DND.68.5 - ปรปักษ์ที่แกร่งที่สุด(ตอนปลาย)
ชางหมิงยี่หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง เขาอยากจะสั่งสอนซือหยูแต่ไม่อยากจะถูกมองว่ารังแกหน้าใหม่ แต่ซือหยูกลับพูดอย่างไม่ไว้หน้า ตอนนี้ชางหมิงยี่มิต้องออมมืออีกแล้ว
“ฮ่า ดีล่ะ ข้าจะไม่ออมมือ”
ชางหมิงยี่มองอย่างเย็นชาและยกนิ้วขึ้น คลื่นลึกลับหมุนวนรอบระหว่างพวกเขาทั้งสอง
มันลอยอยู่ระหว่างความจริง ราวกับดัชนีอยู่ในอีกขอบเขต...ภาพลวงตา
ร่างชางหมิงยี่ส่วนมากเข้าไปในอีกขอบเขตที่แยกจากโลกจริง
“ฏีกาสวรรค์ระดับกลาง!”
ศิษย์น้องหลิวทั้งอิจฉาและยอมรับ นางมองซือหยูอย่างเวทนา ดูเหมือนชางหมิงยี่อยากจะชี้แนะซือหยูจริงๆจึงใช้ฎีกาสวรรค์ออกมา
วิหารเป็นเช่นนี้...พลังคือทุกสิ่ง
หากมิอยากถูกทำอัปยศหรือแย่กว่าสุนัข...ก็ต้องบ่มเพาะพลังให้จงหนัก!
“ดัชนีทะลวงขอบเขต!”
ฟึ่บ--
ดัชนีของเขาราวกับอยู่ในอีกขอบเขตที่มิใช่ความเป็นจริง ราวกับเป็นเหตุการณ์ที่ถูกวาดเอาไว้อย่างงดงาม ใครที่ได้เห็นต้องมัวเมาและจมสู่ภาพลวงตา
ปั้ง---
ราวกับดัชนีทะลวงขอบเขตนี้จะทำลายทั้งจักรวาล
ซือหยูยังคงใจเย็น
ฟึ่บ--
ซือหยูเข้าสู่อีกขอบเขตทันที เขาลอยขึ้นสู่มวลเมฆที่แยกจากโลกความเป็นจริง
แต่ซือหยูไม่ได้ใช้ดัชนีสวรรค์ เขากลับลดมือลงและทำให้เกิดภาพอันลึกลับที่ปกคลุมทั้งร่าง
ในตอนนั้นเอง ชางหมิงยี่ได้กลายเป็นตัวละครในภาพเขียนของซือหยู
ปั่ก--
ซือหยูยื่นฝ่ามือธรรมดาออกไป
ดัชนีและฝ่ามือเข้าปะทะกัน
ครืนนน ปั้ง---
ว๊ากก---
ชางหมิงยี่ตกตะลึง เขากระอักเลือดออกมาและควบคุมร่างกายไม่ได้ ชางหมิงยี่ถอยหลังอย่างไม่มั่นคงและล้มลงกับพื้น
“ฎีกาสวรรค์ระดับสูงงั้นเรอะ?”
ชางหมิงยี่เบิกตากว้าง เขามองอย่างนับถือและเกรงกลัว
ศิษย์พี่หลิวเอามือปิดปากอย่างไม่เชื่อสายตา
เหล่าศิษย์พี่ต่างพูดคุยเสียงดัง
อันดับเก้าในสิบที่คาดหวังจะได้เป็นศิษย์สวรรค์ชางหมิงยี่ พ่ายแพ้จากกระบวนท่าเดียวของหน้าใหม่!
ซือหยูไม่ยินดียินร้ายกับสิ่งที่เกิดขึ้น เขาหยิบอาหารของชางหมิงยี่และกลับไปยังลานฝึกกับเซี่ยจิงหยู
“เขาเป็นใครกัน?”
ซือหยูมีชื่อหลังจากการต่อสู้ครั้งนี้ครั้งเดียว เหล่าศิษย์พี่ต่างอยากรู้เรื่องของเขามากขึ้น
และเหล่าศิษย์พี่ก็ได้ข้อมูลจากเฟิงห่าวที่หน้าซีดราวกับกระดาษ...ซือหยูนั่นมาจากแคว้นเฟิงหลิน!
กลับมายังห้องพัก ซือหยูนั่งตรงข้ามเซี่ยจิงหยู พวกเขาเปิดดูอาหารและพบว่ามันเป็นสมบัติหายากในโลกมนุษย์ทั้งสิ้น เช่นไอหยกเพลิงที่ซือหยูเคยดื่มมาก่อน
วัตถุดิบหลักมีพลังงานล้นเหลือ พวกเขาไม่เคยเห็นวัตถุดิบเช่นนี้มาก่อน เพียงการกินก็ทำให้ซือหยูและเซี่ยจิงหยูรู้สึกถึงพลังที่เพิ่มขึ้น
อาหารมีปริมาณพอเหมาะ เซี่ยจิงหยูนั้นกินน้อย เพียงพอต่อการแบ่งปันสองคน
เห้อ---
หลังอาหาร ซือหยูยืดตัวผ่อนคลาย พลังของเขาได้ถูกเติมเต็ม พลังบ่มเพาะของเขาสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด หากกินอาหารเช่นนี้อีกไม่กี่วันเขาจะบรรลุขอบเขตระดับหก
เซี่ยจิงหยูมีพลังระดับห้าขั้นกลาง หลังอาหารนางเพิ่มระดับเป็นระดับห้าขั้นสูงทันที! นางประหลาดใจมาก
เพียงวันแรกในวิหารก็ทำให้นางเลื่อนระดับ นางรู้สึกขอบคุณซือหยูและยิ้มอย่างบริสุทธิ์
“ซือหยู ขอบคุณนะ”
ใจซือหยูเต้นอย่างลิงโลดและโบกมือ
“วิหารนี่มีทรัพยากรมากกว่าโลกมนุษย์ หากเราฝึกหนักเราจะก้าวข้ามอดีตไปได้แน่!”
อาหารมื้อเดียวก็ทำให้พวกเขาเพิ่มพลังอย่างน่ากลัว...ยากจะจินตนาการถึงทรัพยากรอื่นที่วิหารอาจจะมี
ก่อนกินอาหาร ซือหยูกังวลถึงเรื่องเฟิงหวงที่เป็นเรื่องหนักอึ้งในหัวเขา
แต่หลังจากได้กินอาหารมื้อนี้ เขาก็เริ่มมีหวัง
หุบเขาเฟิงหวง...อย่าเอาเซี่ยนเอ๋อไปจากข้า!
หากได้ฝึกอีกไม่กี่ปีในวิหาร...เขาจะไม่เกรงกลัวผู้ใด!
เซี่ยจิงหยูยิ้ม นางชอบชีวิตความเป็นอยู่ตอนนี้ ชีวิตที่ได้ฝึกฝนร่วมกับซือหยู พัฒนาฝึมือไปด้วยกัน
ซือหยูรู้สึกไม่ต่างกัน เขาคิดว่าเซี่ยจิงหยูสมบูรณ์แบบ นางอ่อนโยนแต่แน่วแน่ และยังงดงามอีกด้วย บุรุษทุกคนล้วนอยากได้นางเป็นภรรยา
แต่ความคิดนี้ก็หายไปจากหัวซือหยูอย่างรวดเร็ว เซี่ยนเอ๋อยังโดดเดี่ยวในแดนไกล เขาจะคิดถึงสตรีอื่นได้ยังไง? และความรู้สึกที่มีต่อเซี่ยจิงหยูยังเป็นความสำนึกในบุญคุณ เขาไม่อยากจะทำให้เรื่องมันซับซ้อนขึ้นโดยการพรากความบริสุทธิ์ของนาง
ปั้ง---
เสียงกระแทกดังก้องมาจากลานฝึก
ซือหยูออกจากห้องและพบกับชายหนุ่มรูปร่างดีที่ลานฝึก
ดวงตาเขาเย็นชา
ซือหยูรู้สึกว่าเคยเจอเขาที่ไหนมาก่อน
“เจ้าคือซือหยูใช่หรือไม่?”
ชายหนุ่มเรียกเขาอย่างไร้เยื่อใย
ซือหยูพยักหน้า
“มีเรื่องอะไรกัน?”
“ข้าตู้หลิน ตอนนี้คงรู้แล้วใช่ไหมว่าข้ามาทำไม!”
ตู้หลินแผ่จิตสังหารออกมา
ตู้หลินงั้นรึ?
เซี่ยจิงหยูบินออกจากห้องมายังข้างซือหยู
“เรื่องของตู้หยุนเทียนถูกจัดการโดยศิษย์พี่ฉิวไปแล้ว เจ้ามิพอใจกับการตัดสินใจของศิษย์พี่งั้นรึ?”
ตู้หลินเข้ามายังวิหารก่อนตู้หยุนเทียน พวกเขาเป็นพี่น้องกัน!
เขาแกร่งยิ่งกว่าฟางหยุน ทั้งซือหยูและเซี่ยจิงหยูมิใช่คู่มือของเขาเลย!
“อย่าใช้ศิษย์พี่ฉิวมาขู่ข้า! ข้ามิได้มาเพื่อล้างแค้น ข้ามาเพื่อเรียนรู้จากซือหยูต่างหาก ได้ยินว่าเจ้าคือคนที่แกร่งที่สุดในเฟิงหลิน ข้าอยากจะรู้นักว่าเจ้าแกร่งซักแค่ไหน!”
แม้ตู้หลินจะพูดเช่นนั้น แต่น้ำเสียงของเขาบ่งบองอย่างชัดเจนว่าเขามาเพื่อล้างแค้น!
เขามิได้เกลียดฉิวชางเจี้ยน เพราะเขาไม่รู้ว่าฉิวชางเจี้ยนเป็นใคร แต่เขารู้จักซือหยู...และเขาแกร่งกว่าซือหยู...ตู้หลินเลยชิงชังเขา!
เรื่องที่เกิดขึ้นตอนนี้เป็นที่สนใจของผู้อื่น เหล่าศิษย์วิหารหลายคนหยุดมอง
“ตู้หลิน? อัจฉริยะจากวิหารมนุษย์งั้นรึ?”
“ตอนที่เขามานี่ เขาเป็นแค่ผู้ติดตามวิหารมนุษย์ แต่แค่ปีเดียวเขาก็เป็นศิษย์อันดับห้าที่จะได้เป็นศิษย์สวรรค์ พลังของเขาน่ากลัวนัก”
เฟิงห่าวย่ามใจ ซือหยูเป็นที่สนใจมากเกินไป นั่นจะทำให้มีผู้ที่แกร่งกว่ามารังแกเขา
พลังคือทุกสิ่งในวิหารสวรรค์ หากมิได้เกิดการสังหารหรือพิการ การประลองจะเกิดขึ้นที่ใดก็ได้!
เซี่ยจิงหยูโมโห
“ตู้หลิน! อย่าบังคับให้ทุกคนทำตามใจเจ้า เจ้าก็รู้ดีว่าทำไมน้องชายเจ้าถูกสังหาร...ทำไมยังใช้เรื่องนี้มาอ้างเพื่อล้างแค้นอีก?”
“หุบปาก! ข้ามิได้คุยกับเจ้า!”
ตู้หลินก่นด่า
ตู้หลินคุกคามซือหยูด้วยแววตาน่ากลัว
“วันนี้เจ้าจะต้องยอมประลองกับข้า...แม้จะไม่อยากก็ตาม!”
รังสีพลังระดับเจ็ดขั้นกลางแผ่ออกไปทั่ว
ตู้หลินที่โหดร้ายป่าเถื่อนทำให้ซือหยูโกรธเกรี้ยว เขาจะต้องทนการข่มเหงเช่นนี้เพราะเขาอ่อนแอกว่างั้นรึ? หากมีเวลาอีกหน่อยเขาจะตามตู้หลินทันแน่
แต่ซือหยูไม่มีเวลา...เขาจะต้องประลองกับตู้หลินวันนี้...แม้จะไม่มีโอกาสชนะ
ซือหยูยอมตาดีกว่าต้องยอมคุกเข่า เขารับถือในตนเอง
“ถ้าเจ้าอยากจะสู้...ก็เข้ามา!”
ชุดของซือหยูและเส้นผมร่ายรำไปตามแรงลม
ดวงตาดาวกับดวงดาราของซือหยูไร้ซึ่งความกลัว...มีเพียงความตั้งใจอันแรงกล้าและความโกรธ
ซือหยูก้าวออกมาข้างหน้า สายฟ้าอันน่ากลัวปะทุอยู่ที่ฝ่ามือ เขาเรียกดาบทมิฬออกมาจากดวงตาและเข้าสู่ขอบเขตอันงดงาม
ลมพัดไปทั่วใต้เท้าของซือหยู เขาเดินบนแสงและคว้าเงาอย่างไร้ลักษณ์
ซือหยูใช้ทุกสิ่งที่เขามีและลงมือก่อน...นี่คือศัตรูตัวฉกาจที่สุดที่เขาเคยพบเคยเจอ!
เจ้าอยากจะชี้แนะข้างั้นรึ? เตรียมฟันร่วงออกจากปากซะเถอะ!
ติชมให้กำลังใจ กดไลค์แฟนเพจมาคุยกันได้เลยจ้าาา