ตอนที่ 121 อำนาจของกระบี่วิเศษ
หลิงฮันออกคำสั่งทางจิตใจและหยดวารีอมตะได้กระจายตัวออกจากกันเพื่อหล่อเลี้ยงทุกส่วนในร่างกายของเขา
อวัยวะภายในที่ได้รับความเสียหายและกระดูกที่แตกหัก ถูกรักษาด้วยความเร็วอันน่าสะพรึงกลัว
ต้องเข้าใจก่อนว่า แม้จะเป็นพรสวรรค์ระดับหลิงฮันก็ยังต้องใช้เวลาไปกว่าหมื่นปีเพื่อทำความเข้าใจส่วนแรกของทักษะบ่มเพาะคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์ แล้วจะเป็นไปได้อย่างไรที่ความสามารถของหยดวารีอมตะที่เขาสร้างขึ้นมาจะไม่ท้าทายสวรรค์?
มันเกือบจะสามารถทำให้คนตายฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้ แน่นอนว่ามันสมควรที่จะถูกเรียกว่าเป็นโอสถศักดิ์สิทธิ์
“หืม?” ในที่สุดก็มีคนสังเกตเห็นว่าหลิงฮันสามารถลุกนั่งขึ้นมาได้ และสีหน้าที่ตกตะลึงปรากฏบนใบหน้าของมัน
พวกมันรู้ว่าในหมู่พวกมันไม่มีใครเลยที่ใช้กระบวนท่าสังหารออกไป แต่การที่พวกมันทุกคนโจมตีพร้อมกัน ต่อให้ไม่ได้พยายามจะสังหารหลิงฮัน แต่มันก็มากพอแล้วที่จะทำให้หลิงฮันบาดเจ็บสาหัส ซึ่งนั่นก็ช่วยไม่ได้ ใครสั่งให้เจ้าเด็กนั่นไม่จักที่ต่ำสูงเองล่ะ? พวกมันจึงคิดจะสั่งสอนบทเรียนครั้งใหญ่ให้กับหลิงฮัน
แต่เจ้าเด็กนั่นกลับสามารถลุกขึ้นมาได้ในเวลาอันรวดเร็วขนาดนั้น ความประหลาดใจที่เกิดขึ้นทำให้ดวงตาของพวกมันเกือบจะถลนออกมา!
เป็นไปได้อย่างไร?
หรือว่าเจ้าเด็กนั่นจะสวมเกราะวิเศษบางอย่างที่สามารถลดความเสียหายจากทุกๆการโจมตีได้? ต้องเป็นเช่นนั้นแน่ ไม่งั้นจะเป็นอย่างอื่นไปได้อย่างไร?
“เจ้าหนู มอบกระบี่วิเศษมาซะ มันไม่ใช่สิ่งที่คนอย่างเจ้าสมควรจะถือเอาไว้!” ชายวัยกลางคนตะโกนขึ้นมา
ดวงตาของหลิงฮันเปิดออก ผลลัพธ์ของหยดวารีอมตะถูกใช้จนหมดแล้ว ซึ่งทำให้บาดแผลทั้งหมดของเขาฟื้นฟูอย่างสมบูรณ์ เขาไม่พูดโต้ตอบชายวัยกลางคนแต่ส่งสัมผัสสวรรค์เข้าไปในกระบี่วิเศษเพื่อกระตุ้นจิตวิญญาณที่ซ่อนเร้นอยู่ภายใน
...เขาไม่ใช่คนโง่ เขาสามารถรักษาบาดแผลด้วยหยดวารีอมตะได้เพียงครั้งเดียว และในเมื่อเขากล้าที่จะขโมยอาหารจากปากเสือ เขาจะต้องทำให้กระบี่เล่มนี้กลับมาใช้ได้อีกครั้ง และเมื่อเขาสามารถใช้งานกระบี่วิเศษได้ จอมยุทธระดับก่อเกิดธาตุเพียงแค่ไม่กี่คนจะมาต่อต้านเขาได้อย่างไร?
เขาเป็นอาจารย์ของเจียงเย่เฟิง และพวกเขามีรูปแบบวรยุทธที่เหมือนกัน ดังนั้นความเป็นไปได้ที่เขาจะสามารถควบคุมอาวุธของเจียงเย่เฟิงได้สำเร็จจึงมีสูงมาก
แม้มันจะค่อนข้างเสี่ยง แต่เขาก็ไม่สามารถชักช้าได้อีกต่อไปแล้ว
“เจ้าหนู! เจ้ากล้าดีอย่างไรมาเมินข้า?” ชายวัยกลางคนโมโหขึ้นมาในทันที ทุกคนที่อยู่ที่นี่ล้วนแต่เป็นทายาทของตระกูลจักรพรรดิหรือไม่ก็แปดตระกูลใหญ่กันทั้งนั้น พวกมันมีความภูมิใจเป็นของตนเอง แล้วจะให้พวกมันอดทนต่อการโดนรุ่นเยาว์เมินเฉยได้อย่างไร?
ชายวันกลางคนเริ่มลงมือ ปราณก่อเกิดของมันควบแน่นกลายเป็นฝ่ามือขนาดใหญ่และพุ่งออกไปคว้าตัวหลิงฮัน
“ฝันไปเถอะหลีหยวน!” ในทันใดนั้น ชายคนหนึ่งพุ่งเข้ามาหยุดชายวัยกลางคนเอาไว้ แน่นอนว่าไม่ได้พยายามจะช่วยหลิงฮัน แต่มันกลัวว่าหลีหยวนจะใช้โอกาสนี้คว้าเอากระบี่วิเศษไป
“บัดซบ!” หลีหยวนมีความคิดแบบนั้นอยู่จริงๆ มันโมโหอย่างมากที่มีคนมาขวางมัน ตอนนี้ทางเลือกเดียวของมันคือต้องปะทะกับชายที่พยายามหยุดมัน
“เจ้าหนู ส่งกระบี่วิเศษมา!” จอมยุทธอีกคนกระโจนออกไปเพื่อคว้ากระบี่
“มันเป็นของข้า!”
“ของข้า!!”
การต่อสู้ตะลุมบอนเริ่มขึ้นอีกครั้ง พวกมันทุกคนเข้าปะทะกันเพื่อพยายามเข้าใกล้หลิงฮัน หากจับเด็กหนุ่มคนนี้ได้ก็หมายถึงการได้ครอบครองกระบี่วิเศษ พวกมันเมินเฉยต่อพลังต่อสู้ของหลิงฮันอย่างสิ้นเชิง เพราะอย่างไรเขาก็มีพลังบ่มเพาะเพียงระดับรวมธาตุขั้นห้า
“พวกเจ้าจะพอกันได้รึยัง!” หลิงฮันลุกขึ้นยืน ดวงตาของเขากวาดมองจอมยุทธทุกคนจนต้องตัวสั่นสะท้าน
จอมยุทธทุกคนตกตะลึงเป็นอย่างมาก พวกมันทุกคนรู้สึกราวกับว่าชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้าไม่ใช่จอมยุทธตัวน้อยในระดับรวมธาตุขั้นห้า แต่เป็นจอมยุทธที่ทรงพลังที่แม้แต่ผู้อาวุโสในตระกูลของพวกมันก็ไม่อาจทัดเทียม พวกมันรู้สึกราวกับว่าตัวเองกลายเป็นมดปลวกที่ไร้อำนาจเมื่ออยู่ต่อหน้าหลิงฮัน
แต่ในเวลาไม่นานพวกมันก็ได้สติกลับมา เป็นเพียงแค่เด็กน้อยแต่กลับทำให้พวกมันหวาดกลัว?
ช่างน่าอับอายจริงๆ!
“รีบส่งกระบี่มาเร็ว!” หลีหยวนลงมืออีกครั้ง มันคว้ามือไปทางหลิงฮัน
“ไสหัวไป!” หลิงฮันกวัดแกว่งกระบี่ออกไป ‘ฉัวะ’ ประกายแสงได้ปรากฏขึ้นมาราวกับดาวตก
“ฉึบ!”
หลีหยวนเดินกะโผลกกะเผลกถอยหลัง มือนึงจับไปที่หน้าอก เลือดสดๆของมันไหลพุ่งออกมาตรงระหว่างนิ้ว ใบหน้าของมันเปลี่ยนเป็นซีดเผือด
อะไรกัน!
จอมยุทธทุกคนล้วนแต่ตกตะลึง ต้องรู้ก่อนว่าหลีหยวนเป็นถึงจอมยุทธระดับก่อเกิดธาตุขั้นเก้า แต่มันกลับได้รับบาดเจ็บเพียงเพราะการตวัดกระบี่ครั้งเดียวของหลิงฮัน จะให้พวกมันยอมรับความจริงในเรื่องนี้ได้อย่างไร?
กระบี่วิเศษ มันต้องเป็นเพราะอำนาจของกระบี่วิเศษแน่ๆ!
การคว้าอาวุธวิญญาณที่ได้รับเสียหายเหล่านี้มาได้ไม่ใช่เรื่องที่แปลกใหม่อะไร เพราะอย่างไรพวกมันก็เหมือนกับตายไปแล้ว สิ่งที่ทำให้อาวุธวิญญาณที่เสียหายมีค่าคือเจตจำนงที่สลักเอาไว้ แต่หลิงฮันที่เพิ่งจะได้รับกระบี่วิเศษไปไม่นานกลับสามารถกระตุ้นอำนาจของมันขึ้นมาได้
หลิงฮันยืนอย่างมั่นคงและควงกระบี่ในมือ “เมื่อสักครู่ พวกเจ้ารุมทำร้ายข้าสินะ?”
“อึก” พวกมันทุกคนเดินถอยหลังอย่างช่วยไม่ได้ ใครจะไปคิดว่าจู่ๆรุ่นเยาว์ที่มีพลังอยู่ในระดับรวมธาตุขั้นห้าจะครอบครองพลังที่สามารถคุกคามจอมยุทระดับก่อเกิดธาตุขั้นสูงได้?
เป็นไปไม่ได้เด็ดขาดที่หลิงฮันจะยอมนิ่งเฉย เขาพุ่งออกไปพร้อมกับกระบี่วิเศษในมือที่ส่องประกายอย่างต่อเนื่อง อำนาจของกระบี่วิเศษไม่ใช่สิ่งที่จอมยุทธระดับก่อเกิดธาตุจะสามารถต้านทานได้ เมื่อแสงจากกระบี่วิเศษกวาดผ่านร่างกายพวกมัน พวกมันทุกคนถูกพลังอำนาจที่น่าสะพรึงกลัวโจมตีใส่จนกระเด็นถอยหลัง
“เป็นไปได้อย่างไร? เจ้าหนูนั่นสามารถฟื้นคืนอาวุธวิญญาณกลับมาได้!”
“ข้าไม่เชื่อเด็ดขาด! อาวุธวิญญาณทุกอันที่ถูกนำขึ้นมาจากลำธารใต้พิภพได้ ล้วนแต่สูญเสียจิตวิญญาณไปแล้ว แม้แต่จอมยุทธระดับห้วงจิตวิญญาณก็ไม่สามารถกระตุ้นให้พวกมันฟื้นกลับมาได้ แล้วเจ้าหนูนั่นจะสามารถทำได้ยังไงกัน?”
ทุกคนต่างตกตะลึงและอยู่ในสภาพไม่ขยับเขยื้อน พวกมันไม่อาจยอมรับได้
แต่ถึงแม้พวกมันไม่อาจยอมรับแล้วจะทำไมล่ะ? ตอนนี้พวกมันทำได้เพียงทนรับการโจมตีจากหลิงฮัน
“อ้ากกกก!” พวกมันตะโกนและกรีดร้องออกมา ก่อนหน้านี้หลิงฮันได้รับบาดเจ็บสาหัสเพราะพวกมัน แต่ในเมื่อตอนนี้สถานการณ์พลิกกลับแล้ว เขาจะยอมเมตตาต่อพวกมันได้อย่างไร? เมื่อแสงจากดาบส่องประกาย พวกมันทุกคนล้วนแต่ถูกทุบตีอย่างง่ายดาย
ใบหน้าของหลิวปู้เฉิงบิดเบี้ยวจนไม่อาจควบคุมได้ โชคดีที่มันทำเพียงหยุดหลิวอู๋ตงเอาไว้และไม่ได้มีส่วนร่วมในการโจมตีหลิงฮัน ไม่เช่นนั้นมันคงจะถูกทุบตีไปด้วยแล้ว
ต้องมาถูกทุบตีโดยเด็กหนุ่มรุ่นเยาว์... ช่างเป็นความอัปยศเสียจริง!
แต่เจ้าหนูนี่เป็นสัตว์ประหลาดรึไง? ทำไมเขาถึงใช้งานอาวุธวิญญาณจากยุคโบราณได้?
หลังจากที่หลินฮันทุบตีหลีหยวนและคนอื่นๆอย่างไร้ความปรานีเสร็จสิ้น เขาจ้องมองไปยังหลิวปู้เฉิงชั่วขณะ การจ้องมองของหลิงฮันทำให้ในใจของอีกฝ่ายเกิดความหวาดกลัว หลิงฮันแอบถอนหายใจในใจ กระบี่เล่มนี้ได้รับความเสียหายมากจริงๆ แถมจิตวิญญาณของมันก็สูญสลายไปนานแล้ว สิ่งที่เหลืออยู่มีเพียงเศษเสี้ยวสติปัญญาอันน้อยนิด เขาคงไม่สามารถใช้กระบี่เล่มนี้ได้หลายครั้งเท่าไหร่ หากเขาทำเช่นนั้น เศษเสี้ยวสติปัญญาที่เหลืออยู่จะหายอย่างสมบูรณ์
เมื่อถึงตอนนั้น นอกจากความแหลมคมแล้ว มันก็จะไม่ต่างอะไรกับกระบี่ธรรมดา
“หลิงฮัน เจ้าไม่เป็นอะไรนะ?” หลิวอู๋ตงและหลีซื่อฉางเดินไปหาเขาพร้อมกัน
‘เจ้าหนูนั่นจะไปเป็นอะไรได้อย่างไร? พวกเจ้าทั้งสองไม่เห็นรึว่าคนอื่นๆต่างหากที่ถูกทุบตี?’ หลิวปู้เฉิงคิดในใจ
ตอนนี้ในสมองของหลิงฮันเต็มไปด้วยเรื่องปวดหัว ดังนั้นเขาจึงทำเพียงพยักหน้าตอบทั้งสองสาวก่อนที่จะเก็บกระบี่และกลับไปยังเต็นท์ที่พักของเขา
แม้เขาจะทำร้ายผู้คนไปมากมาย แต่มันก็เป็นเพียงบาดแผลธรรมดาที่เกิดจากการต่อสู้แย่งชิงสมบัติ ยิ่งกว่านั้น ด้วยการที่มีหวู่ซงหลินหนุนหลังเขาอยู่ ใครจะกล้าพูดอะไร?
แถมกลุ่มจอมยุทธระดับก่อเกิดธาตุหลายคนต้องมาแพ้ให้กับเด็กหนุ่มที่มีพลังระดับรวมธาตุเพียงคนเดียว พวกมันจะยอมลดศักดิ์ศรีของตัวเองลงมาเพื่อแก้แค้นได้อย่างไร?
หลิงฮันนั่งอยู่ในเต็นท์ที่พัก เขาวางกระบี่ไว้บนตักพร้อมกับตรวจสอบมันอย่างใกล้ชิด
ถ้าจิตวิญญาณภายในกระบี่ยังไม่สูญสลายไป ด้วยระดับพลังในตอนนี้คงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะควบคุมกระบี่เล่มนี้ได้ เพียงแค่มันปลดปล่อยออร่าออกมา เขาจะถูกสังหารในทันที แต่ในเมื่อจิตวิญญาณของมันสูญสลายไปแล้ว นี่จึงเป็นโอกาสให้เขาสามารถตรวจสอบมันอย่างใกล้ชิด
เจียงเย่เฟิงได้ทะลวงผ่านระดับสวรรค์แล้ว
หลิงฮันยืนยันเรื่องนี้ได้เป็นอย่างแรก เพราะเจตจำนงที่สลักเอาไว้บนตัวกระบี่นั้นอยู่ในระดับเดียวกันกับของเขาในชีวิตที่แล้ว ดังนั้นนี่ต้องเป็นอาวุธวิญญาณที่เจียงเย่เฟิงสร้างขึ้นมาหลังจากที่ทะลวงผ่านระดับสวรรค์ได้แล้วอย่างไม่ต้องสงสัย
แต่การที่อาวุธของจอมยุทธระดับสวรรค์ได้รับความเสียหายขนาดนี้ แถมจิตวิญญาณที่อยู่ภายในอาวุธยังสูญสลายไปด้วย
เจียงเย่เฟิงไปพบเจอกับศัตรูแบบไหนกัน?
*ติดตามข่าวสารได้ที่ เพจ*