DND.71 - วิชาบ่มเพาะระดับเทพ
ซือหยูกับเซี่ยจิงหยูรู้สึกมีหวังขึ้นมาอีกครั้ง!
ฉิวชางเจี้ยนหัวเราะ
“ดูเหมือนพวกเจ้าจะทำใจได้แล้วนะ ก็ดี...ไปเตรียมตัวซะ พรุ่งนี้ป่าอสูรจะเปิดให้พวกเจ้า”
“และพวกเจ้ามีสิทธิ์เข้าห้องวิหารเทพในฐานะของว่าที่ศิษย์สวรรค์ เจ้าจะเลือกวิชาบ่มเพาะและอาวุธได้”
ฉิวชางเจี้ยนบอกก่อนจะจากไป
วิหารกำลังจะปิดตัวลง เขาต้องไปหารือกับศิษย์สวรรค์คนอื่น พวกเขาจะได้รู้ว่าเหตุการณ์นี้มีเบื้องหลังอย่างไรกันแน่ ซือหยูโค้งคำนับ ฉิวชางเจี้ยนช่วยเหลือเขามากมายนัก
เมื่อฉิวชางเจี้ยนจากไปซือหยูกับจิงหยูก็เข้าสู่ห้องวิหารเทพ ด้านในมีตำราและอาวุธมากมาย
ซือหยูมองรอบๆอย่างรวดเร็ว เขาตื่นตาตื่นใจมาก แม้จะเป็นวิชาระดับต่ำที่สุดก็เป็นวิชาระดับสูง พวกมันเพียงถูกวางกระจายไปทั่วพื้น ราวกับไม่มีใครสนใจมันเลย!
ที่โต๊ะมีตำรานับร้อยเล่มที่จัดเรียงอย่างเรียบร้อย ซือหยูไปมองใกล้ๆและพบว่ามันคือตำราวิชาระดับสวรรค์!!
ในเพียงหลินมีแต่ตระกูลราชวงศ์เท่านั้นที่มีวิชาระดับสวรรค์ และยังมีเพียงตำราเดียว แต่ที่นี่ตำราระดับสวรรค์นับร้อยถูกวางอยู่บนโต๊ะ!
เซี่ยจิงหยูดีใจทันทีและเลือกวิชาระดับสวรรค์ที่เข้ากับนาง
ซือหยูมองวิชาระดับสวรรค์เหล่านั้นอย่างสนใจ ความหลากหลายของมันผ่านตาซือหยูไป เขาอยากจะลองหลายวิชาอย่างมาก แต่ก็บังคับตัวเองให้ตั้งใจ
เขามีสายฟ้าดาราม่วงและเงาลอยล่องอยู่แล้ว เขาจะต้องบ่มเพาะวิชาที่เหมาะสมกับตัวเองที่สุดเท่านั้น เขามองผ่านไปและพบว่าไม่มีวิชาใดเลยที่เหมาะกับเขา
เซี่ยจิงหยูแววตาสดใส นางมิได้เลือกวิชาใดเช่นกัน นางถอนหายใจอย่าวแผ่วเบา
“ไม่มีวิชาที่เหมาะกับข้าเลย หากข้าฝืนฝึกไปมันจะเป็นผลร้ายเสียมากกว่า”
ซือหยูแอบนับถือเซี่ยจิงหยู นางควบคุมตนเองได้ดีเป็นธรรมชาติ ทัศนคติของนางถือว่ายอดเยี่ยม
ทันใดชั้นซือหยูก็เห็นชั้นตำราที่ซ่อนอยู่ด้านหลังโต๊ะ เขาเพิ่มพลังดวงตาเพื่อมองรายละเอียดทันที
เขาพบตำราสามเล่มที่สนใจ เล่มแรกคือแก่นแท้จิตน้ำแข็ง อีกเล่มคือภวังค์น้ำค้าง และอีกเล่มคือเนตรอสูรนรก
แต่เมื่อซือหยูและเซี่ยจิงหยูมองมันใกล้ๆ พวกเขาก็ตกตะลึง
“วิชาบ่มเพาะระดับเทพ!”
วิชาบ่มเพาะระดับสวรรค์อาชาหยกนพลักษณ์ของศิษย์พี่หลิวที่ใช้กับเฟิงห่าวนั้นมาจากรากวิชาระดับเทพ แก่นแท้จิตน้ำแข็ง
ซือหยูได้ตกตะลึงเมื่อได้รู้ว่ามีวิชาระดับเทพที่สูงกว่าระดับสวรรค์อยู่ก่อนแล้ว
หวา--
ซือหยูดึงตำรามาไว้บนฝ่ามือ ทันใดนั้นฝ่ามือของเขาก็ถูกปกคลุมด้วยน้ำแข็ง แต่ซือหยูที่มีพื้นฐานวายุกระหน่ำไม่ได้รู้สึกเย็น เขาเปิดมันต่อไปด้วยความสนใจอย่างมาก
“แก่นแท้จิตน้ำแข็ง วิชาระดับเทพ แบ่งเป็นสามระดับ ต้น กลาง และสูง”
“ขอบเขตต้น อากาศจะเยือกแข็ง แช่แข็งทุกพื้นผิวให้กลายเป็นอาวุธเทพ”
“ขอบเขตกลาง ร่างกายกลายเป็นน้ำแข็ง ทุกท่วงท่าแช่แข็งสิ่งมีชีวิตได้ทุกชนิด”
“ขอบเขตสูง หัวใจจะกลายเป็นแก่นแท้น้ำแข็งและดูดซับความเย็นเพื่อขัดเกลาความเย็นเข้มข้นผ่านสายโลหิต”
“สิ่งที่ต้องการแก่ผู้บ่มเพาะคือพื้นฐานวิชาน้ำแข็ง แก่นหลักต้องมีสติปัญญาระดับเหนือมนุษย์!”
ด้านล่างปกตำรามีข้อคิดเห็นจากราชันย์ศักดิ์สิทธิ์
“ศิษย์สวรรค์ของข้า หากไม่เข้าใจตำรานี้ในหนึ่งวัน จงล้มเลิกทันที มิเช่นนั้นเจ้าจะต้องใช้เวลา สามสิบ ห้าสิบ หรืออีกหลายปีก่อนที่พวกเจ้าจะคืบหน้า”
ซือหยูเกิดไฟสู้ วิชานี้ทำมาสำหรับเขาโดยเฉพาะไม่ผิดแน่!
เขามีพื้นฐานวายุกระหน่ำ และยังมีพลังเร่งเวลาที่จะเร็วกว่าคนอื่นห้าสิบเท่า ด้วยพลังนี้ แม้ระดับสติปัญญาจะต่ำกว่าคนอื่นก็ทำให้เขาบ่มเพาะมันได้ ซือหยูเปิดตำราและใช้พลังเร่งเวลาทันที
เซี่ยจิงหยูมองผ่านตำราทั้งสาม นางข้ามเนตรอสูรนรกเพราะมันทำให้นางไม่สบายใจ นางมิได้มีพื้นฐานวิชาน้ำแข็งจึงไม่สนใจแก่นแท้จิตน้ำแข็งเช่นกัน
นางเลือกภวังค์น้ำค้างมาเปิดผ่านและตาเป็นประกายด้วยความดีใจ วิชาระดับเทพนี้เหมาะกับนางมาก เซี่ยจิงหยูเริ่มเปิดตำราทันที
เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ หลังจากครึ่งวันซือหยูก็ค่อยๆลืมตา แววตาคมกริบดั่งน้ำแข็ง
อากาศรอบตัวเขากลายเป็นหมอกขาวเมื่อพบกับความเย็น มันกลายเป็นเข็มน้ำแข็งตกสู่พื้น มันน่ายินดีอย่างยิ่ง ครึ่งวันที่เขาใช้พลังเร่งเวลานั้นเทียบเท่ากับห้าสิบวัน! ซือหยูบรรลุแก่นแท้จิตน้ำแข็งขอบเขตต้นสำเร็จ!
ต้องขอบคุณการเปลี่่ยนแปลงของวิญญาณในครั้งประชุมศักดิ์สิทธิ์ พลังปัญญาของเขาก้าวกระโดดขึ้นมามาก
แน่นอนว่าต้องขอบคุณพลังเร่งเวลาเช่นกัน หากไม่มีมันซือหยูจะต้องใช้เวลาเกือบทั้งเดือน เมื่อเห็นเซี่ยจิงหยูยังคงทำสมาธิอยู่ซือหยูก็ไม่รบกวนนางและมองวิชาระดับเทพอีกสองวิชาที่เหลือ
ภวังค์น้ำค้างไม่เหมาะกับซือหยูแน่นอน แต่เนตรอสูรนรกนั้นใช้พลังวิญญาณ...ซือหยูเปิดมันทันที!
“เนตรอสูรนรก วิชาระดับเทพ วิชาลับแห่งวิญญาณ แบ่งเป็นสองส่วน”
“ส่วนล่าวิญญาณ หากบ่มเพาะสำเร็จ ผู้ใช้จะปล่อยวิชาล่าวิญญาณเพื่อดูความทรงจำของคนที่ระดับพลังเท่ากัน หรือต่ำกว่าได้”
“ส่วนคุมวิญญาณ หากบ่มเพาะสำเร็จ ผู้ใช้จะยักย้ายวิญญาณศัตรูและควบคุมร่างกายของศัตรูได้ ศัตรูจะต้องมีพลังไม่สูงกว่าผู้ใช้หนึ่งขั้น”
นี่เป็นวิชาวิญญาณและผลของมันน่าทึ่งมาก! ซือหยูใช้พลังเร่งเวลาบ่มเพาะมันทันที
ครึ่งวันถัดมาซือหยูค่อยๆลืมตาที่เต็มไปด้วยความพอใจ หลังจากวิญญาณหลอมเป็นหนึ่งแล้ว พลังวิญญาณของเขาเพิ่มจนถึงจุดสูงสุด! นั่นทำให้เขามีเงื่อนไขที่ดีเยี่ยม และบ่มเพาะมันจนสำเร็จทั้งสองส่วน!
วิชาล่าวิญญาณและคุมวิญญาณจะควบคุมทั้งหัวใจและจิตใจในเวลาเดียวกัน! เพียงวันเดียวเขาก็บ่มเพาะวิชาระดับเทพได้สองวิชา ซือหยูเต็มไปด้วยความมั่นใจในการเข้าสู่ป่าอสูร!
เมื่อซือหยูบ่มเพาะสำเร็จ เซี่ยจิงหยูก็ลืมตาอันสดใสของนาง ใบหน้านางพอใจมาก
“พี่หยู ข้าบรรลุวิชาขั้นต้นแล้ว”
ภวังค์น้ำค้างแบ่งเป็นขอบเขตต้น กลาง และสูง เซี่ยจิงหยูบรรลุขอบเขตต้นในแค่วันเดียว!
ซือหยูอ้าปากตกตะลึง เขาต้องใช้พลังเร่งเวลาจึงจะบรรลุขอบเขตต้นได้ นั่นหมายความว่าเขาใช้เวลาไปยี่สิบห้าวัน แต่เซี่ยจิงหยูใช้เวลาจริงๆไปแค่วันเดียว?!
นี่มันวิชาระดับเทพ! หากเขาไม่รู้จักเซี่ยจิงหยูมาก่อนจะต้องสงสัยว่านางพูดพล่อยแน่ๆ!
เขานึกถึงวันที่อยู่ท่ามกลางดอกท้อและแสงจันทรา เมื่อเขาสอนเซี่ยจิงหยูให้เคลื่อนไหว นางก็เข้าใจฎีกาสวรรค์หลังการสอนเพียงสิบครั้ง
และตอนนี้นางก็ใช้เวลาเพียงวันเดียวในการบ่มเพาะวิชาระดับเทพ!
พลังปัญญาของนางแกร่งกว่าซือหยูยี่สิบห้าเท่า!
นี่นางเป็นมนุษย์จริงงั้นรึ?!
เขามองรอยยิ้มของเซี่ยจิงหยูและรู้สึกสมองตื้อ เขารู้อยู่แล้วว่านางมีปัญญาอันน่าทึ่ง! แต่เขาไม่รู้ว่านางจะมีความสามารถขนาดนี้ แต่เขามิอาจเปิดเผยเรื่องนี้ มิเช่นนั้นนางจะเป็นอันตราย
ซือหยูพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม
“ยินดีด้วยจิงหยู เจ้าเพิ่มพลังขึ้นมากเลย!”
พวกเขาแลกเปลี่ยนความเข้าใจในวิชาแก่กัน เซี่ยจิงหยูตาเป็นประกายที่ได้รู้ว่าซือหยูบ่มเพาะวิชาระดับเทพได้ถึงสองวิชา ระดับของซือหยูหามีผู้ใดเทียบได้
ซือหยูหน้าแดงด้วยความละอายใจ พลังเร่งเวลาของเขานั้นถือว่าโกงยิ่งนัก จะไปเทียบกับปัญญาเหนือมนุษย์ของเซี่ยจิงหยูได้อย่างไร?
เมื่อถึงตอนเลือกอาวุธ เซี่ยจิงหยูมิได้ใช้โอกาสนี้ นางต่อสู้ได้ดีกว่าหากใช้มือในระยะประชิด อาวุธอื่นใดนั้นจะกลบพลังของนาง
ซือหยูสามารถมองระยะไกลได้ นั่นเป็นข้อได้เปรียบหากเขาใช้ธนู แต่ไม่มีธนูที่เหมาะกับเขาที่นี่เลย ธนูที่นี่ทำจากวัตถุดิบอันแข็งแกร่งที่ต้องการพลังแขนมหาศาล ร่างกายของซือหยูไม่เหมาะกับธนูนั้น เขาจึงไม่คิดจะใช้ธนูอีก
ซือหยูที่ผิดหวังได้พบกับอาวุธประหลาดที่ดึงความสนใจ มันเป็นบอลกลมของเส้นด้ายเล็กๆ มันโปร่งใสและยากที่จะมองเห็นด้วยตาเปล่า ซือหยูลองใช้นิ้วสัมผัส
ซึ่บ--
ราวกับโดนไฟดูด เขารีบดึงมือกลับทันทีและมองที่นิ้วของตัวเอง มันมีรอยตัดราบเรียบและโลหิตซึมออกมา ซือหยูอ้าปากค้าง หากเขาจับมันแรงกว่านี้เขาคงจะเสียนิ้วไปแล้ว!
มันเป็นเส้นด้ายที่คมอย่างมาก!
เขามองคำอธิบายใกล้ๆ
“ไหมพันมังกร เหนียวและอ่อนนุ่ม ไหมนี้ทนแรงได้ถึงหมื่นกิโล แม่นยำไร้เทียมทาน เส้นไหมนี้ตัดทองคำและเงินได้อย่างง่ายดาย! ผู้ใช้จะต้องระวังอย่างมาก!”
ซือหยูตาเป็นประกาย บางทีไหมพันมังกรนี้อาจจะเหมาะกับเขามากกว่าธนูก็ได้! หลังจากอ่านคำอธิบายจบซือหยูก็เก็บไหมพันมังกร เขาคลี่บอลไหมออกและพบว่ามันยาวถึงสามร้อยศอก!
ใกล้ๆไหมพันมังกรคือแหวนหยกทมิฬ มันทำจากวัตถุดิบที่แข็งมาก และทนแรงตัดของไหมพันมังกรได้ ในตอนนี้ไม่ได้ใช้ไหมพันมังกรเขาจะใช้ไหมพันกับแหวนนี้ได้เพื่อไม่ให้มันโดนตัวเขาจนบาดเจ็บ และเมื่อใช้มันจะเอาออกมาได้เพียงดีดนิ้ว
วิธีนี้ง่ายดายและสะดวก ควบคู่กับความโปร่งใสของไหมพันมังกรกับพลังป้องกันและโจมตีของมัน
ซือหยูและเซี่ยจิงหยูต่างได้รับสิ่งที่ดียิ่ง พวกเขารีบไปยังทางเข้าป่าอสูร
เขาพบหลายคนรอป่าอสูรเปิด ท่ามกลางคนเหล่านั้นมีเฟิงห่าว ศิษย์พี่หลิว และชางหมิงยี่ และยังมีตู้หลินที่รวมกันเป็นกลุ่มเล็กๆ!
ว่าที่สิบศิษย์สวรรค์ต่างแข่งกันเองเพื่อให้ได้เป็นศิษย์สวรรค์และร่วมมือแสวงโชคในป่าอสูร
ไม่ว่าจะการเพิ่มพลังหรือการใช้ทรัพยากรอย่างสิ้นเปลืองที่สุดก่อนวิหารจะล่มสลาย ป่าอสูรคือทางเลือกบ่มเพาะที่เร็วที่สุด ไม่ใช่เพียงตู้หลิน แต่ศิษย์สวรรค์อีกเก้าคนก็มาที่นี่เช่นกัน!
แม้จะเป็นว่าที่ศิษย์สวรรค์ลำดับหนึ่ง หลงเสี่ยวยี่ สตรีอายุ 25 ปีก็อยู่ที่นี่ นางมีพลังแข็งแกร่งที่สุดในบรรดาว่าที่ศิษย์สวรรค์ ระดับพลังแปดขั้นสูง นางเกือบจะถึงขั้นของศิษย์สวรรค์แล้ว
กลุ่มของนางมีว่าที่ศิษย์สวรรค์ลำดับสองและสาม พวกเขาแต่ละคนมีพลังระดับแปดและร่วมกันเข้าสู่ป่าอสูร!
เมื่อได้ยินเสียงวุ่นวายหลงเสี่่ยวยี่ก็มองด้านข้างมาพบซือหยู
“เจ้าได้พูดสิ่งที่ข้าสมควรจะเป็นคนพูด ในหนึ่งเดือน มันจะเป็นข้าที่ได้เป็นศิษย์สวรรค์ มิใช่เจ้า”
น่างกล่าวด้วยความหยิ่งยโส
ซือหยูแสร้งไม่ได้ยิน
ชางหมิงยี่มองอย่างขมขื่นอยู่ไกลๆ เขาพบเซี่ยจิงหยูและฝืนความรู้สึกไม่ได้
“ศิษย์น้องเซี่ย...มาอยู่กลุ่มศิษย์พี่ไหม? ศิษย์พี่ตู้ใจกว้างและไม่เห็นแก่ได้ หากเจ้าทิ้งซือหยู พวกเราจะรับเจ้าเข้ากลุ่ม”
“ศิษย์พี่ชาง กังวลเรื่องของตัวเองไปเถอะ พี่หยูกับข้าจะไปด้วยกัน”
เซี่ยจิงหยูตอบอย่างไม่แยแส
“ในป่าอสูรนั่น พวกเจ้าทั้งคู่อยู่ได้ไม่ถึงสามวันแน่หากไม่มีคนที่แข็งแกร่งคุ้มครอง”
ชางหมิงยี่มองซือหยูอย่างเยาะเย้ยและเข้าป่าอสูรไปกับตู้หลิน
ก่อนตู้หลินจะเข้าป่าอสูร เขามองซือหยูด้วยจิตสังหาร มันยากหากจะสังหารคนนอกป่า แต่ถ้าหากเป็นในป่าก็คงจะยากที่ราชันย์จะสืบสวนได้ ซือหยูจะต้องตายในนั้น!
ฆาตกรที่สังหารน้องชายเขาจะต้องทิ้งชีวิตไว้ที่นั่น!
ซือหยูรู้สึกถึงจิตสังหารจากตู้หลินทันที!
ตู้หลินยังคิดว่าซือหยูยังอ่อนแออยู่งั้นรึ? หากเจอกันอีกครั้งซือหยูจะมอบบทเรียนให้กับเขาแน่!
ติชมให้กำลังใจ กดไลค์แฟนเพจมาคุยกันได้เลยจ้าาา