ตอนที่ 110 แอบบุกรุก
หลิงฮันไม่เคยคิดเลยว่าจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น เขาเพิ่งจะติดตั้งพื้นที่ต้องห้ามในบริเวณรอบๆลานที่พักเสร็จไม่นานก็มีแขกมาเยี่ยมเยือนในยามค่ำคืนทันที
ต้องรู้ก่อนว่าลานที่พักที่เขาอยู่ในตอนนี้คือสถานที่ที่เรียกว่าบ้านร้าง เป็นที่ที่ไม่มีใครอาศัยอยู่ ดังนั้นโอกาสที่จะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นจึงน้อยมาก
โจรที่บุกเข้ามาเป็นใครกัน?
“ฟุบ” ฮูหนิวลุกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว นางมีสัมผัสที่ไวต่อภัยอันตราย จมูกของนางอาจจะดีกว่าสุนัขเสียด้วยซ้ำ เพราะงั้นนางจึงอาจจะรับรู้ถึงร่องรอยของโจรได้
“ชู่!” หลิงฮันทำท่าทางบอกให้นางเงียบ เขาไม่คิดจะทำให้โจรตื่นตัวและต้องการจะรู้ว่าทำไมอีกฝ่ายถึงบุกเข้ามา
ฮูหนิวเข้ามาหลบอยู่ในอ้อมแขนของเขาและเริ่มสงบนิ่ง แต่ถึงอย่างนั้นดวงตาของนางก็ยังเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยม ในมุมมองของสัตว์ร้ายเช่นนาง ที่นี่คือเขตแดนของนาง และไม่ว่าใครก็ตามที่กล้าบุกรุกเข้ามาจะต้องถูกขย้ำจนตาย
โจรสวมชุดสีดำได้บุกเข้ามาถึงข้างใน แต่ก็ไม่ได้เดินป้วนเปี้ยนไปทั่วที่พัก มันเดินมุ่งเข้าไปยังห้องนั่งเล่นและทำอะไรบางอย่างอยู่สักพักก่อนที่จะหันหลังเดินออกไปเงียบๆ
มุมปากของหลิงฮันโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้ม ในตอนที่ผู้บุกรุกเดินออกไป หลิงฮันใช้ประโยชน์จากแสงกันเพื่อดูใบหน้าของผู้บุกรุก
เว่ยเหอเลอ
หลิงฮันเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่น หลังจากจุดเทียนแล้วเขาได้เดินไปสำรวจโต๊ะตัวหนึ่ง
บนโต๊ะที่ว่ามีกล่องไม้วางเอาไว้อยู่ เมื่อเขาเปิดดู ข้างในกล่องมีเครื่องประดับถูกๆใส่เอาไว้นิดหน่อย พร้อมกับมีเหรียญบางอย่างที่ดูแตกต่างออกไป
เหรียญตราอันนั้นถูกแกะสลักให้เป็นสีม่วง
‘นี่มัน?’
หลิงฮันอดที่จะยิ้มไม่ได้เมื่อเขาหยิบเหรียญตราสีม่วงอีกอันออกมาจากกระเป่า นี่คือเหรียญที่องค์ชายสามเป็นคนมอบให้กับเขา
ตอนนี้เขามีเหรียญตราสีม่วงอยู่สองเหรียญ
ทำไมเว่ยเหอเลอถึงแอบเอาเหรียญตราอันนี้มาให้เขา?
“หืม!” เขาเข้าใจเรื่องทั้งหมดขึ้นในทันที อีกฝ่ายพยายามจะใส่ร้ายเขา โดยจะต้องมีใครสักคนไปรายงานว่าทำของหาย และเว่ยเหอเลอจะนำคนเหล่านั้นมาที่นี่ เมื่อถึงตอนนั้นเขาก็จะหนีจากการถูกกล่าวหาว่าเป็น ‘โจร’ ไม่ได้
ยิ่งกว่านั้นของที่ถูกขโมยมายังเป็นเหรียญตราขององค์ชายสาม คงไม่มีใครกล้ามองข้ามคดีนี้แน่นอน บทลงโทษที่เบาที่สุดที่เขาจะได้รับคงเป็นการถูกขับไล่ออกจากสำนัก แต่องค์ชายสามจะส่งจนมาจัดการกับเขาต่อหรือไม่นั้นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
โชคร้ายที่เว่ยเหอเลอคงไม่คาดคิดว่าเขาจะบังเอิญไปเจอกับองค์ชายสามในวันนี้ แถมยังได้รับเหรียญตราสีม่วงมาอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม แม้เขาจะไม่ได้พบกับองค์ชายสามในวันนี้ แต่ในเมื่อเขารับรู้ถึงแผนการร้ายของมันแล้ว จึงไม่มีทางแน่นอนที่อีกฝ่ายจะใส่ร้ายเขาได้สำเร็จ
‘ในเมื่อเจ้าอยากจะเล่น ข้าก็จะเล่นกับเจ้าสักหน่อยก็ได้’ หลิงฮันยิ้มอย่างสงบและปิดฝากล่องโดยไม่คิดจะนำเหรียญตราข้างในออกมา
ดวงของเขาเปล่งประกายเยือกเย็น ในเมื่อมีคนอยากจะตายขนาดนั้น เขาก็จะทำให้มันตายเอง
หลิงฮันเดินกลับไปยังห้องพักภายในและเริ่มบ่มเพาะพลัง
หลังจากที่สัมผัสสวรรค์ของเขาถูกเสริมแกร่ง ประสิทธิภาพในการบ่มเพาะพลังของเขาได้สูงขึ้นไปอีกขั้น พลังวิญญาณจำนวนมหาศาลรอบๆตัวเขาถูกดอกบัวหายนะห้าธาตุผสานดูดซับเข้าไปทั้งหมด และด้วยสัมผัสสวรรค์ที่แข็งแกร่งของเขา พลังวิญญาณเหล่านั้นได้ถูกเปลี่ยนเป็นปราณก่อเกิดเพื่อหล่อเลี้ยงเมล็ดก่อเกิดของเขาอย่างรวดเร็ว
“ในตอนแรกข้าจำเป็นต้องใช้เวลาประมาณหนึ่งเดือนเพื่อทะลวงระดับใหม่ แต่ในตอนนี้แค่เวลาเพียงครึ่งเดือนก็น่าจะพอ” หลิงฮันยิ้ม
หลังจากสัมผัสสวรรค์ถูกใช้จนหมด เขาได้เริ่มฝึกฝนคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์เพื่อพัฒนาให้บรรลุขั้นกายาหินผา เมื่อใดก็ตามที่เขาทำความเข้าใจขั้นกายาหินผาได้อย่างสมบูรณ์ เขาจะสามารถปะทะกับอาวุธที่แหลมด้วยมือเปล่าได้ ความแข็งแกร่งของกายหยาบของเขาจะน่ากลัวยิ่งกว่าบางเผ่าพันธุ์ที่มีพลังป้องกันแข็งแกร่งมาตั้งแต่เกิด
เมื่อถึงรุ่งเช้าของวันถัดไป เขาไปยังที่พักของม่อเกาเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้เกี่ยวกับวิถีดาบอีกครั้ง
หนึ่งคนเป็นผู้เชี่ยวชาญในวิถีดาบ ส่วนอีกคนเป็นผู้ที่มีความสามารถในหยั่งรู้ที่สูงมาก พวกเขาจึงสามารถแลกเปลี่ยนความรู้และพัฒนาไปพร้อมกับได้
“ปัง ปัง ปัง” ในขณะที่พวกเขาทั้งสองกำลังสนทนากันอย่างเมามัน พวกเขาได้ยินใครบางคนมาเคาะประตูขัดจังหวะอย่างหยาบคาบ
ม่อเกามีท่าทางไม่พอใจทันที ความชื่นชอบในวิถีดาบของมันเกือบจะถึงขั้นที่เรียกว่าเสียสติ เมื่อมันกำลังพูดคุยเกี่ยวกับทักษะดาบอยู่ แม้พระเจ้าจะมาขอเข้าพบมันก็จะเมินเฉยอย่างไม่ใยดี ม่อเกาเดินไปยังทางเข้าและเมื่อเปิดประตูออกไป มันเห็นคนสิบกว่าคนยืนอยู่ที่ทางเข้าประตู
“หลิงฮันอยู่ที่นี่รึเปล่า?” ชายหนุ่มสวมเสื้อคลุมยาวสีเขียวเดินมาข้างหน้าหนึ่งก้าว และแหงนหน้าชำเลืองมองอย่างยิ่งยโส
แต่มันก็มีคุณสมบัติที่จะยิ่งยโส เพราะมันอยู่ในระดับก่อเกิดธาตุ ซึ่งแข็งแกร่งยิ่งกว่าม่อเกาเสียอีก
“พวกเจ้าเป็นใคร และตามหาตัวลูกศิษย์ของข้าทำไม?” ม่อเกาถามออกไปโดยที่ไม่ให้พวกมันเข้ามา
“อาจารย์ม่อ พวกเราเป็นสมาชิกของฝ่ายควบคุมวินัย!” ชายหนุ่มชุดดำอีกคนเดินเข้ามา น้ำเสียงของมันไม่ได้ยิ่งยโสเหมือนกับคนก่อน เพราะพลังบ่มเพาะของมันยังอยู่ที่ระดับรวมธาตุซึ่งไม่ได้เหนือไปกว่าม่อเกา
“ไม่ต้องพูดอะไรไร้สาระและไปบอกให้หลิงฮันออกมาเดี๋ยวนี้!” ชายหนุ่มเสื้อคลุมเขียวตะโกนขึ้นมาโดยไม่สนใจม่อเกาแม้แต่น้อย
ม่อเกาชะงักไปชั่วขณะและพูดออกไป “ศิษย์ของข้าไปทำอะไรผิดจนต้องให้ฝ่ายควบคุมลงมือกัน?”
ฝ่ายควบคุมวินัยเป็นกลุ่มคนที่ทำหน้าที่บังคับใช้กฎระเบียบต่างๆของสำนัก สมาชิกส่วนใหญ่ของฝ่ายควบคุมวินับคือศิษย์ของสำนัก ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นการทำงานพิเศษเพื่อที่จะได้แต้มสำนัก ยิ่งกว่านั้นสมาชิกของฝ่ายควบคุมวินัยยังมีอำนาจในสำนักอยู่พอสมควร มีศิษย์จำนวนไม่น้อยที่พยายามจะเข้าร่วมเป็นฝ่ายควบคุมวินัย
“พวกเราสงสัยว่าเขาจะมีส่วนเกี่ยวข้องในการลักขโมย พวกเราจึงจำเป็นต้องค้นหาตัวเขาและรื้อค้นห้องของเขา อาจารย์ม่อ ท่านคงไม่ได้กำลังปกป้องคนร้ายอยู่หรอกนะ?” ชายหนุ่มชุดคลุมเขียวพูดอย่างเย็นชาและไม่แสดงท่าทีเคารพต่อม่อเกาแม้แต่น้อย
“ไร้สาระ!” ม่อเกาโมโหขึ้นมาทันที ในใจของมันดาบคือสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ดาบจะเป็นสิ่งสะท้อนจิตใจของผู้ใช้ออกมา และหลิงฮันที่มีพรสวรรค์ในวิถีแห่งดาบขนาดนั้นจะไปเป็นขโมยได้อย่างไร?
“ไสหัวไปซะ!” มันยกมือชี้นิ้วไปที่คนเหล่านั้นอย่างเกรี้ยวกราดจนเกือบจะชักดาบออกมา
“ม่อเกา ถึงแม้เจ้าจะเป็นอาจารย์ของสำนัก ก็ไม่มีสิทธิมาซ่อนตัวคนร้ายเอาไว้!” ชายหนุ่มชุดเขียวพูด ดวงตาของมันเมินเฉยม่อเกาและมองเข้าไปยังภายในลานที่พัก “หลีกไปซะ หรือจะให้ข้าจับกุมเจ้าข้อหาขัดขวางการทำงานของฝ่ายควบคุมวินัย!”
ม่อเการู้สึกโมโหจนตัวสั่น ตัวมันที่เป็นอาจารย์ แต่ต้องมาถูกตำหนิโดยศิษย์ของสำนัก! มือขวาของมันจับที่ด้ามดาบ ดวงตาส่องประกายเลือดเย็น และพร้อมที่จะปล่อยกระบวนท่าออกไป
“อาจารย์ม่อ!” หลิงฮันเดินผ่านเข้ามาและยิ้มให้ม่อเกา “ในเมื่อพวกมันมาหาข้า งั้นก็ให้ข้าจัดการกับเรื่องนี้เอง!”
ม่อเกาลังเลอยู่ชั่วขณะ แต่ก็ยอมละมือออกจากด้ามดาบ แน่นอนว่ามันจะไม่ยอมมองดูศิษย์ของตัวเองถูกคนอื่นรังแกเด็ดขาด แต่มันก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
ดวงตาของหลิงฮันกวาดมองไปรอบๆ และยิ้มขึ้นมาเหมือนกับว่าเข้าใจอะไรบางอย่างได้... ในกลุ่มสิบกว่าคนที่มานี้ เขาจำได้ว่าสองคนในหมู่พวกมันคือเฟิงหลังและเว่ยเหอเลอ “สองคนตรงนั้นคงไม่ใช่สมาชิกของฝ่ายควบคุมวินัยหรอกใช่มั้ย?”
“แน่นอนว่าไม่ใช่ ทั้งสองคนคือคนที่มาแจ้งว่ามีของหายไป” ชายหนุ่มชุดเขียวพูดขึ้นมา ดวงตาของมันจ้องมองไปยังหลิงฮัน “ข้าแนะนำว่าเจ้าอย่าพูดอะไรเบี่ยงเบนประเด็นเลยดีกว่า ต่อหน้าข้า ไม่มีใครสามารถปกปิดความผิดที่ก่อได้!”
*ติดตามข่าวสารได้ที่ เพจ*