ตอนที่แล้วตอนที่ 118 ภูเขาน้ำพุโลหิต
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 120 เคลือบแคลงใจ

ตอนที่ 119 ตกอาวุธวิญญาณ


หลิวปู้เฉิงชำเลืองมองไปยังหลิงฮัน ใบหน้าของมันปรากฏความไม่พอใจขึ้นมา

 

เป็นแค่รุ่นเยาว์แต่กล้ามาตั้งคำถามกับมัน? เขาไม่เคารพตัวมันที่เป็นผู้อาวุโสเลยรึไง? แต่เพราะเห็นแก่หลานสาวของมัน มันจึงไม่ได้ระเบิดความโกรธออกไปทันที แต่ตอบกลับไปด้วยสีหน้ามืดมน “มีอยู่สองสามอันที่สามารถดักเก็บได้สำเร็จ แต่พวกมันล้วนแต่เป็นสมบัติที่ได้รับความเสียหายหนัก จิตวิญญาณของพวกมันจึงเสื่อมสภาพลงไปแล้ว”

 

“ขอข้าดูหน่อยได้รึไม่?” หลิงฮันถาม

 

หลิวปู้เฉิงทนไม่ไหวอีกต่อไป เจ้ารู้รึเปล่าว่าอาวุธวิญญาณเหล่านั้นมีค่าขนาดไหน? ต่อให้พวกมันได้รับความเสียหายอย่างหนักมาแล้วก็ตาม พวกมันก็ยังเป็นสมบัติที่ล้ำค่าอยู่ดี ตราประทับที่สลักอยู่ในอาวุธเหล่านั้นล้วนแต่มีคุณค่าสำหรับการค้นคว้าอย่างมาก เพราะว่าสิ่งที่อยู่ภายในตราประทับคือเจตจำนงของจอมยุทธที่ทรงพลังในอดีต บางทีอาจจะมีจอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณมากมายมาคอยช่วยเหลือในการค้นคว้าก็ได้ ซึ่งนั่นจะเป็นการยกระดับจอมยุทธของแคว้นพิรุณให้สูงขึ้นไปอีกขั้น

 

แล้วใครจะยอมให้รุ่นเยาว์อย่างเจ้าเข้าไปดูสมบัติที่ไม่สามารถวัดค่าได้เช่นนั้น? ใช่แล้ว แม้แต่ตัวมันก็ยังไม่มีสิทธิที่จะได้ดูเลย!

 

“อย่าฝันกลางวันไปหน่อยเลย!” มันพูดตำหนิขึ้นมา เพราะเห็นแก่หลานสาวของมัน มันจึงไม่ได้ใช้คำหยาบคาย แต่ทำเพียงพูดตักเตือนเล็กน้อย

 

“ท่านลุงเจ็ด!” หลิวอู๋ตงรู้สึกกระวนกระวายว่าหลิงฮันจะโมโห แต่เมื่อนางไม่เห็นร่องรอยความไม่พอใจบนใบหน้าของหลิงฮัน นางจึงถอนหายใจและพูดออกไป “แค่ขอดูหน่อยจะเป็นอะไรกัน? มันคงไม่เสียหายเพียงเพราะจ้องมองหรอก!”

 

หลิวปู้เฉิงเกือบจะกระอักเลือด นี่ยังคงเป็นหลานสาวที่มีพรสวรรค์อันสูงส่งและฉลาดล้ำเลิศของมันอยู่อีกรึไม่? ทำไมรู้สึกเหมือนจะมีอะไรบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้นกับหัวของนาง นางถึงได้พูดคำพูดแบบนั้นออกมา?

 

ที่ว่า‘คงไม่เสียหายเพียงเพราะจ้องมอง’มันหมายความว่าอย่างไร? จักรพรรดิเองก็ไม่เสียหายเพียงเพราะถูกจ้องมองเหมือนกัน แต่เขาเป็นคนที่พวกเจ้าสามารถมองได้ง่ายๆรึเปล่าล่ะ?

 

“ข้าไม่สามารถตัดสินใจเรื่องนี้ได้ พวกเราต้องไปพูดกับคนที่รับผิดชอบในเรื่องนี้แทน!” มันไม่ได้พูดโกหก มันเป็นเพียงจอมยุทธระดับก่อเกิดธาตุขั้นเก้า แม้ในตระกูลมันจะมีอำนาจเหนือกว่าสมาชิกทั่วไป แต่มันก็ยังไม่ใช่ผู้อาวุโสหลักของตระกูล และยิ่งสถานที่ที่ไม่ได้มีเพียงตระกูลหลิวเช่นนี้ สถานะของมันจึงไม่ได้สูงส่งอะไร

 

“แล้วทำไมเจ้าไม่พูดให้เร็วกว่านี้? เจ้าจะทำวางท่าทำไมในเมื่อเจ้าไม่สามารถตัดสินใจได้” หลิงฮันส่ายหัว

 

บัดซบ!

 

หลิวปู้เฉิงเกือบจะกระอักเลือดออกมาอีกครั้ง เด็กหนุ่มคนนี้ช่างเจ้าคิดเจ้าแค้นจริงๆ มันเพียงพูดตำหนิไปนิดเดียว แต่เด็กหนุ่มกลับตอบโต้มาด้วยคำพูดที่รุนแรงเช่นนี้ ตอนนี้มันอยากจะระเบิดความโกรธออกไปใจจะขาด แต่เมื่อมันนึกถึงเรื่องที่หลิงฮันมาที่นี่กับหลิวอู๋ตง แถมยังถือครองเหรียญตราที่เป็นของหวู่ซงหลิน ถ้ามันลงมือกับหลิงฮัน นั่นหมายความว่ามันไม่ยอมไว้หน้าหวู่ซงหลิน

 

ถ้ามันเผลอลงมือไปและทางตระกูลรู้เรื่องเข้า มันจะต้องถูกสั่งให้ไปคุกเข่าร้องขอความเมตตาต่อหน้าหวู่ซงหลินและรอให้อีกฝ่ายตัดสินว่าจะทำยังไงกับมันดีอย่างแน่นอน

 

มันเค้นเสียง‘ฮึ’หนึ่งทีและไม่ได้พูดอะไรอีก พร้อมกับเดินนำทางพวกเขาไปข้างหน้า

 

หลิงฮันยิ้มขึ้นมา เขาไม่มีทางลดตัวลงไปทะเลาะกับหลิวปู้เฉิงแน่นอน เมื่อสักครู่เขาเพียงแค่อยากหยอกล้ออีกฝ่ายเล่นเท่านั้น ใครใช้หลิวปู้เฉิงตาบอดแล้วมาพูดตำหนิเขากันล่ะ?

 

ทั้งสี่คนไม่ได้พูดอะไรกันต่อ พวกเขาเดินไปเรื่อยๆจนในไม่ช้าก็มองเห็นเต็นท์ที่พัก

 

“หืม หลิวเจ็ด ทำไมเจ้าถึงพารุ่นเยาว์มาที่นี่ล่ะ?” เมื่อชายวัยกลางคนมองเห็นพวกเขา บนใบหน้าของมันได้ปรากฏสีหน้าแปลกประหลาดใจ นี่คือสถานที่ที่สำคัญเป็นอย่างยิ่ง มันใช่ที่ที่เจ้าจะพารุ่นเยาว์มาเดินเล่นรึอย่างไร?

 

“พวกเขามีเหรียญตราและจดหมายของปรมาจารย์หวู่ รวมถึงยังเป็นตัวแทนของปรมาจารย์หวู่อีกด้วย!” หลิวปู้เฉิงพูดด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง

 

“ว่าไงนะ?!” ชายวัยกลางคนตกตะลึง อีกฝ่ายคือหวู่ซงหลินเชียวนะ! ตัวตนที่มีสถานะต่ำกว่าจักรพรรดิพิรุณเพียงผู้เดียว และยังเป็นคนที่สามารถยืนได้อย่างทัดเทียมกับผู้นำตระกูลของแปดตระกูลใหญ่

 

“อย่างไรก็ตาม ข้าจะพาพวกเขาไปหาคนที่รับหน้าที่ดูแลลำธารใต้พิภพก่อน!” เมื่อหลิวปู้เฉิงเห็นสีหน้าที่ตกตะลึงของชายวันกลางคน ในใจของมันได้เกิดความรู้สึกพึงพอใจขึ้นมา เมื่อสักครู่มันก็ตกตะลึงเช่นเดียวกัน และตอนนี้ได้มีคนมาร่วมแบ่งปันความตะลึงของมันไป มันจึงรู้สึกพึงพอใจอย่างบอกไม่ถูก

 

มันพาหลิงฮันกับสองสาวไปยังเต็นท์ที่พักที่ใหญ่ที่สุด เต็นท์ที่พักอันนี้คือสถานที่ที่ตัวแทนจากหลายขุมอำนาจใช้เป็นที่ประชุมพูดคุยกัน และตอนนี้ในเต็นท์ที่พักได้มีผู้อาวุโสระดับสูงสามคนคอยควบคุมดูแลอยู่

 

“ว่าไงนะ พวกเขามาที่นี่เพื่อเป็นตัวแทนของปรมาจารย์หวู่?” ผู้อาวุโสระดับสูงทั้งสามคนอุทานขึ้นมาด้วยความตะลึง นี่คือสถานที่ที่เกี่ยวข้องกับอาวุธวิญญาณระดับสูง แต่หวู่ซงหลินกลับส่งรุ่นเยาว์สามคนมาเป็นตัวแทน แถมสองในสามยังอยู่ในระดับรวมธาตุอีกด้วย เรื่องนี้ทำให้พวกมันไม่อยากจะเชื่อเป็นอย่างมาก

 

“ใช่แล้ว นี่คือเหรียญตราและจดหมายของอาจารย์ข้า” หลีซื่อฉางพูด

 

ผู้อาวุโสระดับสูงสามคนตรวจสอบสิ่งของทั้งสองชิ้น มันเป็นเหรียญตราและจดหมายของหวู่ซงหลินจริงๆ แน่นอนว่าถึงแม้นี่จะเป็นของจริง แต่เนื่องจากเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ พวกมันจึงต้องส่งข้อความไปยังเมืองจักรพรรดิเพื่อยืนยันกับหวู่ซงหลินอีกที

 

“เอาล่ะ เช่นนั้นพวกเจ้าก็พักที่นี่ก่อน พวกเจ้าสามารถเข้าร่วมการตกอาวุธวิญญาณได้” หนึ่งในผู้อาวุโสระดับสูงพูดขึ้นมา

 

ตกอาวุธวิญญาณ... ทำไมมันฟังดูแปลกๆจัง?

 

เพราะว่าเต็นท์ที่พักมีจำนวนจำกัด หลิงฮันจึงอาศัยอยู่ในเต็นท์ของเขาเอง ส่วนหลิวอู๋ตงและหลีซื่อฉางนั้นอาศัยอยู่ด้วยกัน

 

หลิงฮันมาที่นี่เพื่อเป็นตัวแทนหวู่ซงหลิน เขาจึงมีสิทธิที่จะรู้ข้อมูลเพิ่มขึ้น ในที่นี้มีขุมอำนาจรวมกันทั้งหมดสิบขุมอำนาจ นอกจากตระกูลจักรพรรดิแล้ว ยังมีแปดตระกูลใหญ่และสำนักฮูหยางเข้าร่วมด้วย

 

สำหรับสำนักฮูหยาง มีเพียงอาจารย์ใหญ่ทั้งสองคนเท่านั้นที่มีสิทธิรับรู้เรื่องนี้ ส่วนอาจารย์หรือศิษย์คนอื่นไม่รู้แม้แต่น้อยว่ามีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น

 

ส่วนตำหนักโอสถสวรรค์นั้นไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เพราะอย่างไรพวกมันก็ไม่ใช่ขุมอำนาจที่เกิดขึ้นจากภายในแคว้นพิรุณ แต่เป็นขุมอำนาจที่แพร่กระจายออกไปหลายแคว้นจนนับไม่ถ้วน ถ้าเรื่องนี้รู้ถึงหูตำหนักโอสถสวรรค์... ภายในเวลาไม่นาน แคว้นนับไม่ถ้วนจะต้องส่งจอมยุทธระดับหัวกะทิของแคว้นตนเองมาเพื่อแย่งชิงอาวุธวิญญาณไปแน่นอน

 

ประเด็นสำคัญของเรื่องนี้ก็คือต้นกำเนิดของลำธารใต้พิภพอยู่ที่ใด และทำไมลำธารใต้พิภพแห่งนี้ถึงได้มีอาวุธวิญญาณมากมายลอยออกมา?

 

หรือว่า... มันจะเป็นแหล่งขุมทรัพย์ของอาวุธวิญญาณ? หรือบางทีมันอาจจะเป็นโบราณสถานที่ถูกทิ้งไว้โดยนิกายโบราณ?

 

ถ้าเป็นอย่างหลัง นอกจากอาวุธวิญญาณแล้ว ที่นั่นควรจะมีทักษะบ่มเพาะ เม็ดยา หรือโอสถศักดิ์สิทธิ์อยู่ด้วยเป็นแน่

 

เพราะฉะนั้นเรื่องราวที่เกิดขึ้นที่นี่จึงต้องเก็บความลับระดับสูงสุด

 

ทำไมพวกมันถึงไม่ว่ายทวนกระแสน้ำและมุ่งหน้าไปยังต้นกำเนิดของลำธารใต้พิภพน่ะรึ? เหตุผลก็ง่ายๆ... เพราะพวกมันทำไม่ได้ไงล่ะ!

 

เมื่อพวกมันว่ายลงไปในลำธารใต้พิภพ พวกมันจะพบเจอกับกำแพงที่มองไม่เห็นที่คอยขัดขวางไม่ให้พวกมันเดินหน้าต่อ นี่เป็นสิ่งที่ค้นพบโดยจอมยุทธระดับระดับห้วงจิตวิญญาณหลายคน เพราะอาจจะมีภัยอันตรายที่มองไม่เห็นอยู่ จึงเป็นไปไม่ได้ที่พวกมันจะยอมให้จอมยุทธระดับก่อเกิดธาตุหรือต่ำกว่าเข้าไปเสี่ยงอันตราย

 

ในแคว้นพิรุณ ระดับก่อเกิดธาตุถือว่าเป็นระดับพลังทั่วไป ในขณะที่ระดับห้วงจิตวิญญาณถือว่าเป็นระดับหัวกะทิ และมีจอมยุทธส่วนน้อยมากจริงๆที่สามารถทะลวงผ่านไปยังระดับแก่นแท้จิตวิญญาณได้ จอมยุทธเช่นนั้นมีอยู่เพียงในตระกูลจักรพรรดิ แปดตระกูลใหญ่และสำนักฮูหยาง ส่วนตำหนักโอสถสวรรค์นั้นเป็นขุมอำนาจจากภายนอกจึงไม่นับ

 

จอมยุทธระดับแก่นแท้จิตวิญญาณล้วนแต่กำลังเก็บตัวบ่มเพาะพลัง พวกมันพยายามทะลวงผ่านไปยังระดับบุปผาผลิบานเพื่อก้าวข้ามอายุขัยที่มีกำจัดและกลายเป็นจอมยุทธระดับหัวกะทิในหมู่หัวกะทิ ดังนั้นต่อให้มีการค้นพบอาวุธวิญญาณขึ้นที่นี่ จอมยุทธระดับแก่นแท้จิตวิญญาณเหล่านั้นก็ไม่ถูกดึงดูดแม้แต่น้อย

 

นอกจากจะมีข้อพิสูจน์ว่าที่นี่มีทักษะบ่มเพาะระดับสูง โอสถศักดิ์สิทธิ์ หรืออะไรประเภทนี้ หากเป็นเช่นนั้น จอมยุทธระดับแก่นแท้จิตวิญญาณจะต้องไม่สามารถสงบสติอารมณ์เอาไว้ได้แน่นอน

 

เมื่อหลิงฮันเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดแล้ว เขากับหญิงสาวทั้งสองได้เดินไปยังชายฝั่งลำธาร ตอนนี้พวกเขาสามารถใช้ตะข่ายเพื่อตกอาวุธวิญญาณได้ แต่ไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้มือเปล่าจับตรงๆ หากใครจะตกอาวุธวิญญาณ พวกเขาต้องไปยังจุดที่ไกลที่สุดของกระแสน้ำเสียก่อน

 

เพราะหากอาวุธวิญญาณสัมผัสได้ถึงตัวตนของมนุษย์ พวกมันจะถูกกระตุ้นโดยอัตโนมัติและบินขึ้นไปบนฟ้าในทันที

 

สถานการณ์ในตอนนี้ค่อนข้างน่าตลก จอมยุทธระดับก่อเกิดธาตุและระดับหัวกะที่สูงกว่านั้น ต่างก็ทำตัวราวกับพวกมันเป็นคนจับปลา พวกมันหว่านตะข่ายลงไปในลำธารและรอให้อาวุธวิญญาณลอยเข้ามาติด จากนั้นก็พยายามดึงอาวุธวิญญาณเหล่านั้นขึ้นมา

 

“มีอาวุธวิญญาณโผล่ขึ้นมาอีกอันแล้ว!” จู่ๆก็มีใครบางคนตะโกนขึ้นมา ในทิศทางจุดเริ่มต้นของลำธาร มีกระบี่เล่มหนึ่งลอยตามกระแสน้ำมาทางพวกเขา

*ติดตามข่าวสารได้ที่ เพจ*

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด