ตอนที่ 112 ตัวละครหลักมาถึงแล้ว
อันซัวหมิงลังเลอยู่ชั่วขณะ
ไม่ว่าม่อเกาจะเป็นคนไร้ค่าขนาดไหน มันก็ยังเป็นอาจารย์ของสำนักอยู่ดี มันจะยอมถูกดูหมิ่นง่ายๆได้อย่างไร?
หลิงฮันที่โดนข้อหาขโมยสิ่งของนั้นคงไม่มีทางหนีรอดไปได้ เพราะงั้นถึงแม้มันจะลงมือจับกุมหลิงฮันแบบไม่ไว้หน้าก็คงจะไม่มีปัญหา
แต่มอเกานั้นเป็นอีกเรื่องนึง!
“อาจารย์ ข้าจัดการเอง!” หลิงฮันดันม่อเกาไปด้านข้างเบาๆ จริงอยู่ที่ว่าอันซัวหมิงแข็งแกร่ง แต่เพียงแค่ระดับก่อเกิดธาตุขั้นสอง... กับศัตรูระดับนี้เขายังพอจัดการเองได้อยู่
“หลิงฮัน!” ม่อเกาตกตะลึงเป็นอย่างมาก เหตุผลที่มันยื่นมือเข้ามาช่วย เพราะมันรู้ว่าอันซัวหมิงจะไม่กล้าทำอะไรมันแน่นอน แต่หลิงฮันที่ไม่มีไพ่ตายอะไรเอาไว้ป้องกันตัวเอง ไม่ว่าเขาจะเป็นสัตว์ประหลาดแบบไหนก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของจอมยุทธระดับก่อเกิดธาตุขั้นสองอยู่ดี
“ไม่ต้องกังวล!” หลิงฮันพูดด้วยรอยยิ้มและเดินไปข้างอย่างมันใจ
“ฮ่าๆๆ ข้าต้องยอมรับเลยว่าเจ้าช่างกล้าหาญจริงๆ!” อันซัวหมิงเห็นหลิงฮันเดินออกมาเองโดยที่มันไม่ต้องทำอะไร มันจึงอดที่จะหัวเราะดีใจออกมาไม่ได้
หลิงฮันส่ายหัวและพูด “คนที่เป็นเพียงขี้ข้าอย่างเจ้ามีสิทธิอะไรมาเห่าด้วยรึไง? คอยดูเถอะว่าข้าจะเลาะฟันเจ้าออกมาทั้งปากหรือไม่!”
“เจ้าเด็กอวดดี!” ดวงตาของอันซัวหมิงเปิดกว้างเพราะความโกรธ และกำลังจะเริ่มลงมือ
“มาส่งเสียงเอะอะอยู่ในสำนักแบบนี้ ช่างน่าไม่อายจริงๆ!” เสียพูดงอันทรงพลังที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจได้ดังขึ้นมา
ทุกคนหันหน้าไปยังผู้ที่เข้ามาใหม่ พวกมันมองเห็นชายรูปร่างสูงกำยำสวมใส่เสื้อคลุมที่ตกแต่งอย่างปราณีต และปลดปล่อยออร่าอันทรงพลังจนทำให้ใครก็ตามที่กล้ามองไปทางมันต้องอยากจะก้าวถอยหลัง
องค์ชายสาม ฉีเฟิงหยุน!
ข้างหลังของมันมีสาวงามผมแดงเดินตามมาด้วย อย่างไรก็ตาม สตรีคนนี้คือผู้หญิงขององค์ชายสาม ใครกันจะไปกล้ามองเรือนร่างที่น่ายั่วยวนของนาง?
“คารวะองค์ชายสาม!” ทุกคนคุกเข่าข้างเดียวเพื่อคาระชายคนนี้ซึ่งสักวันอาจจะเป็นผู้ครองบัลลังก์
ถึงจะอย่างนั้นหลิงฮันก็ยังคงยืนตัวตรงราวกับหอก ใครโลกนี้ไม่มีใครมีคุณสมบัติทำให้คุกเข่าได้ นี่คือเกียร์ติอันยิ่งใหญ่ของจอมยุทธระดับสวรรค์ในชีวิตที่แล้วของเขา ต่อให้ร่างกายจะเปลี่ยนไป หรือแม้แต่พลังบ่มเพาะจะลดต่ำลงมาก็ตาม เกียร์ติและความภาคภูมิใจของเขาก็ไม่มีทางเปลี่ยนแปลงเด็ดขาด
“ลุกขึ้นได้!” องค์ชายสามยกมือขึ้นเล็กน้อยและถาม “เกิดอะไรขึ้นที่นี่?”
“ขอตอบองค์ชายสาม...” อันซัวหมิงรู้สึกยินดีอยู่ในใจ เหรียญตราม่วงเป็นของขวัญที่องค์ชายสามมอบให้เพียงคนไม่กี่คน และตอนตัวละครหลักก็มาอยู่ที่นี่แล้ว บทลงโทษของหลิงฮันต้องรุนแรงมากกว่าเดิมแน่นอน
และที่สำคัญที่สุดคือเมื่อตอนที่พวกมันพบเหรียญตราม่วงอยู่ในที่พักของหลิงฮัน หลิงฮันจะไม่มีทางปฏิเสธได้เด็ดขาด เพราะองค์ชายสามจะไม่สามารถจำเหรียญตราของตัวเองได้อย่างไร?
อันซัวหมิงเริ่มเล่าเหตุการณ์ให้องค์ชายสามฟังว่ามันได้รับการแจ้งรายงานของหายมาจากเฟิงหลัว ดังนั้นพวกมันจึงแกะรอยหาเบาะแสที่มีอยู่ จนพบว่าหลิงฮันคือผู้ต้องสงสัย นั่นคือเหตุผลว่าทำไมมันกับสมาชิกฝ่ายควบคุมวินัยถึงมาที่นี่เพื่อค้นห้องและจับกุมตัวหลิงฮัน
เมื่อองค์ชายสามฟังเรื่องราวเสร็จ ความแปลกใจได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของมัน
คนอื่นอาจจะไม่รู้ แต่ตัวมันรู้ดีว่าเมื่อวันก่อนมันเป็นคนให้เหรียญตราแก่หลิงฮันไปด้วยตัวเอง และเขาจะยังต้องไปขโมยมาจากคนอื่นเพื่ออะไร? ด้วยความฉลาดเฉลียวของมัน มันจึงเข้าใจได้ในทันทีว่าเหตุการณ์ในครั้งนี้สร้างขึ้นมาเพื่อใส่ร้ายหลิงฮัน ยิ่งกว่านั้น คนต้นคิดที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้มีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นเฟิงหลัว
เฟิงหลัวดูเหตการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ห่างๆ เมื่อมันเห็นสีหน้าขององค์ชายสามเปลี่ยนไป มันนึกว่าอีกฝ่ายกำลังโกรธอยู่ มันจึงไม่พลาดโอกาสที่จะใส่ไฟ “องค์ชาย มันเป็นความผิดของข้าเอง ข้าขอเหรียญตรานั่นมาจากพี่ชายของข้า แต่ก็ไม่ดูแลรักษาให้ดีจนทำถูกคนอื่นขโมยไป องค์ชายได้โปรดลงโทษข้าด้วย!”
มันโค้งตัวประสานมือคารวะไปยังองค์ชายสาม มุมปากของมันโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มที่แสนเยือกเย็น ต่อให้มันถูกลงโทษเพราะไม่ดูแลเหรียญตราขององค์ชายสามให้ดี แต่มันจะร้ายแรงไปว่าโทษที่หลิงฮันจะได้รับรึไง?
ฮ่าๆๆ ใครกันมาพูดว่าข้าเป็นคนโง่?
องค์ชายสามชำเลืองมองไปยังหลิงฮันอย่างมีเลศนัยก่อนที่จะหันกลับไปยังอันซัวหมิง “แล้วเจ้าคิดจะทำอย่างไรต่อไป?”
“ข้าคิดเอาไว้ว่าจะไปค้นห้องของหลิงฮัน พวกเราได้รับการยืนยันมาอย่างแน่ชัดแล้วว่าเหรียญตราขององค์ชายอยู่ที่นั่น!” อันซัวหมิงพูดอย่างมั่นใจ แน่นอนว่ามันไม่มีทางคิดว่าเฟิงหลัวจะหลอกลวงมัน
องค์ชายสามยิ้มและมองไปยังสมาชิกฝ่ายควบคุมวินัยคนอื่นๆ “พวกเจ้าก็คิดเช่นนั้น?”
“เอ่อ...” พวกมันทุกคนมีท่าทีลังเล ในความเป็นจริงแล้ว มันมันทุกคนล้วนแต่สับสนเป็นอย่างมาก พวกมันมาที่นี่เพียงเพราะเป็นคำสั่งของอันซัวหมิง พวกมันจึงไม่รู้อะไรเลยว่าเกิดอะไรขึ้น แต่พวกมันรู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างอันซัวหมิงกับเฟิงหยาง ดังนันเมื่อพวกมันเห็นเฟิงหลัว พวกมันจึงพอจะเดาเรื่องราวคร่าวๆได้อยู่บ้าง
และตอนนี้ด้วยคำถามที่ออกมาจากปากองค์ชายสาม พวกมันจึงลังเลอย่างช่วยไม่ได้
...ฝ่ายควบคุมวินัยนั้นเป็นงานที่ล่อตาล่อใจมาก พวกมันไม่จำเป็นต้องออกจากสำนักเพื่อเดินทางฝึกฝน แต่ก็ยังได้รับแต้มสำนักอยู่ดี เพราะงั้นพวกมันจึงเป็นที่อิจฉาของใครหลายๆคน
“พวกเราก็ไม่แน่ใจ!” ในที่สุดพวกมันก็พูดความจริงออกมา
อันซัวหมิงเค้นเสียงเย็นชาในใจทันที แต่ถึงอย่างไรแค่คำพูดของคนเหล่านั้นก็ไม่มีผลกระทบอะไรอยู่ดี
ตราบใดที่มันสามารถหาเหรียญตราสีม่วงในห้องของหลิงฮันเจอ มันก็จะสามารถลงโทษหลิงฮันได้ “องค์ชาย ชายคนนี้เอาแต่ต่อต้านอำนาจของพวกเรา โปรดรอสักครู่แล้วข้าจะจับกุมมันให้!”
“รอเดี๋ยว!” หลิงฮันพูดและยิ้ม “อย่าพูดอะไรโดยไม่คิด ศิษย์ที่ประพฤติตัวดีอย่างข้าต้องให้ความร่วมมือกับสำนักแน่นอนอยู่แล้ว ก่อนหน้านี้ก็แค่ข้าไม่ชอบท่าทางของพวกเจ้าก็เท่านั้น! แต่ในเมื่อองค์ชายสามอยู่ที่นี่แล้ว งั้นก็เชิญไปค้นห้องข้าได้เลย!”
อันซัวหมิงประหลาดใจ มันไม่เคยคิดเลยว่าหลิงฮันจะยอมง่ายๆเช่นนี้
“ข้าไม่ได้ทำความผิดอะไร เพราะงั้นข้าจึงบริสุทธิ์ใจ!” หลิงฮันพูด
อันซัวหมิงยืนขึ้นและแอบหัวเราะให้กับความไร้เดียงสาของหลิงฮัน นี่ไม่ใช่ปัญหาที่จะแก้ไขได้เพียงเพราะเจ้า‘บริสุทธิ์ใจ’ แต่ก็เอาเถอะ ยังไงก็ไม่มีทางที่เจ้าเด็กนั่นจะปฏิเสธข้อกล่าวหาได้อยู่แล้ว บทลงโทษที่เบาที่สุดก็คงจะเป็นการไล่ออกจากสำนัก หรือบางทีองค์ชายสามอาจจะลงมือจัดการลงโทษด้วยตัวเองเลยด้วยซ้ำ!
เหอะ ไปตายซะเถอะเจ้าคนโง่
หลิงฮันเดินนำไปโดยไม่มีความเกรงกลัว ในขณะที่คนอื่นๆและองค์ชายสามเดินตามมา ถ้ามีคนไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาเห็นเข้า พวกมันคงคิดว่าหลิงฮันเป็นผู้บังคับบัญชาของกลุ่มขนาดใหญ่กลุ่มนี้
ในไม่ช้าอันซัวหมิงก็รู้สึกตัว และรีบเดินไปอยู่ข้างหน้าหลิงฮันอย่างเกรี้ยวกราด
หลิงฮันยิ้มบางๆและพูด “เจ้ามองข้าทำไม ตาของเจ้ามีอะไรผิดปกติรึเปล่า? ยิ่งกว่านั้น ทำไมสามัญชนเช่นเจ้าถึงกล้ามาเดินอยู่ข้างหน้าองค์ชายสาม? เจ้าคิดจะทำการกบฏรึยังไง?”
บัดซบ เจ้ามาใส่ความข้าแบบนั้นได้อย่างไร?
อันซัวหมิงรู้สึกราวกับจะเป็นลม มันเพียงแค่ไม่อยากจะให้หลิงฮันดูเหนือกว่าก็เท่านั้น แต่ทำไมอยู่ดีๆมันถึงโดนกล่าวหาเช่นนี้? มันแอบชำเลืองมองไปยังองค์ชายสามและเห็นสีหน้าอันมืดมนของอีกฝ่าย ทำให้มันรู้สึกปวดหัวยิ่งกว่าเดิมในทันที
มันรีบถามออกไป “ไม่ใช่ว่าเจ้าก็เดินอยู่ข้างหน้ารึไง?”
“ไร้สาระ ข้ากำลังพาพวกเจ้าทุกคนไปห้องของข้า ถ้าข้าไม่เดินอยู่ข้างหน้า งั้นข้าก็ควรไปเดินอยู่ข้างหลังงั้นรึ? หัวของเจ้าไปโดนม้าถีบมารึไง?” หลิงฮันพูดเยาะเย้ยอย่างไม่ปรานี
“เอ่อ...” เหงื่อได้ปรากฎขึ้นมาบนหน้าผากของอันซัวหมิง
“แซ่อัน เจ้าคิดอะไรอยู่? การไม่ให้ความเคารพต่อองค์ชายสามถือว่าเป็นอาชญากรรมที่ร้ายแรง!” หลิงฮันพูดอย่างสงบนิ่ง และทำให้เรื่องเลวร้ายขึ้นไปอีก
“อย่าใส่ร้ายข้า!” อันซัวหมิงไม่คิดเลยว่าการกระทำของมันจะทำให้หลิงฮันสร้างปัญหาให้มันได้ขนาดนี้ มันรีบอธิบายออกไปย่างรวดเร็ว เพราะกลัวว่าความประมาทในครั้งนี้ของมันจะทำให้อีกฝ่ายหาจุดอ่อนมาโจมตีมันได้
“พอได้แล้ว ในเมื่อหลิงฮันบอกให้ไปค้นได้ ทำไมพวกเจ้าทุกคนยังไม่ไปค้นอีก?” องค์ชายสามพูดออกสาม ใบหน้าแสดงออกถึงการหมดความอดทน
“รับทราบ!” อันซัวหมิงถอนหายใจโล่งอก ดูเหมือนองค์ชายสามจะไม่คิดเอาเรื่องที่มันเผลอไม่ให้ความเคารพโดยไม่ได้ตั้งใจเมื่อครู่
*ติดตามข่าวสารได้ที่ เพจ*