DND.76 - ประสานอัสนีเยือกแข็ง
คำที่อสูรเก้าพิษอุทานใส่ซือหยูนั้นทำให้เขาเข้าใจฎีกาสวรรค์ของตัวเองมากขึ้น ตอนที่เขาจับมือกับเซี่ยจิงหยูนั้นจะทำให้พลังฎีกาสวรรค์ระดับสวรรค์ออกมาได้ ดังนั้นหากเขาใช้พลังคนเดียว ฎีกาสวรรค์ของเขาจะมีพลังครึ่งเดียวของระดับสวรรค์
ฎีกาสวรรค์แบบเก่าของเขาเปลี่ยนไป แต่ฎีกาสวรรค์แบบใหม่ก็ยังไม่เป็นรูปร่างชัดเจน แต่ก็มีพลังเป็นครึ่งส่วนของระดับสวรรค์ ซือหยูยังไม่แน่ใจว่าเขาเข้าใจมันอย่างถูกต้อง แต่เขาก็กำลังจะทดลองมัน ณ ตอนนี้! ในใจเขามีแนวคิดของฎีกาสวรรค์ใหม่แล้ว ตอนนี้ในมือเขาโอบล้อมไปด้วยฎีกาสวรรค์ใหม่ที่พัฒนาขึ้น!
ทุกการเคลื่อนไหวของซือหยูลื่นไหลดุจวารี ทุกส่วนในตัวทั้งภายในและภายนอกนั้นเป็นธรรมชาติ มิได้มีส่วนในบนตัวที่เป็นมนุษย์อีกแล้ว ในใจของเขาไหลไปกับจังหวะการเรียนรู้สิ่งสำคัญของฎีกาสวรรค์
ข้าดั่งธรรมชาติ ธรรมชาติดั่งข้า! พลังฟ้าดินทั้งมวล...จงอยู่ใต้อาณัติแห่งข้า!
ฟึ่บ--
เขาบินไปทางกำแพงน้ำแข็งด้วยความเร็วปานอัศนี ตัวเขาไร้น้ำหนักราวกับขนวิหค เขาบรรลุพลังไปอีกขั้น
“น้ำแข็ง! แลอัศนี! ประสาน!”
ซือหยูคำราม ขอบเขตแห่งธรรมชาติปกคลุมทั่วทิศทางโดยมีเขาเป็นจุดศูนย์กลาง!
ซือหยูได้กลายเป็นผู้ชี้ชะตาแห่งขอบเขตธรรมชาติ! เกิดมุมมองอันใหม่
ซ่า---
ดัชนีของซือหยูนำพาคลื่นน้ำแข็งและเพลิงอัศนีสีม่วง สองพลังรวมเป็นคลื่นพลังเดียว! การรวมตัวของอัศนีและน้ำแข็งบรรจบกันเป็นพลังแห่งธรรมชาติ! ประสานอัศนีสู่เยือกแข็ง! เยือกแข็งสู่อัศนี!
พลังน้ำแข็งและอัศนีไหลวนตามบัญชาจากดัชนีของซือหยูกลายเป็นลำแสงสีม่วงและขาวพิสุทธิ์ส่งตรงไปยังอสูรเก้าพิษ
อ๊ากก---
สีหน้าอสูรเก้าพิษสีหน้าเปลี่ยนทันที เขารีบป้องกันการโจมตีแต่ในการโจมตีของซือหยูมีพลังแห่งธรรมชาติ เขามิอาจต้านทานได้เลย!
ฉั่วะ--
ที่อกของเขามีรูขนาดใหญ่ที่เกิดจากเพลิงอัศนีเยือกแข็ง! พลังอันไร้ขอบเขตจากธรรมชาติส่งตัวเขากระเด็นลอยไปไกลหลายศอก เขากระแทกกับต้นไม้ใหญ่อย่างแรง
เขาอ้าปากกระอักเลือดออกมาอย่างน่ากลัว เขาบาดเจ็บสาหัสและน่ากลัว!
“ครึ่งส่วนของฎีกาสวรรค์ระดับเทพ! ไม่นะ ฎีกาสวรรค์ระดับสวรรค์ของมันจะไปเทียบเท่ากับครึ่งเดียวของระดับเทพได้ยังไง!”
ฟึ่บ--
เส้นไหมโปร่งใสล้อมรอบลำคออสูรเก้าพิษ เขาขัดขืนไม่ได้เลยเพราะบาดเจ็บสาหัส
“ขยับ...แล้วตายไปซะ!”
ซือหยูถือแหวนหยกทมิฬไว้ในมือ เขาดึงอย่างแผ่วเบาเพื่อรัดไหมพันมังกรที่คออสูรเก้าพิษให้แน่นขึ้น ใบหน้าอสูรเก้าพิษหวาดกลัวและไม่กล้าขยับแม้แต่น้อย
ซือหยูพยักหน้า วัตถุดิบที่ทำไหมพันมังกรนั้นน่าทึ่งอย่างมาก โลหิตของอสูรเก้าพิษที่ร้ายแรงและมีฤทธิ์กัดกร่อนยังทำอะไรไหมพันมังกรมิได้
แต่อสูรเก้าพิษก็รอซือหยูอยู่เช่นกัน….ทันใดนั้นซือหยูรู้สึกเจ็บแปล๊บที่หัวใจทันที
ผลั่ก--
ซือหยูเข่าอ่อนล้มลงกับพื้น เขากำหน้าอกแน่นด้วยความเจ็บปวดแสนสาหัส ร่องรอยพิษทมิฬกำลังไหลเข้าสู่เส้นโลหิตของซือหยูและเห็นได้ด้วยตาเปล่า มันกำลังพุ่งตรงไปยังหัวใจ! ซือหยูมิอาจรอดพ้นพิษในตอนต่อสู้ได้แม้จะกลั้นหายใจเอาไว้ เพราะหมอกพิษนั้นปะปนอยู่ในอากาศไปทั่ว
เซี่ยจิงหยูตื่นตระหนก นางทุบกำแพงน้ำแข็งและรีบพุ่งไปหาซือหยู มืออันงดงามราวหยกของนางถึงตัวซือหยูในพริบตาเดียว
“ภวังค์น้ำค้าง!”
โลหิตในกายซือหยูล้อมรอบมือเซี่ยจิงหยูผ่านรูขุมขน โลหิตนั้นมีสีดำและเป็นพิษ! เซี่ยจิงหยูได้ใช้ภวังค์น้ำค้างเพื่อดูดซับพิษในโลหิตผ่านไอน้ำในอากาศ เมื่อไอพิษออกจากร่างซือหยูมันก็กลายเป็นฝนพิษหล่นสู่พื้น
เมื่อโลหิตถูกชำระล้างมันก็กลับไปในกายซือหยูอีกครั้ง
อสูรเก้าพิษตกตะลึง
“วิชาระดับเทพธาตุวารี...มีวิชารักษาลับด้วยงั้นรึ?”
เซี่ยจิงหยูหายใจอย่างยากลำบาก เหงื่อไหลโทรมกายเมื่อนางใช้วิชานี้ นางค่อยๆอ่อนแอลงและหน้าซีด นางเกือบจะหมดสติไปหลายครั้ง แต่นางจะไม่หยุดจนกว่าจะเสร็จสิ้น เพราะหากนางหยุดแล้วโลหิตพิษจะไหลเข้าสู่หัวใจของซือหยู เมื่อถึงตอนนั้น...แม้แต่ทวยเทพก็มิอาจรักษาชีวิตซือหยูได้
เมื่อเซี่ยจิงหยูเกือบจะหมดแรง เส้นโลหิตของซือหยูก็ถูกชำระล้างทั้งหมด แต่ซือหยูยังไม่ได้สติ น้ำแข็งบริเวณอกกลับค่อยๆแช่แข็งซือหยู พลังชีวิตของเขาลดลงไปพร้อมกับน้ำแข็งที่มากขึ้น
“เกิดอะไรขึ้นกัน?”
ดวงตาอันงดงามของเซี่ยจิงหยูเริ่มไม่พอใจ นางจ้องอสูรเก้าพิษอย่างเกลียดชัง
“เจ้าใช้พิษอะไรกับเขา!”
ไหมพันมังกรที่คออสูรเก้าพิษรัดแน่นกว่าเดิม หากเซี่ยจิงหยูดึกแหวนหยกทมิฬ ศีรษะของเขาจะหยุดออกจากบ่าทันที
“เจ้าทำอะไรพิษอสูรมิได้หรอก!”
อสูรเก้าพิษส่ายหัวอย่างหม่นหมอง
“ต้องใช้วิชาระดับเทพของเขาต่าหาก!”
“เขาที่บรรลุฎีกาสวรรค์ระดับสวรรค์จะกระตุ้นวิชาระดับเทพให้บรรลุขั้นใหม่ แต่วิชาระดับเทพนั้นอันตรายเป็นทุนเดิม ในการบรรลุระดับจะต้องมีผู้อาวุโสมาคอยดูด้วยหากชีวิตกำลังอยู่ในอันตราย และเขาในตอนนี้ก็กำลังเป็นเช่นนั้น”
เซี่ยจิงหยูหน้าซีด การบรรลุระดับของวิชาระดับเทพงั้นรึ?
“ข้าจะช่วยเขาได้ยังไง? พูดมาเร็ว!”
เซี่ยจิงหยูพูดอย่างชัดเจนและไม่พอใจ นางมิอาจคิดถึงวันที่ไม่มีซือหยูได้...นางจะหาความสุขสงบในใจจากที่ใดได้อีก?
อสูรเก้าพิษมีประสบการณ์การบ่มเพาะพลังมากกว่าเซี่ยจิงหยูหลายปี เขาดูสถานการณ์ของซือหยูและตัดสินใจอยู่ชั่วครู่
“ทางเดียวที่จะช่วยเขาคืออย่าให้ร่างกายเขาเย็นลง”
เซี่ยจิงหยูรีบเข้าไปในป่าและหาฟืนในพริบตา ทั้งตัวของนางเต็มไปด้วยดินโคลน เสื้อผ้าของนางขาดและเผยให้เห็นคราบโลหิต แต่เซี่ยจิงหยูมิได้ใส่ใจกับตัวนาง แววตาของนางขุ่นมัวและสนใจเพียงแค่ชีวิตของซือหยูเพียงเท่านั้น
เมื่อจุดไฟ น้ำแข็งที่ผิวซือหยูก็ค่อยๆละลาย ร่างกายของเขาค่อยๆกลับมาอุ่นขึ้น
“หนาว...”
ซือหยูพูดออกมาอย่างแผ่วเบาโดยไม่รู้ตัวผ่านริมฝีปากสั่นระริก
น้ำแข็งที่อยู่นอกกายซือหยูที่เจอกับกองไฟได้ละลายไปแล้ว แต่ในส่วนลึกของร่างนั้นยังคงมีน้ำแข็งอยู่อีก เซี่ยจิงหยูขบริมฝีปากและย่อตัวลง นางจับตัวซือหยูมาไว้ในอ้อมอก
เซี่ยจิงหยูอ้าปากค้าง ความเย็นถึงกระดูกนั้นราวกับน้ำแข็งที่เจาะทะลุตัวนาง นางกัดฟันแน่นและอดทนกับความเย็น สีหน้าที่อ่อนแอของนางแฝงความยินดี
“กอดเจ้าให้ความอบอุ่นแก่ข้าหลายครานัก...ครั้งนี้...ให้ข้าได้มอบความอบอุ่นแก่เจ้าบ้าง”
…
เช้าวันถัดมา แสงอ่อนๆของยามรุ่งสางสอดแทรกเข้ามายังป่าทึบ ซือหยูอุ่นสบายทั้งตัวราวกับได้ห่มผ้าห่มหนายามเหมันต์ เขารู้สึกอบอุ่นมากที่ลำคอและได้กลิ่นอันหอมหวาน ทั้งหมดขับกล่อมเขาอย่างสบาย เขาค่อยๆลูบสิ่งที่เบาบนอกโดยไม่รู้ตัวและซุกใบหน้าเข้าไปในความอบอุ่นนั้น เขาหายใจเอากลิ่นหอมเข้าไปลึก
ตอนนั้นเองเขาก็ได้ยินเสียงอันเขินอาย และความอบอุ่นที่ศีรษะของซือหยูก็เริ่มสั่นเบาๆ ซือหยูลืมตาและเห็นใบหน้าอันงดงามกำลังหลับตาพริ่ม ขนตายาวของนางพริ้วไหวกับสายลม นางหลับลึกอย่างเงียบเชียบ เขาอยู่ในอ้อมแขนน้องนางทั้งคืน อกของนางยังมีร่องรอยของน้ำแข็ง
พรึ่บ--
ซือหยูกระโดดขึ้นทันที เขาค่อยๆตรวจสอบร่างเซี่ยจิงหยูใกล้ๆ ทั้งร่างของนางหนาวเย็นและหน้าซีด นางกำลังทรมานอยู่กับอาการปอดบวม
เขาค่อยๆนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวานเขาเข้าใจทันทีว่าทำไมนางถึงหนาว ซือหยูรีบปล่อยพลังปราณเพื่อเอาความเย็นออกจากร่างนางทันที
….
“ข้าขอโทษ”
เป็นเวลานานก่อนเซี่ยจิงหยูจะลืมตา ซือหยูทั้งรู้สึกผิดและขอบคุณอยู่ในใจ
“ข้าไม่เป็นไร”
เซี่ยจิงหยูยิ้มอย่างสงบ มันงดงามราวกับบัวคิมหันต์
ซือหยูทั้งเคารพและนับถือ เซี่ยจิงหยูช่วยชีวิตเขาอีกครั้ง เขาจะตอบแทนนางได้ยังไง?
ซือหยูมองไปยังอสูรเก้าพิษและแววตาเย็นชาทันที! เขาเดินเข้าไปและใช้วิชาคุมวิญญาณใส่อสูรเก้าพิษที่อ่อนแอลง
โชคไม่ดีที่โอสถวิญญาณในขวดหยกของอสูรเก้าพิษถูกดื่มไปแล้ว! ซือหยูก่นด่ากับโชคชะตา เขามิได้อะไรเลยจากศัตรูที่เก่งกาจเช่นนี้ เขาได้เพียงการพัฒนาพลังกายเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ฎีกาสวรรค์ใหม่ของเขามิใช่เฉกเช่นดัชนีสวรรค์ในภาพเขียนอีกแล้ว มันเป็นแบบฉบับของซือหยูแต่เพียงผู้เดียว...มันคือการประสานอัศนีเยือกแข็ง! ที่น่ายินดีกว่าก็คือการขัดเกลาฎีกาสวรรค์ของเขาทำให้วิชาระดับเทพทั้งสองวิชาบรรลุขั้นขึ้นอย่างมาก!
แก่นแท้จิตน้ำแข็งของเขาได้บรรลุขอบเขตกลาง! แม้มันเกือบจะพรากชีวิตซือหยูไป ก็เห็นได้ชัดว่าเขาเพิ่มพลังมาอย่างเข้มข้น
แม้สายฟ้าดาราม่วงจะยังมิได้เลื่อนขั้นถึงขอบเขตกลาง เขาก็ถึงระดับสูงของขอบเขตต้นแล้ว เพลิงอัศนีในตอนนี้แข็งแกร่งกว่าเดิมและเพิ่มพลังอย่างมาก!
สายฟ้าดาราม่วงเป็นวิชาที่เข้าใจยากยิ่งกว่าแก่นแท้จิตน้ำแข็ง ยากมากที่จะบรรลุขั้นพลัง
แน่นอนว่าเขายังได้อสูรเก้าพิษที่มีวิชาพิษอันร้ายกาจไว้ในมือราวกับหุ่นเชิด! การสังหารอันไร้ร่องรอยของเขานั้นเกิดกว่าระดับเจ็ดขั้นสูงไปมาก มันทั้งอันตรายและใช้ได้ดี แม้เขาจะมีบาดแผลร้ายแรงจากการต่อสู้ แต่พิษของเขาก็มิได้ทำร้ายร่างกายของตัวเองเลย
ที่น่าเสียดายคือซือหยูมิได้โอสถวิญญาณเพิ่ม แต่เมื่อไตร่ตรองดูอีกครั้งก็พบว่าเขาอยู่ในป่าส่วนในแล้ว เขายังมีโอกาสอีกมาก
ต่อมา เขาและเซี่ยจิงหยูต้องสำเร็จพลังขั้นเจ็ด พวกเขาแต่ละคนต้องการโอสถคนละสามขวด รวมเป็นหกขวด ซึ่งยากมากที่จะหาโอสถทั้งหกขวดได้
ซือหยูลูบคางคิดและใช้พลังล่าวิญญาณใส่อสูรเก้าพิษเพื่อตรวจดูความทรงจำของเขา อสูรเก้าพิษที่อยู่ในป่าอสูรมาหลายปีจะต้องรู้ที่ซ่อนของคนอื่นแน่ และเขาก็ได้พบกับข้อมูลสำคัญ
“การประชุมลับเหยี่ยวงั้นรึ?”
ซือหยูประหลายใจ
ก่อนหน้านั้น วิหารปล่อยศิษย์จำนวนมากมาล่าพวกเขาในป่าอสูร พวกที่อยู่ในป่าส่วนในนั้นกลัวมาก เขาได้สร้างกลุ่มเหยี่ยวขึ้นมาเพื่อโต้กลับ โดยมีเป้าหมายคือการแก้แค้นพวกศิษย์วิหาร พวกเขาจะได้ค้อนหยกมาถอนโอสถวิญญาณบนหลังของตน
อสูรเก้าพิษถูกเชิญไปด้วยเช่นกัน แต่เขามิได้เข้าร่วมกลุ่มเหยี่ยว แต่เขาก็ทำตามเป้าหมายของกลุ่มเหยี่ยวด้วยตัวคนเดียว กลุ่มเหนี่ยวนั้นแต่แรกจะมีการเชิญหกคนที่ล้วนมีพลังระดับเจ็ดขั้นสูง แต่เพราะอสูรเก้าพิษปฏิเสธ พวกมันจึงมีห้าคน นับเป็นโอกาสแก่ซือหยูและเซี่ยจิงหยูที่จะได้โอสถอีกห้าขวด
ด้วยวิชาพิษของอสูรเก้าพิษและซือหยูที่เพิ่มพลังขึ้น พวกเขาจะจัดการได้อย่างน้อยสองคน! และโอกาสดีคือกลุ่มเหยี่ยวจะรวมตัวกันในคืนนี้...สถานที่อยู่ในหุบเขาใกล้ๆ
ซือหยูตาเป็นประกายและวางแผนร่วมกับเซี่ยจิงหยู ใบหน้าอันงดงามของนางยังคงแดงระเรื่อ นางจัดการเสื้อผ้าที่ส่วนหน้ากระเซิงออก
เมื่อได้ยินเรื่องกลุ่มเหยี่ยว รอยยิ้มบนใบหน้าเซี่ยจิงหยูก็หายไป แววตานางเต็มไปด้วยความกังวล
“มันยากสำหรับเราแน่ที่ต้องจัดการกับระดับเจ็ดขั้นสูงถึงห้าคน”
พลังของพวกเขาสามคนนั้นจัดการได้เพียงระดับเจ็ดขั้นสูงสามคน แต่พวกมันมีถึงห้าคน ชัยชนะนั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้ พวกเขาจะต้องเสี่ยงอย่างมาก
มีเพียงหนทางอันตรายเช่นนี้เท่านั้นที่ทำให้พวกเขาบรรลุระดับห้าขั้นกลางเป็นระดับหกขั้นสูงในไม่กี่วัน...ทั้งหมดเกิดจากความเสี่ยงที่พวกเขาต้องเผชิญ
ยิ่งเสี่ยงมากเท่าใด...สิ่งก็ได้ก็ยิ่งมากเท่านั้น!
หากเขาไม่ได้สิทธิ์ในการเป็นศิษย์สวรรค์ในการประลองวายุ เซี่ยจิงหยูจะตาย ซือหยูไม่มีทางเลือกนอกจากเสี่ยงในทุกครั้งที่มีโอกาส เขาวางแผนกับเซี่ยจิงหยู
ในความมืดยามค่ำคืน พวกเขาทั้งสามแอบเคลื่อนตัวไปยังหุบเขาเล็ก หุบเขามีทางออกเพียงทางเดียว เป็นคอขวดกับผู้บุกรุกอย่างเห็นได้ชัด มันง่ายที่จะป้องกันแต่ยากจะโจมตีเข้าไป เพชรฆาตทั้งห้ารวมตัวอยู่ ณ ที่นั่น...และระวังกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากรวมตัว