DND.69 - ความยุ่งเหยิงในวิหาร
“เจ้าประเมินตัวเองสูงไปแล้ว!”
ตู้หลินขมวดคิ้ว แววตาดูถูก
ซือหยูแข็งแกร่งมาก เขามีวิชามากมายไม่ผิดจากข่าวลือ เขามีพลังที่เหนือกว่าระดับหกขั้นสูง แต่ในสายตาตู้หลิน ซือหยูทนการโจมตีเดียวของเขาไม่ได้ด้วยซ้ำ
ในใจเขาเติมเต็มด้วยจิตสังหาร ตู้หลินเคลื่อนไหว!
ปั้ง--
ทันใดนั้นพวกเขาก็ได้ยินเสียงระฆังดังก้องทะลุทั่วฟ้าดิน ตู้หลินตัวสั่นเทิ้ม เขามองข้างหลังไปหาศูนย์กลางวิหาร เสียงดังมากจากโถงโบราณไปทั่วมวลเมฆา เหล่าศิษย์พี่รวมตัวกันมาดูความยุ่งเหยิงและตกตะลึงกับสิ่งที่ได้เห็น
ปั้ง--
ระฆังดังอีกครั้ง!
“เกิดอะไรขึ้น? ราชันย์ศักดิ์สิทธิ์ตีระฆังสองครั้งงั้นรึ?”
ตู้หลินลืมตากว้าง เขาพุ่งตรงไปยังวิหารอย่างไม่ลังเล เขาไม่สนใจการประลองกับซือหยูด้วยซ้ำ ศิษย์พี่คนอื่นหน้าถอดสีและพุ่งตามไปอย่างรวดเร็ว
ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ--
หลายต่อหลายคนปรากฏตัวขึ้นจากทุกที่และรีบพุ่งไปยังโถงโบราณ ซือหยูและเซี่ยจิงหยูมองหน้ากัน...เสียงระฆังหมายถึงอะไรงั้นรึ?
ฟึ่บ-
ชายหน้าซีดมองเห็นซือหยูและหยุดเพื่อตำหนิ
“ราชันย์ศักดิ์สิทธิ์เรียกพวกเรา ทำไมพวกเจ้ายังไม่รีบไปอีก?”
ชายผู้นี้คือฉิวชางเจี้ยน!
ราชันย์ศักดิ์์สิทธิ์เรียกพวกเขาขั้นรึ? ซือหยูตกตะลึง ราชันย์ศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นตำนานแห่งพันธมิตรเก้าแคว้น...กำลังเรียกพวกเขา? ซือหยูและเซี่ยจิงหยูรีบไปกับฉิวชางเจี้ยนด้วยความกลัว
ฉิวชางเจี้ยนอธิบายไปตามทาง
“ข้างในโถงราชันย์ จะมีระฆังสวรรค์ มีเพียงราชันย์เท่านั้นที่ตีระฆังนั้นได้”
“หนึ่งครั้งเป็นการเรียกตัวแบบทั่วไป สองครั้งหมายถึงเรื่องเร่งด่วน!”
ฉิวจางเจี้ยนใบหน้าเป็นกังวล เขาไม่สบายใจเลย
ซือหยูสงสัยขึ้นมาทันที
“ศิษย์พี่ฉิว...เรื่องเร่งด่วนเช่นนี้เกิดขึ้นบ่อยหรือไม่?”
ฉิวชางเจี้ยนส่ายหัวและตอบอย่างหม่นหมอง
“การเรียกตัวแบบเร่งด่วนงั้นรึ? ในประวัติศาสตร์วิหาร มีแค่สองครั้ง ครั้งแรกคือตอนที่วิหารถูกก่อตั้ง ระฆังได้ถูกตีเพื่อเรียกทุกคนมาชุมนุม”
“นั่นคือเมื่อร้อยปีที่แล้ว วันนี้คือการเรียกเร่งด่วนครั้งที่สอง”
ซือหยูเบิกตากว้าง มีแค่ครั้งเดียวเองงั้นรึ? และตอนนี้มันก็ถูกตีอีกครั้งอย่างคาดไม่ถึง! มันหมายถึงสิ่งใดกัน? เขาควรจะตื่นเต้น...หรือเป็นกังวล?
ใบหน้าน่ารักของเซี่ยจิงหยูดูเศร้าหมอง
“ศิษย์พี่ฉิว ท่านน่าจะได้เจอกับราชันย์สวรรค์มาบ้าง รู้หรือไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น?”
นางและซือหยูจำได้ว่าฉิวชางเจี้ยนรีบไปหาราชันย์ทันทีที่พวกเขามาถึง...มันจะเกี่ยวข้องกันไหมนะ?
นางจะไปรู้อะไร? ฉิวชางเจี้ยนหัวเราะ
“เจอบ้างงั้นรึ? ขอบคุณศิษย์น้องเซี่ยที่มองข้าสูงส่งเช่นนี้ แต่ศิษย์สวรรค์เป็นแค่คนตัวเล็กๆ...ข้ามิได้มีความดีความชอบหรือพลัง...ข้าจะเจอเขาได้ยังไง?”
“ข้าอยู่วิหารมาสิบห้าปี...ข้าโชคไม่ดีที่ไม่ได้พบเขาในตอนทีถูกเลื่อนเป็นศิษย์สวรรค์ แต่ข้าไม่ได้เจอเขามาสิบห้าปีแล้ว”
ใบหน้าฉิวชางเจี้ยนเต็มไปด้วยความนับถือ
“ราชันย์มักจะอยู่อย่างสันโดษ เขาสั่งการโดยตรงกับคนอื่น...แทบจะไม่มีใครได้เห็นใบหน้าเขา”
“แต่ด้วยการเรียกตัวครั้งนี้ ราชันย์จะต้องออกมาแน่ พวกเจ้าโชคดีที่มาถึงวิหารก็ได้พบราชันย์ตัวเป็นๆ ศิษย์พี่ที่มาอยู่ที่นี่เป็นสิบปีก็ยังไม่มีโอกาสได้เห็นหน้าของราชันย์”
ฉิวชางเจี้ยนกล่าวอย่างอิจฉา
โชคดีงั้นรึ? สีหน้าซือหยูยังคงหม่นหมอง
ไม่นานคนก็มาถึงที่รวมตัว พวกเขาทั้งหมดก้มแสดงความเคารพ ศิษย์สวรรค์ลำดับแรกๆ ว่าที่สิบศิษย์สวรรค์ และศิษย์พี่หลายคนรวมกันกว่าร้อยคนได้มารวมตัวกัน ไม่มีใครกล้าหายใจแรง บรรยากาศเงียบอย่างประหลาด
เอี๊ยด-
ประตูเก่าแก่เปิดออกอย่างช้าๆ สายลมพัดออกมาจากประตู ด้านในประตูศิลาที่เปิดกว้างท่ามกลางหมอกเมฆาคือวิหารโบราณ...และไม่พบตัวราชันย์!
ซือหยูพยายามมอง เขามองเห็นในความมืด แต่เมื่อมองเข้าไปเขาก็ไม่พบอะไรเลย! ดูเหมือนจะมีชั้นพลังเทพที่ปิดกั้นการมองของเขา
“มีเหตุผลเดียวที่ข้าเรียกพวกเจ้าในวันนี้”
เสียงของราชันย์ดังมาจากที่ห่างไกล แต่กลับเหมือนว่าเสียงนี้ดังมาจากในโถงที่พวกเขาอยู่ เสียงนั้นโอบล้อมทุกคนที่นี่
ไม่นานราชันย์ก็พูดอีกครั้ง
“ข้าอยากจะบอกว่า...วิหารจะสิ้นสุดลงนับจากวันนี้!”
ถ้อยคำนั้นเจาะทะลุวิญญาณของทุกคน ทุกคนตื่นตระหนก! วิหารจะหายไปงั้นรึ? วิหารแห่งพันธมิตรเก้าแคว้นที่มีดินแดนศักดิ์สิทธิ์แสนกว้างใหญ่เช่นนี้น่ะหรือ?!
ไม่มีใครสงบใจเมื่อได้ยินเรื่องนี้แม้จะเป็นศิษย์พี่อย่างศิษย์พี่จ้าว ศิษย์พี่ชางและฉิวชางเจี้ยน ทุกคนยากจะยอมรับ มากกว่าร้อยคนที่ตกตะลึง! พวกเขากระซิบกันไปมาราวกับนภากำลังจะสลายไป
“ท่านอาจารย์!”
ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ--
สิบศิษย์สวรรค์คุกเข่าทันที
“ขอความกรุณาท่านอาจารย์ ยกเลิกคำสั่งนี้ด้วยเถอะ!”
ฉิวชางเจี้ยนตกตะลึง มันยากที่จะยอมรับกลียุคเช่นนี้ วิหารกว้างใหญ่จะหายไปในข้ามคืนได้อย่างไร?
“ได้โปรด ท่านราชันย์ โปรดยกเลิกคำสั่ง!”
ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ-
สิบว่าที่ศิษญ์สวรรค์ตามมาคุกเข่าเช่นกัน ในแววตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว!
ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ-
ศิษย์นับร้อยต่างคุกเข่าขอร้องราชันย์ หากวิหารหายไป พวกเขาจะไปไหน...พวกเขาจะทำอะไรต่อ?
ด้านในโถงอันมืดมิด ราชันย์ถอนหายใจกับโชคชะตาพวกเขา
“เรื่องได้ถูกตัดสินแล้ว ทุกคนนอกจากสิบศิษย์สวรรค์ให้เก็บสัมภาระออกจากวิหารพรุ่งนี้”
“ท่านราชันย์!”
กว่าร้อยคนร้องเสียงหลงด้วยความโศกเศร้า
นี่ราวกับวันสิ้นโลกของพวกเขา วิหารคือที่แห่งเดียวที่พวกเขาจะได้บ่มเพาะพลัง หากไม่มีวิหารพวกเขาก็เป็นแค่คนธรรมดาในโลกที่มิต้องทำสิ่งใด
ซือหยูและเซี่ยจิงหยูตัวแข็งทื่อ! พวกเขาเพิ่งจะมาถึงเมื่อวาน...และตอนนี้วิหารกำลังจะล่มสลาย! พวกเขาจะไปไหน...พวกเขาจะทำอะไร!? เซี่ยจิงหยูอาจจะกลับไปยังสำนักได้...แต่ซือหยูล่ะ? หากไม่มีวิหารเขาจะฝึกฝนเพื่อจัดการกับเฟิงหวงได้ยังไง?
มีพลังอันน่ากลัวไหลเวียนอยู่รอบๆ ศิษย์ทุกคนตกตะลึงและเงียบกริบ เหงื่อเย็นไหลออกมาจากกาย...ราชันย์กำลังโกรธ!
“เรื่องนี้ถูกตัดสินไปแล้ว!”
ราชันย์ทนไม่ได้อีกต่อไป
ความชัดเจนนี้ได้ทำให้พันธมิตรเก้าแคว้นตกตะลึง
“ไม่!”
ชายหนุ่มยืนแข็งขืน...ต่อหน้าราชันย์!
“กลับไปซะ!”
เสียงชายแก่ในโถงมืดมิดดังออกมา มันเป็นบัญชาสวรรค์ที่ทำให้คนล้มทั้งยืน...แต่ชายหนุ่มผู้นั้นยังคงยืนอยู่
“มีคนกำลังรอข้าอยู่...ข้าต้องอยู่ต่อ!”
เขาคือซือหยู! คำพูดอันทรงพลังดังสะท้อนในใจของทุกผู้คน
“ข้าขอร้องท่านราชันย์!”
ซือหยูโค้งคำนับเพื่ออ้อนวอน
เขาต้องการฝึกฝนในวิหาร เซี่ยนเอ๋อคือคู่หมั้นของเขา...เขาต้องพบนางให้ได้!
“อย่าให้ข้าพูดสองรอบ!”
พลังอันแข็งกร้าวพุ่งตรงเข้ามา
ราชันย์โกรธจัด! ร่างกายซือหยูสั่นสะท้าน...เรารู้สึกราวกับโดนภูเขาทั้งลูกทับตัว เขากังวลและเลือดในกายก็ไหลเวียนอย่างบ้าคลั่ง ความเจ็บปวดอย่างที่สุดกระจายไปทั่วร่าง โลหิตพุ่งออกมาจากปาก
แต่ซือหยูยังคงยืนเช่นเดิม สายตาเกรี้ยวกราดอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
“ได้โปรด...ท่านราชันย์!”
เขาพูดออกมาอย่างยากลำบาก ในปากมีโลหิตเต็มไปหมด
คนรอบๆต่างหวาดผวา เด็กหนุ่มผู้นี้เป็นใครกัน? เขาต้องการทำอะไรมากถึงเพียงนี้? ใครกันที่เขาต้องไปช่วย? เด็กหนุ่มผู้นี้ดูเติบโตขึ้นในสายตาศิษย์คนอื่น ฉิวชางเจี้ยนแววตาสั่นไหว ใจของเขาไหวหวั่น
ซือหยูเดินทางหลายพันลี้ไปยังเมืองหลวงเพื่อต่อสู้แลกชีวิตโดยไม่หวังสิ่งใด...แต่เพียงเพื่อช่วยชีวิตของผู้มีพระคุณ ในตอนนี้เขาไม่ยอมรับคำสั่งราชันย์ต่อหน้าทุกคน...แม้ทุกคนจะเงียบกริบ!
ปั้ง--
โถงอันมืดมิดสว่างขึ้นทันที เห็นด้านในอย่างชัดเจน
ด้านในคือชายแก่ผมขาวผอมโกรกด้วยหนวดสีขาวราวกับขนกระเรียน บรรยากาศของความต่างชั้นของตัวเขาและโลกภายนอกล้อมรอบพื้นที่ไปทั่ว เขาเหมือนกับเทพในตำราเก่าแก่
เขานั่งอยู่ต่อหน้าทุกคน...แต่รูปลักษณ์ของเขาไม่ชัดเจนราวกับภาพลวงตา
บุรุษผู้นี้คือตำนานแห่งเก้าแคว้น...ราชันย์ศักดิ์สิทธิ์!
เขามองซือหยูอย่างไม่แยแส
“เจ้าคิดว่าข้าไม่กล้าฆ่าเจ้างั้นรึ?”
ใครก็ตามที่ขัดคำสั่งราชันย์ผู้เป็นตำนานย่อมสมควรตาย! ทุกคนรู้เรื่องนี้ดี
ซือหยูที่ปากเต็มไปด้วยโลหิตกันฟันพูด
“ไม่! ท่านฆ่าข้าแน่!”
ซือหยูรู้ทันทีว่าราชันย์เป็นคนเช่นใด เขามองคนธรรมดาเป็นเพียงมดปลวก...เขาฆ่าซือหยูได้โดยไม่คิดอะไร!
“หากข้าไม่ได้เจอคนที่ต้องการข้า...ข้าก็ไม่ต่างอะไรกับคนตาย!”
ซือหยูพูดทุกคำอย่างชัดเจน แววตาของเขาแน่วแน่อย่างไม่น่าเชื่อ
หากไร้ซึ่งวิหารให้ฝึกฝน ซือหยูคงไม่มีทางต่อกรเฟิงหวงได้ ไม่นานความตายของเขาจะมาถึงอย่างแน่นอน
ไม่ต่างจากคนตายงั้นรึ? ร่างกายซูบผอมนั่นต้องเจอกับภาระหนักหนาอันใดกัน?
ทุกคนต่างหวั่นไหวเมื่อได้เห็นซือหยู!
“เจ้าจะบอกข้าว่าเจ้ามิเกรงกลัวความตายงั้นรึ?”
ราชันย์เย็นชาและเปี่ยมจิตสังหาร เขามีชีวิตอยู่มากว่าร้อยปี เขาเห็นคนที่จิตใจแน่วแน่มากมาย ซือหยูก็มิต่างกัน
“ข้ากลัว!”
เขาพ่นโลหิตออกมา
“แต่ที่กลัวที่สุด...คือการตายด้วยความเสียใจ!”
ตายด้วยความเสียใจ? ราชันย์ระลึกถึงอดีต
เงียบอยู่นาน ราชันย์ก็ถอนหายใจยาว
“หากข้ารู้เรื่องนี้มาก่อน เราคงไม่ต้องพบกันเช่นนี้”
ทุกคนใจสั่น คำของซือหยูส่งถึงหัวใจของราชันย์! เขาจะได้อยู่ต่องั้นรึ?
แต่ราชันย์สีหน้าเย็นชาและส่ายหัว
“แต่ข้าเก็บเจ้าไว้ไม่ได้! เจ้ามันอ่อนแอนัก มีแค่ศิษญ์สวรรค์ที่คู่ควรจะติดตามข้า”
ซือหยูเค้นคำพูด ร่างของเขาเกือบจะแตกสลาย ในปากมีแต่โลหิต เขาคำราม
“เช่นนั้นข้าจะเป็นหนึ่งในสิบศิษย์สวรรค์!”
ทุกคนตกตะลึง! ในร้อยปีของวิหารมีศิษย์สวรรค์เพียงหยิบมือ ศิษย์สวรรค์ในสิบปีที่แล้วมีเพียงผู้เดียวคือฉิวชางเจี้ยน! ว่าที่ศิษย์สวรรค์นับไม่ถ้วนได้ถอนตัวออกจากวิหารอย่างเศร้าโศก อะไรทำให้ซือหยูคิดว่าเขาเป็นศิษย์สวรรค์ได้กัน!
ทุกคนยังคงนิ่งเงียบ ไม่มีใครเยาะเย้ยซือหยู ทุกคนฝันจะได้เป็นศิษย์สวรรค์เมื่อเข้ามายังวิหาร...ความกล้าหาญที่เหนือผู้อื่นที่ต่อต้านราชันย์ได้ทำให้ทุกคนตกตะลึง
ความจริงอันโหดร้ายได้ทำให้พวกเขาฝันสลาย...แต่ซือหยูได้ทำให้พวกเขาคิดใหม่อีกครั้ง แรงจูงใจอันใดกันที่ทำให้บุรุษกล้าหาญเช่นนี้? เขาไปเอาความกล้ามาจากที่ใดกัน?
ราชันย์มองซือหยูและส่ายหัวช้าๆ
“เจ้าไม่มีทางเป็นได้!”
คำพูดของเขาดั่งประกาศิต เขารู้ทันทีเมื่อมองเพียงปราดเดียว
“ข้าทำได้!”
ซือหยูคำราม เขาเป็นคนยากจน ถูกฉินเฟิงแย่งสตรีไป เขาคือศิษย์ระดับเงินที่อ่อนแอที่สุดและตอนนี้เขาก็แน่วแน่ที่จะอยู่ในวิหาร!
เพียงคำพูดเดียวสั้นๆก็ปลุกเพลิงในใจหลายต่อหลายคน ศิษย์หลายคนแอบกำหมัด หลายคนเข้าใจได้ทันทีว่าบางที การพัฒนาที่หยุดลงอาจจะไม่ใช่เพราะขาดทรัพยากร...แต่เพราะขาดความแน่วแน่...ไม่ต่างกับซือหยูที่แสดงความแน่วแน่อย่างชัดเจนออกมา ณ ขณะนี้! ความตั้งใจที่จะตายโดยไม่มีเรื่องติดค้าง!
เมื่อมองแววตาอันแน่วแน่ราชันย์ก็รู้สึกได้ถึงความต่อต้าน มิใช่แค่ล้มเหลวในการซื้อใจ..ซือหยูยังทำให้เขาโกรธอีกด้วย ราชันย์ค่อยๆเงยหน้า เขาระเบิดความโกรธออกมา
“นั่งลงหรือตายไปซะ!”
ประโยคเดียวนี้ทำลายความหวังทั้งหมดอย่างสมบูรณ์!
ติชมให้กำลังใจ กดไลค์แฟนเพจมาคุยกันได้เลยจ้าาา