DND.68 - ปรปักษ์ที่แกร่งที่สุด(ตอนต้น)
“ศิษย์น้องหลิว ดูเหมือนจะมีหน้าใหม่เลือดร้อนที่นี่นะ ให้ข้าจัดการแทนดีหรือไม่?”
ข้างนางคือชายหนุ่มระดับหกขั้นสูง
เขาคือศิษย์สวรรค์ลำดับเก้า ชางหมิงยี่ รูปลักษณ์ของเขาปกติแต่มองศิษย์น้องหลิวอย่างหลงใหล
“หาจำเป็นไม่”
ศิษย์น้องหลิวส่ายหัวปฏิเสธและถอนหายใจ
“บางทีข้าอาจจะไม่เหมาะกับการแข่งขันอย่างหนักหน่วงในวิหาร ข้าอาจจะถูกกำจัดในการประลองวายุในอีกเดือนก็ได้”
ประลองวายุ? ชางหมิงยี่กังวลอย่างเห็นได้ชัด
ศิษย์น้องหลิวที่เต็มไปด้วยความกังวลประลองกับเฟิงห่าว
วิชาเคลื่อนไหวเฉพาะของเฟิงห่าวและวิชาหมัดทั้งแข็งแกร่งและลื่นไหล
“หมัดละลายภูผา!”
เฟิงห่าวคำรามเสียงต่ำ ร่างของเขาลอยขึ้น
วิชาเคลื่อนไหวของเขารวดเร็วและทรงพลัง เขาราวกับเป็นพยัคฆ์พิโรธที่เต็มไปด้วยพลังและความเร็ว
หมัดของเขาร่ายรำในอากาศ เกิดรังสีสีแดงอ่อนๆทรงกลม
ดาวกับว่ามีดาวตกที่ลุกไหม้รุนแรงพร้อมจะทำลายทุกสิ่งตกลงมา
ครืน--
อากาศรอบๆสั่นไหว!
ซือหยูและเซี่ยจิงหยูลืมตากว้าง!
วิชาระดับสวรรค์ขั้นต้น!
ที่เฟิงหลิน ตู้หยุนเทียนนับว่าเป็นอัจฉริยะไร้เทียมทานเพียงผู้เดียวที่บรรลุวิชาระดับสวรรค์ขั้นสูง เฟิงห่าวจากแคว้นหลูหลี่ก็มีวิชาระดับสวรรค์เช่นกัน! พวกเขาทั้งคู่ต่างเป็นศิษย์อสูรอันดับแรกๆของแคว้น แต่เฟิงห่าวที่เห็นอยู่ในตอนนี้แข็งแกร่งกว่าตู้หยุนเทียน!
เฟิงห่าวอาจจะนิสัยเลวร้าย...แต่พลังของเขาเป็นของจริง!
ศิษย์น้องหลิวใจเย็นและยื่นนิ้วอันงดงามราวหยกออกมา
นิ้วของนางแข็งและใส ความเยือกเย็นปกคลุมนิ้วของนาง
ฉัวะ--
อากาศรอบนิ้วนางเยือกแข็งทันทีราวกับถูกมนต์สะกด
อากาศในระยะร้อยศอกเริ่มเย็นลง
แม้ซือหยูและเซี่ยจิงหยูที่มิได้ต่อสู้ด้วยก็รู้สึกหนาวสั่น
วิชาระดับสวรรค์ระดับสองขั้นกลาง!
ชางหมิงยี่ชื่นชม
“พลังศิษย์น้องหลิวช่างดีเยี่ยม แขนงวิชาระดับเทพแก่นดวงใจน้ำแข็ง วิชาระดับสวรรค์เก้ารูปแบบอาชาเขาหยก นางบ่มเพาะจนถึงระดับสองขั้นกลาง”
ซือหยู เซี่ยจิงหยูและศิษย์สวรรค์คนอื่นๆ ต่างประหลาดใจ!
วิชาระดับสวรรค์มันยากแค่ไหนกัน? การบรรลุระดับหนึ่งขั้นต้นนั้นก็เพิ่มพลังมหาศาลแล้ว แต่ในวิหารสวรรค์ ผู้มีวิชาระดับสวรรค์ระดับสองนั้นเป็นได้แค่เพียงอันดับสิบ!
มาตรฐานช่างแตกต่างกันยิ่งนัก แม้จะเป็นผู้ที่อันดับต่ำสุดก็แข็งแกร่งเกินคาดเดา แล้วศิษย์สวรรค์ระดับสูงคนอื่นจะน่ากลัวแค่ไหนกัน?
พลังเต็มที่ของศิษย์สวรรค์พวกนี้จะมากเท่าไหร่กันนะ?
และยังมีวิชาที่แข็งแกร่งกว่าวิชาระดับสวรรค์...วิชาระดับเทพ?
ความมั่นใจของเฟิงห่าวถูกแทนที่ด้วยความกลัว เขาเป็นหมาป่าที่ไล่ตามกระต่ายน้อย โดยที่มิรู้ตัวเลยว่ากระต่ายน้อยนั้นคือพยัคฆ์ร้าย
ครืน---
อ๊าก---
เฟิงห่าวปลิวลอยไปไกลและได้กลิ่นโลหิตในลำคอ
ศิษย์น้องหลิวยังคงยืนอยู่ที่เดิม นางเพียงดึงนิ้วกลับโดยมิได้ใส่ใจกับชัยชยะแม้แต่น้อย
ในสายตาของนางเฟิงห่าวมิควรค่าแค่การพูดถึง ชัยชนะของนางมิจำเป็นต้องได้รับคำสรรเสริญ และความกังวลที่อยู่ภายในก็แสดงออกมาอย่างชัดเจนผ่านแววตาของนาง
“ระดับพลังของข้าต้องถูกกำจัดในการประลองวายุแน่นอน”
นางกระซิบอย่างน่าสงสาร
การประลองวายุ...เป็นครั้งที่สองที่ซือหยูได้ยินนางพูด
ประลองวายุคืออะไรกัน? แม้ศิษย์น้องหลิวจะแกร่งถึงเพียงนั้น...แต่ก็ถูกกำจัดอย่างแน่นอนงั้นหรือ?
ชางหมิงยี่มองเฟิงห่าวที่พ่ายแพ้อย่างดูแคลน
“เจ้าหน้าใหม่...ก่อนจะได้กินของดีๆ พวกเจ้าหัดกินอาหารสุนัขไปก่อนเถอะ!”
พูดจบเขาก็มองผ่านซือหยูและคนอื่นๆ และหยุดลงตรงเซี่ยจิงหยู ชางหมิงยี่ตกตะลึงกับความงามราวเทพธิดาของนางอย่างออกหน้าออกตา
เซี่ยจิงหยูรู้สึกรังเกียจเล็กน้อย นางไม่ชอบนิสัยและสายตาของชางหมิงยี่เลย
“ฮ่า...แน่นอน...ถ้าหากสาวสวยคนนี้อยากได้ ศิษย์พี่ของเจ้าจะแบ่งให้”
ชางหมิงยี่มองรูปลักษณ์ของเซี่ยจิงหยู เขาไม่ปิดบังตัณหาในแววตาด้วยซ้ำ
เขานับถือศิษย์น้องหลิวอยู่บ้าง ระยะห่างของพลังพวกเขาไม่ต่างกันมาก
แต่เซี่ยจิงหยูอ่อนแอกว่ามาก...เขาจิงมิได้ระวังคำพูดและแววตาแม้แต่น้อย
ฟึ่บ--
ร่างสีม่วงขวางร่างอันอ่อนช้อยจากสายตาของชางหมิงยี่
“จิงหยู ข้าจะเอาจานนั้นให้เจ้า”
ซือหยูหันไปมอง เซี่ยจิงหยูโกรธซางหมิงยี่อย่างไม่ต้องสงสัย
พลังหมายถึงทุกสิ่งในวิหารสวรรค์แห่งนี้ การข่มเหงหน้าใหม่นั้นยอมรับไม่ได้!
เมื่อนางได้ยินที่ซือหยูพูดก็รู้สึกดีใจ แต่กลับยิ้มและส่ายหัว
“ไม่จำเป็น ข้ามิใช่เด็กนิสัยเสีย ข้ากินขนมปังนี่ได้ และถ้าหากข้าอยากจะกิน ข้าจะเอามาด้วยพลังของตัวเอง”
เมื่อเห็นหน้ากังวลของนางซือหยูก็หัวเราะ
“จากความสัมพันธ์ของพวกเรา การแบ่งอาหารกับข้าถือเป็นเรื่องน่าละอายงั้นรึ?”
“ก็ได้! ไว้ข้าจะตอบแทนเจ้าทีหลัง”
เซี่ยจิงหยูถูกโน้มนาว นางกระพริบตาและหน้าแดงเมื่อคิดถึงคำเมื่อครู่...แล้วความสัมพันธ์ของพวกเรามันเป็นยังไงกัน?
ครั้งก่อนพวกเขาร่วมเตียงกัน ซือหยูบอกว่าเขาจะให้คำอธิบายหลังจากจัดการเรื่องดยุคเซี่ยนหยูกับการหมั้นเซี่ยนเอ๋อ
ในวันนี้มีเพียงเรื่องการหมั้นเซี่ยนเอ๋อเท่านั้นที่ยังมิคลี่คลาย
หัวใจเซี่ยจิงหยูเต้นแรง นางรู้ว่าวันหนึ่งจะต้องพบกับการหมั้นหมายของพวกเขา แต่นางยังคงกลัว
เฟิงห่าวอัปยศเป็นอย่างมาก
เมื่อเห็นซือหยูที่ประเมินตัวเองสูงเกินไปเขาก็เยาะเย้ย
“ข้าแนะนำว่าเจ้าอย่าประมาทพวกเขาจะดีกว่า แม้จะเป็นข้าก็พ่ายแพ้...เจ้าไม่มีหวัง”
“เจ้ามันไร้ความสามารถ”
ซือหยูตอบตรงๆและเย็นชา
เฟิงห่าวโกรธและทนการทับถมของซือหยูไม่ได้
“เจ้าคนตระกูลซือ...การเข้าวิหารสวรรค์ทำให้เจ้าหยาบคายเช่นนี้เชียวรึ เจ้าคิดว่าเจ้าไร้เทียมทานรึไง? เจ้าไม่มีสิทธิ์จะท้าศิษย์พี่หลิวด้วยซ้ำ”
แม้เฟิงห่าวจะแพ้ อย่างเขาก็มีพลังพอที่จะได้รับโอกาสประลอง...แต่ซือหยูนั้นเทียบกับเขาไม่ได้แม้แต่น้อย
ซือหยูก้าวไปข้างหน้าโดยไม่เหลียวหลัง
“ข้าต้องแก้คำของเจ้าสักสองที่ อย่างแรก เจ้านั่นแหละที่หยาบคาย คนที่แพ้ศิษย์พี่หลิวคือเจ้า มิใช่ข้า! อย่างที่สอง...ใครกันบอกว่าข้าจะประลองกับศิษย์พี่หลิว?”
เขาถามอย่างเย็นชา
ฟึ่บ--
ซือหยูหันไปหาชางหมิงหยี่!
“อาหารเจ้า ข้าอยากได้ แล้วเจ้าไปกินอาหารสุนัขซะ”
ซือหยูก้าวไปหาชางหมิงยี่
พวกหน้าใหม่และสาวกศิษย์พี่คนอื่นตัวแข็งทื่อ เฟิงห่างที่มีพลังระดับหกขั้นกลางยังแพ้ศิษย์พี่หลิวที่อยู่อันดับสิบ ซือหยูที่มีพลังแค่ระดับห้าขั้นสูงกลับอยากจะประลองกับชางหมิงยี่...ที่อันดับสูงกว่าศิษย์พี่หลิวเนี่ยนะ?!
ซือหยูปล่อยตัวไปตามอารมณ์ เขาอยากจะสู้แทนส่วนของเซี่ยจิงหยู
“ก็แค่พวกเสียสติที่มิรู้จักความกลัว!”
เฟิงห่าวเหยียดหยาม
ชางหมิงยี่ประหลาดใจ เขาไม่คิดว่าพวกหน้าใหม่จะกล้าท้าเขา
“หืม..ศิษย์น้อง...เจ้ามั่นใจเหลือเกินนะ ให้ข้า...ศิษย์พี่ของเจ้าชี้แนะหน่อยแล้วกัน!”
ชางหมิงยี่ผ่อนคลายแต่แอบดูถูกอยู่ในใจ ซือหยูทำให้เขาหัวเสียที่มาขวางเซี่ยจิงหยู
ซือหยูส่ายหัวและก้าวไปข้างหน้า
“ข้าต่างหากที่จะชี้แนะเจ้า...อย่าประมาทแล้วกัน”
ติชมให้กำลังใจ กดไลค์แฟนเพจมาคุยกันได้เลยจ้าาา