ตอนที่ 105 ยอมรับความพ่ายแพ้
“ผู้จัดการหยวน...” เซี่ยวหยิงเรียกชายวัยกลางคนด้วยเสียงที่หวาดกลัว ตำหนักโอสถสวรรค์มีกฎอยู่ กฎข้อแรกเลยก็คือห้ามทำตัวไม่สุภาพ ไม่ว่าลูกค้าจะเป็นใคร
ชายวัยกลางคนจ้องไปยังเซี่ยวหยิงอย่างไม่พอใจ มันสะบัดมือแล้วพูด “ใครก็ได้ ไล่เจ้าเด็กยากจนคนนี้ออกไปซะ!”
เซี่ยวหยิงไม่กล้าพูดอะไรอีกต่อไป นางมองไปที่หลิงฮันและฮูหนิวอย่างเห็นใจ ชายวัยกลางคนผู้นี้คือหยวนกัง ก่อนหน้านี้มันเป็นเพียงคนที่งานจิปาถะในตำหนักเท่านั้น แต่เมื่อเดือนก่อน น้องชายของมันเลื่อนขั้นเป็นนักปรุงยาระดับเหลืองขั้นกลางได้อย่างคาดไม่ขึ้น เลยทำให้ตำแหน่งของหยวนกังสูงขึ้น และได้เป็นผู้จัดการเล็กๆทั่วไป
เพราะมันต้องตะเกียกตะกายอยู่ในตำแหน่งที่ต่ำมาเป็นเวลานาน ตอนนี้เมื่อมันมาอยู่ในตำแหน่งที่สูง หยวนกังจึงกลายเป็นคนที่หยิ่งยโส มันคิดวิธีใหม่ๆที่จะทำให้มันดูสูงส่งอยู่เสมือ
หลิงฮันช่างโชคร้ายจริงๆที่ตกเป็นเป้าหมายของหมอนี่
ชายสูงใหญ่ รูปร่างกำยำสองคนเดินมายืนอยู่ข้างหลังหลิงฮัน หนึ่งในพวกมันสองคนพูดขึ้นมา “คุณลูกค้าผู้มีเกียรติ โปรดมากับพวกเราด้วย”
หลิงฮันถอนหายใจ เขาจำเป็นต้องใช้กำลังจริงๆรึเนี่ย?
“หลิงฮัน! หลิงฮัน!” ในตอนนั้นเอง ได้มีเสียงอันอ่อนหวานดังขึ้นมาข้างหลังเขา
หลิงฮันหันไปรอบๆและเห็นว่าคนที่พูดขึ้นมาคือฉีซางไต๋ ทำไมองค์หญิงเจ็ดของราชวงศ์ต้าหยวนถึงมาอยู่ที่นี่? เมื่อมองให้ดีๆ ดูเหมือนว่าจูเฮอซินกับจางเหวยชางเองก็มาที่นี่ด้วย เช่นนั้นแล้ว การที่สตรีนางนี้จะมาอยู่ที่นี่ก็ไม่แปลกอะไร
“โอ้ ไม่เคยคิดเลยว่ายาจกเช่นเจ้าจะมีภรรยาที่งดงามเช่นนี้!” หยวนกังแสดงท่าทางอิจฉาและพูดกับหลิงฮัน “เจ้าเด็กยาจก ให้ข้ายืมภรรยาของเจ้าสักหนึ่งคืน และข้าจะมอบส่วนลดให้เจ้ายี่สิบเปอร์เซ็นต์เป็นยังไง? ฮ่าๆ!”
“เพี๊ยะ!”
ใบหน้าของมันถูกตบในทันที เท้าของมันเดินกะโผลกกะเผลกจนในที่สุดก็ล้มลงไปที่พื้น
แน่นอนว่าคนที่ตบมันก็คือหลิงฮัน
“บัดซบ เจ้ากล้าตบข้า!” หยวนกังลุกขึ้นมาในทันที ใบหน้าของมันเต็มไปด้วยความโกรธ
“แล้วทำไม? เจ้าไม่สามารถถูกตบได้รึไง?” จางเหวยชางเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้มที่แสนเย็นชา
“แล้วเจ้าเป็นใคร!” หยวนกังไม่แม้แต่จะคิดอะไร มันยกนิ้วขึ้นมาและชี้ไปยังใบหน้าของจางเหวยชาง “อะ... อะไรกัน!” มันตกใจจนอ้าปากค้าง คนที่เดินเข้ามาพูดแทรกมีเหรียญตราสีเงินห้อยอยู่บนหน้าอก
บางทีอาจจะมีคนที่ไม่เข้าใจถึงความหมายของเหรียญตรา แต่นั่นต้องไม่ใช่คนที่มีประสบการณ์การทำงานที่ตำหนักโอสถสวรรค์มานานกว่าสิบปีอย่างมันแน่นอน
นักปรุงยาระดับดำขั้นต่ำ!
“นะ นายท่าน!” มันรีบคุกเข่าคารวะ เหตุผลเดียวที่มันได้อยู่ในตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปก็เพราะน้องชายของมัน แต่น้องชายของมันเป็นเพียงนักปรุงยาระดับเหลืองขั้นกลาง เมื่อเทียบกับนักปรุงยาระดับดำขั้นต่ำตรงหน้ามันแล้ว ทั้งสองคนนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
“อาจารย์ หมอนี่ช่างนิสัยแย่จริงๆ!” ฉีซางไต๋พูดขึ้นมา
“พรวด!”
หยวนกังสำลักออกมาทันที สตรีที่งดงามนางนี้เป็นลูกศิษย์ของนักปรุงยาระดับดำ แต่มันกลับกล้าไปพูดจาลามกกับนาง ไม่ใช่ว่านี่เป็นการแส่หาความตายหรอกรึ? มันทำหน้าน่าสังเวชและพูด “คุณหนู ต้องขออภัยจริงๆที่ข้าปากมันไม่ดี ทำได้แต่เพียงพูดจาไร้สาระ! ข้าสมควรถูกตบหน้า!”
มันเริ่มตบหน้าตัวเองจนเกิดเสียง ‘เพี๊ยะ เพี๊ยะ เพี๊ยะ’ ดังขึ้นมา
“สหายน้อยหลิง!”
“สหายน้อยหลิง!”
จูเฮอซินเดินเข้ามา และยกมือคารวะทักทายไปยังหลิงฮันพร้อมกันกับจางเหวยชาง
“ผู้อาวุโสจู!” ในตอนนั้นเอง หยวนกังได้สังเกตเห็นจูเฮอซิน มันรู้สึกหวาดกลัวจนทั่วทั้งใบหน้าเปลี่ยนเป็นซีดเผือด จูเฮอซินไม่เหมือนกับจางเหวยชางที่อาศัยอยู่ในเมืองต้าหยวนมาเป็นเวลานานเพื่อดูแลตำหนักโอสถสวรรค์สาขาที่นั่น ก่อนหน้านี้จูเฮอซินมักจะอาศัยอยู่ที่เมืองจักรพรรดิ แล้วหยวนกังจะไม่รู้จักเขาได้อย่างไร?
แต่ถึงจะอย่างนั้น นักปรุงยาระดับกำสองคนนี้กลับคารวะทักทายหลิงฮันอย่างสุภาพ เรื่องนี้ทำให้มันหวาดกลัวจนจะกลายเป็นบ้า!
“พวกเจ้าทั้งสองมาได้จังหวะพอดีเลย ช่วยข้าเรียกฟูหยวนเชิงมาหน่อยสิ!” หลิงฮันพูดด้วยรอยยิ้ม
จูเฮอซินมองไปยังหยวนกังแล้วพูด “สหายน้อยหลิง พวกเราคงไม่ต้องให้ผู้นำตำหนักลำบากมาจัดการกับคนที่น่ารังเกียจเช่นนี้หรอกมั้ง?” มันเป็นนักปรุงยาระดับดำขั้นต่ำ เพียงแค่คำพูดของมัน ตำแหน่งผู้จัดการอันต่ำต้อยเช่นนี้ก็ถูกจัดการโดยไม่ต้องตรวจสอบแล้ว
“ผู้อาวูโสจู โปรดให้อภัยตัวข้าที่ตาบอดด้วย!” หยวนกังรับร้องขอความเมตตา แต่หลังจากที่มันพูดออกไป มันเริ่มตระหนักได้ว่าคนที่จะตัดสินเรื่องนี้ก็คือหลิงฮัน มันจึงรีบหันหน้าและพูด “นายน้อยหลิงได้โปรดใจกว้างและเมตตาต่อข้าสักครั้งด้วยเถอะ”
“เหอะๆ เจ้าลืมการเดิมพันระหว่างพวกเราแล้วรึ!” หลิงฮันหัวเราะ “อาวุโสจู ช่วยไปแจ้งฟูหยวนเชิงให้ข้า และบอกให้เขามาที่นี่หน่อย”
จูเฮอซินเดินไปข้างหน้าและถาม “สหายน้อยหลิงรู้จักปรมาจารย์ฟูด้วยรึ”
“แน่นอนว่าข้ารู้จัก ช่วยข้าเรียกเขามาที่นี่หน่อย ข้ามีเรื่องบางอย่างจะพูดกับเขา” หลิงฮันพยักหน้า
“งั้นข้าจะไปเรียกเขามาให้เดี๋ยวนี้” จูเฮอซินรีบพูดและเดินจากไป
ภายในเวลาไม่นาน จูเฮอซินและฟูหยวนเชิงก็ได้รีบเดินมาทางพวกเขา แน่นอนว่าฟูหยวนเชิงเป็นคนที่เดินนำหน้า ส่วนจูเฮอซินเดินตามอยู่ข้างหลัง
“ฮ่าๆ สหายน้อยหลิงอุตส่าห์มาถึงที่นี่ แต่ข้ากลับไม่ได้มาต้อนรับด้วยตัวเอง ได้โปรดยกโทษให้ข้าด้วย!” ฟูหยวนเชิงรีบพูดขึ้นมา
ใบหน้าของหยวนกังซีดเผือดยิ่งกว่าเดิม ไม่ใช่แค่จูเฮอซินที่นอบน้อมต่อหลิงฮัน แม้แต่ฟูหยวนเชิงยังปฏิบัติต่อเขาอย่างเคารพ เจ้าเด็กนี่เป็นใครกันแน่? เขาจะน่ากลัวเกินไปหน่อยรึเปล่า?
หลิงฮันยิ้มไปทางฟูหยวนเชิง และหันกลับมามองหยวนกัง “การพนันครั้งนี้ข้าเป็นฝ่ายชนะสินะ?”
“แน่นอน นายน้อยหลิงเป็นฝ่ายชนะ!” หยวนกังใช้โอกาสนี้เพื่อเปลี่ยนเรื่องคุยและพูดด้วยน้ำเสียงประจบประแจง
หลิงฮันพยักหน้าและพูด “เอาล่ะ งั้นเจ้าก็เริ่มกินซะสิ!”
“อึก!” หยวนกังพูดไม่ออกในทันที
“อะไรกัน เจ้าอยากให้ข้าใส่เครื่องปรุงและนำไปทำอาหารให้เจ้ารึ? ก็ได้ เจ้าอยากได้แบบต้มหรือตุ๋นล่ะ?” หลิงฮันพูดด้วยรอยยิ้ม
“นายน้อยหลิงช่างตลกเสียจริง” หยวนกังหัวเราะอย่างอึดอัด
“ข้าจะตลกเฉพาะกับสหายของข้า แต่เจ้าไม่ใช่” หลิงฮันพูด
“เกิดอะไรขึ้น?” ฟูหยวนเชิงพูดแทรก น้ำเสียงของมันเต็มไปด้วยความไม่พอใจ
มันและหวู่ซงหลินได้รับประโยชน์จากการชี้แนะของหลิงฮันเมื่อวันก่อน ซึ่งทำให้พวกมันทั้งสองมองเห็นประกายแสงแห่งความหวังที่จะก้าวหน้าไปเป็นนักปรุงยาระดับปฐพี สำหรับพวกมันทั้งสองแล้ว หลิงฮันเรียกได้ว่าเป็นอาจารย์ครึ่งหนึ่ง
และตอนนี้หลิงฮันได้แสดงท่าทางที่ไม่พอใจออกมา จึงเป็นธรรมดาที่มันจะไม่สบอารมณ์ไปด้วย
หากมันจะถามหลิงฮันก็คงจะดูไม่เหมาะสม และมันก็ไม่คิดจะถามหยวนกังด้วย มันได้หันไปจ้องเซี่ยวหยิง
หยวนกังส่งสัญญาณด้วยสายตาไปยังเซี่ยวหยิงอย่างต่อเนื่อง มันหวังว่านางจะพูดอธิบายอย่างเมตตาต่อตัวมัน อย่างไรก็ตาม เซี่ยวหยิงแสร้งทำเป็นไม่เห็นท่าทางหมดหวังของมันและเล่าทุกอย่างตั้งแต่ต้นจนจบออกไป
ฟูหยวนเชิงโมโหขึ้นมาในทันที มันชี้ไปยังหยวนกังและพูด “เจ้ากล้าดีอย่างไร! เจ้าอยู่ในตำแหน่งที่สามารถพูดแทนข้าได้รึ? ถ้าเจ้าพูดพนันด้วยตัวเอง งั้นก็รีบไปกินซะ!”
ใบหน้าของหยวนกังกระตุกอย่างไม่อาจควบคุมได้ คราวนี้เป็นคำสั่งจากผู้นำของตำหนักสวรรค์สาขาแคว้นพิรุณ แม้แต่จักพรรดิพิรุณก็ยังต้องไว้หน้าเขา ดูเหมือนจะไม่มีอะไรสามารถเปลี่ยนแปลงได้แล้ว ไม่ว่าจะอยากหรือไม่ มันก็ต้องกินเข้าไป
แต่ถึงอย่างนั้น มันจะบังคับให้ตัวเองกินโต๊ะเข้าไปยังไงดี?
มันพบวิธีแก้ปัญหาในที่สุด มันหักขาโต๊ะออกมาใส่ไปในปากและเริ่มเคี้ยว มันอยู่ในระดับหลอมกายาขั้นเก้า ดังนั้นฟันและแรงกัดของมันจึงไม่อ่อนแอ การจะเคี้ยวให้ขาโต๊ะกลายเป็นชิ้นๆนับว่าเป็นเรื่องที่ง่ายดาย
เมื่อพนักงานคนอื่นเห็นเหตุการณ์เช่นนี้ พวกมันทุกคนอดไม่ได้ที่จะแอบยิ้ม
หยวนกงเป็นคนที่มีนิสัยน่ารังเกียจ และทำตัวราวกับว่าตัวเองนั้นสูงส่งและยิ่งใหญ่หลังจากที่ได้รับตำแหน่งผู้จัดการ มีคนไม่น้อยของตำหนักโอสถสวรรค์ที่ไม่พอใจสิ่งที่มันทำ แต่พวกมันก็ไม่กล้าต่อต้านมันอย่างเปิดเผย พวกมันรู้สึกมีความสุขที่เห็นมันกำลังพยายามกินขาโต๊ะเข้าไป
หลิงฮันไม่สนใจที่จะดูหยวนกังกินโต๊ะทั้งตัวจนหมด เขาหันไปพูดกับฟูหยวนเชิง “เจ้าควรจะไล่คนเช่นนั้นออกไป ส่วนสตรีนางนี้ค่อนข้างใช้ได้ ให้นางมาแทนตำแหน่งที่ว่างหลังจากไล่หมอนั่นออกซะ”
“ข้าจะฟังและทำตามคำแนะนำของสหายน้อยหลิง” ฟูหยวนเชิงพูดอย่างสุภาพนอบน้อม
เซี่ยวหยิงมีความสุขขึ้นมาทันที เมื่อนางมองไปยังหลิงฮัน ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความรู้สึกขอบคุณ
*ติดตามข่าวสารได้ที่ เพจ*