ตอนที่ 116 อาวุธวิญญาณเต็มไปหมด
“อะไรกัน!” หลิวอู๋ตงตกตะลึงทันที “มีเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นด้วยรึ?”
อาวุธวิญญาณจะสามารถสร้างขึ้นโดยจอมยุทธระดับห้วงจิตวิญญาณหรือสูงกว่าเท่านั้น พวกมันจะใช้ปราณของตนเองในการหล่อหลอมบ่มเพาะเอาวุธเหล่านั้น และหลังจากผ่านไปเป็นเวลานาน ทักษะบ่มเพาะของพวกมันก็จะถูกจารึกเข้าไปในอาวุธเหล่านั้นโดยการใช้วิธีการพิเศษ อาวุธที่หล่อหลอมบ่มเพาะขึ้นมาจะมีพลังทัดเทียมกับผู้สร้าง
ฟังดูอาจจะเหมือนการสร้างอาวุธวิญญาณเป็นเรื่องง่าย แต่ช่วงชีวิตของจอมยุทธนั้นมีจำกัด การจะสร้างอาวุธวิญญาณที่สมบูรณ์ขึ้นมาสักชิ้นหนึ่งจำเป็นต้องใช้เวลาอย่างน้อยยี่สิบถึงสามสิบปี ดังนั้นอาวุธวิญญาณจึงมีอยู่น้อยมาก
แน่นอนว่าสถานการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นกับสถานที่เล็กๆอย่างแคว้นพิรุณเท่านั้น
...ในชีวิตที่แล้วของหลิงฮัน จอมยุทธคนไหนกันจะไม่มีอาวุธวิญญาณอยู่ข้างกาย? บางคนถึงขนาดใช้เวลาทั้งหมดมุ่งเน้นไปยังวิถีแห่งศัสตราวุธ พวกเขาจะครอบครองอาวุธวิญญาณอยู่หลายสิบชิ้น หรืออาจจะหลายร้อยชิ้นเลยด้วยซ้ำ และในการต่อสู้ พวกเขาจะใช้อาวุธวิญญาณเหล่านั้นออกมาทั้งหมด ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าสะพรึงกลัวอย่างมาก
แต่ในแคว้นพิรุณ ดูเหมือนจะมีให้เห็นเพียงวัตถุดิบที่ใช้สำหรับหลอมอาวุธวิญญาณ... เพราะงั้นจะมีอาวุธวิญญาณปรากฏออกมาให้เห็นสักกี่ชิ้นเชียว?
และตอนนี้ได้มีอาวุธวิญญาณมากมายกำลังลอยอยู่ในลำธารใต้ดิน จึงไม่แปลกที่ทุกคนจะตกใจ
หลิงฮันไม่สนใจอะไรในเรื่องนี้มากนัก เป้าหมายของเขาคือการกลับไปยังระดับสวรรค์ ด้วยพลังต่อสู้ที่ดั่งสัตว์ประหลาดของเขา จะมีอาวุธวิญญาณแบบใดที่เขาไม่สามารถเป็นเจ้าของได้? ยิ่งกว่านั้น หอคอยทมิฬที่อยู่ในตันเถียนของเขาก็ดูเหมือนจะเป็นอาวุธวิญญาณเช่นกัน แล้วยังอยู่ในระดับที่ไม่อาจวัดค่าได้อีกด้วย
เพราะอย่างไรตัวเขาในอดีตก็เคยอยู่ในระดับสวรรค์ ไม่ว่าพลังต่อสู้ของเขาจะอ่อนแอแค่ไหนเขาก็ยังแข็งแกร่งกว่าจอมยุทธระดับก้าวสู่เทวาตั้งไม่รู้กี่ร้อยกี่พันเท่า... แต่ถึงอย่างนั้น เพียงแค่การสั่นสะเบื่อนเบาๆของหอทมิฬกลับสามารถลบล้างตัวเขาให้หายไปได้อย่างง่ายดาย!
และตอนนี้สิ่งที่เขาจำเป็นต้องคือการตั้งสมาธิไปกับการทะลวงผ่านระดับก่อเกิดธาตุ จากนั้นเขาจะสามารถเข้าไปยังหอคอยทมิฬได้ บางทีเขาอาจจะค้นพบความลับของหอคอยทมิฬและอาจจะสามารถควบคุมมันได้ก็ได้ ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว เขายังจำเป็นต้องใช้ความพยายามเพื่อให้ได้รับอาวุธวิญญาณชิ้นอื่นมาอีกรึ?
“หืม ทำไมเจ้ายังสงบนิ่งอยู่ได้?” หลีซื่อฉางมองอย่างประหลาดใจไปที่หลิงฮัน เมื่อตอนที่นางได้ฟังข่าวนี้เป็นครั้งแรก นางก็เป็นเหมือนกับหลิวอู๋ตงเมื่อสักครู่ที่ต้องสูญเสียความเยือกเย็นไป แต่แล้วหลิงฮันล่ะ? เขาทำเหมือนกับว่าเขาไม่ได้ยินเรื่องที่นางพูดไปเลยแม้แต่น้อย
หลิงฮันยิ้มอย่างสงบและพูด “เพียงแค่อาวุธวิญญาณไม่กี่อัน พวกมันจะหายากอะไรขนาดนั้นเชียว?”
“เพียงแค่อาวุธวิญญาณไม่กี่อัน?” หลีซื่อฉางพูดออกมาอย่างไม่พอใจ หมอนี่ช่างพูดจาโอ้อวดจริงๆ! นางกำลังพูดถึงอาวุธวิญญาณอยู่เชียวนะ และสำหรับจอมยุทธที่อ่อนแออย่างพวกนาง ถ้าพวกนางสามารถครอบครองอาวุธวิญญาณได้ พลังต่อสู้ของพวกนางก็จะเพิ่มอย่างน้อยสามดาว หรืออาจจะห้าดาวเลยด้วยซ้ำ!
นั่นยังไม่สุดยอดมากพอรึไง?
นางเอียงคอและจ้องมองไปยังหลิงฮัน นางสงสัยว่าหลิงฮันกำลังแสร้งทำเป็นไม่ตกใจอยู่รึเปล่า แต่จากท่าทางที่สงบนิ่งและใจเย็นของหลิงฮัน ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สนใจจริงๆ ทำให้นางรู้สึกผิดหวังอย่างมาก
“ทำไมข้าถึงไม่ได้ยินข่าวนี้เลย?” หลิวอู๋ตงถามอย่างสงสัย มันแปลกประหลาดมากจริงๆ นางเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่รุ่นเยาว์ของตระกูลหลิว
ถ้าพูดตามหลักเหตุผลแล้ว หากแม้แต่หลีซื่อฉางยังรับรู้ข่าวนี้ ตระกูลของนางก็ต้องแจ้งเรื่องนี้ให้นางรู้ด้วยสิ
หลีซื่อฉางจงใจถอนหายใจ และมองไปยังหลิวอู๋ตงด้วยสายตาที่รู้สึกสงสาร
หลิวอู๋ตงรู้สึกสับสนกับการถอนหายใจของหลีซื่อฉาง นางเริ่มสงสัยว่าตระกูลของนางให้ความสำคัญกับนางแค่ไหนกัน
หลิงฮันยิ้มและพูด “อู๋ตง เจ้าไม่จำเป็นต้องเสียใจไป ที่แม่สาวน้อยคนนี้รู้ข่าวก็เป็นเพราะหวู่ซงหลินอยากจะสร้างความพึงพอใจให้กับข้า จึงได้ส่งนางมาแจ้งข่าวให้ข้า อาวุธวิญญาณมากมายที่จู่ๆก็ปรากฏขึ้นมาในลำธารใต้พิภพ ข่าวใหย่เช่นนี้จะต้องมีการควบคุมไม่ให้รั่วไหลออกไปอย่างเข้มงวดแน่ๆ และจะมีเพียงตัวตนระดับสูงเท่านั้นถึงจะมีสิทธิไปที่นั่นได้”
เขาเงียบไปสักพักและพูดต่อ “ตรงแหล่งลำธารใต้พิภพคงจะมีโบราณสถานตั้งอยู่ และกาลเวลาที่ผ่านไปทำให้โบราณสถานนั่นเกิดการเปลี่ยนแปลง อาวุธวิญญาณที่อยู่ภายในจึงไหลออกมาตามลำธาร พวกตัวตนระดับสูงของเมืองจักรพรรดิคงตั้งใจจะเปิดผนึกโบราณสถานที่ว่านั่น แต่เพราะอาจจะมีภัยอันตรายซ่อนอยู่ พวกมันเลยไม่คิดจะพาสมาชิกรุ่นเยาว์อย่างเจ้าไปด้วย”
หลีซื่อฉางมองมาที่เขาด้วยความตกตะลึง จากนั้นสักพักนางได้พูดขึ้นมา “เจ้าเป็นเด็กหนุ่มอายุสิบเจ็ดปีจริงๆรึ? เจ้าพูดเหมือนกับอาจารย์ของข้าเลย!”
หลิงฮันหัวเราะและพูด “ที่จริงข้ามีชีวิตมามากกว่าสองร้อยปีแล้ว”
คำพูดของหลิงฮันทำให้สตรีสองนางตรงหน้ากรอกตามองบน ใครจะไปเชื่อเรื่องแบบนั้น?
หลิงฮันถอนหายใจ ทั้งๆที่เขาพูดความจริงออกไป แต่คนอื่นดันคิดว่าเป็นเรื่องล้อเล่น เรื่องนี้ทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดอย่างบอกไม่ถูก
“ถ้าเป็นเช่นนั้น ทำไมอาจารย์ใหญ่หวู่ถึงมาบอกพวกเราล่ะ?” หลิวอู๋ตงตั้งใจนำตัวเองไปรวมกับหลิงฮัน
ในใจของหลีซื่อฉางเกิดความไม่พอใจขึ้นมาเล็กน้อย นางเค้นเสียงพูดขึ้นมาทันที “อาจารย์ของข้าต้องการจะแจ้งให้หลิงฮันรู้คนเดียว!”
ในครั้งนี้ หลิวอู๋ตงไม่มีท่าทีโมโห นางทำเพียงยิ้มอย่างมีความหมายแฝงไปทางหลีซื่อฉาง
หลีซื่อฉางรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย นางหันและพูด “อาจารย์บอกว่าอาวุธวิญญาณเหล่านี้มีความนึกคิดเป็นของตนเอง จึงเป็นไปไม่ได้แน่นอนที่จะมีคนได้ครอบครองพวกมัน หลังจากที่พวกมันปรากฏขึ้นที่ลำธารใต้พิภพ ถ้าไม่มีใครไปรบกวนพวกมัน พวกมันก็จะลอยไปมาอยู่ในลำธารเฉยๆ แต่ถ้าพวกมันถูกรบกวน พวกมันจะลอยขึ้นฟ้าและหายไปในทันที”
“หือ?” หลิงฮันลุกยืนขึ้น สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม
อาวุธวิญญาณมีอยู่สองประเภท หนึ่งคือประเภทธรรมดา มันสามารถสร้างขึ้นโดยการสลักเจตจำนงของจอมยุทธเข้าไป ซึ่งก็เหมือนกับการที่ผู้สร้างประทับจิตใจของตนเองลงไป ตราบใดที่สามารถเปิดใช้งานได้ พวกมันจะเป็นอาวุธที่ทรงพลังในทันที
แต่ไม่ว่ายังไงมันก็เป็นเพียงอาวุธ เป็นวัตถุที่ไม่มีชีวิต อาวุธประเภทนี้จะค่อยๆเสื่อมสลายไปตามกาลเวลา และเจตจำนงที่สลักเอาไว้ก็จะค่อยๆจางหายไปที่ละน้อย จนสุดท้ายอาวุธวิญญาณก็จะกลับกลายมาเป็นเพียงอาวุธธรรมดา
แต่ยังมีอาวุธวิญญาณอีกประเภทที่สร้างขึ้นมาด้วยวิธีพิเศษ ในขั้นตอนการหล่อหลอมให้มันกลายเป็นอาวุธวิญญาณด้วยวิธีพิเศษ พวกมันจะค่อยๆสร้างสติปัญญาขึ้นมาเอง จนกลายเป็นจิตวิญญานของอาวุธ
อาวุธวิญญาณที่มีจิตวิญญาณเป็นของตนเอง จะสามารถดูดซับพลังวิญญาณเพื่อฟูฟืนตนเอง และไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าใด พลังของมันก็จะไม่ลดลงไปแม้แต่น้อย
การจะสร้างอาวุธวิญญาณประเภทนี้ จำเป็นต้องใช้วัสดุที่ล้ำค่าและไม่ค่าวัดค่าได้
ในแคว้นเล็กๆอย่างแคว้นพิรุณน่ะรึจะสร้างพวกมันขึ้นมาได้?
จริงอยู่ที่บางทีอาจจะมีวัตถุดิบหายากปรากฏขึ้นที่นี่ แต่คงไม่มีใครเลยที่สามารถใช้วัสดุเหล่านั้นสร้างเป็นอาวุธวิญญาณที่มีจิตวิญญาณได้ ต่อให้เป็นการโจมตีของจอมยุทธระดับแก่นแท้จิตวิญญาณ หรือระดับตัวอ่อนวิญญาณก็ไม่สามารถทำให้วัสดุเหล่านั้นเกิดรอยขีดข่วนได้แม้แต่น้อย แล้วพวกมันจะนำไปหลอมเป็นอาวุธได้อย่างไร?
ยิ่งกว่านั้น การจะสร้างอาวุธวิญญาณที่มีจิตวิญญาณได้ ผู้สร้างจำเป็นต้องมีพลังบ่มเพาะต่ำสุดอยู่ที่ระดับก้าวสู่เทวา
เมื่อเป็นเช่นนี้ จะไม่ให้หลิงฮันตกตะลึงได้อย่างไร?
ดูเหมือนจะมีอาวุธวิญญาณระดับแปดหรืออาจจะระดับเก้าปรากฏขึ้นมาที่ลำธารใต้ภพมากมาย บัดซบ แม้แต่ในชีวิตที่แล้วของเขา ก็ยังมีจอมยุทธระดับสวรรค์เพียงแค่เจ็ดคนเท่านั้น!
หลิงฮันรู้สึกสนใจขึ้นมาทันที “ลำธารใต้พิภพอยู่ที่ไหน?”
“หึ ข้านึกว่าเจ้าจะคิดว่าตัวเองสูงส่งอยู่เหนือโลกทั้งใบ แต่สุดท้ายเจ้าก็ยังจนในอยู่ดีไม่ใช่รึไง? ทำมาเป็นวางท่า!” หลีซื่อฉางพึมพำ
“เลิกพูดไร้สาระได้แล้ว มันอยู่ที่ไหน?” หลิวอู๋ตงถามด้วยน้ำเสียงตำหนิ
“ขอโทษที อาจารย์บอกข้าว่าให้บอกแค่หลิงฮันคนเดียว!” หลีซื่อฉางตอบโต้โดยไม่แสดงท่าทีอ่อนข้อใดๆ
“ฮึ่ม ข้าคือผู้ติดตามของหลิงฮัน ไม่ว่าเจ้าจะต้องการบอกอะไรกับเจ้านายข้า เจ้าก็ต้องบอกกับข้าก่อน!” หลิวอู๋ตงพูดอย่างภาคภูมิใจ
“อะไรนะ!” หลีซื่อฉางตกตะลึง นางกวาดสายตาที่ไม่อยากจะเชื่อไปยังหลิวอู๋ตง
หลิวอู๋ตงคือเจ้าหญิงของตระกูลหลิว! คนที่ชื่นชอบนางมีมากมายจนสามารถต่อคิวกันล้อมรอบเมืองจักรพรรดิได้หลายรอบ แต่ตอนนี้นางกลายมาเป็นผู้ติดตามของหลิงฮัน? แต่เมื่อนางลองคิดดูดีๆ แม้แต่อาจารย์ของนาง หวู่ซงหลินยังต้องเรียกหลิงฮันว่านายน้อยฮัน ดังนั้นเจ้าหญิงของตระกูลหลิวก็คงไม่ได้มีสถานะสูงส่งอะไรมากนักเมื่อเทียบกับหวู่ซงหลิน
ยิ่งกว่านั้น เมื่อดูจากสีหน้าและท่าทางของนางแล้ว นางดูเหมือนกำลังโอ้อวดด้วยซ้ำว่านางเป็นผู้ติดตามของหลิงฮัน!
หลีซื่อฉางรู้สึกคับข้องใจจนแทบจะกลายเป็นคนบ้า
*ติดตามข่าวสารได้ที่ เพจ*