DND.73 - พลังไหมพันมังกร
การต่อสู้นี้มันโหดร้าย ความต่างระหว่างวันแรกในวิหารกับวันนี้ราวกับหยินหยาง เซี่ยจิงหยูรู้สึกเสียใจ...ความเสียใจที่มิได้ทันแสดงออกมา
นางรู้สึกถึงลมแรงปะทะเข้ากับศีรษะ เซี่ยจิงหยูหันไปมองซือหยูเป็นครั้งสุดท้ายในชีวิตราวกับว่านางอยากจะฝังภาพสุดท้ายของซือหยูเอาไว้ในใจในยามวาระสุดท้ายของชีวิต
กรงเล็บพุ่งเข้ามา! เซี่ยจิงหยูเตรียมพร้อมรับความเจ็บปวดจากความตาย แต่การโจมตีนั้นก็ผ่านศีรษะของนางไป กลายเป็นของเหลวอุ่นๆเข้ามาแทนที่ ความเจ็บปวดที่นางต้องเจอมิได้ถึงตัวนาง และนางยังไม่ตาย
นางหันกลับไปมองและเห็นภาพของร่างไร้ศีรษะหยุดอยู่ห่างสิบศอก นั่นมิใช่พี่ใหญ่ของผู้มืดมัวหรอกรึ?
นางพบว่าของที่ลอยข้ามศีรษะนางไปคือหัวของร่างนั้น ใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธและสงสัยเล็กน้อย ก่อนตาย เขามิได้สนใจว่าเขาจะต้องตายและสับสนว่าทำไมหัวของเขาจึงหลุดออกจากร่าง
เมื่อมองใกล้ๆจะพบเส้นไหมโปร่งใสของไหมพันมังกรที่พันล้อมกำแพงศิลาทั้งสองด้าน มันพันอยู่ในระดับลำคอพอดีด้วยสองเหตุผล
เหตุแรกเพราะส่วนสูงตรงลำคอนั้นเป็นจุดบอดของสายตามนุษย์ ยากที่จะจบเห็น และผู้มืดมัวอีกคนพุ่งเข้ามาด้วยความโกรธจนวิ่งเร็วเกินไปพร้อมกับความคมกริบของไหมพันมังกรนั้นตัดได้ทุกสิ่ง ทำให้พบกับจุดจบอันน่าเศร้า
ในความจริงตอนที่พวกเขาอยู่ห่างกันสิบห้าลี้ ซือหยูได้พบผู้มืดมัวทั้งสองคนที่วางกับดักอยู่ก่อนแล้ว หนึ่งในนั้นแสร้งบาดเจ็บและเข้าไปในถ้ำขณะที่อีกคนแอบอยู่ด้านนอกเพื่อเตรียมตลบหลัง
หลังจากคำนวน ซือหยูก็ตัดสินใจใช้โอกาสนี้เสี่ยงเข้าสู่กับดัก เมื่อเข้าไปในถ้ำเขาก็ติดไหมพันมังกรทันทีเพื่อไว้ใช้จัดการศัตรูที่มิทันระวังตัวด้านหลัง
ทุกอย่างเป็นไปตามแผน ผู้มีพลังระดับเจ็ดขั้นต้นสองคนตกมาอยู่ในเงื้อมมือเขาในทีเดียว เซี่ยจิงหยูทนเห็นโลหิตที่กระเซ็นไปทั่วไม่ได้ นางโกรธเกรี้ยวและอยากจะสังหารผู้มืดมัวอีกคนที่ตัวแข็งทื่อ
“เดี๋ยวก่อน ไว้ชีวิตเขา ข้าจะใช้งานเขาสักหน่อย”
ซือหยูคิดอะไรขึ้นมาได้และค้นหาในร่างของผู้มืดมัวอีกคน
ที่แผ่นหลังของพวกเขาทั้งคู่มีขวดหยกติดอยู่กับผิวหนัง ขวดหยกนี้ดูเหมือนจะติดกับหัวใจของพวกเขา หากพวกมันคิดจะเอาขวดหยกออกไป มันก็จะฉีกหัวใจจนทำให้ตาย
ซือหยูพยักหน้าในใจ การส่งพวกเขามาอยู่ในป่าอสูรนี้นับมิใช่แค่ให้พวกเขามีชีวิตอยู่เฉยๆ พวกเขาจะต้องเจ็บปวดมากในตอนที่ถูกฝังขวดหยกไว้ในตัว
ต้องขอบคุณขวดหยกด้วยที่ติดต่อกับหัวใจได้โดยตรง ศิษย์วิหารจึงมิต้องกังวลว่าพวกมันจะซ่อนโอสถหรือทำลายโอสถทิ้งไป และยังแน่ใจได้ว่าศิษย์ทุกคนจะได้โอสถหากสังหารพวกมันได้
ซือหยูหยิบค้อนหยกที่มีพลังของราชันย์ศักดิ์สิทธิ์ออกมาและเคาะขวดหยกออกมาจากร่างผู้มืดมัว มีของเหลวอยู่ภายในเพียงน้อยนิดแต่มีพลังงานอันเข้มข้น ราวกับความร้อนของแสงตะวัน
ซือหยูและเซี่ยจิงหยูดื่มโอสถคนละขวดทันที
ความร้อนเดือดแทรกซึมไปยังแขนขาและกระดูกทั่วร่าง เกิดคลื่นพลังมหาศาลที่เพิ่มพลังบ่มเพาะของพวกเขาอย่างมาก
ปั้ง ปั้ง--
พวกเขาทั้งสองเข้าสู่ระดับหกทันที และยิ่งกว่านั้นพลังมันยังเพิ่มขึ้นอีก ในท้ายสุดก็เป็นดั่งที่ฉิวชางเจี้ยนกล่าวไว้ พวกเขาบรรลุระดับหกขั้นกลาง!
ซือหยูและเซี่ยจิงหยูมองหน้ากัน แววตาพวกเขาเป็นประกายด้วยความดีใจ โอสถวิญญาณระดังสวรรค์มันยอดเยี่ยมจริงๆ!
หากพวกเขาหามันได้เพิ่มขึ้น การบรรลุพลังไปถึงระดับสูงคงไม่ใช่เรื่องหนักหนา!
แต่พวกเขาเข้าใจความเสี่ยงแล้ว คนพวกนี้บ้าคลั่ง เต็มไปด้วยจิตสังหารและอันตรายยิ่ง ผู้มืดมัวสองคนนี้เกือบจะทำให้พวกเขาตาย แต่ผู้มืดมัวมีพลังอ่อนแอสุดในบรรดาเพชรฆาต พวกเขาจะต้องเจอกับศัตรูที่โหดร้ายกว่านี้
พวกเขาทั้งสองบ่มเพาะพลังไม่หยุดหย่อน ฐานพลังบ่มเพาะนั้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งของพลัง ซือหยูและเซี่ยจิงหยูจะต้องใช้ฐานพลังที่เพิ่มขึ้นในการบ่มเพาะวิชาเพื่อเพิ่มพลัง
ขณะที่เซี่ยจิงหยูได้ตกตะกอนความเข้าใจในครั้งแรกที่ใช้ภวังค์น้ำค้าง ซือหยูก็เดินไปยังผู้มืดมัวที่ตัวแข็ง
“เจ้าจะทำอะไร?”
ผู้มืดมัวหวาดกลัว ตัวของเขาเริ่มอุ่นขึ้น
ซือหยูย่อตัวลงและมองเขาผ่านดวงตาลึกเข้าไปภายใน ดวงตาเขากลายเป็นมรกตเข้มทันที ราวกับมรกตยามวิกาล...ที่ทั้งงดงามและน่ากลัว
ฟึ่บ--
เมื่อมองแววตาสีมรกตผู้มืดมัวก็จิตใจว่างเปล่า ซือหยูค่อยๆปิดตาเขาและใช้วิชาล่าวิญญาณเพื่อตรวจสอบความทรงจำของเขา
ไม่นานเขาก็ลืมตาและแอบดีใจ วิชาล่าวิญญาณนั้นใช้ได้อย่างดีเยี่ยม เขาพบความทรงจำทั้งหมดในหัวผู้มืดมน ซือหยูได้รู้ว่าผู้มืดมนทั้งสองคนนี้เคยจัดการกลุ่มตู้หลินเมื่อครึ่งวันที่ผ่านมา
เมื่อไม่ได้เจอกับศัตรูพวกเขาทั้งสองก็กลับมาวางกับดักเพื่อหลอกล่อศิษย์สวรรค์คนอื่นหมายจะชิงค้อนหยกเพื่อเอาโอสถวิญญาณมาดื่มเอง พวกเขาจะได้เพิ่มพลังขึ้น
ต่อไปซือหยูลองใช้วิชาคุมวิญญาณ ดวงตาของเขาประกายแสงมรกตเข้มออกมา
อ๊าก--
ผู้มืดมัวกรีดร้องหลาดครั้งจากความเจ็บปวดแสนสาหัส เมื่อฟื้นตัวเขาก็ไม่สามารถหายจากจิตใจที่อ่อนแอได้
ซือหยูรู้สึกผิดเล็กน้อย วิชาคุมวิญญาณนั้นส่งผลกระทบกับวิญญาณโดยตรงและอันตราย มันน่าเศร้าที่วิญญาณที่ถูกควบคุมจะเจ็บปวด และพลังการควบคุมจะขึ้นอยู่กับพลังของวิชา
“ข้าขอทำความเคารพท่าน...ท่านอาจารย์!”
ผู้มืดมัวหมอบคลานเคารพซือหยู
นอกจากมันจะรุนแรงแล้ว วิชาคุมวิญญาณยังก้าวข้ามพลังของศัตรู มันทำให้อีกฝ่ายมิอาจขัดขืนคำสั่งใด
ผู้มืดมัวต้องเพิ่มระดับพลังเพื่อทำลายพันธะเท่านั้น เพราะวิชานี้มีผลกับคนที่มีพลังสูงกว่าหนึ่งขึ้นลงไป
ซือหยูพยักหน้าอย่างไม่ใส่ใจ
“ป้องกันทางเข้าถ้ำซะ อย่าให้ใครมารบกวนพวกข้า!”
ฟึ่บ--
ผู้มืดมัวพุ่งไปยังทางเข้าถ้ำและยืนป้องกันทันที เขามองทุกสิ่งรอบๆอย่างตั้งใจ
ซือหยูนั่งลงคิดถึงประสบการณ์จากการต่อสู้ทันที
แก่นแท้จิตน้ำแข็งถูกใช้งานครั้งแรก มันได้รวมพลังกับภวังค์น้ำค้างของเซี่ยจิงหยูและทำให้พลังเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ! ซือหยูสงสัยว่าวิชาระดับเทพที่วางอยู่ติดกันหมายถึงต้องใช้ร่วมกัน ซือหยูที่เข้าใจแก่นของแก่นแท้จิตน้ำแข็งเริ่มบ่มเพาะวิชาอื่น
ผ่านไปหนึ่งวัน ซือหยูค่อยๆลืมตา
วิชาระดับสวรรค์เงาลอยล่องเติบโตขึ้นสูงสุด เขาบรรลุระดับสองขั้นกลางหลังจากใช้เวลาหนึ่งวัน ตอนนี้ความเร็วในการบินของเขาจะเพิ่มขึ้นและร่างกายของเขาก็เบาราวกับขนวิหค หากเขาบรรลุระดับสามเขาจะทะยานขึ้นสู่ท้องนภาได้แล้ว
สายฟ้าดาราม่วงพัฒนาอย่างเชื่องช้า มันยังคงต้องบ่มเพาะต่อก่อนจะถึงระดับกลาง สายฟ้าดาราม่วงยากราวกับวิชาระดับเทพ หรืออาจจะยากกว่านั้น...ดูจากความเร็วของการบ่มเพาะ ความเร็วในการเข้าใจวิชาเงาลอยล่องของเขานั้นรวดเร็วมาก มันแปลกมากที่สายฟ้าดาราม่วงนั้นยากยิ่งกว่าวิชาแก่นแท้จิตน้ำแข็งที่เป็นวิชาระดับเทพ
ในด้านฎีกาสวรรค์ ซือหยูพัฒนาขึ้นอีก เขาเข้าใจมันลึกขึ้นเรื่อยๆ ซือหยูรู้สึกว่าภาพที่ได้เห็นคราวก่อนนั้นผิด ฎีกาสวรรค์ที่แท้จริงควรจะกำเนิดมาจากตัวผู้ใช้เอง มิใช่จากการลอกเลียนผู้อื่น ซือหยูค่อยๆห่างจากการฝึกแบบเดิมและเริ่มฝึกในแนวทางของตัวเอง
ซ่า--
กลิ่นหอมปกคลุมพื้นที่และทำให้ซือหยูหิวมาก เขามองไปด้านข้างและพบเซี่ยจิงหยูที่ตื่นแล้วกำลังปรุงอาหารเย็นอย่างพิถีพิถัน
เขามองภาพสาวสวย สง่างามราวกับมิใช่มนุษย์ ในใจซือหยูโศกเศร้า ใครก็ตามที่ได้แต่งงานกับเซี่ยจิงหยูถือว่าได้รับพรแห่งชีวิต
นางงดงามเหนือสิ่งอื่นใด อ่อนโยนและสูงส่ง ละเมียดละไมด้วยนิสัย และยังมีหัวใจที่แข็งแกร่งและสมบูรณ์แบบ...นางงดงามทั้งภายนอกและภายใน สตรีเช่นนางนับว่าหายากยิ่งในโลกใบนี้ เมื่อซือหยูนึกถึงภาพนางที่วิวาห์กับบุรุษอื่นก็เจ็บข้างในอก
เขายิ้มแห้งๆและกระซิบกับตัวเอง
“ข้ามีเซี่ยนเอ๋ออยู่แล้วและยังไม่พอใจ...ข้ามีสตรีอื่นอยู่ในใจได้ยังไง?”
เมื่อได้ยินเสียงซือหยูเคลื่อนไหว เซี่ยจิงหยูก็หันมามองด้วยรอยยิ้มราวกับดอกบัวที่บริสุทธิ์งดงาม
“เจ้าตื่นแล้วเหรอ มากินสิ”
ซือหยูมิกล้ามองใบหน้าอันบริสุทธิ์นั้น เขาเลี่ยงที่จะนั่งตรงข้ามเซี่ยจิงหยูขณะกินอาหาร
หลังจากกินเสร็จ พวกเขาทั้งสามก็ออกเดินทางไปยังป่าส่วนใน สำหรับกับดักที่ทางเข้านั้นซือหยูเก็บมันไว้ตามเดิม และเขายังเพิ่มไหมพันมังกรอีกเส้นเป็นกับดัก หากมีใครก็ตามถูกกับดักจะต้องทรมานแสนสาหัสแน่นอน!
พวกเขาเดินทางทั้งวันเป็นระยะเจ็ดสิบลี้ พวกเขาถึงเขตระหว่างส่วนในและส่วนนอก ด้านในเต็มไปด้วยมือสังหารที่มีระดับเจ็ดขั้นสูงเต็มไปหมด รวมถึงระดับแปด! หากพวกเขาได้เจอกับระดับแปดก็ยากที่จะรอดไปได้
ย๊าก--
ปั้ง--
สายลมพัดปลิวมาพร้อมกับเสียงการต่อสู้ ซือหยูมองตามทางด้วยตาสีแก้ว
“ศิษย์สวรรค์ถูกล้อมอยู่ ไกลจากเราสิบห้าลี้ เราต้องไปช่วย!”
ภาพการต่อสู้นั้นยังห่างไกล ซือหยูเห็นเพียงร่างคน...แต่ยังไม่พบใบหน้า พวกซือหยูรีบตรงเข้าไปช่วย
เมื่อห่างสามลี้ ซือหยูก็มองอย่างเย็นชา
“มันเป็นกลุ่มของตู้หลิน”
เซี่ยจิงหยูมิได้มองตู้หลินในด้านดีนัก หากนางรู้ว่าเป็นตู้หลิน นางจะไม่รีบเข้ามาช่วยเลย
ในตอนนั้น ตู้หลิน ชางหมิงยี่ ศิษย์พี่หลิว และเฟิงห่าวกำลังต่อสู้อย่างยากลำบาก พวกเขาถูกล้อมโดยมือสังหารระดับเจ็ดขั้นต้นสี่คน อันตรายมาจากทุกทิศทาง
ตู้หลินที่มีพลังระดับเจ็ดขั้นกลางรับมือกับมือสังหารสามคน ชางหมิงยี่ที่มีพลังระดับหกขั้นสูงและศิษย์พี่หลิวกับเฟิงห่าวที่มีพลังระดับหกขั้นกลางกำลังต้านมือสังหารระดับเจ็ดหนึ่งคน
ตู้หลินยังคงสบาย แต่ชางหมิงยี่และที่เหลือกำลังตกอยู่ในอันตราย!
ในปากชางหมิงยี่เต็มไปด้วยโลหิต ศิษย์พี่หลิวถูกเฉือนเต็มตัวและมีโลหิตเต็มตัวไปหมด นิ้วทั้งสามของเฟิงห่าวถูกตัดขาด ในหมัดมีโลหิตหยดออกมา
มือสังหารทั้งสี่เป็นกบฏจากแคว้นลั่วหลี่ พวกเขาสังหารคนนับไม่ถ้วนในสนามรบหลังจากข่มขื่นเหล่าสตรี ทั้งสี่เก็บงำความโศกเศร้าของหลายต่อหลายคนทุกหนแห่ง พวกมันสังหารคนธรรมดาในหมู่บ้านมากมายอย่างโหดร้ายป่าเถื่อน พวกมันทั้งสี่ยังคุ้นเคยต่อกัน ออกล่าร่วมกันมานับปี สำเร็จทุกครั้งที่ลงมือ
“ซือหยู เราจะทำยังไงดี?”
เซี่ยจิงหยูถาม
ซือหยูคิดก่อนจะตอบอย่างหมดหนทาง
“เราหลับตาให้กับตู้หลินได้...แต่เราไม่มีสิ่งติดค้างกับศิษย์พี่หลิว...และนั่นยังมีโอสถระดับสวรรค์สี่ขวด เราทิ้งมันไปไม่ได้!”
“พวกเขารวมตัวกันเช่นนี้ ง่ายที่จะจับทั้งสี่คนพร้อมกัน”
เซี่ยจิงหยูพยักหน้าและพวกเขาก็พุ่งเข้าไปทันที! ผู้มืดมัวนั้นตามซือหยูเพราะถูกควบคุมจิตใจ
“ภวังค์น้ำค้าง!”
“สายฟ้าดาราม่วง!”
หลังจากบรรลุระดับหกขั้นกลาง พลังของระดับเจ็ดที่กระทบต่อพวกเขาเริ่มอ่อนแอลง สายฟ้าดาราม่วงของซือหยูมีพลังเหนือกว่า!
ย๊ากกก--
ตู้ม--
อ๊ากกก---
มือสังหารระดับเจ็ดขั้นต้นที่ล้อมตู้หลินถูกซือหยูโจมตีในพริบตาและตายทันที!!
วิชาบ่มเพาะระดับเทพของเซี่ยจิงหยูมิได้อ่อนแอไปกว่าสายฟ้าดาราม่วงเลย มันพุ่งเข้าโจมตีคนระดับเจ็ดขั้นต้นล้มลงทันทีในพริบตา!