GE38 ฟักจากดักแด้เป็นผีเสื้อ โอสถจักรพรรดิหยก
นับเป็นครั้งแรกที่ผู้นำตระกูลหลู่ถูกข่มขู่
มันทิ้งร่างของตนลงบนเก้าอี้อย่างเศร้าใจ สีหน้าเหม่อลอยขบคิด
ถูกจับตัวไป... หลู่หมิงที่เป็นถึงผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณขั้นต้น พร้อมกับทัพปราการใต้อีก 500 คน... ทุกสิ่งจบสิ้น
“กองทัพที่ข้าทุ่มเวลาฝึกฝนมา 10 ปี...” มันฟาดฝ่ามือใส่โต๊ะชาจนแตกเป็นเสี่ยงๆ แต่นั่นไม่อาจคลายความโกรธภายในใจของมัน
จากเหรียญหยกที่หนานกงเป็นผู้สื่อสารกลับมา มันอยู่ที่เมืองหนิง นายน้อยหนิงเป็นเจ้าเมือง
นายน้อยหนิง... ในแคว้นเยว่มีคนชื่อนี้ด้วยหรือ? มันมีพลังระดับใด ที่มาเป็นอย่างไร เหตุใดถึงได้จับตัวคนของมันได้
สิ่งที่ทำให้มันไม่อยากเชื่อคือทัพปราการใต้ของมันถูกสังหารไป 300 คนและถูกจับอีก 200 คน ทหารเหล่านั้นเป็นมันที่ฝึกฝนมาตั้งแต่ยังเด็ก แม้ระดับพลังของพวกมันไม่สูงนัก แต่หากร่วมมือกันจู่โจมเป็นกระบวนทัพ พวกมันก็น่าสะพรึงกลัว
กองทัพเหล่านั้นสมควรตายในสนามรบ! ไม่ใช่ถูกจับเป็นตัวประกัน!
ผู้ที่เรียกขานว่านายน้อยหนิงสามารถจับเป็นทัพปราการใต้ได้ถึง 200 คน ทำให้พวกมันไม่มีโอกาสได้ฆ่าตัวตาย...
หลู่หนานสื่อต้องช่วยเหลือคนของมัน หากมันสูญเสียกำลังเหล่านี้ไป ความแข็งแกร่งของตระกูลหลู่จะลดลงกว่าครึ่ง มันจึงเตรียมทรัพย์สมบัติของมันไปมากมายเพื่อไถ่ตัวคนของมัน ตัวมันเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณขั้นสุดท้าย อีกครึ่งก้าวมันจะบรรลุขอบเขตแก่นทองคำ การที่ต้องนำทรัพย์สมบัติไปไถ่ตัวคนของมันนั้นถือเป็นการเสียหน้าอย่างใหญ่หลวง
“ฮึ่ม! ข้าต้องไปหาสหาย... หากมีโอกาส ข้าจะทำลายเมืองหนิงให้สิ้นซาก!” แววตาของมันปรากฏเล่ห์กล มันนำเมฆเซียนออกมาและมุ่งหน้าออกจากตระกูลอย่างรวดเร็ว
เมฆเซียนของมันทำความเร็วได้เกือบเทียบเท่าผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำขั้นต้น
มันเสาะหาสหายทั้ง 3 คนของมันไปทั่วทั้งแคว้นเยว่ เพื่อเทียบเชิญสหายเหล่านั้นให้ร่วมมือ
สหายของมัน 2 คนเป็นผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณขั้นสูง อีกคนเป็นผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำขั้นแรก... หลู่หนานสื่อไม่ได้โง่ ในเมื่อนายน้อยหนิงสามารถจับทัพปราการใต้ของมันได้ถึง 200 ชีวิตอย่างง่ายดาย แสดงว่ามันต้องมากความสามารถ แต่หลู่หนานสื่อไม่เชื่อว่าอีกฝ่ายจะเป็นผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำ เพราะเป็นไปไม่ได้ที่ตัวตนระดับนั้นจะมาสร้างเมืองสภาพแวดล้อมที่เลวร้ายเช่นนี้
ในเมื่ออีกฝ่ายไม่มีผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำ แต่หากมันสามารถเชื้อเชิญตัวตนระดับนั้นมาได้ เท่านี้ย่อมเพียงพอให้ทำลายเมืองหนิง
ผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณขั้นสูงทั้งสองคนนั้น หนึ่งแซ่เฉิน อีกหนึ่งแซ่ชู่ ส่วนผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำขั้นต้น มีนามว่า ‘หนานหยางสื่อ’ เป็นผู้อาวุโสของนิกายใหญ่ในแคว้นเยว่
หลังจากหนานหยางสื่อได้ฟังคำคำบอกเล่าของหลู่หนานสื่อ คิ้วของมันขมวดมุ่น
“ทัพปราการใต้แตกพ่าย หลู่หมิงถูกจับตัว...”
หนานหยางสื่อเป็นบิดาของหลู่หมิง หลังจากขบคิด มันจึงตัดสินใจลงมือช่วยเหลือหลู่หนานสื่อ
ผู้เชี่ยวชาญทั้ง 4 ขี่เมฆเซียนผ่านนภาพกาศ ผ่านไปหลายชั่วยาม พวกมันก็มาถึงท้องนภาเหนือเมืองหนิง
หลู่หนานสื่อมองสำรวจเมืองหนิงเบื้องล่างพลางเผยสีหน้าเย้ยหยัน
ในสายตาของมัน เมืองหนิงคือเมืองที่ไร้ค่า
กำแพงเมืองทำขึ้นจากไม้ บ้านเรือนภายในสร้างจากไม้ทั้งหมด นายน้อยหนิงผู้เป็นเจ้าเมืองเหตุใดถึงได้สร้างเมืองเช่นนี้
ผู้ที่มาเยือน นอกจากตัวมันที่เป็นผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณขั้นสุดท้าย ยังมีผู้เชี่ยวชาญในระดับเดียวกับมันอีก 2 คน และผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำขั้นต้นอีกหนึ่งคน
หลู่หนานสื่อเผยรอยยิ้ม ในโลกแห่งนี้ มันเป็นผู้กว้างขวางและมากด้วยสหาย ยิ่งด้วยระดับพลังที่สูงส่งยิ่งทำให้มันได้พบปะสหายมากขึ้นจนกล่าวได้ว่า ใต้ผืนฟ้าทั้งหมด ผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายล้วนเป็นสหายของมัน
นอกจากหลู่หนานสื่อที่มองสำรวจเมืองแล้ว สหายที่มากับมันก็มองสำรวจเช่นเดียวกัน
ทั้งหมดล้วนมองว่าเมืองหนิงด้อยค่าและง่ายต่อการทำลาย พวกมันจึงเผยรอยยิ้มที่เย็นชา
แต่เมื่อหนานหยางสื่อแผ่สัมผัสเทพไปยังเมืองหนิง มันกลับตกตะลึง มันไม่อยากเชื่อกับสิ่งที่สัมผัสได้
“นั่น...ข่ายพลังระดับแก่นทองคำ!”
ข่ายพลังระดับแก่นทองคำเป็นข่ายพลังที่สามารถต้านการจู่โจมของผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำได้ ทั่วทั้งแคว้นเยว่ มีเพียงนิกายไท่ชูไพ่และนิกายเทียนหลีโม่เท่านั้นที่สามารถวางข่ายพลังระดับนี้ได้ แม้เป็นนิกายกุ่ยเชว่ ยังวางข่ายพลังได้เพียงระดับประสานวิญญาณเท่านั้น
เมืองหนิงที่ไร้ค่ากลับสามารถวางข่ายพลังระดับแก่นทองคำได้ เจ้าเมืองหนิง...นายน้อยหนิงผู้นี้ที่มีมาเช่นใดกันแน่!
ในขณะที่ผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณทั้งสามกำลังเย้ยหยันเมืองหนิง หนานหยางสื่อผู้ที่ทรงพลังที่สุดกลับคิดว่า นายน้อยหนิงผู้นี้ไม่ใช่ผู้ที่จะยั่วยุได้
ในขณะที่มันกำลังจะอธิบายถึงข่ายพลังป้องกันเมืองที่ทรงพลังของเมืองหนิงให้ผู้เชี่ยวชาญอีก 3 คนได้ฟัง กองทัพจำนวน 1400 คนกลับกรูกันออกมาจากเมืองอย่างรวดเร็ว ทหารในกองทัพแต่ละคนล้วนมีระดับพลังไม่ต่ำกว่าขอบเขตเปิดเส้นชีพจรที่ 5
กองทัพทั้งหมดจัดกระบวนทัพผสานส่งเสริมซึ่งกันและกัน ทำให้กลิ่นอายที่ทั้งหมดปลดปล่อยออกมารุนแรงกระทั่งทำให้หนานหยางสื่อตกตะลึง
เมืองหนิงกลับมีกองทัพถึง 3 กอง แต่ละกองไม่ได้ด้อยไปกว่าทัพปราการใต้... เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร!
แค่กองทัพหนึ่งกองก็สามารถต้านรับผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำได้แล้ว เมื่อสามกองทัพผสานรวมกัน ต่อให้พวกมันทั้ง 4 ร่วมมือก็ไม่อาจเอาชัย
เดิมทีหนานหยางสื่อตั้งใจจะล้างแค้นเมืองหนิงเพื่อหลู่หนานสื่อ แต่ดูเหมือนจะเป็นเพียงการตัดสินใจที่ผิดพลาด และขณะที่มันกำลังขบคิด ผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณ 3 คนได้เหยียบย่างนภาปรากฏ
บุรุษผู้หนึ่งโหดเหี้ยม อีกผู้เย็นชา อีกผู้เฉียบคมราวกับกระบี่... สองคนเป็นผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณขั้นกลาง และอีกหนึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณขั้นสูง
แม้อีกฝ่ายจะปรากฏตัว แต่ด้วยหลู่หนานสื่อและผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณอีก 2 คน เป็นผู้บรรลุขอบเขตประสานวิญาณขั้นสูง พวกมันจึงไม่เห็นอีกฝ่ายอยู่ในสายตา ผิดกับหนานหยางสื่อที่มีสายตาเฉียบคม มันมองออกว่าผู้เชี่ยวชาญ 3 คนเบื้องหน้าไม่ธรรมดา
หนานกงเปลี่ยนอาภรณ์สวมใส่เป็นสีม่วง ผมดำยาวพลิ้วไสวรายกับสายน้ำ แววตาเย็นชาแต่ชั่วร้ายจับจ้องหลู่หนานสื่อ จากแววตาของหนานกง หนานหยางสื่อสัมผัสได้ถึงความเย็นที่รุนแรงราวกับสามารถเจาะทะลวงสัมผัสเทพจนทำให้จิตใจของมันสั่นสะท้าน
ยุ่ยฉี...บุรุษผู้มีร่างกายสูงใหญ่ราวกับปราการโลหะ ใบหน้าเปล่งแสงสีแดง แม้ระดับพลังจะไม่สูงนัก แต่หนานหยางสื่อกลับสัมผัสได้ถึงบางอย่าง มันรู้ว่าคนผู้นี้ อีกไม่เกิน 10 ปีจะทะลวงเข้าสู่ขอบเขตแก่นทองคำ
ส่วนซื่อถูให้ความรู้สึกที่ลึกล้ำยามที่หนานหยางสื่อจ้องมอง! บุรุษผู้นี้ลึกล้ำ มีกระบี่สะพายที่ด้านหลัง เจตจำนงกระบี่รุนแรงทรงพลัง แม้ระดับพลังของบุรุษผู้นี้อยู่เพียงขอบเขตประสานวิญญาณขั้นสูง แต่ปราณกระบี่ที่หนานหยางสื่อสัมผัสได้กลับไม่ทำให้มันคิดเช่นนั้น หากบุรุษผู้นี้โกรธเคือง ต่อให้เป็นมันก็ไม่หยุดยั้งได้
“คาดไม่ถึงว่าเมืองหนิงจะลึกล้ำเกิดหยั่งถึงเช่นนี้...”
หากไม่เพราะว่าห่วงศักดิ์ศรี หนานหยางสื่อจะล่าถอยในทันที มันมีชีวิตมาหลายร้อยปี ผ่านประสบการณ์ต่างๆมากมาย มันรู้ดีว่าคนเหล่านี้ไม่อาจยั่วยุได้
แต่ที่น่าเสียใจคือสายตาของหลู่หนานสื่อและสหายของมันกลับไม่เฉียบคมเช่นนั้น พวกมันยังคงเย่อหยิ่ง และแสดงท่าทีว่าอยู่เหนือกว่าอีกฝ่าย
“ข้าให้เวลาเจ้าสามลมหายใจ ให้เจ้าเมืองของเจ้าปรากฏตัว!” สหายของหลู่หนานสื่อกล่าวอย่างเย็นชา
ผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณเพียงสามคนจะมีค่าอันใด ในเมื่อพวกมันมีระดับที่เหนือกว่า เหตุใดพวกมันต้องหวาดกลัว
นอกจากนี้ กองทัพทั้งสามมีระดับพลังเพียงขอบเขตเปิดเส้นชีพจร หากพวกมันไม่ร่วมมือกัน จะมีค่าอันใดให้กล่าวถึง?
แม้ผู้ที่ได้ชื่อว่านายน้อยหนิงจะดูยิ่งใหญ่ แต่นั่นก็แค่คำกล่าวอ้าง
หลู่หนานสื่อและเหล่าสหายคิดเช่นนั้น พวกมันหวังจะทำลายเมืองหนิงเสียตั้งแต่ตอนนี้
“จะแค่ข่มขู่... หรือจะสังหารพวกมันทั้งหมดเพื่อจบเรื่อง...”
หนานกงกล่าว ต่อให้อีกฝ่ายเป็นผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำตนเองก็ไม่กลัว นั่นเพราะระดับพลังที่แท้จริงของหนานกงสูงส่งกว่าซื่อถู เขาคือพี่ใหญ่!
ขณะที่การต่อสู้กำลังจะเริ่มขึ้น ท้องนภาเหนือเมืองหนิงกลับปรากฏพลังงานที่รุนแรง ท้องนภาครึ่งหนึ่งถูกปกคลุมด้วยเมฆสีแดงฉาน อีกครึ่งถูกปกคลุมด้วยเมฆสีทองอร่าม
เมื่อเมฆทั้งสองเคลื่อนผสานเข้าหากัน วังวนที่ถือกำเนิดจากพลังงานจำนวนมหาศาลก็ปรากฏ
วังวนเช่นนี้เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อโอสถผันแปรที่ 4 ปรากฏ!
ยามนี้ ไม่เพียงหนานหยางสื่อที่ตกตะลึง หลู่หนานสื่อและสหายของมันก็ไม่ต่างกัน
นั่นหมายความว่า ภายในเมืองหนิงมีนักปรุงโอสถผันแปรที่ 4 อาศัยอยู่ นักปรุงยาโอสถระดับนี้ ต่อให้เป็นผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มยังต้องเคารพ!
นอกจากอีกฝ่ายจะตกตะลึงแล้ว หนานกง ยุ่ยฉี และซื่อถูเองก็เช่นกัน ทั้งหมดรู้ดีว่าหนิงฝานกำลังเก็บตัวฝึกฝน แต่ไม่รู้ว่าหนิงฝานได้ปรุงโอสถผันแปรที่ 4
แววตาของหัวหน้ากองทัพทั้ง 3 เผยถึงความฮึกเหิมและภาคภูมิ หากนายน้อยของพวกตนเป็นนักปรุงยาโอสถผันแปรที่ 4 แม้ระดับพลังจะอยู่เพียงขอบเขตประสานวิญญาณขั้นกลาง แต่ด้วยศักดิ์ฐานะ หนิงฝานจะแข็งแกร่งจนน่าหวาดกลัว ต่อให้เป็นผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยกก็ไม่กล้ายั่วยุหนิงฝานอย่างไร้เหตุผล
ฉากที่ปรากฏวังวนพลังงานเกิดขึ้นเพียงชั่วครู่ ไม่นานวังวนก็แตกสลาย กลิ่นหอมของโอสถฟุ้งกระจาย โอสถที่แท้จริงปรากฏ และในจังหวะเดียวกันนั้น อัสนีสวรรค์ครึ่งดำครึ่งทองได้ฟาดผ่าลงมาอย่างรุนแรง
ด้วยอำนาจของอัสนีสวรรค์ ต่อให้เป็นหนานหยางสื่อยังต้องหวาดกลัว
อัสนีสวรรค์ผันแปรที่ 4 รุนแรงมากพอที่จะสังหารผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำได้อย่างง่ายดาย
“ป้องกันนายน้อยจากอัสนีสวรรค์...” แววตาของหนานกงและคนอื่นๆเผยความกังวล
...
ภายในห้องปรุงโอสถ หนิงฝานเปิดฝากระถางแยกโอสถ จากนั้นหยิบโอสถจักรพรรดิหยกขึ้นมาจากภายในแล้วเก็บมันไว้ในขวด
สัมผัสเทพของหนิงฝานกวาดผ่านไปยังท้องนภาเบื้องบน
“ซือซือ เจ้าป้องกันอัสนีสวรรค์ และอย่าให้คนพวกนั้นหนีไปได้!”
เมื่อมอบหมายคำสั่งเสร็จ หนิงฝานก็นั่งหลับตา สูดหายใจลึกเพื่อผ่อนคลาย จากนั้นกลืนโอสถจักรพรรดิหยกเข้าไป
เมื่อโอสถผ่านเข้าไปในลำคอ มันเริ่มสำแดงอานุภาพอย่างช้าๆ เส้นลมปราณที่เสียหายได้รับการเยียวยา กระดูกที่หักค่อยๆผสานฟื้นคืนอย่างช้าๆ อาการบาดเจ็บภายในถูกฟื้นฟูรักษา ทำให้ร่างกายของหนิงฝานแข็งแกร่งขึ้น และไม่ผอมเหมือนก่อนหน้า
แต่หนิงฝานกลับไม่มีเวลาให้ชื่นชมกับผลที่ได้ เพราะยามนี้ ความเจ็บปวดที่รุนแรงกลับปะทุไปทั่วร่าง
เส้นลมปราณถูกฉีกกระชากเป็นชิ้นๆ กระดูกที่รักษาจนหายดีถูกทำลายซ้ำ!
แต่สิ่งที่ประหลาดกลับบังเกิด เส้นลมปราณและกระดูกของหนิงฝานเริ่มก่อตัวขึ้นเอง ที่สำคัญ พวกมันยังแข็งแกร่งยิ่งขึ้น
เมื่อทุกสิ่งฟื้นคืนสภาพสมบูรณ์ มันก็ถูกทำลายอีกครั้ง
และเมื่อถูกทำลายมันก็ฟื้นคืน เป็นเช่นนี้สลับไปซ้ำๆคล้ายดักแก้ที่กำลังจะกลายเป็นผีเสื้อ
ตามตำรับของโอสถจักรพรรดิหยกแล้ว สรรพคุณของมันคือแปรเปลี่ยนให้ร่างกายมนุษย์เป็นร่างกายที่สูงชั้นกว่าเซียน แม้แต่ปีศาจหรือเซียนยังต้องนับถือ
ก่อนที่ผีเสื้อจะพ้นออกมาจากดักแด้ มันต้องลอบคราบและฉีกผิวหนังของตน ขั้นตอนนี้ทำให้ผีเสื้อมากมายต้องตายจากความเจ็บปวด
ผู้ที่ใช้โอสถจักรพรรดิหยกก็ไม่ต่างกัน มีคนประมาณ 9 ใน 10 ส่วนที่ไม่อาจอดทนต่อความเจ็บปวดและตายไป แม้เป็นเทพก็ไม่เว้น!
ไม่ว่าร่างกายภายในหรือภายนอกของเทพจะสามารถต้านทานการโจมตีที่รุนแรงได้ แต่ไม่อาจต้านทานความเจ็บปวดได้ หากไม่พึ่งพาพลังที่ต้านความเจ็บปวดแล้ว สิ่งเดียวที่จะช่วยได้คือหัวใจที่เข้มแข็ง!
“ต้องทน... ไม่งั้นก็ตาย!” หนิงฝานเจ็บปวดจนริมฝีปากซีดขาวไร้โลหิต เขาขบฟันแน่นเพื่ออดทน...