DND.70 - ไพรอสูร
ซือหยูท้อใจ เขาเคยคิดว่าวิหารจะเป็นที่ที่ยอดเยี่ยมในการฝึกฝนพลัง เมื่อเวลาผ่านไปเขาจะแกร่งพอที่จะได้อยู่กับเซี่ยนเอ๋ออีกครั้ง เขาไม่ได้คิดถึงการที่วิหารที่ล่มสลายเลย...โชคมิได้เข้าข้างเขาแม้แต่น้อย ยิ่งกว่านั้น ราชันย์ศักดิ์สิทธิ์....ที่ในที่สุดก็มาปรากฏตัวตรงหน้าเขา...เต็มไปด้วยจิตสังหาร!
ฟึ่บ--
เงาอันงดงามบินมาขวางซือหยู
“ท่านราชันย์! โปรดให้โอกาสเขาด้วย!”
เซี่ยจิงหยูคุกเข่าต่อหน้าราชันย์ศักดิ์สิทธิ์
นางทนเห็นซือหยูที่ซื่อสัตว์มิได้ แม้ว่าจะเจ็บปวดที่เขาคิดจะทิ้งชีวิตเพื่อเซี่ยนเอ๋อ
จิตสังหารในแววตาราชันย์ศักดิ์สิทธิ์เข้มข้นขึ้น
“กลับไปซะ มิเช่นนั้นข้าจะฆ่าเจ้าด้วย!”
“ได้โปรด...ท่านราชันย์ ให้ความปรารถนาเขาเป็นจริงทีเถอะ!”
เซี่ยจิงหยูขอร้องอ้อนวอน ใบหน้าอันน่าหลงใหลของนางเด็ดเดี่ยว
“ฮื่ม! อวดดีนัก!”
ราชันย์ศักดิ์สิทธิ์โกรธจนถึงขีดสุด!
ยังพอทนได้หากมีเพียงคนเดียวที่ลบหลู่ความยิ่งใหญ่ของเขา แต่ในตอนนี้กลับมีเพิ่มอีกหนึ่งคน...เกียรติของเขาไปอยู่ที่ใดกัน? เพียงคำเดียวของราชันย์ก็มากพอให้เขาตัดสินชีวิตและความเป็นความตายได้แล้ว!
ราชันย์สั่งฆ่าพวกเขาได้ในคำเดียวทุกเมื่อ...ตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้น?!
ความตายของพวกนอกรีตสองคนยังไม่เป็นไร...แต่มีอีกคนปรากฏตัวขึ้น
“ท่านอาจารย์! ให้โอกาสซือหยูด้วย!”
ฉิวชางเจี้ยนโค้งคำนับราชันย์ ใจเขาสั่นกลัว มีเพียงการเข้าใจอดีตของซือหยูเท่านั้นที่จะทำให้รู้ว่าเหตุใดซือหยูจึงหนักแน่นเช่นนี้ ซือหยูต่อสู้เพื่อความภักดี มิว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม ไม่น่าเสียดายไปหน่อยหรือที่ต้องทำลายบุรุษเช่นนี้?
“นี่เจ้า….”
ราชันย์ตกตะลึงเป็นครั้งแรก
ฉิวชางเจี้ยนคือศิษย์สวรรค์ของเขาที่มักจะทำตามกฎอย่างเคร่งครัดเสมอ แต่ในตอนนี้เขากลับถูกศิษย์ผู้นี้ต่อต้าน...ทั้งหมดก็เพราะซือหยู!
“ท่านราชันย์! ได้โปรดพิจารณาใหม่เถอะ!”
ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ
ศิษย์พี่ว่าที่ศิษย์สวรรค์หมอบลงกับพื้นทันที! ความตั้งใจของคนนับร้อยรวมกันเป็นหนึ่งเพื่อขอร้องคนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเก้าแคว้น...มันกลายเป็นเสียงประสาน! พวกเขาจับใจในซือหยู ซือหยูกล้าลุกขึ้นขืนคำสั่งของราชันย์ศักดิ์สิทธิ์ต่างกับบุรุษผู้อื่น...ทั้งหมดก็เพื่อคนคนเดียว!
“พวกเจ้า….”
ราชันย์ศักดิ์สิทธิ์โกรธเกรี้ยว ผู้ติดตามทั้งหมดของเขากำลังฝ่าฝืนคำสั่งเขา...ทั้งหมดก็เพราะซือหยู!
จะหนึ่งคน สองคน หรือสามคน อย่างร้อยเขาก็ได้ยินเพียงเสียงร่ำไห้ แต่ตอนนี้คนนับร้อยกำลังอยู่ฝั่งตรงข้ามราชันย์!
ราชันย์ต้องเริ่มคิดใหม่จากใบหน้าอ้อนวอนของผู้คนนับร้อย เขาคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะเพ่งจิตสังหารไปยังซือหยู
“ก็ได้! ข้าจะให้โอกาสเจ้า...ข้าจะให้โอกาสพวกเจ้าทุกคนด้วย! พวกเจ้าจะอยู่ในวิหารได้อีกหนึ่งเดือน เมื่อถึงการประลองวายุ หากพวกเจ้าได้สิบอันดับแรก ข้าจะให้พวกเจ้าอยู่เคียงข้างข้า!”
ราชันย์ตัดสินใจให้โอกาสทุกคน แต่ราคานั้นสูงยิ่ง
เขามองซือหยู
“แต่เจ้า ซือหยู! หากเจ้าไม่มีพลังเพียงพอได้เป็นศิษย์สวรรค์ในหนึ่งเดือน...บทลงโทษเจ้าจะเป็นเช่นใด?”
ซือหยูเข้าใจดี ราชันย์ศักดิ์สิทธิ์คือตัวตนที่เป็นตำนาน และซือหยูทำให้เขายอมอ่อนข้อ ตามชื่อเสียงของราชันย์แล้ว เขาแสดงความใจกว้างยิ่งนักที่ไม่สังหารซือหยูทันที หากซือหยูล้มเหลวในสิ่งที่พูดในเดือนนี้ ก็มีเพียงสิ่งเดียวที่ราชันย์จะทำ
“ข้ารู้...ความตาย!”
“ใช่แล้ว! ความตาย!”
ราชันย์ยืนยันอย่างเย็นชา
“แต่หาใช่ความตายของเจ้า!....แต่เป็นนาง!”
ราชันย์ศักดิ์สิทธิ์ชี้ไปที่เซี่ยจิงหยู! นางครางอย่างเจ็บปวดเบาๆเมื่อถูกพลังของราชันย์
“หากข้ามิได้เห็นตามคำของเจ้าใน อีกหนึ่งเดือนจะเป็นวันตายของนาง!”
เสียงอันเย็นชาของราชันย์เต็มไปด้วยความโกรธ
ซือหยูชักสีหน้า
“ข้าคือคนที่ฝ่าฝืนท่าน ทำไมท่านลงโทษนาง?”
ฟึ่บ--
ราชันย์จากไปทันที แม้เขาจะอยู่ต่อหน้าซือหยูอย่างชัดเจน เขาก็หายไปในพริบตาเดียว! แม้ซือหยูจะใช้พลังเร่งเวลาเขาก็ไม่มีวันตามราชันย์ศักดิ์สิทธิ์ได้ทัน!
ปั้ง--
ด้านในประตูมืดลงอีกครั้งพร้อมกับประตูศิลาที่ปิดลง
ก่อนที่ประตูจะปิดสนิท เสียงอันเย็นชาของราชันย์ดังสะท้อนไปทั่ว
“กับบุรุษที่ยอมทิ้งชีวิต...ความเจ็บปวดที่แท้จริงหาใช่ความตายของตน...แต่เป็นคนที่บุรุษผู้นั้นรัก...”
ซือหยูมองเซี่ยจิงหยู เขาสำนึกผิดจากใจแต่ก็พูดอะไรไม่ออก เป็นเขาเองที่ใช้ความตายมาต่อรอง แต่กลับเป็นเซี่ยจิงหยูที่ชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้าย
“จิงหยู...ข้า...”
ซือหยูรู้สึกผิดอย่างหาคำอธิบายมิได้
เซี่ยจิงหยูยังคงเงียบสงบเช่นทุกที นางยิ้ม
“ข้าไม่เป็นไร”
แม้จะข่มใจ นางก็มิอาจห้ามเสียงไม่ให้สั่น เสียงของนางบ่งบองถึงความกลัวภายใน เซี่ยจิงหยูยังคงฝืนยิ้ม
“ซือหยู...หากเจ้าเอาเซี่ยนเอ๋อกลับมาได้...ถึงข้าจะต้องตาย...ข้าก็ไม่เสียใจ”
ซือหยูใจสั่นด้วยความเจ็บปวด เขาติดหนี้จิงหยูมากมายนัก เขาไม่มีทางจ่ายคืนนางได้เลย
“จิงหยู...ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าตาย!”
ซือหยูเงียบไปนาน และทำใจได้ เขาจะเสี่ยงชีวิตเพื่อเซี่ยนเอ๋อ...และจะช่วยเซี่ยจิงหยูให้จงได้
นางมองดวงตาซือหยูและจิตใจสงบลง ความกลัวของนางถูกแทนที่ด้วยความสงบในใจ นางยิ้มอย่างสดใสราวกับบัวคิมหันต์ที่บริสุทธิ์งดงาม
“พี่หยู ไปกันเถอะ”
เซี่ยจิงหยูพูดด้วยหน้าแดงราวกับแสงสะท้อนจากตะวัน
เพียงคำพูดเดียว ความสัมพันธ์ของพวกเขาก็เติบโตขึ้น เซี่ยจิงหยูอายุสิบสี่ปีเช่นซือหยู เขาแก่กว่าเซี่ยจิงหยูเพียงไม่กี่เดือน และเซี่ยจิงหยูยังไม่เคยเรียกเขาว่า ‘พี่หยู’ เลยสักครั้ง ซือหยูรู้สึกอบอุ่นอย่างมาก เขาติดหนี้จิงหยูมากเกินไปแล้ว! เขาจะต้องปกป้องนาง! ซือหยูต้องรีบไปให้ถึงพลังของศิษย์สวรรค์...แม้จะเหลือเวลาเพียงหนึ่งเดือนก็ตาม!
ฟึ่บ--
ฉิวชางเจี้ยนพุ่งเข้ามา ดวงตานับถืออยู่ลึกๆ ก่อนหน้านี้เขาเพียงรู้สึกชื่นชมซือหยูเท่านั้น
“ซือหยู! เจ้าเป็นคนดีจริงๆ!”
ฉิวชางเจี้ยนชมเชย เขามองเซี่ยจิงหยูและรู้สึกอิจฉาซือหยูเล็กน้อย เขาโชคดีนักที่มีสตรีอันภักดีและรูปโฉมงดงามเข้ามาในชีวิต แล้วชีวิตนี้จะต้องการสิ่งใดอีก?
“เจ้ามั่นใจแค่ไหนว่าเจ้าจะได้เป็นศิษย์สวรรค์?”
ฉิวชางเจี้ยนถาม
“บอกตามตรง ข้าไม่รู้เลยว่าต้องมีพลังเพียงใด”
ซือหยูตอบทื่อๆ
ฉิวชางเจี้ยนค่อยๆตอบทีละคำอย่างชัดเจน
“ธรรมดานัก...ชนะข้าให้ได้!”
ในสิบศิษย์สวรรค์ ฉิวชางเจี้ยนคืออันดับสิบ เขาคือศิษย์สวรรค์ที่อ่อนแอที่สุด ตามกฎเก่าแก่ คนที่จะได้เป็นศิษย์สวรรค์จะต้องเอาชนะศิษย์สวรรค์ที่ลำดับต่ำสุดให้ได้
ซือหยูตัวสั่น!
ฉิวชางเจี้ยนมีพลังระดับเก้าขั้นต้น สังหารซือหยูได้เพียงดีดนิ้ว บุรุษเช่นนี้คือผู้ที่มีพลังต่ำที่สุดงั้นรึ? ซือหยูจะต้องมีพลังระดับเก้าถึงจะช่วยเซี่ยจิงหยูเช่นนั้นรึ?!
“ข้าขอถามเจ้าอีกครั้ง เจ้ามีแผนบ่มเพาะพลังหรือไม่?”
ดวงตาฉิวชางเจี้ยนเป็นประกาย
ซือหยูส่ายหัว
“ข้าจะไปฝึกคนเดียวและสู้จริงเพื่อบ่มเพาะพลัง”
“หากเจ้าใช้วิธีธรรมดาเช่นนี้ก็เตรียมตัวรอความตายของศิษย์น้องเซี่ยได้เลย”
ฉิวชางเจี้ยนดุ ก่อนจะพูดเพิ่ม
“ท่านอาจารย์คิดว่าเจ้าไม่ดีพอจะได้เป็นศิษย์สวรรค์...เขาไม่ได้พูดเล่น!”
ซือหยูรู้สึกกลัว
“ข้าขอร้องศิษย์พี่ฉิว...โปรดชี้แนะข้าด้วย!”
เขาขอร้อง
“ข้าชี้ทางให้เจ้าบรรลุพลังอย่างรวดเร็วได้แน่...แต่มันอันตรายและเจ้าอาจจะตายได้ทุกเมื่อ เจ้าคิดจะลองมันไหม?”
เขาถามอย่างจริงจัง
ซือหยูพยักหน้าโดยไม่ลังเล
“ข้าทิ้งชีวิตตัวเองไปแล้ว...แต่ข้าต้องปกป้องเซี่ยจิงหยู”
ให้เขาตายดีกว่าจะเป็นเซี่ยจิงหยู
“ดี! เจ้า...มากับข้า!”
“ข้าจะไปด้วย อีกหนึ่งเดือนข้าอาจจะตายอยู่ดี ข้าขอลองวิธีนั้นด้วย”
ฉิวชางเจี้ยนลังเลเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้า
พวกเขาเดินทางอยู่นานก่อนจะออกจากวิหารสวรรค์และถึงตะวันออกเฉียงใต้ของวิหารมนุษย์ มันเป็นป่ารกทึบที่กว้างนับหลายร้อยลี้ บรรยากาสมืดมนโอบล้อมด้านในป่า...ทำให้ผู้คนสั่นกลัวเมื่อพบเห็น
“นี่คือป่าอสูร มีมือสั่งหารชั่วร้ายซ่อนตัวอยู่ข้างใน แต่ละคนมีพลังน่ากลัวนัก พวกมันเป็นที่รู้จักกันในนามเพชรฆาตแห่งพันธมิตรเก้าแคว้น พวกมันป่าเถื่อนดุร้าย สังหารได้อย่างเลือดเย็น มันขืนใจและสังหารคนบริสุทธิ์นับไม่ถ้วน พวกมันไม่ได้แข็งแกร่งอย่างเดียว มันเจ้าเล่ห์และโหดร้ายนัก ยากจะจับตัวได้”
“เมืองพันธมิตรขอให้วิหารช่วยจัดการฆาตกรพวกนี้ พวกเขาขอให้เราศิษย์สวรรค์ทำภารกิจนำพวกมันมาขังไว้ในป่าอสูร...ที่ที่พวกมันจะสิ้นพลังและมิเป็นภัยคุกคาม”
ใครกันจะกล้าออกจากป่าที่ราชันย์ศักดิ์สิทธิ์เฝ้าดูอยู่?
เซี่ยจิงหยูสับสน
“หากพวกมันดุร้ายนัก เหตุใดไม่ลงโทษมันเสีย? ทำไมต้องปล่อยให้มันมีชีวิต?”
“ถามได้ดี”
ฉิวชางเจี้ยนชม
“การเอาพวกมันมาอยู่ในป่าอสูรและไม่สังหารจะทำให้ศิษย์สวรรค์มีโอกาสในการสู้จริง! นั่นทำให้พวกเราได้สัมผัสกับพวกอาชญากรตัวจริง และยังทำให้พลังบ่มเพาะเราเพิ่มขึ้นมาก”
“ในร้อยปีนี้ มีศิษย์หลายคนหายไปจากวิหาร ส่วนมากออกจากวิหารไป แต่ที่เหลือถูกพบศพในป่าอสูร”
ซือหยูตัวสั่น
“เช่นนั้นแล้ว...พวกนี้มีระดับพลังเท่าใดกัน?”
ฉิวชางเจี้ยนใบหน้ามืดหม่น เขาเตือน
“พวกนี้มีพลังต่ำสุดที่ระดับเจ็ด! แกร่งที่สุดระกับเก้า!”
อ่อนแอที่สุดก็ระดับเจ็ดแล้วรึ? ซือหยูกับจิงหยูอ้าปากค้าง! พวกมันคือเพชรฆาตที่สั่นคลอนทั้งเก้าแคว้นไม่ผิดแน่ ไม่ต้องพูดก็รู้ว่าการจัดการพวกมันนั้นยากยิ่งนัก
เซี่ยจิงหยูยากจะเข้าใจ
“ศิษย์พี่ฉิว ท่านตั้งใจจะให้พวกเราเข้าไปในป่าอสูรเพื่อสู้กับคนพวกนี้ใช่หรือไม่? เราจะได้เจออันตราย...แต่โอกาสบรรลุพลังมันอยู่ที่ใดกัน?”
การต่อสู้เอาชีวิตนั้นเพิ่มพลังบ่มเพาะได้แน่นอน แต่การประลองธรรมดาก็ให้ผลไม่แพ้กัน เซี่ยจิงหยูไม่เห็นผลดีที่มากกว่าความเสี่ยงเลย
ฉิวชางเจี้ยนชื่นชมความช่างสังเกตของนาง
“ดี เจ้าถามได้ตรงประเด็นนัก การต่อสู้เอาชีวิตนั้นมิได้เพียงพลังแบบก้าวกระโดด แต่ในร่างของพวกมันแต่ละคนมีเศษโอสถวิญญาณระดับสวรรค์!”
ซือหยูคุ้นเคยกับโอสถวิญญาณอยู่แล้ว เขาดื่มมันหลายต่อหลายครั้ง แต่โอสถวิญญาณระดับสวรรค์คืออะไรกัน? เขามองเซี่ยจิงหยูแต่นางก็สับสนไม่ต่างกัน
“โอสถวิญญาณระดับสวรรค์มาจากการผันแปรของโอสถวิญญาณที่ผู้บ่มเพาะพลังดื่มเข้าไป วัตถุดิบจะได้รับการขัดเกลาที่แตกต่างจากโอสถวิญญาณธรรมดา ความต่างนั้นราวกับนรกสวรรค์”
“เทียบได้ว่าโอสถวิญญาณขั้นสูงร้อยขวดยังห่างไกลจากโอสถวิญญาณระดับสวรรค์หนึ่งขวดมากมายนัก สำหรับพวกเจ้าที่มีพลังระดับห้าขั้นสูง การดื่มโอสถวิญญาณระดับสวรรค์หนึ่งขวดจะทำให้เจ้าเลื่อนระดับถึงระดับหกขั้นกลาง...มันจะเพิ่มพลังให้พวกเจ้าสองขั้น!”
“แน่นอนว่าหากพลังพวกเจ้าเพิ่มขึ้น ผลของโอสถวิญญาณจะลดลงตามลำดับ และยากที่จะบรรลุพลังได้ แต่นี่คือวิธีที่เร็วที่สุดในการเพิ่มพลังในวิหาร”
ฉิวชางเจี้ยนอธิบาย
ซือหยูหายใจเร็ว แววตาเซี่ยจิงหยูเป็นประกาย เพียงขวดเดียวก็ไปถึงระดับหกขั้นกลางงั้นรึ? เทียบไม่ได้เลยกับโลกมนุษย์
“และยังมีโอสถวิญญาณระดับเทพสองชิ้นในร่างของพวกระดับเก้า! ผลของมันสูงกว่าระดับสวรรค์มากนัก!”
ยังมีโอสถวิญญาณระดับเทพอีกด้วยรึ? แค่ระดับสวรรค์ก็น่าทึ่งแล้ว โอสถวิญญาณระดับเทพจะเป็นยังไงกันแน่?!
ติชมให้กำลังใจ กดไลค์แฟนเพจมาคุยกันได้เลยจ้าาา