยิบกระบี่วิเศษออกมาและใช้สัมผัสสวรรค์สื่อสารกับจิตวิญญาณที่เหลืออยู่น้อยนิดของกระบี่ เขาต้องการปลุกสัญชาตญาณของกระบี่เพื่อค้นหาซากศพของเจียงเย่เฟิง
แต่กระบี่ไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้อะไรแม้แต่น้อย
น่าแปลก!
หลิงฮันขมวดคิ้วเล็กน้อย ถ้าเจียงเย่เฟิงกลายเป็นจอมยุทธระดับสวรรค์ ต่อให้มันจะเสียชีวิตไปแล้วกว่าหมื่นปี ร่างกายของมันก็จะไม่เน่าสลายไป จอมยุทธระดับสวรรค์นั้นได้ฝึกฝนวิถีแห่งวรยุทธมาเป็นเวลานาน เจตจำนงของพวกเขาจะฝังลึกเข้าไปยังโลหิตทุกหยด กล้ามเนื้อทุกส่วน และกระดูกชิ้นในร่างกาย
ถ้ามองอีกมุมหนึ่ง ซากศพของจอมยุทธระดับสวรรค์สามารถเรียกได้ว่าเป็นอาวุธวิญญาณเช่นกัน ในความเปนจริง อาวุธวิญญาณส่วนใหญ่จะถูกสร้างขึ้นมาจากกระดูกของสัตว์อสูรที่ทรงพลัง แต่กระดูกของมนุษย์เองก็สามารถนำไปใช้สร้างได้เช่นกัน เพียงแต่มันน่าหวาดกลัวเกินไปจนไม่มีใครคิดจะทำ
ดังนั้นซากศพและอาวุธวิญญาณจึงมีเจตจำนงที่เหมือนกัน และพวกมันควรจะดึงดูดซึ่งกันและกัน แต่ทำไมกระบี่วิเศษถึงไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย?
หรือว่า!
สีหน้าของหลิงฮันเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว หรือว่าร่างของเจียงเย่เฟิงจะไม่เหลืออยู่แล้ว! หากเป็นเช่นนั้นก็ไม่แปลกอาวุธวิญญาณจะไม่มีปฏิกิริยา
แต่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ที่ทำให้แม้แต่ซากศพของจอมยุทธระดับสวรรค์ยังต้องแหลกสลายหายไป?
“ลองสุ่มเดินแล้วกัน” หลิงฮันพูด เขาเองก็ไม่รู้ว่าจะไปทางไหนดีเหมือนกัน
พอพวกเขาทั้งสามเดินไปได้สักพัก จู่ๆหลิงฮันก็หยุดนิ่ง
“มีอะไรรึ?” หลิวอู๋ตงถาม
หลิงฮันไม่ได้พูดตอบ เขาขยับไปทางด้านหน้าเล็กน้อยและพบกับหินก้อนใหญ่
หญิงสาวทั้งสองเดินตามหลิงฮันไป แต่ก็ไม่เห็นว่าจะมีอะไรน่าสนใจอยู่ที่ก้อนหินขนาดใหญ่นั่น ตรงด้านข้างของก้อนหินมีเพียงหญ้าต้นเดียวเท่านั้น ถ้าพวกนางไม่สังเกตให้ดี พวกนางคงคิดว่ามันเป็นเพียงแค่เศษหิน
“มันคือหญ้าอะไรรึ?” สองสาวประหลาดใจ
“นี่คือหญ้ากลืนกินกระดูก มันจะเติบโตขึ้นบนร่างของคนตายเท่านั้น” หลิงฮันพูดขึ้นมา แต่ก็มีบางอย่างที่เขาไม่ได้อธิบายออกไป นั่นคือต้องเป็นซากศพของจอมยุทธระดับก้าวสู่เทวาเท่านั้นถึงจะทำให้หญ้ากลืนกินกระดูกเติบโตขึ้นได้
“อึก!” ใบหน้าของสองสาวกลายเป็นซีดเผือด ถึงแม้พวกนางจะเป็นจอมยุทธ และความตายก็เป็นเรื่องธรรมดา แต่ผู้หญิงก็ยังเป็นผู้หญิง ถ้าพวกนางได้ยินว่าพวกนางอาจจะกำลังเดินเหยียบอยู่บนซากศพของคนตาย พวกนางก็ยังหวาดกลัวอยู่ดี
หลิงฮันปล่อยฝ่ามือออกไป และก้อนหินขนาดใหญ่ได้กระเด็นออกไปด้วยแรงปะทะจากฝ่ามือของเขา
“อึ๊ย!” ทั้งสองสาวอ้าปากค้างด้วยความตกใจ บนพื้นดินที่ก้อนหินเคยทับอยู่ มีกระดูกส่วนนิ้วที่ปลดปล่อยความรู้สึกอันน่าขนลุกโผล่ขึ้นมา
“ไม่ต้องกลัว เขาตายไปกว่าหนึ่งหมื่นปีแล้ว” หลิงฮันพูด
หลิงฮันหยิบดาบออกมาและขุดตรงบริเวณพื้นดินที่มีกระดูกนิ้วมือโผล่ขึ้นมา
ด้วยกำลังของจอมยุทธระดับรวมธาตุ การจะขุดดินถือว่าเป็นเรื่องที่ง่ายดายมาก เมื่อขุดไปสักพัก ก็ปรากฏกระดูกมือ กระดูกแขน และตามด้วยกระดูกหัวไหล่ หลังจากนั้นเมื่อขุดไปเรื่อยๆก็ปรากฏโครงกระดูกที่กำลังยืนอยู่ในท่าหลังตรง
“ทำไมมันถึงไม่อยู่ในท่านอนล่ะ?” สองสาวถามด้วยความสงสัย หลังจากตายแล้วการจะคงสภาพอยู่ในท่ายืนตรงมันเป็นไปได้ด้วยรึ? หรือว่าจะมีบางคนฝังโครงกระดูกนี่ในท่ายืนตรงหลังจากที่เขาตาย?
“เมื่อพลังบ่มเพาะของจอมยุทธบรรลุไปถึงจุดจุดหนึ่ง เจตจำนงของพวกเขาแพร่กระจายไปทั่วร่างกาย เมื่อนั้นพวกเขาจะสามารถคงสภาพอยู่ในท่ายืนตรงได้หลายร้อยปีหลังจากที่เสียชีวิต” หลิงฮันอธิบาย “ถ้าจะให้ข้าเดา คนคนนี้คงจะตายเพราะสงครามที่เกิดขึ้นที่นี่และศพยังคงสภาพอยู่ในท่านี้ หลังจากนั้นเมื่อผ่านไปหลายร้อยหลายพันปี อาจจะเกิดอะไรบางอย่างเกิดขึ้นกับภูเขาด้านบนจึงทำให้ก้อนหินและเศษดินหล่นลงมาจากเพดานถ้ำพร้อมกับฝังทับร่างของเขา”
หยิงสาวทั้งสองตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง คนที่ตายแล้วจะสามารถคงสภาพในท่ายืนได้ด้วยรึ? อย่างน้อยพวกนางก็ไม่เคยได้ยินว่าจอมยุทธระดับแก่นแท้จิตวิญญาณจะทำอะไรเช่นนั้นได้
หลิงฮันยังคงขุดต่อไปและในที่สุดก็พวกเขาก็มองเห็นซากโครงกระดูกทั้งตัว
เจ้าของโครงกระถูกนี้ต้องเป็นผู้ชายแน่นอน บนโครงกระดูกยังมีเสื้อคลุมสีม่วงขาดๆที่ยังไม่เน่าสลายไปสวมเอาไว้อยู่ อย่างไรก็ตาม ตรงส่วนหน้าอกของเสื้อคลุมมีรูขนาดใหญ่ปรากฏอยู่ นั่นคงเป็นจุดที่เขาได้รับบาดเจ็บจนต้องเสียชีวิต
หลิงฮันสามารถคาดเดาได้ว่าเจ้าของโครงกระดูกคงต่อสู้กับใครสักคน และเขาก็ถูกศัตรูโจมตีทะลวงหัวใจด้วยการโจมตีเดียวจนเสียชีวิต
หลิงฮันถอดเสื้อคลุมออกมาจากกระดู ทำให้หญิงสาวทั้งสองอุทานขึ้นมาด้วยความขยะแขยง นั่นมันเสื้อคลุมที่ซากศพเคยสวมใส่นะ!
“น่าเสียดาย ช่างน่าเสียดายยิ่งนัก!” หลิงฮันถอนหายใจ “เสื้อคลุมนี้คือสมบัติที่ถูกถักขึ้นมาจากใยไหมหยกม่วง น่าเสียดายที่มันถูกการโจมตีที่รุนแรงจนสูญเสียความสามารถทุกอย่างไปแล้ว เฮ้อ!” หลิงฮันออกแรงดึงเล็กน้อย และเสื้อคลุมก็ถูกฉีกขาดอย่างง่ายดาย
“อะไรคือใยไหมหยกม่วง?” หลิวอู๋ตงถาม
“หนอนสวรรค์หยกม่วงคือสัตว์อสูรระดับเก้า และใยไหมหยกม่วงคือเส้นไหมที่ถูกสร้างขึ้นมาจากมัน” หลิงฮันอธิบายอย่างง่ายๆ
“ฮึ่ม!”
หญิงสาวทั้งสองสูดหายใจลึก สัตว์อสูรระดับเก้า... ไม่ใช่ว่ามันมีระดับเท่ากันกับจอมยุทธระดับสวรรค์หรอกรึ! เศษเสื้อคลุมที่ถูกถักขึ้นมาจากใยไหมของสัตว์อสูรระดับเก้า มันต้องเป็นสมบัติที่หาค่าไม่ได้แน่นอน!
“เสื้อคลุมเช่นนี้ควรจะสามารถต้านทานการโจมตีอย่างต่อเนื่องของจอมยุทธระดับสวรรค์ได้อย่างน้อยหนึ่งร้อยครั้งถึงจะถูกทำลาย แต่จากที่ดูแล้ว มันถูกทะลวงจนเป็นรูด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว” หลิงฮันเงยหน้าขึ้น สายตาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น “นี่เป็นข้อพิสูจน์แล้วว่าในโลกนี้มีระดับทลายมิติอยู่จริงๆ!”
*ติดตามข่าวสารได้ที่ เพจ*