ตอนที่ 115 ข่าวใหญ่
ฝ่ายควบคุมวินัยมีสมาชิกที่เป็นสตรีอยู่ไม่กี่คน และก่อนพวกนางจะออกไป พวกนางได้ชำเลืองมาหลิงฮันด้วยสายตาที่อ่อนโยน
สำหรับพวกนาง หลิงฮันเป็นคนที่เหมาะจะมาเป็นสามีแน่นอน คนที่สามารถทำได้แม้กระทั่งออกคำสั่งองค์ชายสาม ในทั่วทั้งแคว้นพิรุณนี้จะมีกี่คนกันเชียว?
“น้องชายหลิง ข้าไม่เคยนึกเลยว่าเจ้าจะประสบความสำเร็จในศาสตร์แห่งการปรุงยาจนแม้แต่ปรมาจารย์ฟูยังต้องเคารพเจ้า!” องค์ชายสามพูดกับหลิงฮันด้วยรอยยิ้มหลังจากที่ทุกคนออกไปแล้ว
เหตุผลที่ทำไมมันถึงเดินตามหลิงฮันและมอบเหรียญตราส่วนตัวให้ก็เป็นเพราะมันสังเกตได้ว่าฟูหยวนเชิงประเมิณค่าหลิงฮันเอาไว้สูงมาก แต่มันไม่รู้จักหลิงฮันแม้แต่น้อย ตอนที่มันย้อนกลับไปหาฟูหยวนเชิง มันจึงพยายามถามอ้อมๆเกี่ยวกับเรื่องของหลิงฮัน
แม้ฟูหยวนเชิงจะไม่ได้เปิดเผยอะไรออกมามากนัก แต่คำพูดไม่กี่คำที่ฟูหยวนเชิงพูดออกมา ได้ทำให้เกิดความตกตะลึงขึ้นในใจขององค์ชายสามอย่างมาก
ดังนั้น ถึงแม้จะผ่านไปแค่ค่ำคืนเดียว แต่มันก็รีบเดินทางมาเยี่ยมหลิงฮันทันที สำหรับคนมีความทะเยอทะยานว่าสักวันหนึ่งจะต้องได้ครอบครองบัลลังก์อย่างมัน หลิงฮันนับว่าเป็นสมบัติที่มีค่ามาก
ที่จริงแล้วมันยังไม่รู้ว่าหวู่ซงหลินเองก็ถูกสยบด้วยทักษะปรุงยาหลิงฮันของหลิงฮันแล้วเช่นกัน ถ้ามันรู้ล่ะก็ มันจะต้องตกตะลึงมากกว่านี้และจะต้องถึงขั้นพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับหลิงฮันแน่นอน
หลิงฮันทำเพียงยิ้มเล็กน้อย องค์ชายของแคว้นเล็กๆเช่นนี้ไม่ได้อยู่ในสายตาของเขาแม้แต่น้อย อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ตัวเขายังถือว่าอ่อนแอมาก เขาจึงไม่รังเกียจที่จะยืนพลังขององค์ชายคนนี้ อย่างมากที่สุด เขาก็จะช่วยให้องค์ชายคนนี้ได้ครอบครองบัลลังก์ในอนาคตเป็นการตอบแทน
คนอย่างองค์ชายสามแน่นอนว่าต้องมีความสามารถในการพูดคุยและควบคุมบรรยากาศ ดังนั้นการสนทนาของพวกเขาจึงดำเนินต่อไปอย่างเรียบง่ายไม่ติดขัด เมื่อพวกเขาพูดคุยกันจบ องค์ชายสามจึงขอตัวและเดินทางกลับ เพราะการสร้างความสัมพันธุ์ใช่ว่าจะทำสำเร็จได้ในวันเดียว
เมื่อถึงตอนบ่าย หวู่ซงหลินได้มาที่พักของเขาและนำตั๋วเงินสิบใบมาให้ โดยแต่ละใบมีมูลค่าถึงหนึ่งล้านเหรียญ
“ขอบคุณนายน้อยฮันมาก!” หวู่ซงหลินมีสีหน้าที่เต็มไปด้วยความรู้สึกขอบคุณ
ถ้ามีคนที่ไม่รู้เรื่องอะไรแล้วมาเห็นเหตุการณ์นี้ พวกมันคงจะสันสนและแอบคิดอยู่ในใจแน่นอนว่าหวู่ซงหลินเป็นบ้าไปแล้ว คนดีๆที่ไหนกันจะนำเงินมาให้คนอื่นแถมยังกล่าวขอบคุณอีก? แต่สำหรับหวู่ซงหลิน ทักษะเสริมจิตก่อเกิดวิญญาณนั้นไม่สามารถนำมาเทียบเป็นเงินทองได้ ถ้าให้หลิงฮันขายให้มันหนึ่งร้อย หรือหนึ่งพันล้าน มันก็จะหาทางรวบรวมเงินมาจ่ายอยู่ดี
หลิงฮันยอมรับเงินแต่โดยดี ตอนนี้เขากำลังขาดแคลนเงิน และทักษะเสริมจิตก่อเกิดวิญญาณเองก็มีมูลค่าประมาณนั้นเช่นกัน ยิ่งกว่านั้น เงินทองก็ยังเป็นสิ่งสำคัญในตอนที่พลังบ่มเพาะของเขายังต่ำอยู่ แต่เมื่อใดก็ตามที่เขาบรรลุถึงระดับบุปผาผลิบาน เงินจะไม่ใช่สิ่งสำคัยอีกต่อไป
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เงินยังเป็นสิ่งสำคัญต่อเขาอยู่ ดังนั้นหลิงฮันจึงยิ้มอย่างพึงพอใจ
เมื่อหวู่ซงหลินเห็นสีหน้าพึงพอใจของหลิงฮัน มันได้รีบใช้โอกาสนี้เพื่อขอการชี้แนะจากเขา
หลิงฮันชี้แนะมันไปเพียงเล็กน้อย การที่สามารถเป็นนักปรุงยาระดับดำขั้นสูงได้ หวู่ซงหลินก็พอจะมีพรสวรรค์อยู่บ้าง ไม่เช่นนั้นหลิงฮันคงไม่สนใจที่จะมาสั่งสอนมันแน่นอน
เมื่อหวู่ซงหลินขอตัวกลับไป หลิวอู๋ตงได้พาหลิงจือซ่วนมาหาหลิงฮัน เขาขี้เกียจจะออกไปหาอะไรกินนอกสำนัก และตัดสินใจจะใช้วัตถุดิบที่เมื่อกินเตรียมอาหาร
เพราะว่ามีจอมกินจุอยู่ที่นี่ด้วย จำนวนอาหารที่ต้องเตรียมจึงต้องเยอะหน่อย ถ้ามีใครมาเห็น พวกมันคงคิดว่าพวกเขากำลังจัดงานเลี้ยงฉลองกันอยู่แน่ๆ
“ข้าขอโทษ!” จู่ๆหลิวอู๋ตงก็พูดขึ้นมา
“ทำไมเจ้าถึงต้องขอโทษด้วย?” หลิงฮันถามขึ้นมาอย่างไม่ตื่นเต้น เขาไม่คิดมากด้วยซ้ำว่าหลิวอู๋ตงขอโทษเรื่องอะไร
“เฉินหยุนเซียงมีเบื้องหลังอยู่นิดหน่อย ข้าจึงไม่สามารถจัดการกับมันได้”
“เฉินหยุนเซียงคือใคร?” หลิงฮันหันหน้าไปหานางและถาม
หลิวอู๋ตงใช้มือเกยหน้าผากและพูด “เจ้านี้ช่างขี้ลืมจริงๆ หรือว่าเจ้าจำตาแก่ที่พยายามลักพาตัวซ่วนซ่วนๆกับฮูหนิวเมื่อสองวันก่อนไม่ได้แล้ว”
“โอ้!” ในที่สุดหลิงฮันก็จำได้ว่าเฉินหยุนเซียงคือใคร เพราะเขาไม่ได้ในนำมดปลวกเช่นนี้มาใส่ใจตั้งแต่แรกแล้ว และหลิวอู๋ตงเองก็ออกตัวว่านางจะเป็นคนจัดการเรื่องนี้เอง ดังนั้นเขาจึงได้ลบเรื่องราวเกี่ยวกับตาแก่ลามกนั่นออกไปจากหัว เขาไม่เคยคิดเลยว่าแม้แต่อำนาจของตระกูลหลิวก็ยังไม่สามารถจัดการมันได้
“เฉินหยุนเซียงมีลูกสาวที่เป็นนางสนมของซุนจือหยาน” หลิวอู๋ตงอธิบาย
“ซุนจือหยาน?” หลิงฮันอดที่จะหัวเราะไม่ได้ มีคนที่กล้าตั้งชื่อลูกเช่นนั้นด้วยรึ? พวกมันไม่กลัวว่าเด็กจะโดนคนอื่นล้อรึไง?
**ซุนจือออกเสียงคล้ายกับคำว่างี่เง่า**
“ตระกูลซุนคือหนึ่งในแปดตระกูบใหญ่แห่งเมืองจักรพรรดิ และซุนจือหยานหรือรุ่นเยาว์ที่โดดเด่นที่สุดในตระกูล ปีนี้เขาน่าจะมีอายุประมาณยี่สิบห้าปี และเพิ่งจะทะลวงผ่านระดับก่อเกิดธาตุได้ ดังนั้นเขาจึงมีสถานะสูงมากในตระกูลซุน” หลิวอู๋ตงอธิบาย
“เพราะงั้นตระกูลหลิวที่ไม่อยากเป็นศัตรูกับตระกูลซุนจึงไม่คิดที่จะไล่ตามเรื่องนี้?” หลิงฮันถาม
หลิวอู๋ตงพยักหน้าและพูด “ใช่แล้ว ซุนจือหยานหลงใหลลูกสาวของเฉินหยุนเซียงมาก ตอนที่ตระกูลของข้ากำลังลงมือกับตระกูลเฉิน เฉินหยุนเซียงได้รีบไปร้องขอความช่วยเหลือจากตระกูลซุนทันที และหลังจากนั้นซุนจือหยานได้เดินทางมาเพื่อคุ้มกันเฉินหยุนเซียงด้วยตัวเอง”
หลิงฮันอุทาน ‘โอ้’ ขึ้นมา ไม่แปลกใจเลยที่เฉินหยุนเซียงจะกล้าร่วมมือกับสมาคมวารีล้างปฐพีเพื่อลักพาตัวเด็กสาวในตอนกลางวันแสกๆ กลับกลายเป็นว่าไม่ใช่เพราะมันมีความกล้าเพราะความลามกเพียงอย่างเดียว แต่มันยังมีตระกูลซุนหนุนหลังอยู่ด้วย ต่อให้เกิดอะไรขึ้นกับมัน ก็ยังมีคนมาคอยคุ้มกันให้อยู่ดี
“ในเมื่อตระกูลหลิวทำอะไรมันไม่ได้ งั้นข้าจะเป็นคนลงมือเอง” หลิงฮันพูดขึ้นมา ไม่ว่าอย่างไร ในสายตาของเขา เฉินหยุนเซียงนั้นไม่ต่างจากเห็บหมัด เพียงการกระทืบครั้งเดียวมันก็ตายแล้ว
หลิวอู๋ตงรู้สึกละอายใจ นางสัญญาว่าจะเป็นคนจัดการเรื่องนี้เอง แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถรักษาสัญญาได้
“ฮ่าๆๆ ไม่ต้องรู้สึกผิดขนาดนั้น ยังไงเจ้าก็งดงามอยู่แล้ว! เอาล่ะ ไหนลองส่งยิ้มให้ข้าหน่อยสิ!” หลิงฮันพูดพร้อมกับหัวเราะ
“บ้า!” หลิวอู๋ตงไม่ยิ้ม แต่คนที่ยิ้มคือฮูหนิว ตอนนี้นางมีเนื้ออยู่เต็มปาก รอยยิ้มของนางจึงมองไม่เห็นฟันเลยสักนิด
“พรูด” เมื่อหลิวอู๋ตงและหลิงจือซ่วนเห็นรอยยิ้มของฮูหนิว พวกนางทั้งสองคนได้หลุดหัวเราะออกมา
“หืม เจ้ากำลังกินอาหารอยู่รึ?” เสียงอันไพเราะและอ่อนโยนดังขึ้น และสตรีที่แสนงดงามและมีร่างกายอันยั่วยวนได้เดินเข้ามา
“หลีซื่อฉาง!” หลิวอู๋ตงประหลาดใจเป็นอย่างมาก นางไม่เคยคิดเลยว่าหลีซื่อฉางจะมาปรากฏตัวที่นี่
“หลิวอู๋ตง!” หลีซื่อฉางประหลาดใจเล็กน้อยเช่นกัน เจ้าหญิงแห่งตระกูลหลิวมาร่วมกินอาหารกับหลิงฮัน? ถ้าเรื่องนี้แพร่กระจายออกไป คงไม่มีใครยอมเชื่อแน่นอน ใครในสำนักจะไม่รู้ว่าหลิวอู๋ตงเป็นสาวงามที่แสนเย็นชา? คงจะไม่มีใครเคยคิดเลยว่านางจะมาทำตัวสนิทสนมกับผู้ชายเช่นนี้
“โอ้ พวกเจ้ารู้จักกันรึ? ก็ดี งั้นข้าคงไม่ต้องแนะนำตัวพวกเจ้าให้รู้จักกัน” หลิงฮันพูดด้วยรอยยิ้ม
หลิวอู๋ตงมองไปยังหลีซื่อฉาง และหลีซื่อฉางก็มองมายังหลิวอู๋ตง เปลวเพลิงสู้รบได้ปรากฏขึ้นในแววตาของสตรีที่แสนงดงามสองคนนี้
ถึงแม้พวกนางจะถูกเรียกว่าไข่มุกแฝด แต่ในความเป็นจริง พวกนางไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกันมากนัก ก็แค่พวกนางทั้งทั้งสองคนงดงามเหมือนกัน และคนหนึ่งมีพรสวรรค์ในด้านวรยุทธ ส่วนอีกคนหนึ่งมีพรสวรรค์ในด้านปรุงยา พวกนางจึงได้ถูกเรียกรวมกันกันว่าไข่มุกแฝดแห่งเมืองจักรพรรดิ
พวกนางทั้งคู่เป็นผู้หญิงที่ฉลาด เมื่อเห็นว่าต่างฝ่ายต่างก็มาปรากฏตัวที่ลานพักของหลิงฮัน พวกนางจึงรู้ทันทีว่ามันหมายความว่าอะไร?
ไม่รู้ทำไม แต่ความรู้สึกขุ่นเคืองได้ก่อตัวขึ้นที่ภายในใจของพวกนาง
“เจ้ากินอาหารไปแล้วรึยัง?” หลิงฮันถามหลีซื่อฉาง
“ยัง!” ความจริงหลีซื่อฉางกินข้าวไปแล้ว แต่เมื่อตอนที่นางกำลังจะพูดออกไป จู่ๆนางก็เปลี่ยนใจขึ้นมา
“งั้นก็มากินกับพวกเราสิ” หลิงฮันพูดเชิญชวน
หลีซื่อฉางตอบรับคำเชิญอย่างไม่รีรอ นางหยิบตะเกียบกับชามขึ้นมาและค่อยๆเริ่มกินอาหาร
“จริงสิ เจ้ามาตามหาข้าเพราะมีเรื่องอะไรรึเปล่า?” หลิงฮันถาม
“ใช่แล้ว ข้ามาที่นี่เพื่อบอกกับเจ้าว่าแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นเมื่อหลายวันก่อนทำให้ลำธารใต้พิภพปรากฏขึ้นมา และลำธารที่ว่ายังมีอาวุธวิญญาณโบราณลอยอยู่ตามกระน้ำอีกด้วย!” หลีซื่อฉางบอกข่าวใหญ่ให้หลิงฮันฟัง
*ติดตามข่าวสารได้ที่ เพจ*