ตอนที่ 118 ภูเขาน้ำพุโลหิต
หลิงฮันหัวเราะและปล่อยมือหลีซื่อฉาง “เจ้าจัดเตรียมของเสร็จรึยัง?”
ก่อนหน้านี้เขากับหลีซื่อฉางรับหน้าที่นำเด็กสาวสองคนไปส่งให้หวู่ซงหลิน ในขณะที่หลิวอู๋ตงทำหน้าที่จัดเตรียมของใส่กระเป๋า
“ข้าเตรียมเสร็จแล้ว” หลิวอู๋ตงพยักหน้า สายตาที่นางมองไปยังหลีซื่อฉางนั้นแสดงถึงความเป็นศัตรูอย่างชัดเจน นางแอบคิดอยู่ในใจว่านางจะแอบสังหารสตรีนางนี้ทิ้งในป่าดีหรือไม่
“งั้นก็ไปกันเลย!” หลิงฮันคาดหวังกับการเดินทางครั้งที่เต็มที่
ภายใต้ลำธารใต้พิภพมีอะไรอยู่กันแน่ ทำไมถึงได้มีอาวุธวิญญาณระดับสูงลอยออกมา?
พวกเขาเดินทางออกจากเมืองจักรพรรดิและมุ่งหน้าไปยังภูเขาน้ำพุโลหิตที่มีระยะห่างจากที่นี่ประมาณสองพันไมล์ ที่ภูเขาถูกตั้งชื่อเช่นนี้เพราะว่าแม่น้ำและลำธารที่อยู่ในภูเขาจะเป็นสีแดง ราวกับว่าที่มันไม่ใช่น้ำแต่เป็นโลหิต
เพราะการเดินทางต้องใช้เวลาค่อนข้างนาน พวกเขาทั้งสามจึงเช่าม้าเพื่อขี่ไป
“ข้าเป็นเด็กกำพร้า และในตอนที่ข้าค้นพบว่าตนเองมีพรสวรรค์ในศาสตร์ปรุงยา ข้าจึงค่อยๆสามารถละทิ้งความยากจนไปได้ แต่การที่ผู้หญิงเกิดมางดงามเกินไปก็ไม่ใช่ว่าจะดีไปซะทุกอย่าง เมื่อข้าเติบโตขึ้น ข้าได้กลายเป็นเป้าหมายราคะของผู้ชายหลายคน”
ในระหว่างการเดินทาง หลีซื่อฉางเริ่มเปิดอกพูดคุยเรื่องราวของตัวนาง
“ข้าไม่เหมือนกับแม่นางหลิวที่มีตระกูลที่ทรงอำนาจคอยคุ้มครองอยู่ ข้าทำได้เพียงต้องคอยหลบซ่อนและทำตัวไม่ให้โดดเด่น แต่การหลบๆซ่อนๆก็ไม่สามารถทำไปตลอด จนสุดท้ายข้าก็ได้กลายเป็นเป้าหมายของนายน้อยเจ็ดตระกูลเฮอ แต่โชคดีที่ในตอนนั้นข้าได้พบกับอาจารย์และท่านรับข้าเป็นลูกศิษย์ ข้าถึงได้หลบหนีออกมาจากโชคชะตาที่แสนรันทนนั่นได้”
ถึงนี่จะเป็นเรื่องราวน่าเศร้า แต่หลิวอู๋ตงก็รู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมากที่นางถูกนำมาเปรียบเทียบ
คนที่ได้ฟังก็คงเห็นแล้วว่าหลีซื่อฉางน่าสงสารขนาดไหน... สาวงามที่ต้องพบเจอกับโชคชะตาอันเลวร้าย ไม่ใช่ว่าผู้ชายที่ได้ฟังจะรู้สึกเห็นอกเห็นใจนางหรอกรึ? และเมื่อเทียบกับตัวของนางเองล่ะ? ตั้งแต่เกิดนางก็ได้เป็นเจ้าหญิงแห่งตระกูลหลิว โดยที่สามารถเพลิดเพลินไปกับความหรูหราและความมั่งคั่งที่ตระกูลมอบให้!
นังผู้หญิงเจ้าเล่ห์!
ระหว่างการเดินทาง พวกเขาจะเดินทางกันในตอนเช้าและหยุดพักในตอนกลางคืน การที่มีหญิงสาวทั้งสองร่วมเดินทางมาด้วย ทำให้หลิงฮันไม่รู้สึกเบื่อแม้แต่น้อย ระยะทางสองพันไมล์ไม่ได้ถือว่าไกลอะไรมากนัก พวกเขาสามารถเดินทางได้ประมาณแปดร้อยไมล์ในหนึ่งวัน และภายในสามวันต่อมา ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงภูเขาน้ำพุโลหิต
ภูเขาน้ำพุโลหิตไม่ได้เป็นภูเขาที่ใหญ่มาก โดยรวมๆแล้วมันมีขนาดความกว้างเพียงหนึ่งร้อยไมล์เท่านั้น แต่ความสูงของภูเขานั้นราวกับลูกศรที่กำลังทะลวงผ่านก้อนเมฆขึ้นสู่ท้องฟ้า ถ้าแหงนหน้าขึ้นไปมอง ไม่ว่าคนผู้คนจะมีสายตาที่ดีขนาดไหนก็ไม่สามารถมองเห็นยอดได้
บนภูเขามีใบหญ้าสีเขียวขึ้นเต็มไปหมด และต้นไม้ที่ปกคลุมไปทั่วทั้งภูเขานั้นมีความสูงถึงหนึ่งพันเมตร ราวกับว่าต้นไม้เหล่านั้นเป็นยักษ์จากบรรพกาลที่ยืนอยู่บนภูเขาอย่างองอาจ แต่เรื่องที่น่าแปลกก็คือที่นี่มีสัตว์อาศัยอยู่น้อยมาก
หลิงฮันและหญิงสาวอีกสองคนรีบเข้าไปยังพื้นที่ที่มีลำธารใต้พิภพตั้งอยู่ การจะหาก็ไม่ใช่เรื่องยาก เพราะภูเขาน้ำพุโลหิตมีขนาดไม่ใหญ่ แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมากนี้ทำให้ลำธารใต้พิภพปรากฏออกมาและสามารถมองเห็นได้แม้จะอยู่ไกล
จากรอยแยกของพื้นดินสามารถมองเห็นลำธารใต้พิภพที่มีความกว้างประมาณหนึ่งร้อยฟุต น้ำในลำธารนั้นใสเป็นอย่างมาก และเมื่อพวกเขาเข้าไปใกล้ พวกเขารู้สึกได้ถึงความหนาวเย็นที่แทงเข้าไปถึงกระดูก
พวกเขาเดินทวนน้ำไปเรื่อยๆ พอผ่านไปหนึ่งชั่วโมง ตรงหน้าของพวกเขาได้ปรากฏรั้วที่ปิดทางเดินเอาไว้
มันเป็นรั้วที่ทำจากไม้ไผ่และดูเหมือนจะยังสร้างไม่เสร็จ รอบๆรั้วมีผู้คนกำลังยุ่งวุ่นวายอยู่กับการต่อเติมรั้วไม้ไผ่ พวกมันเป็นเพียงชาวบ้านธรรม อย่างไรก็ตาม ขณะที่พวกหลิงฮันเดินเข้าไปใกล้ ‘ฟุบ’ ได้มีร่างหนึ่งกระโจนออกมาขวางทางพวกเขาเอาไว้
“หยุดอยู่ตรงนั้น พวกเจ้าไม่ได้รับอณุญาติให้เข้ามาที่นี่!” ชายคนหนึ่งตะโกนขึ้นมา มันดูมีอายุราวๆสี่สิบปี ร่างกายค่อนข้างสูงและกำยำราวกับเป็นหอคอยเหล็กกล้า
หลิงฮันมองตรวจสอบชายคนนี้ เขาสามารถบอกได้ทันทีว่าชายคนนี้มีพลังบ่มเพาะอยู่ในระดับก่อเกิดธาตุขั้นเก้า
“ท่านลุงเจ็ด!” หลิวอู๋ตงรีบเดินออกมาจากข้างหลังหลิงฮันและทักทายชายวัยกลางคน
“อู๋ตง?” ชายวัยกลางคนรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก “ทำไมเจ้าถึงมาที่นี่?” ความลับของลำธารใต้พิภพควรจะรู้กันอยู่แค่ตระกูลจักรพรรดิ ผู้อาวุโสของแปดตระกูลใหญ่ และจอมยุทธที่แข็งแกร่งจำนวนน้อยนิดเท่านั้น
“พวกเรามาที่นี่ภายใต้คำสั่งของอาจารย์ใหญ่หวู่ โดยการมาเป็นตัวแทนของเขา” หลิงฮันพูด
“ว่าไงนะ!?” ชายวัยกลางคนตกตะลึง ในลำธารใต้พิภพมีอาวุธวิญญาณลอยอยู่ และมันต้องเป็นสมบัติที่มีค่าที่สุดตั้งแต่ก่อตั้งแคว้นพิรุณขึ้นมาแน่นอน และจะต้องมีการโต้เถียงกันระหว่างหลายขุมอำนาจของเมืองจักรพรรดิ แต่ดูสิ่งที่หวู่ซงหลินทำสิ? เขาส่งรุ่นเยาว์ไม่กี่คนมาเป็นตัวแทน นี่มันไม่เป็นการสะเพร่าเกินไปหน่อยรึไง?
“นี่คือจดหมายของอาจารย์ข้า” หลีซื่อฉางหยิบจดหมายออกมา หวู่ซงหลินรู้ดีว่าเพียงแค่คำพูดอย่างเดียวคงรับประกันอะไรไม่ได้ ดังนั้นมันจึงได้เตรียมเหรียญตราและจดหมายของมันเอาไว้เพื่อเป็นข้อยืนยัน
ชายวัยกลางคนรับจดหมายจากหลีซื่อฉาง แต่ด้วยสถานะของมัน ทำให้มันไม่มีสิทธิในการเปิดอ่านจดหมาย “ตามข้ามา”
มันเดินนำทางไปโดยที่มีหลิงฮันแสนสองสาวเดินตามหลัง
“นี่คือท่านลุงเจ็ดของข้า ชื่อของเขาคือหลิวปู้เฉิง” หลิวอู๋ตงพูดแนะนำ
หลิงฮันพยักหน้า แม้พลังบ่มเพาะระดับก่อเกิดธาตุขั้นเก้าจะไม่ใช่เรื่องที่หลิงฮันจะต้องเก็บมาคิดจริงจัง แต่สำหรับสถานที่เล็กๆอย่างแคว้นพิรุณแล้ว มันเป็นระดับพลังที่น่าประทับใจอย่างมาก ด้วยพลังบ่มเพาะระดับก่อเกิดธาตุขั้นเก้า มันสามารถประกาศตัวออกไปได้ว่ามันเป็นจอมยุทธชั้นแนวหน้าของแคว้นพิรุณ
เมื่อพวกเขาเดินไปข้างหน้าซักพัก พวกเขามองเห็นจอมยุทธจำนวนหนึ่งกำลังยืนคุ้มกันอยู่ที่ชายฝั่งของลำธาร ดวงตาของพวกมันจ้องอย่างแน่วแน่ไปที่พื้นผิวลำธาร ราวกับว่าข้างล่างนั้นมีสมบัติวางเอาไว้อยู่ ความสนใจของพวกมันจ้องเขม็งไปที่พื้นผิวของลำธารโดยไม่กล้าละสายตาออกไปแม้แต่น้อย
เมื่อพวกหลิงฮันเดินต่อไปอีกสักพัก พวกเขามองเห็นว่าภายในลำธารมีตาข่ายติดตั้งเอาไว้อยู่ และมีผู้คนยืนคุ้มกันอยู่ทั้งสองฝั่ง
“มันอยู่ตรงนี้!” ใครบางคนได้ตกใจและตะโกนขึ้นมา ทำให้หลิงฮันกับกลุ่มของเขาต้องหยุดเดินและมองไปทางลำธาร
พวกเขามองเห็นขวดหยกกำลังลอยอยู่ตามกระแสน้ำ บนขวดหยกมีร่องรอยเสียหายอยู่หลายจุด และมีตราประทับสลักเอาไว้อยู่ ตราประทับที่สลักเอาไว้ดูซับซ้อนเป็นอย่างมาก ราวกับมันกำลังสื่อให้เห็นถึงวิถีแห่งสวรรค์และปฐพีจากยุคบรรพกาล
อาวุธวิญญาณ!
ดวงตาของหลิงฮันลุกวาว เขาเคยเป็นจอมยุทธระดับสวรรค์ในชีวิตที่แล้ว และแน่นอนว่าเขาต้องเคยครอบครองอาวุธวิญญาณ เขาเคยแม้กระทั่งสร้างอาวุธวิญญาณของตัวเองขึ้นมา ดังนั้นเขาจึงสามารถตรวจสอบและประเมินค่าอาวุธวิญญาณได้ดีกว่าใครทุกคนในที่นี้ เมื่อเขากวาดสายตามองขวดหยก เขาสามารถบอกได้เลยว่ามันไม่ใช่อาวุธวิญญาณธรรมดา
อย่างน้อยมันต้องเป็นอาวุธวิญญาณระดับแปด!
‘อาวุธวิญญาณเช่นนี้จะสามารถพัฒนาจิตวิญญาณของพวกมันเองได้’ หลิงฮันคิดในใจ
ขวดหยกลอยเข้าไปติดในตาข่าย และเมื่อมันสัมผัสโดนตาข่าย ตราประทับของมันได้ส่องสว่างขึ้นมาทันที ‘ฉัวะ’ ตาข่ายถูกทะลวงจนเป็นรู และมันได้ลอยตามกระแสน้ำต่อไป โดยมุ่งหน้าไปทางชายฝั่งของลำธาร
ทุกคนจ้องมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และพวกเขาเห็นจอมยุทธหลายคนที่ยืนคุ้มกันชายฝั่งอยู่ทำการลงมือ พวกมันพยายามจะจับขวดหยกเอาไว้ แต่ในตอนนั้นเอง ตราประทับได้ส่องสว่างมากขึ้นกว่าเดิมและขวดหยกได้ลอยขึ้นไปบนฟ้าราวกับมันเป็นดาวตก มันทะลวงผ่านท้องฟ้าไปเรื่อยๆจนกระทั่งหายไปจากสายตา
อาวุธวิญญาณ... มันหนีไปแล้ว
‘เป็นเช่นนั้นเอง’
หลิงฮันพยักหน้า ถ้าพวกมันใช้ตาข่าย พวกมันจะไม่ไปกระตุ้นปฏิกิริยาของอาวุธวิญญาณมากนัก แต่เมื่อพวกมันพยายามจะใช้มือคว้าเอาไว้ อาวุธวิญญาณจะตอบสนองและหายไปในทันที
มันเป็นอาวุธวิญญาณที่มีจิตวิญญาณอยู่จริงๆ
“จนถึงตอนนี้ ยังไม่สามารถดักเก็บอาวุธวิญญาณชิ้นไหนสำเร็จเลยสินะ?” หลิงฮันถามหลิวปู้เฉิง
*ติดตามข่าวสารได้ที่ เพจ*