ตอนที่แล้วตอนที่ 105 ยอมรับความพ่ายแพ้
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 107 ผนึกสี่วิถี

ตอนที่ 106 สงสัย


หยวนกังร้องขอความเมตตาไม่หยุด แต่ใครจะไปสนใจมดปลวกเช่นนี้ล่ะ? สุดท้ายมันก็ทำได้เพียงยอมแพ้และโดนไล่ออกไปแต่โดยดี

 

พนักงานคนอื่นอยากจะปรบมือเพื่อแสดงความยินดี หยวนกังคนนี้เป็นเพียงคนนิสัยเลวทรามที่เพิ่งจะเลื่อนขั้น แต่มันกลับทำตัวอวดดีแบบไม่มีขอบเขต มันสมควรแล้วกับจุดจบแบบนี้

 

เมื่อเซี่ยวหยิงเห็นหลิงฮัน ฟูหยวนเชิง และคนอื่นๆเดินจากไป นางอดที่จะแสดงสีหน้าที่กำลังหลงไหลออกมาไม่ได้

 

เป็นธรรมดาที่เด็กสาวเช่นนางจะชอบจินตนาเรื่องรักๆ แต่อย่างไรก็ตาม นางรู้ดีว่าสถานะของหลิงฮันกับนางนั้นต่างกันเกินไป นางเพียงแค่อยากจะจินตนาการเพ้อฝันเล็กๆน้อยๆ ในใจของนางเต็มไปด้วยความรู้สึกขอบคุณ นางได้รับการเลื่อนขั้นจากฟูหยวนเชิงโดยตรง ตำแหน่งในตำหนักโอสถสวรรค์ของนางจึงมั่นคงอย่างมาก

 

สำหรับหลิงฮัน นี่เป็นแค่เรื่องเล็กน้อย เมื่อเขามาถึงห้องทำงานของฟูหยวนเชิง เขาได้ลบเหตุการณ์เมื่อครู่ออกไปจากสมองจนหมด เขาไม่อยากจะเสียเวลา เลยพูดความตั้งใจที่อยากจะยืมวัตถุดิบสมุนไพรบางอย่างจากฟูหยวนเชิงออกไป

 

ฟูหยวนเชิงพยักหน้าและสะบัดมือ แน่นอนว่าที่มันสะบัดมือไม่ได้หมายความว่าจะปฏิเสธคำขอของหลิงฮัน แต่วัตถุดิบสมุนไพรเหล่านั้นมันจะมอบเป็นของขวัญให้กับหลิงฮัน

 

บ้ารึเปล่า? นี่คือปรมาจารย์นักปรุงยาเชียวนะ แค่การช่วยจัดหาสมุนไพรให้กับหลิงฮันก็ถือว่าเป็นเกียรติมากแล้ว ทำไมต้องให้หลิงฮันมาจ่ายเงินคืนมันด้วย?

 

หลิงฮันไม่ถ่อมตัวและพูด “เอาเช่นนี้เป็นอย่างไร ข้าจะหลอมเม็ดยาที่นี่ และพวกเจ้าสามารถคอยดูวิธีการหลอมของข้าได้” เขาคิดจะแสดงทักษะการปรุงยาบางอย่างออกไป แม้ระดับของมันจะยังห่างไกลจากสามเพลิงชี้นำ แต่สำหรับฟูหยวนเชิงและคนอื่นๆมันนับว่าเป็นสิ่งที่ล้ำค่าเกินกว่าจะบรรยาออกมาได้

 

“ยอดเยี่ยม! ยอดเยี่ยม! ยอดเยี่ยม! แต่ข้าคงต้องขอให้สหายน้อยรอสักครู่ ข้าต้องไปเรียกคนอื่นๆก่อน คงไม่มีปัญหาใช่รึไม่?” ฟูหยวนเชิงถามอย่างสุภาพ

หากมีนักปรุงยาคนอื่นมาดูหลิงฮันปรุงยา ประโยชน์ที่พวกมันจะได้รับต้องมหาศาลแน่นอน พวกมันจะสามารถพัฒนาไปพร้อมกัน ยิ่งกว่านั้น ยิ่งมีคนมากก็มีโอกาสที่พวกมันจะสังเกตทักษะการปรุงยาของหลิงฮันได้ชัดเจนขึ้น พวกมันจะสามารถไปพูดคุยแลกเปลี่ยนกันต่อได้ในภายหลัง

 

จูเฮอซินและจางเหวยชางมีท่าทีรู้สึกผิดเล็กน้อย สายตาที่พวกมันมองไปยังฟูหยวนเชิงเต้มไปด้วยความเคารพ เพราะว่าเมื่อครู่พวกมันคิดแค่จะคอยสังเกตเพียงแค่พวกมันเอง ไม่ได้นึกถึงคนอื่นๆเลยแม้แต่น้อย

 

สมแล้วที่เป็นผู้นำตำหนัก เขาเป็นคนที่มองการไกลจริงๆ

 

หลิงฮันยิ้มและพูด “เอาอย่างที่เจ้าว่าก็ได้ แต่ถ้าจะให้มากกว่าสิบคนคงจะไม่เหมาะสม”

 

“ข้าเข้าใจแล้ว” ฟูหยวนเชิงรีบขอตัวและเดินจากไป ในขณะเดียวกัน หลิงฮันก็เริ่มพูดคุยกับจูเฮอซินและจางเหวยชางโดยมีฉีซางไต๋ยืนอยู่ข้างๆเพราะนางไม่สามารถเข้าร่วมสนทนาได้ เมื่อมองดูพวกหลิงฮันคุยกันจนเริ่มเบื่อ นางได้จ้องมองไปยังฮูหนิว

 

นางเห็นแล้วว่าฮูหนิวเป็นเด็กสาวที่น่ารักมาก นางจึงเดินไปข้างหน้าเพื่อจะอุ้มฮูหนิวขึ้นมา แต่เพราะฮูหนิวไม่ชอบให้คนแปลกหน้ามาเข้าใกล้ นางแยกเขี้ยวเล็กๆของนางและแสดงท่าทางป้องกันตัวออกมาทันที

 

“ถ้าเจ้าไม่อยากโดนกัด ข้าแนะนำว่าอย่างนำมือไปจับนางดีกว่า” หลิงฮันพูดกับฉีซางไต๋เมื่อเขาชำเลืองมองไปเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

 

“ข้าอยู่ในระดับรวมธาตุขั้นสองนะ นางจะมากัดข้าได้อย่างไร?” ฉีซางไต๋ไม่เชื่อคำแนะนำของเขาและยื่นมือไปทางฮูหนิว

 

ฮูหนิวโมโหขึ้นมา นางใช้เล็บข่วนออกไปและกัดฉีซางไต๋อย่างรวดเร็ว การเคลื่อนไหวของนางนั้นว่องไวเป็นอย่างมาก

 

“โอ้ย!” ฉีซางไต๋รีบดึงมือกลับมา มืออันงดงามและละเอียดอ่อนของนางเกิดรอยโดนกัด ความเจ็บปวดที่โดนกัดแทบจะทำให้นางร้องไห้

 

หลิงฮันอุ้มฮูหนิวขึ้นมาเพื่อป้องกันไม่ให้นางใช้โอกาศนี้โจมตีฉีซางไต๋ต่อ เขาหัวเราะและพูด “แม้แต่ข้า ก่อนหน้านี้ก็ยังโดนกัดมาแล้ว ด้วยพลังระดับรวมธาตุขั้นสองของเจ้าคงจะไม่ช่วยอะไร” เขาก้มหน้ามาพูดกับฮูหนิว “คนคนนี้คือสหาย ห้ามกัดนางอีกล่ะ”

 

จูเฮอซินและจางเหวยชางอดไม่ได้ที่จะถามถึงที่มาของฮูหนิว เมื่อพวกมันเข้าใจเรื่องราวทั้งหมด พวกมันตกตะลึงและรู้สึกว่าเด็กสาวคนนี้ช่างโชคดีมากจริงๆ ขนาดหลงเข้าไปอยู่ในถ้ำพยัคฆ์ก็ยังสามารถรอดมาได้จนขนาดนี้

 

ในขณะที่พวกเขากำลังพูดคุยกันอยู่ ฟูหยวนเชิงได้นำคนทั้งเจ็ดเข้ามา พวกมันล้วนแต่มีอายุแตกต่างกันไป คนที่อายุมากที่สุดดูแล้วมีอายุอยู่ที่เจ็ดสิบปี และคนที่อายุน้อยที่สุดอย่างน้อยก็คงมีอายุอยู่ที่สี่สิบปี พวกมันทุกคนแขวนเหรียญตราสีเงินไว้ที่หน้าอกอย่างน้อยหนึ่งอัน และบางคนแขวนไว้ถึงสองอัน นั่นหมายความว่าพวกมันทุกคนต่างก็เป็นนักปรุงยาระดับดำขั้นต่ำ ไม่ก็นักปรุงยาระดับดำขั้นกลาง

 

“นี่คือนายน้อยฮัน หลังจากนี้พวกเราจะเฝ้าสังเกตนายน้อยฮันปรุงยา” ฟูหยวนเชิงพูด

 

เมื่อได้ยินคำพูดของฟูหยวนเชิง ทั้งเจ็ดคนได้มีท่าทางประใจ

 

พวกมันเป็นใคร? พวกมันทุกคนคือนักปรุงยาระดับดำ และในแคว้นพิรุณนี้ พวกมันเรียกได้ว่าเป็นตัวตนที่มีสถานะสูงมาก ถ้าจะพูดถึงการหลอมยา พวกมันต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายสอน ทำไมพวกมันต้องมาดูคนอื่นหลอมเม็เยาด้วย?

 

ถ้าคนที่พวกมันจะมาเฝ้าสังเกตคือฟูหยวนเชิงหรือหวู่ซงหลิน นั่นคงไม่มีปัญหา เพราะมีเพียงทั้งสองคนที่เป็นนักปรุงยาระดับดำขั้นสูงในแคว้นพิรุณ ทั้งสองคนเป็นตัวตนที่น่าเคารพและนับถือต่อนักปรุงยาทุกคน

 

แต่ตอนนี้ ฟูหยวนเชิงกลับต้องการให้พวกมันเฝ้าสังเกตเด็กหนุ่มทำการหลอมเม็ดยา จะให้พวกมันยอมรับเรื่องนี้ได้อย่างไร?

 

นักปรุงยา... เป็นตันตนที่สำคัญและหาตัวจับได้ยาก ซึ่งทำให้ทุกคนที่ฝึกฝนศาสตร์แห่งการปรุงยารู้สึกภูมิใจ และยิ่งพวกมันมีระดับสูงเท่าไหร่ พวกมันก็ยิ่งภูมิใจมากขึ้นเท่านั้น ทำให้ตอนนี้มีนักปรุงยาบางคนที่รู้สึกว่าตนเองถูกดูถูกและกำลังโกรธเป็นอย่างมาก แต่เพราะสถานะของฟูหยวนเชิง พวกมันจึงไม่กล้าพูดระบายความโกรธออกมา

 

ในหมู่พวกมัน นักปรุงยาที่มีอายุประมาณสี่สิบไม่สามารถเก็บอารมณ์ได้และพูดออกมา “ผู้นำตำหนัก ท่านกำลังล้อเล่นกับพวกเราอยู่รึ? ท่านอยากจะให้พวกเราสังเกตการณ์เด็กน้อยคนนี้หลอมเม็ดยาจริงๆ?” มีบางอย่างที่มันคิดเอาไว้ในใจแต่ก็ไม่ได้พูดออกไป ‘เจ้าเด็กนี่คงไม่ใช่ลูกลับๆของเจ้าหรอกนะ?’ ถึงได้สั่งให้พวกเราทุกคนมาชี้แนะเขา?

 

ฟูหยวนเชิงอารมณ์เสียขึ้นมา ในความคิดของมัน การที่จะได้เฝ้าดูหลิงฮันหลอมเม็ดยานับว่าเป็นโอกาสเดียวในชีวิต ภายในสถานการณ์ปกติ นักปรุงยาคนใดกันจะยอมให้คนอื่นมาดูพวกเขาหลอมเม็ดยา? ยิ่งกว่านั้น หลิงฮันยังบอกอีกว่าจะแสดงทักษะการปรุงยาออกมาเพื่อให้พวกมันดู!

 

ถ้าไม่ใช่เพราะความตั้งใจที่อยากจะพัฒนาศาสตร์แห่งการปรุงยาของแคว้นพิรุณ มันจะไปเรียกคนอื่นมาดูด้วยทำไม?

 

“เหอหลิง ขอโทษนายน้อยฮันซะ!” มันพูดด้วยน้ำเสียงดุร้าย

 

“ว่าไงนะ?” นักปรุงยาที่ชื่อเหอหลิงขมวดคิ้ว และแสดงสีหน้าไม่เชื่อออกมา “ข้าคือนักปรุงยาระดับดำขั้นต่ำ สถานะของข้านั้นสูงส่งและเป็นที่เคารพ แต่ท่านกลับต้องการให้ข้าขอโทษเด็กหนุ่มเช่นนั้น? ผู้นำตำหนัก ท่านคิดจะใช้สถานะของท่านเพื่อแก้แค้นเรื่องส่วนตัวรึไง?

 

“เจ้ากล้าดีอย่างไร!” จูเฮอซินตะโกนขึ้นมา ดวงตาของมันเต็มไปด้วยความโกรธ และมีท่าทางที่โมโหเป็นอย่างมาก

 

ทั้งหลิงฮันและฟูหยวนเชิงเป็นคนที่มันนับถือมาก

 

“ฮ่าๆๆๆ!” เหอหลิงหัวเราะดังลั่น มันเค้นเสียงพูดอย่างเย็นชาโดยไม่มีความเคารพแม้แต่น้อย “บางเรื่องเราคงไม่ต้องเถียงกันและเดินจากไปเลยจะดีกว่า”

 

แน่นอนว่ามันไม่กลัวฟูหยวนเชิง บิดาของมันเหอหลัวหยุนเองก็เป็นนักปรุงยาระดับดำขั้นสูง! เมื่อหนึ่งปีก่อน เหอหลัวหยุนและฟูหยวนเชิงได้ตั้งตัวเป็นคู่แข่งกัน พวกมันแข่งขันกันทุกๆเรื่อง ทั้งการปรุงยา วรยุทธ... พวกมันทั้งสองถึงขนาดตกหลุมรักผู้หญิงคนเดียวกัน แต่สุดท้ายเหอหลัวหยุนก็เป็นฝ่านชนะใจสตรีคนนั้น และตอนนี้เหอหลัวหยุนได้ก้าวเท้าข้างหนึ่งเข้าไปยังนักปรุงยาระดับปฐพีแล้ว ในไม่ช้านี้มันจะสามารถอยู่เหนือฟูหยวนเชิงได้อย่างสมบูรณ์

 

เพราะงั้นเหอหลิงจึงคิดฟูหยวนเชิงจงใจสร้างเรื่องนี้ขึ้นมาเพื่อหักหน้ามัน ในเมื่อไม่สามารถชนะบิดามันได้ อีกฝ่ายจึงหาทางทำให้ตนเองรู้สึกว่าอยู่เหนือบุตรของศัตรู ช่างน่าไม่อายยิ่งนัก!

 

ฟูหยวนเชิงตัวสั่นด้วยความโกรธ ความหวังดีของมันต้องมาถูกตอบแทนแบบนี้

 

“ออกไป!” หลิงฮันพูดอย่างเย็นชาไปยังเหอหลิง และชี้ไปทางประตู

 

“เจ้าหนู กล้าดีอย่างไรมาพูดกับข้าเช่นนี้!” เหอหลิงชะงักไปชั่วขณะก่อนที่จะกลายเป็นโกรธเกรี้ยว

 

“ฮึ่ม!” จูเฮอซินและจางเหวยชางเดินมายืนข้างหน้าหลิงฮันและจ้องมองอย่างเกรี้ยวกราดไปทางเหอหลิง

 

“สุนัขเฒ่าสองตัวที่ไม่รู้ว่าอะไรดีต่อตัวพวกเจ้าเอง!” เหอหลิงเค้นเสียงอย่างเย็นชา “ถึงเจ้าไม่บอกข้าก็คิดจะออกไปอยู่แล้ว จะให้มาดูเด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมหลอมเม็ดยางั้นรึ? ถุย! ฝันไปเถอะ! ฮ่าๆๆ!” มันถุยน้ำลายและหัวเราะสามทีพร้อมกับเดินออกไปอย่างหยิ่งยโส

*ติดตามข่าวสารได้ที่ เพจ*

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด