ตอนที่แล้วGE38 ฟักจากดักแด้เป็นผีเสื้อ โอสถจักรพรรดิหยก
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปGE40 ศพที่แปรเปลี่ยน พรหมจรรย์ที่ไม่อาจหวนคืน

GE39 โลงศพโบราณที่ร่วงหล่นจากนภา ดูดกลืนพลังของศพนางสวรรค์


 

เจ็บ... เจ็บ... เจ็บ...

 

เมื่อผ่านพ้นจากความเจ็บปวด ในที่สุดหนิงฝานก็ดูดซับโอสถจักรพรรดิหยกได้หมด จนยามนี้ทั่วร่างของหนิงฝานเปล่งแสงสีเงิน

 

แสงสีเงินนั้นเป็นสัญญาณบอกว่าระดับร่างกายกำลังก้าวเข้าใกล้ ‘ขอบเขตกระดูกเงิน’ แม้จะยังอีกไกลกว่าจะบรรลุขอบเขตนั้น แต่ยามนี้ ร่างกายของหนิงฝานก็แข็งแกร่งขึ้นมาก

 

ชุดคลุมของหนิงฝานอาบโชกไปด้วยเหงื่อ หนิงฝานโคจรปราณทำให้มันแห้ง

 

ยามนี้ผิวพรรณของหนิงฝานเรียบเนียนกว่าเมื่อก่อน ไร้ซึ่งสิ่งสกปรกให้เห็น กระดูกแข็งขึ้น เส้นลมปราณเองก็แข็งแกร่งขึ้น

 

หนิงฝานสัมผัสกระเป๋าเก็บของ นำกระบี่ยาวระดับกลางเล่มหนึ่งออกมา จากนั้นฟันลงไปที่แขนของตน ผิวในตำแหน่งที่กระบี่ฟันลงเปล่งแสงสีเงิน มีเสียงที่ดังราวกับกระบี่กระทบโลหะปรากฏ ผิวของหนิงฝานไร้ซึ่งโลหิต มีเพียงรอยแดงทิ้งไว้

 

โอสถจักรพรรดิหยกช่วยให้ร่างกายที่อ่อนแอของหนิงฝาน สามารถต้านทานกระบี่บินได้!

 

หนิงฝานนำโอสถจักรพรรดิหยกเม็ดที่ 2 ออกมา

 

โอสถจักรพรรดิหยกสามารถทำให้ร่างกายต้านทานอาวุธวิญญาณระดับต่ำได้ หากกินโอสถจักรพรรดิหยกมากขึ้น ร่างกายสมควรแข็งแกร่งยิ่งขึ้น

 

หนิงฝานทำสีหน้าลังเลก่อนจะกลืนโอสถจักรพรรดิหยกเม็ดที่สองเข้าไป ในความคิดของเขา เขาครอบครองเส้นชีพจรหยินหยางปีศาจ ที่มีความสามารถในการดูดซับโอสถที่ท้าทายสวรรค์ ดังนั้นการกินโอสถจักรพรรดิหยกเม็ดที่สองสมควรปลอดภัย

 

แต่เมื่อโอสถผ่านลำคอลงไป สีหน้าของหนิงฝานกลับแปรเปลี่ยนใหญ่หลวง เขาดูถูกอานุภาพของโอสถจักรพรรดิหยกมากเกินไป และยามนี้ หากจะเสียใจย่อมสายเกินไปเช่นกัน

 

เพราะโอสถจักรพรรดิหยกเม็ดที่ 2 นำมาซึ่งความเจ็บปวดมากกว่าเม็ดแรกถึง 100 เท่า!

 

ทุกครั้งที่เส้นลมปราณถูกทำลาย มันจะนำความเจ็บปวดจนยากจะบอกบรรยายมา จนทำให้หนิงฝานถึงกับกระอักโลหิต

 

และยามนี้ หนิงฝานได้เข้าใจบางสิ่ง

 

ในโลกแห่งการฝึกตนนี้ มีโอสถบางชนิดที่มีอานุภาพท้าทายสวรรค์ การใช้มันเกินขนาดย่อมมีผลข้างเคียง หากกินเม็ดแรกเข้าไปแล้ว ควรรอให้ผ่าน 10 ปีจึงกินอีกครั้ง

 

หากยังฝืน จะได้รับผลที่เลวร้ายและรุนแรง

 

ความเจ็บปวด 100 เท่า คือผลข้างเคียงที่น่าหวาดกลัวของโอสถชนิดนี้

 

หนิงฝานฝืนยิ้ม เพราะในความทรงจำของจักรพรรดิสวรรค์ ไม่มีบันทึกเรื่องผลข้างเคียงของโอสถจักรพรรดิหยกเลย เหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะจักรพรรดิสวรรค์ไม่เคยกินโอสถชนิดนี้ จึงไม่ทราบว่าหากกินโอสถอย่างต่อเนื่องจะมีผลเช่นใด

 

ประมาท... ประมาทเกินไป หากเทียบว่าหนิงฝานในยามนี้กำลังวิ่ง เขากำลังวิ่งหลงทาง

 

หนิงฝานขบคิดหาวิธีสะกดความเจ็บที่ร่างกายได้รับ

 

โอสถหยกสวรรค์เม็ดที่ 2 จะช่วยให้ร่างกายของหนิงฝานแข็งแกร่งขึ้นอีกระดับ แต่เขาก็ต้องทนกับความเจ็บปวดให้ได้

 

หนิงฝานต้องหาวิธีสยบความเจ็บปวดให้ได้! ไม่เช่นนั้น ด้วยความเจ็บปวดที่มากเกินกว่าครั้งก่อนถึง 100 เท่าจะทำให้เขาตาย...

 

เป็นถึงผู้สืบทอดจักรพรรดิสวรรค์ หากต้องมาตายด้วยโอสถหยกสวรรค์ นั่นถือเป็นการเสียงหน้าเป็นอย่างมาก!

 

ขณะที่หนิงฝานกำลังขบคิดหาวิธีระงับความเจ็บปวด สร้อยหยินหยางได้แผ่ความรู้สึกเย็นๆออกมา ตัวสร้อยเปล่งแสง ลวดลายโลหิตบนสร้อยเปล่งประกาย ในช่วงวิกฤตนี้ หนิงฝานรู้สึกราวกับสร้อยหยินหยางกำลังปกป้องเจ้านายของมัน

 

ความรู้สึกเย็นๆเข้าสะกดความเจ็บปวด สร้อยหยินหยางเปล่งพลังช่วยให้หนิงฝานบรรเทาความเจ็บปวดได้บ้าง

 

ดังนั้นหนิงฝานจึงค้นพบว่า การทำให้ร่างกายสบายสามารถช่วยลดความเจ็บปวด

 

การทำให้ร่างกายสบายด้วยความเย็นอาจไม่พอให้บรรเทาอาการเจ็บปวดของโอสถจักรพรรดิหยก แต่หากเป็นการทำให้ร่างกายสบายด้วยวิธีอื่นอาจบรรเทาได้

 

สิ่งที่ทำให้ร่างกายของมนุษย์สบายที่สุดมีอยู่สองอย่าง อย่างแรกคือการทะลวงระดับพลัง และอย่างที่สองคือการขัดเกลาประสาน! การทะลวงระดับในยามนี้เป็นไปไม่ได้ แต่หากเป็นการขัดเกลาประสาน... ก็ยังไม่แน่ว่ามันจะบรรเทาอาการเจ็บปวดได้จริง

 

ในขณะที่เจ็บปวดจนยากจะทนทาน หนิงฝานเร่งเหยียบย่างรุ้งหิมะออกจากห้องปรุงโอสถ ตรงไปยังห้องนอนของจื่อเฮ่อทันที

 

ยามนี้ผู้ที่หนิงฝานคิดถึงมีเพียงจื่อเฮ่อที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยา หนิงฝานสามารถร่วมรักกับซื่อหวูเสียได้ เพียงแต่เขายังชั่งใจอยู่

 

การขัดเกลาประสานมีประโยชน์ต่อผู้เชี่ยวชาญคู่รัก ทำให้ทั้งบุรุษและสตรีเพิ่มพูนระดับพลังไปพร้อมๆกัน

 

หากหนิงฝานขัดเกลาประสานกับซื่อหวูเสีย ระดับพลังของหนิงฝานจะเพิ่มพูน นางเองก็เช่นกัน

 

ก่อนหน้าที่ซื่อหวูเสียจะกลายเป็นกระถางขัดเกลาของหนิงฝาน นางเป็นผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มเทียม หากขัดเกลาประสานอาจเป็นไปได้มากว่านางจะทะลวงขอบเขตไปยังดวงจิตแรกเริ่มที่แท้จริง เพียงแต่หลังจากนั้น วิชาทาสวิญญาณที่หนิงฝานใช้กับนางจะยังได้ผลอยู่หรือไม่ยังไม่อาจทราบ

 

หากหนิงฝานหลอมสร้างแหวนกระถางได้ และภายในแหวนมีกระถางขัดเกลามากมาย หนิงฝานคงไม่ต้องกังวลที่จะเพิ่มพูนพลัง

 

จื่อเฮ่อที่นอนหลับสะดุ้งตื่นจากอัสนีสวรรค์ที่รุนแรง นางขยี้ตาและเห็นรุ้งหิมะของหนิงฝานปรากฏขึ้นในห้องของนาง

 

“พี่ฝาน ยามนี้มีคนหาเรื่อง...”

 

“อืม.. ไม่เป็นไร ข้าให้คนอื่นๆจัดการแล้ว แต่ยามนี้ข้ากำลังอยู่ในอันตราย...” หนิงฝานฝืนยิ้ม เขาไม่มีเวลาอธิบายให้นางฟัง

 

หนิงฝานกดนางลงกับที่นอน และเริ่มร่วมรักกับนาง

 

ไม่นานนัก หนิงฝานสัมผัสได้ว่าสร้อยหยินหยางเริ่มเปล่งแสงสีแดง

 

เส้นสายโลหิตที่ปรากฏบนสร้อยหยินหยางเปล่งแสงเจิดจ้า เดิมทีการขัดเกลาประสานเป็นการเพิ่มพูนพลังให้ทั้งสองฝ่าย แต่ยามนี้มันกลับกลายเป็นการช่วงชิง ความเจ็บปวดของหนิงฝานถูกสะกด ระดับพลังเพิ่มพูน แต่กับจื่อเฮ่อ ระดับพลังของนางกำลังลดลง!

 

หนิงฝานสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่า เมื่อความเป็นบุรุษของตนสอดใส่เข้าไปในร่างจื่อเฮ่อสักระยะ เส้นชีพจรของนางจะถูกทำลาย ทำให้ระดับพลังของนางลดลง นางเจ็บปวดกระทั่งแสดงออกทางสีหน้า

 

หนิงฝานต้องการใช้การขัดเกลาประสานเพื่อสะกดความเจ็บปวด แต่กลับกลายเป็นว่าตนเองกำลังดูดกลืนพลังของจื่อเฮ่อ และทำให้นางเจ็บปวดแทน

 

สร้อยคอหยินหยางเพียงปกป้องผู้เป็นนายตามสัญชาตญาณ แต่นั่นกลับทำให้ทักษะการแปลงหยินหยางก้าวหน้าไปอีกระดับ ทำให้ได้ความสามารถในการช่วงชิงมา!

 

สร้อยคอหยินหยางเดิมมีหน้าที่ทำให้บุรุษและสตรีที่ขัดเกลาผสานเพิ่มพูนระดับพลังทั้งสองฝ่าย แต่หากทักษะการแปลงหยินหยางของผู้นำขัดเกลาประสานบรรลุระดับที่ 1 ผู้นำจะมีความสามารถในการช่วงชิงพลังของอีกฝ่ายทั้งหมด เพื่อเปลี่ยนให้เป็นพลังของตน

 

และยามนี้ หนิงฝานกำลังช่วงชิงพลังของจื่อเฮ่อโดยไม่รู้ตัว!

 

หนิงฝานเร่งผละออกจากร่างของจื่อเฮ่อ เขารู้สึกราวกับมีมีดกรีดใจ จื่อเฮ่อเป็นภรรยา ไม่ใช่กระถางขัดเกลา หนิงฝานสามารถขัดเกลาประสานร่วมกับนางได้ตลอดชีวิต ไม่ใช่ช่วงชิงพลังของนาง

 

ผู้ที่จะถูกช่วงชิงพลังมีเพียงผู้เป็นกระถางขัดเกลาเท่านั้น เพราะหนิงฝานจะไม่มีวันรักกระถางขัดเกลาเด็ดขาด!

 

“ข้าต้องดูดกลืนซื่อหวูเสีย..” หนิงฝานลุกขึ้นจากที่นอน แววตาแปรเปลี่ยนชั่วร้าย

 

แต่ทันใดนั้น หนิงฝานกลับต้องขบฟันราวกับต้องทนกับบางสิ่งภายในใจ

 

ซื่อหวูเสียผู้ที่ถูกชำระจิตวิญญาณเป็นเพียงสตรีผู้ใสซื่อ นางไว้ใจหนิงฝานอย่างที่สุด นางแตกต่างจากเมื่อก่อนอย่างลิบลับ

 

หากเป็นซื่อหวูเสียผู้ชั่วร้ายก่อนหน้านี้ หนิงฝานจะไม่ใจอ่อนกับนางเด็ดขาด แต่ซื่อหวูเสียในยามนี้...นางคือทาสของหนิงฝาน

 

“อยากขัดเกลาประสานกับซื่อหวูเสีย...”

 

แต่ในใจของหนิงฝานกลับต่อต้าน เขาไม่อยากดูดกลืนจื่อเฮ่อ ไม่อยากดูดกลืนซื่อหวูเสีย เช่นนั้นแล้วเขาจะดูดกลืนผู้ใด

 

ขณะที่หนิงฝานขบคิด ความเจ็บปวดทั้งหมดก็ประดังเข้ามาจนทำให้เขาไม่อาจสงบใจได้

 

แต่ในเวลานั้นเอง จู่ๆกลับมีบางสิ่งตกทะลุหลังคาลงมา สิ่งนั้นคือ ‘โลงศพโบราณ’

 

ฝาโลงศพโบราณเปิดออก ภายในนั้นมีศพของสตรี จากลักษณะดูราวกับนางตายมาหลายปีแล้ว นางเป็นสตรีที่งดงาม ชุดที่นางสวมใส่เป็นชุดของ ‘นางสวรรค์แห่งลานสวรรค์โบราณ’

 

ศพของนางมาจากที่ใด...

 

นางเป็นผู้ใด...

 

ยามนี้สมองของหนิงฝานว่างเปล่า แต่ในใจกลับเกิดความคิด... ‘หรือสวรรค์ส่งนางมาให้ข้าดูดกลืน’

 

การดูดกลืนศพของสตรีนางนี้ย่อมดีกว่าดูดกลืนจื่อเฮ่อ...

 

...

 

บนนภากาศ ซื่อหวูเสียร่ายรำแขนเสื้อต้านอัสนีสวรรค์

 

เมื่ออัสนีฟาดผ่า นางแขนเสื้อของนางก็เริงระบำปะทะต้าน

 

ฉากที่เกิดขึ้นทั้งหมด หนานหยางสื่อและผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณของมันอีก 3 คนล้วนประจักษ์ด้วยตา

 

แม้สามกองทัพเทพจะทำให้หนานหยางสื่อเป็นกังวลแล้ว สตรีผู้ที่แผ่กลิ่นอายของขอบเขตแก่นทองคำขั้นสุดท้ายกลับทำให้มันหวาดกลัว

 

แต่ฉากถัดมายิ่งหลู่หนานสื่อและคนอื่นๆหวาดกลัวจนแทบสิ้นสติ นั่นเพราะซื่อหวูเสียที่ทำลายอัสนีสวรรค์ทั้งหมด กำลังเหยียบย่างนภาตรงเข้าหาพวกมัน

 

ทำให้พวกมันทั้งหมดตระหนักถึงบางสิ่ง

 

เดิมทีพวกมัน 4 คนมาเพื่อหวังทำลายเมืองหนิง แต่ยามนี้พวกมันได้รู้แล้วว่า นั่นคือการตัดสินใจที่ผิดพลาดที่สุดในชีวิตของพวกมัน

 

นายน้อยหนิงผู้นั้นกลับมีผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำขั้นสุดท้ายเป็นทาส!

 

“แยกกันหนี!”

 

คนทั้งสี่แยกกันไปคนทะทิศทาง แต่พวกมันก็ถูกขัดขวางเอาไว้

 

หลู่หนานสื่อและสหายของมันอีก 2 คนถูกหัวหน้าทัพทั้ง 3 ของหนิงฝานขัดขวาง พวกมันตกตะลึง เพราะแม้อีกฝ่ายจะมีระดับพลังที่ด้อยกว่า แต่ยามนี้พวกมันสัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้ด้อยไปกว่าพวกมัน!

 

ซื่อหวูเสียเข้าขวางหนานหยางสื่อเอาไว้ แม้มันจะหวาดกลัวแต่ยังนำกระบี่บินระดับกลางเข้าห้ำหั่นกับแขนเสื้อร่ายรำของซื่อหวูเสีย แต่สุดท้าย สมบัติวิญญาณเหล่านั้นก็ถูกทำลายไป

 

นั่นทำให้มันหวาดกลัวยิ่งกว่าเดิม มันนำเอาสมบัติวิญญาณชิ้นแล้วชิ้นเล่าออกมา แต่ก็ถูกซื่อหวูเสียทำลายจนหมด กระเป๋าเก็บของของมันค่อยๆเบาขึ้น เขารู้ดีว่ามันยังห่างชั้นกับซื่อหวูเสียอยู่มาก มากราวกับพิภพและสวรรค์

 

มันขบฟันและนำโลงศพโบราณออกมา เมื่อ 300 ปีก่อนยามที่มันยังหนุ่ม มันขโมยเอาโลงศพโบราณมาจากลานสวรรค์โบราณ มันพยายามใช้พลังของตนทั้งหมดแต่ไม่อาจเปิดฝาโลงได้ มันจึงเดาว่าโลงศพโบราณนั้นเป็นสมบัติวิญญาณที่ไม่ธรรมดา เพียงแต่มันไม่อาจทราบระดับ

 

และไม่รู้ว่ามีสิ่งใดอยู่ภายในโลง

 

เมื่อ 300 ปีก่อน หนานหยางสื่อ ผู้อาวุโสที่เลื่องชื่อของแคว้นเยว่เคยเป็นนักล่าสมบัติ

 

แต่หลังจากได้โลงศพโบราณมา มันไม่กล้าบอกหรือหารือกับผู้อื่นถึงวิธีการที่จะเปิดมัน

 

แต่ยามนี้ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับชีวิตและความตาย ไร้ซึ่งสมบัติใดๆคุ้มกายแล้ว มันจำต้องนำโลงศพโบราณออกมาเพื่อใช้รับมือกับซื่อหวูเสีย

 

แต่ในขณะนั้นเอง มันยังไม่ทันได้ใช้โลงศพโบราณ นางกลับชิงจู่โจมเข้าที่ข้อมือของมันอย่างรุนแรง

 

ทำให้โลงศพโบราณ ร่วงหล่นลงไปยังตำแหน่งห้องนอนของจื่อเฮ่อพอดี!

 

และหลังจากนั้น...

 

หลังจากนั้นหนิงฝานก็เริ่มลงมือกับศพของสตรีผู้งดงามที่อยู่ภายในโลง

 

แม้นางจะเป็นศพ แต่เมื่อปลดเปลื้องอาภรณ์ของนางออก ใบหน้าที่ซีดขาวกลับแดงระเรื่อ! ช่างเป็นเรื่องที่แปลกยิ่งนัก

 

“นี่เจ้ากล้า...” ศพของนางราวกับต้องการกล่าวคำทำนองนี้ แต่นางไม่อาจกล่าวได้

 

แม้นางจะตายมาอย่างยาวนาน...แต่ตัวนางกลับอุ่น

 

หน้าอกที่ขาวนวลควรจะแข็ง แต่เมื่อหนิงฝานเอื้อมมือสัมผัส มันกลับนุ่มละมุน...

 

เหนือท้องนภาด้านบนกำลังเกิดการต่อสู้ที่รุนแรง แต่บรรยากาศภายในห้องของจื่อเฮ่อกลับอบอวนไปด้วยราคะ

 

จื่อเฮ่อใช้มือปิดคลุมหน้าอกของตนพลางจ้องมองหนิงฝานที่กำลังเริ่มทำบางอย่างกับศพ... ครั้งแรกที่เห็นนางหวาดกลัว แต่หลังจากนั้นนางกลับใจเต้นรัว... ‘ช่างน่าอายนัก... นางตายไปแล้ว เหตุใดพี่ฝานยังไม่ละเว้นนาง... แต่นางก็งดงาม หรือก่อนที่นางจะสิ้นใจ นางอาจเป็นนางสวรรค์มาก่อน’...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด