MGE.306 – ทรงพลัง
306 – ทรงพลัง
“คาฟาริน่า ถ้าดยุคเอียนต้องการธนูแสงจันทร์ก็ให้เขาไป!”
แรงกดดันอันหนักหน่วงกดทับลงมาจากร่างของเอลฟ์สาวอายุราว 27-28 ปี เธอมีผมบลอนด์ยาว สูง ขาวและมีหน้าอกทรงโตราวกับลูกพีชที่สุกสกาว เอลฟ์สาวเดินเข้ามาอย่างช้าๆ
คิ้วของคาฟาริน่าขมวดลงเล็กน้อย เธอลังเลและโยนคันธนูแสงจันทร์ให้กับหยางเฟย
หยางเฟยเอื้อมมือออกไปรับคันธนูและเก็บไว้ในแหวนเก็บของ
เอลฟ์สาวที่งดงามยกมือขึ้นสั่งให้ทหารเอลฟ์ทิ้งอาวุธลงและยิ้มให้กับหยางเฟย “ดยุคเอียน ข้าเป็นผู้อาวุโสของเหล่าเอลฟ์ เอลซ่า พวกเราไม่เป็นอันตรายต่อท่าน ตอนนี้ท่านปล่อยเบเนดิกต์ได้หรือไม่? เขายังเป็นเด็กไม่ประสีประสา ถ้าเขาคุกคามท่าน ข้าจะให้เขาขอโทษท่านตรงนี้”
หยางเฟยยิ้มเล็กน้อยและดึงดาบยาวออกจากท้องของเบเนดิกต์ เขาเอื้อมมือออกไปและใช้นิ้วชี้ไปที่แผล เวทย์น้ำฟื้นฟูไหลออกจากนิ้วของเขาพุ่งเข้ารักษาแผลที่ช่องท้องของเบเนดิกต์
ดาบของหยางเฟยไม่โดนจุดตายของเบเนดิกต์ ภายใต้การฟื้นฟูของเวทย์น้ำ ช่องท้องของเบเนดิกต์ถูกรักษาอย่างรวดเร็ว
เอลซ่าร่ายเวทย์ออกมา เวทย์น้ำฟื้นฟูเข้าปกคลุมร่างของนักรบเอลฟ์ที่ได้รับบาดเจ็บจากหยางเฟย
“บอกมา ทำไมเจ้าถึงคิดใส่ร้ายข้า? ทำไมถึงบอกว่าข้าเป็นนักล่าเอลฟ์! ถ้าเจ้ากล้าโกหก ข้าจะเอาดาบเล่มนี้คว้านไส้ของเจ้าออกมา มันต้องน่านสนุกแน่นอน!”
หยางเฟยคว้าร่างของเบเนดิกต์ขึ้นมา เขาร่ายเวทย์ตรวจสอบโกหกใส่เบเนดิกต์และนั่งข้างๆเบเนดิกต์ เขาใช้ความเกรงกลัวแห่งทวยเทพและเร่งพลังวิญญาณเข้าปกคลุมร่างของเบเนดิกต์
เบเนดิกต์ซึ่งแต่เดิมเปี่ยมไปด้วยความหวาดกลัว ตอนนี้หยางเฟยได้นำดาบแทงมาที่นี่ เห็นได้ชัดว่าหยางเฟยไม่สนใจว่าเขาเป็นคนของตระกูลนิฟเฟ่น นั่นทำให้เขาตกตะลึงอย่างมาก ภายใต้ความกลัว เขารู้สึกกลัวหยางเฟยราวกับเขาเป็นเทพแห่งเอลฟ์ เขาพูดออกมาอย่างหวาดกลัว “คาริน่าเอาแต่พูดชื่อเอียนอยู่ตลอดเวลา ข้าอิจฉามัน ข้าอิจฉาเจ้า เมื่อเจ้าเข้ามา ข้าจึงใส่ร้ายเจ้า ข้าขอโทษเอียน ปล่อยข้าไปเถอะ ข้าจะไม่ทำอีกแล้ว”
เมื่อได้ยินคำพูดของเบเนดิกต์ เอลฟ์ทั้งหมดมีใบหน้าผิดหวัง เหล่านักรบเอลฟ์ที่เฝ้าทางเข้าป่าเอลฟ์ร่ายเวทย์ตรวจสอบร่างของเบเนดิกต์ และเมื่อพบว่าเขาพูดความจริง พวกเขายิ่งผิดหวังมากขึ้นไปอีก
สายตาที่น่ารังเกียจถูกจ้องมองไปยังร่างของเบเนดิกต์
คาฟาริน่าขมวดคิ้วอีกครั้ง
เอลซ่าและเอลฟ์ 2 คนเริ่มมีสีหน้าไม่ดี
หยางเฟยยิ้มอย่างเย็นชา “ข้าได้ยินมาว่าเอลฟ์เป็นเผ่าพันธุ์ที่สูงศักดิ์และมีเกียรติ สิ่งที่ข้าได้เห็นในวันนี้! มันทำให้ข้าผิดหวังจริงๆ”
เอลซ่ายิ้มและพูดขึ้น “ดยุคเอียน เบเนดิกต์ยังเป็นเด็กน้อยไม่รู้ความ ทำไมท่านต้องไปสนใจเด็กเช่นนั้นล่ะ?”
หยางเฟยยกคิ้วขึ้นเล็กน้อย เอลซ่ายังคงใช้คำพูดอ่อนโยน ไม่ใช่เพื่อให้เขาเปลี่ยนใจ แต่เพื่อให้เขาปล่อยเบเนดิกต์ ซึ่งเขาไม่เต็มใจ
“เอียน เจ้าอยู่ที่นี่ ท่านพี่คาฟาริน่า ท่านผู้อาวุโสเอลซ่า พวกท่านมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?”
เสียงใสๆดังขึ้น เอลฟ์สาวที่สวมชุดใบไม้สีเขียวมรกต เธอปรากฏตัวออกมาอย่างไม่คาดคิด คาริน่ากระโดดออกมาจากป่าเอลฟ์และปรากฏตัวต่อหน้าทุกคนด้วยสายตาไร้เดียงสาที่เต็มไปด้วยความอยากรู้
คาริน่าเห็นเบเนดิกต์ซึ่งถูกจับเป็นตัวประกันโดยหยางเฟย เธอย่นคิ้วและพูดขึ้น “เอียน ท่านจับพี่ชายข้าไว้ทำไมหรือเจ้าคะ?”
หยางเฟยพูดและยิ้มๆ “เขาใส่ร้ายข้า เขาต้องการให้ทุกคนจับข้า ข้าเพียงจับเขาไว้เป็นตัวประกัน!”
นักรบเอลฟ์ทั้งหมดแห่งป่าเอลฟ์เต็มไปด้วยความละอายในสายตา
นักรบเอลฟ์ 100 คนไม่สามารถหยุดหยางเฟยตัวคนเดียวได้และปล่อยให้เขาจับตัวเบเนดิกต์ไปอย่างง่ายดาย พวกเธอทั้งหมดผิดพลาดต่อหน้าที่
คาริน่ามองไปยังเอลซ่าและคนอื่นๆที่ยืนอยู่ด้านข้าง “ปล่อยเขาเถอะ ข้าขอร้อง ปล่อยเขาได้หรือไม่เจ้าคะ?”
“ได้!” หยางเฟยผ่อนคลายขึ้นมาก เขาสะบัดมือไปทางเหล่าเอลฟ์ผมเงิน
เอลฟ์ผมเงินเข้ามารับร่างของเบเนดิกต์และมองมาที่หยางเฟย
เมื่อเบเนดิกต์ปลอดภัย ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวเล็กน้อย เขากรีดร้องออกมา “จับมัน ผู้อาวุโสเอลซ่า คาฟาริน่า จับมัน มันหักนิ้วข้าไป 2 นิ้ว ท่านต้องแก้แค้นให้ข้า!!”
หยางเฟยขมวดคิ้ว เขาฉายแววอาฆาตในแววตาและมองเหล่าเอลฟ์ด้วยแววตาเย็นชา ถ้าเอลฟ์เหล่านี้หันมาโจมตีเขาหรือต้องการจับเขา เขาจะไม่มีวันปราณี
เอลซ่าขมวดคิ้วและสั่งเวยน้ำเสียงเย็นชา “ไอซ่า เบล พวกเจ้าทั้ง 2 นำเบเนดิกต์ไปขังไว้ในป่าไม้ดำ นี่คือคำสั่งของข้า!”
“เจ้าค่ะ ท่านผู้อาวุโส!”
เอลฟ์ผมเงินทั้ง 2 รับคำสั่งและคว้าร่างของเบเนดิกต์และเดินเข้าไปในป่าเอลฟ์
เบเนดิกต์ระหว่างที่ถูกลากเข้าไป เขาตะโกรเสียงดัง “เอลซ่า เจ้าไม่มีสิทธิมาทำแบบนี้กับข้า! ข้าจะบอกท่านแม่ ข้าจะบอกท่านแม่ให้ลงโทษเจ้า! เจ้าเข้าร่างไอ้มนุษย์โสโครกนั่นแทนที่จะเลือกข้า แล้วเราจะได้เห็นดีกัน!!”
เอลซ่ายิ้มอย่างไม่ใส่ใจ “ขออภัยด้วย ท่านดยุคเอียน ข้าทำให้ท่านพบกับเรื่องตลก เขาเป็นแค่เด็ก ข้าหวังว่ามันจะไม่ส่งผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างเผ่าพันธุ์เอลฟ์ของพวกเรากับดินแดนรกร้างเรดเคลย์นะ”
เหล่าเอลฟ์ชั้นต่ำไม่รู้เกี่ยวกับตัวตนของหยางเฟย แต่เหล่าเอลฟ์ชั้นสูงรับรู้ดีว่าคนๆนี้เป็นคนทำให้เกิดความอุดมสมบูรณ์ขึ้นในดินแดนรกร้างเรดเคลย์ภายในเวลาไม่กี่ปี นั่นคือดยุคแห่งดินแดนรกร้างเรดเคลย์ เอียน
หลังจากที่รับคนจำนวนหลายล้านคนเข้ามาจากอาณาจักรนิวทิส ความแข็งแกร่งของดินแดนรกร้างเรดเคลย์เพิ่มสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดด จำนวนกองทัพหลักถูกเพิ่มขึ้นไปถึง 200,000 นายโดยผ่านการฝึกทั้งวันทั้งคืน
นอกจากดินแดนรกร้างเรดเคลย์แล้ว อาณาจักรฟูเนสยังได้รับผู้อพยพจำนวนหลายล้านคนจากอาณาจักรนิวทิสเช่นกัน ซึ่งตอนนี้กำลังทำงานอยู่ในอาณาจักรฟูเนส
จำนวนประชากรของดยุคแห่งดินแดนรกร้างเรดเคลย์มีมากกว่า 10,000,000 คน เทียบได้กับ 1 ใน 4 ของจักรวรรดิเอลฟ์ แม้แต่เอลซ่ายังไม่กล้าล่วงเกิน
เบเนดิกต์เป็นเอลฟ์เพศชายเพียงคนเดียวของตระกูลนิฟเฟ่น ซึ่งเป็นเด็กที่ถูกเลี้ยงดูอย่างตามใจ เขาได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่และไม่ได้รับรู้สถานการณ์ของจักรวรรดิเอลฟ์ในดินแดนแห่งนี้
เอลซ่าเป็นผู้อาวุโสของเหล่าเอลฟ์ เธอเข้าใจตัวตนของดยุคแห่งดินแดนรกร้างเรดเคลย์ เอียน คำพูดเหล่านี้มีน้ำหนักมากพอ ตำแหน่งดยุคของหยางเฟยและดินแดนของเขา ถูกฝังไปด้วยกระดูกนับไม่ถ้วน ยิ่งไปกว่านั้น หยางเฟยังมีความสัมพันธ์กับจักรพรรดิของจักรวรรดิมอร์ริสและสามารถใช้ทหารของจักรวรรดิได้ หากสงครามเกิดขึ้น จะเกิดอะไรขึ้นจักรวรรดิเอลฟ์
หยางเฟยเย็นชาอย่างมาก เขาพูดขึ้นอย่างเฉื่อยชา “แน่นอนว่าไม่”
คิ้วของเอลซ่ายกขึ้นเล็กน้อย เธอรับรู้ได้ถึงน้ำเสียงที่ไม่สนใจจากคำพูดของหยางเฟย
คาริน่ายิ้มแย้มออกมาราวกับดอกไม้บาน ซึ่งทำให้คนรอบๆผ่อนคลาย “ข้าไม่อยากให้ท่านไปสนใจเรื่องเล็กน้อยเหล่านั้น! เอียน ไปกันเถอะ ขาจะพาเจ้าไปเที่ยวที่ป่าเอลฟ์”
หยางเฟยมองคาริน่าและยิ้ม แรงกดดันทั้งหมดสลายไป เขายิ้มและพูดขึ้น “ได้สิ!”
คาฟาริน่าขมวดคิ้วเล็กน้อย “ท่านผู้อาวุโสเอลซ่า!”
ป่าเอลฟ์เป็นสถานที่ที่เหล่าเอลฟ์ของจักรวรรดิเอลฟ์อาศัยอยู่ นอกจากเอลฟ์ มีเพียงไม่กี่คนที่สามารถเข้าไปได้ แม้แต่ลูกครึ่งเอลฟ์ที่มีสายสัมพันธ์กับเอลฟ์ยังต้องอาศัยอยู่รอบนอกป่าเอลฟ์
หยางเฟยเป็นมนุษย์ หากเขาได้เข้าไปในป่าเอลฟ์ มันทำให้คาฟาริน่าไม่ค่อยสบายใจ
เอลซ่าส่ายศีรษะเล็กน้อย เธอไม่ต้องการให้คาฟาริน่าขวางทางหยางเฟยและกลุ่มของเขา
ป่าเอลฟ์เป็นสถานที่ที่เอลฟ์อาศัยอยู่ ทันทีที่พวกเขาสามารถเข้าไปในป่าเอลฟ์ได้ หยางเฟยจะได้เห็นพืชหายากที่เขาไม่สามารถพบเห็นได้ในโลกภายนอก
ตระกูลเอลฟ์ได้สืบทอดสายเลือดเอลฟ์ชั้นสูงมาจากดินแดนเดนดูร่าซึ่งเป็น 1 ใน 36 ดินแดนเก็บเกี่ยว ในดินแดนเหล่านั้นมีการกล่าวไว้ว่ามีพืชหายากมากมายนับไม่ถ้วน ซึ่งเป็นสวรรค์ของเหล่าวอร์ล็อคมนุษย์ที่ต้องการพืชหายาก เอลฟ์ชั้นสูงในดินแดนเดนดูร่าเป็นอีกหนึ่งในสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งไม่น้อยไปกว่าสิ่งมีชีวิตอย่างปีศาจ มังกร ยักษ์และสิ่งมีชีวิตอื่นๆ
เอลฟ์ชั้นสูงในดินแดนเดนดูร่าไม่ได้มีร่างกายแข็งแกร่งไปกว่าสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งอย่างมังกร ปีศาจหรือยักษ์ แต่เอลฟ์ชั้นสูงเกิดมาพร้อมกับความเชี่ยวชาญในด้านเวทมนตร์ธรรมชาติ เวทมนตร์ธาตุ เอลฟ์ชั้นสูงเหล่านั้นเป็นบุตรแห่งธรรมชาติและบุตรแห่งธาตุโดยกำเนิด
หลังจากที่เหล่าเอลฟ์เข้าในดินแดนเฟย์สือ พวกเขาค่อยๆอ่อนแอลงและถูกผนวกรวมกับดินแดนเฟย์สือกลายเป็นเอลฟ์ทั่วไป แม้ว่าพรสวรรค์ของพวกเขาจะแข็งแกร่งกว่ามนุษย์ แต่พวกเขายังห่างไกลกับเอลฟ์ชั้นสูงในดินแดนเดนดูร่า
เอลฟ์ส่วนใหญ่ในดินแดนเฟย์สือเชี่ยวชาญในเวทย์ธรรมชาติซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากบรรพบุรุษของพวกเขา สำหรับเอลฟ์ที่เชี่ยวชาญในเวทมนตร์ธาตุ มีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เอลฟ์ที่เป็นบุตรแห่งธรรมชาติในดินแดนเฟย์สือจะปรากฎขึ้นทุกๆหลายร้อยปี สำหรับบุตรแห่งธาตุยังไม่เคยปรากฏขึ้นในดินแดนแห่งนี้เลย
เหล่าเอลฟ์ที่เชี่ยวชาญในเวทมนตร์ธรรมชาติได้เปลี่ยนแปลงสถานที่ที่พวกเขาอยู่เป็นเวลาหลายหมื่นปี จนกระทั่งที่นี่กลายเป็นสรวงสวรรค์ของพืชหายาก ซึ่งเป็นที่ต้องการของเหล่านักปรุงยามากมาย
*****************************************