ตอนที่ 124 ทำลายผนึก
การทำความดีโดยไม่หวังผลตอบแทนมันไม่ใช่นิสัยของหลิงฮันแม้แต่น้อย ในเมื่อพวกมันอยากจะให้เขาเปิดผนึกแสงแห่งพระเจ้าให้ แล้วเขาจะเป็นไปได้รึที่เขาจะไม่ใช้โอกาสนี้หาผลประโยชน์ให้กับตนเอง?
ถ้ามองอีกมุมนึง... การที่มาขอให้จอมยุทธระดับสวรรค์ทำอะไรบางอย่างให้โดยที่สูญเสียทรัพยากรไปเพียงเท่านี้ก็นับว่าดีแค่ไหนแล้ว
“ไปกันเถอะ เราจะให้พวกเขารอนานไม่ได้ ไม่งั้นจะเป็นการเสียมารยาท” หลิงฮันพูด
หญิงสาวทั้งสองกรอกตาไปมา เขาใช้เวลาทั้งวันทั้งคืนเพื่อหลอมเม็ดให้กับตัวเองโดยที่ไม่ได้เตรียมการเพื่อเปิดผนึกอะไรเลยแม้แต่น้อย เห็นได้ชัดว่าเขานั่นแหละที่เป็นคนทำให้อีกฝ่ายเสียเวลาเปล่า แต่เข้าก็ยังจะกล้าพูดแบบนั้นอยู่ดี ช่างไร้ยางอายจริงๆ
ทั้งสามคนเดินออกมาจากเต็นท์ที่พัก เหล่ามารเฒ่าได้รอเขาเป็นเวลานานแล้ว แต่ถึงยังไงมารเฒ่าก็ยังคงเป็นมารเฒ่า บนใบหน้าพวกมันไม่ร่องรอยความไม่พอใจแม้แต่น้อย ในทางกลับกัน พวกมันกำลังยิ้มอยู่ด้วยซ้ำ
‘พวกมันทุกคนเป็นจิ้งจอกเฒ่าที่เจ้าเล่ห์อย่างแท้จริง!’ หลิงฮันเยาะเย้ยอยู่ในใจ และจากนั้นก็พูดขึ้นมา “ข้าทำให้ผู้อาวุโสทุกคนรอนาน ข้าต้องขออภัยด้วย”
“สหายน้อย เจ้าทำงานอย่างหนักแล้ว!” เหล่าปีศาจเฒ่าระดับแก่นแท้จิตวิญญาณทุกคนพูดด้วยรอยยิ้ม
“งั้นก็ออกเดินทางกันเถอะ” หลิงฮันหลิงพูดเข้าประเด็น เขาได้ผลประโยชน์ที่ต้องการมาแล้ว ดังนั้นเขาจึงอยากจะไปให้ถึงแหล่งต้นตอของลำธารใต้พิภพให้เร็วที่สุดเพื่อดูว่ามันเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นกันแน่
ปีศาจเฒ่าทุกคนล้วนแต่ประหลาดใจที่หลิงฮันทำตัวสงบนิ่งเช่นนี้
พวกมันทุกคนอยู่ในระดับแก่นแท้จิตวิญญาณ และเป็นตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุดในแคว้นพิรุณ เพียงแค่ใครคนใดคนหนึ่งในหมู่พวกมันกระทืบเท้าหนึ่งที ทั้งภูเขาและแม่น้ำจะต้องเปลี่ยนรูปร่าง และตอนนี้พวกมันทั้งหมดได้มารวมตัวในสถานที่เดียวกัน แต่หลิงฮันกลับไม่แม้แต่กระพริบตาเมื่ออยู่ต่อหน้าพวกมัน เพราะงั้นพวกมันจึงอดที่จะสงสัยถึงเหตุผลที่หลิงฮันยังคงสงบนิ่งอยู่ไม่ได้
มีบางอย่างที่พวกมันไม่รู้... หากนำไปเทียบกับพลังของหลิงฮันในชีวิตที่แล้ว เพียงแค่ระดับแก่นแท้จิตวิญญาณจะนับเป็นอันใดได้? เหอะ พวกมันไม่มีคุณสมบัติแม้แต่จะเฝ้าประตูให้เขาเลยด้วยซ้ำ!
พวกเขากลับมายังจุดที่หยุดอยู่เมื่อวาน และแสงแห่งพระเจ้าได้ส่องสว่างต่อหน้าพวกเขาอีกครั้ง
หลิงฮันเริ่มจัดวางวัตดุดิบ หนึ่งชิ้น...สองชิ้น... วัตถุดิบถูกจัดวางอย่างราบลื่นและรวดเร็วจนสายตาของคนอื่นเห็นเป็นภาพติดตา แต่การเคลื่อนไหวที่สง่างามของเขาทำให้คนอื่นต้องจดจ่อจ้องมองอย่างไม่อาจละสายตาได้
“หืม ข้ารู้สึกถึงจังหวะบางอย่างที่งดงามจากการเคลื่อนไหวของเจ้าหนูนั่น”
“เจ้าเองก็เหมือนกันรึ?”
“เจ้าเด็กนี่แปลกมากจริงๆ เหมือนกับว่าการเคลื่อนไหวของทุกอย่างของเขาได้สอดคล้องเข้ากับวิถีแห่งธรรมชาติ เป็นไปได้อย่างไรที่จะมีคนแบบนี้อยู่?”
“หรือว่า... อาจจะเป็นเหมือนกับที่บันทึกโบราณเขียนเอาไว้ คนประเภทนี้นั้นเกิดมาพร้อมกับร่างกายที่เข้ากันได้กับวิถีแห่งธรรมชาติ สำหรับคนเช่นนี้ การทำความเข้าใจในเคล็ดลับของศาสตร์แห่งวรยุทธจะง่ายราวกับดื่มน้ำเปล่า”
“...กายากำเนิดธรรมชาติ!”
ดวงตาของปีศาจเฒ่าทุกคนส่องประกาย ถ้าหลิงฮันมีกายากำเนิดธรรมชาติจริง งั้นก็หมายความตัวของเขาเป็นสมบัติอันล้ำค่า ใครก็ตามที่ได้มองดูการเคลื่อนไหวของเขาทุกวัน คนคนนั้นจะสามารถทำความเข้าใจในวิถีแห่งวรยุทธได้อย่างรวดเร็ว หลิงฮันสามารถเรียกได้ว่าเป็นสมบัติวิญญาณที่มีชีวิต
เจ้าเด็กนี่ได้รับการคุ้มครองจากหวู่ซงหลิน เพราะงั้นพวกมันจึงไม่สามารถใช้กำลังลักพาตัวหลิงฮัน แต่...ถ้าเป็นการแต่งงานล่ะ!
ตราบที่พวกมันสามารถทำให้เขาแต่งงานเข้ามาในตระกูล หลิงฮันก็จะสามารถอาศัยอยู่ในที่พักตระกูลของพวกมันได้อย่างถูกต้อง แม้แต่หวู่ซงหลินก็ไม่สามารถพูดต่อต้านได้
หลิงฮันไม่รู้ตัวเลยว่าเขากลายเป็นสมบัติที่จะถูกพวกมันต่อสู้แย่งเชิงไปเรียบร้อยแล้ว เขามีสมาธิจดจ่ออยู่กับวัตถุดิบในมือ และเมื่อเขาทยอยโยนวัตถุดิบออกไปเรื่อยๆ ในที่สุดแสงแห่งพระเจ้าก็ปรากฏช่องว่างขึ้นมา มันมีขนาดเพียงพอให้คนหนึ่งคนเดินผ่านเข้าไป
“เขาทำสำเร็จจริงๆด้วย!” เหล่าปีศาจเฒ่าตกตะลึง หลายวันที่ผ่านมาพวกมันพยายามลองทำทุกวิถีทางแล้ว แต่แสงแห่งพระเจ้าไม่ใช่สิ่งที่พวกมันสามารถทำอะไรได้ พวกมันทำได้เพียงจ้องมองอย่างว่างเปล่า พวกมันไม่เคยคิดเลยว่าหลิงฮันจะสามารถทำได้สำเร็จจริงๆ
เห็นแบบนี้ ยิ่งทำให้พวกมันอยากจะได้หลิงฮันแต่งงานเข้าตระกูลมากขึ้นไปอีก
ปีศาจเฒ่าคนหนึ่งใจร้อนและกำลังผ่านเข้าไปทันทีที่ช่องว่างเปิดออก แต่หลิงฮันได้ยื่นมือไปหยุดมันเอาและพูด “รอก่อน!”
“เจ้าหนู คิดจะทำอะไร?” มันเป็นจอมยุทธระดับแก่นแท้จิตวิญญาณของตระกูลเฉียนที่เป็นหนึ่งในแปดตระกูลใหญ่ มันมีนิสัยใจร้อนและโมโหง่าย มันจ้องไปยังหลิงฮันพร้อมกับปลดปล่อยออร่าที่ทรงพลังออกมาทันที
หลิงฮันยิ้มอย่างสงบนิ่ง เขาดึงมือกลับมาและพูด “ถ้าเจ้าอยากตายข้าก็จะไม่ห้าม เชิญเข้าไปเลย!”
เมื่อได้ยินคำพูดของหลิงฮัน ปีศาจเฒ่าจากตระกูลเฉียนไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามอีกต่อไปและถามขึ้น “ไม่ใช่ว่าผนึกถูกทำลายแล้วรึ?”
“นี่เป็นเพียงความสำเร็จขั้นเล็กน้อย ช่องว่างในตอนนี้มีเพียงคนธรรมดาเท่านั้นที่เข้าไปได้ จอมยุทธระดับหลอมกายาขึ้นไปจะถูกอำนาจต่อต้านไม่ให้เข้าไป และยิ่งมีพลังแข็งแกร่งมากขนาดไหน อำนาจต่อต้านก็จะยิ่งรุนแรงขึ้น ถ้าเจ้าพยายามฝืนตัวเองเข้าไปก็เท่ากับว่าเจ้ากำลังแส่หาความตาย” หลิงฮันพูด
เป็นเช่นนั้นเอง
“เจ้าเด็กบัดซบ ทำไมเจ้าไม่พูดให้เร็วกว่านี้? เจ้าเกือบจะสังหารข้าแล้ว!” ปีศาจเฒ่าจากตระกูลเฉียนพูดอย่างอับอาย
หลิงฮันยิ้มและพูด “เจ้าไม่เห็นรึว่าข้ามีวัตถุดิบอีกมากมายที่ยังไม่ได้ใช้?”
ปีศาจเฒ่าคนอื่นๆหัวเราะขึ้นมา
หลิงฮันเริ่มเคลื่อนไหวและจัดเรียงวัตถุดิบต่างๆ ทำให้ช่องว่างมีความแข็งแรงและมั่นคงมากขึ้น
“ตอนนี้ระดับหลอมกายาสามารถเข้าไปได้แล้ว”
...
“เอาล่ะ ตอนนี้ระดับรวมธาตุเองก็น่าจะเข้าไปได้แล้วเช่นกัน”
...
“ระดับก่อเกิดธาตุ...”
ในไม่ช้าหลิงฮันก็หยุดมือ เพราะวัตถุดิบที่มีอยู่ถูกใช้หมดแล้ว เขาถอนหายใจและพูด “ความสามารถของข้าถึงขีดจำกัดแล้ว ข้าเปิดได้เพียงช่องว่างที่จอมยุทธระดับต่ำกว่าก่อเกิดธาตุเท่านั้นถึงจะเข้าไปได้!”
คนอื่นๆจ้องมองอย่างว่างเปล่า ระดับสูงสุดที่เข้าไปได้คือจอมยุทธระดับก่อเกิดธาตุ? นี่เจ้าจงใจรึเปล่า?
ถูกต้องแล้ว นี่คือสิ่งที่หลิงฮันจงใจทำ ในตอนแรก เขาตั้งใจว่าจะเปิดช่องว่างให้เข้าไปได้เพียงระดับรวมธาตุ แต่เขาคิดว่ามันดูโจ่งแจ้งเกินไป เพราะงั้นเลยเพิ่มขึ้นมาหนึ่งระดับ
แต่ในอีกแง่หนึ่ง แคว้นพิรุณนั้นมีทรัพยากรที่จำกัด ต่อให้เขาไม่จงใจ ช่องว่างก็สามารถเปิดให้จอมยุทธระดับห้วงจิตวิญญาณเข้าไปได้เท่านั้น
“จอมยุทธระดับก่อเกิดธาตุเท่านั้น!” ปีศาจเฒ่าทุกคนขมวดคิ้ว
“เอาแบบนี้เป็นไง? พวกเรารีบส่งข้อความกลับไปยังแคว้นพิรุณ และให้จอมยุทธระดับก่อเกิดธาตุของตระกูลพวกเรามาที่นี่ให้หมด” มีบางคนเสนอแนะขึ้นมา มีความเป็นไปได้ที่เบื้องหลังช่องว่างนี้จะเป็นที่ซ่อนของสมบัติลับที่ยิ่งใหญ่ ใครกันจะไม่อยากได้มันมาอยู่ในกำมือ?
“ระหว่างรอ พวกเราจะคุ้มกันสถานที่แห่งนี้ไว้ก่อนและห้ามให้ใครผ่านเข้าไปเด็ดขาด!” หลีซางเย่พูด
“พวกเราควรจะทำเช่นนั้น!”
พวกมันกลัวว่าจะมีใครแอบเข้าไปก่อนและขโมยการพบเจอแห่งวาสนาที่อาจจะซ่อนอยู่หลังช่องว่าง เพราะงั้นพวกมันจึงยอมตกลงที่จะคุ้มกันสถานที่แห่งนี้ไว้ก่อน เพื่อรอให้เหล่าอัจฉริยะระดับก่อเกิดธาตุจากตระกูลของพวกมันมาถึง หลังจากนั้นพวกมันทุกคนจะเข้าไปพร้อมกัน
“สหายน้อย เจ้าไม่คัดค้านใช่หรือไม่?” หลีซางเย่พูดด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
“แน่นอนว่าไม่!” หลิงฮันพูดด้วยรอยยิ้ม “อย่างไรก็ตาม พวกเจ้าควรจะรีบกันหน่อยนะ ช่องว่างนี้จะคงสภาพไว้ได้นานมากที่สุดสิบวันเท่านั้น”
‘บัดซบ’ ปีศาจเฒ่าทุกคนกรอกตา ทำไมก่อนหน้านี้เจ้าถึงไม่รีบบอก? ถ้าบอกกันก่อน พวกเราจะได้รวบรวมอัจฉริยะจากตระกูลเอาไว้ตั้งแต่ก่อนจะมาที่นี่
แต่ตอนนี้ทุกอย่างขึ้นอยู่กับเวลา เพราะงั้นพวกมันจึงไม่แน่ใจว่าจะรวบรวมอัจฉริยะจากตระกูลมาได้มากแค่ไหน
พวกมันทุกคนกลับไปเต็นท์ที่พักอีกครั้งและรีบส่งนกสื่อไปยังเมืองจักรพรรดิอย่างรวดเร็ว
หลิงฮันนั่งอยู่ในเต็นท์แลพบ่มเพาะพลังอยู่เงียบๆ ครั้งนี้เขาปล้นแปดตระกูลใหญ่และตระกูลจักรพรรดิมาได้อย่างมหาศาล เขาสามารถหลอมเม็ดยาล้ำค่าสำเร็จหลายชนิด ซึ่งเพียงพอแล้วที่จะทำให้เขาใช้ชีวิตอย่างสบายโดยไม่ต้องกังวลเรื่องเงินอีกต่อไป
‘การปล้นนี่สนุกจริงๆ!’ หลิงฮันคิดในใจและกลืนเม็ดยาลงไป
สี่วันผ่านไปอย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มและหญิงสาวมากมายได้มาถึงลำธารใต้พิภพแห่งนี้ พวกมันทั้งหมดเป็นรุ่นเยาว์ของแปดตระกูลใหญ่และตระกูลจักรพรรดิ พวกมันอยู่ในระดับก่อเกิดธาตุหรือไม่ก็รวมธาตุกันทุกคน ปีศาจเฒ่าต่างสงสัยว่าเบื้องหลังของผนึกจะมีสมบัติลับอยู่ และพวกมันหวังอย่างยิ่งว่ารุ่นเยาว์ของตระกูลตนเองจะเป็นคนได้รับสมบัติลับนั่นมา ดังนั้นพวกมันจึงต้องส่งคนเข้าไปให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
ในวันที่เจ็ด ตระกูลต่างๆรวบรวมรุ่นเยาว์มาได้ประมาณสองร้อยคน เหล่าปีศาจเฒ่ารู้สึกว่าพวกมันไม่สามรถล่าช้าได้อีกต่อไป เพราะช่องว่างเหลือเวลาอยู่เพียงสามวันเท่านั้น
*ติดตามข่าวสารได้ที่ เพจ*