DND.64 - ขจัดเปลือกมนุษย์
“ศิษย์พี่ฉิว ท่านเคยเจอเขาแล้ว เขาคือผู้ชนะะของงานประชุมศักดิ์สิทธิ์ ซือหยู!”
เซี่ยจิงหยูตาเป็นประกาย นางตื่นเต้น
เขางั้นเหรอ? ฉิวชางเจี้ยนเลิกคิ้วสูงขึ้น
ฉิวชางเจี้ยนทำตามกฎ แม้เขาจะไม่สืบสวนเรื่องซือหยูต่อ แต่เขาก็เป็นผู้รบกวนงานประชุมศักดิ์สิทธิ์
งานประชุมศักดิ์สิทธิ์คือตัวแทนแห่งวิหาร เกียรติของมันมิอาจดูหมิ่น เขายอมรับการตัดสินใจของผู้รับใช้เพลิงที่ตัดสิทธิ์ซือหยู นี่เป็นการบอกทุกคนว่างานประชุมศักดิ์สิทธิ์นั้นห้ามถูกรบกวน ไม่ว่าจะมีพลังแค่ไหน
“ทำไมเจ้าแนะนำเขาล่ะ?”
ฉิวชางเจี้ยนอดทนถาม เขามิอยากจะทำให้เซี่ยจิงหยูต้องอับอายต่อหน้าทุกคน
ในใจ ฉิวชาวเจี้ยนไม่คิดจะให้โอกาสซือหยู
แต่เซี่ยจิงหยูกลับพูดหนึ่งประโยคตอบกลับมา...ประโยคที่เปลี่ยนใจเขาอย่างสมบูรณ์!
“ฎีกาสวรรค์ของข้าได้มาจากซือหยู!”
เซี่ยจิงหยูหน้าแดงราวกับบุพผาหลังพิรุณ น่าเขินอายและอ่อนโยน
“พาข้าไปหาซือหยู! เดี๋ยวนี้!”
ฉิวชางเจี้ยนรีบลึกขึ้นและออกไปจากห้องลับอย่างรวดเร็ว
ฉิวชางเจี้ยนตกตะลึง
ฎีกาสวรรค์ของเซี่ยจิงหยูเป็นขั้นกลาง แล้วซือหยูที่สอนเซี่ยจิงหยูจะอยู่ระดับใดกัน?
ฉิวชางเจี้ยนเกือบจะลืมซือหยูไปแล้ว เขาแอบเสียใจเล็กๆ
ที่ลานประลอง ซือหยูทำลายแหล่งพลังของไป่ชี่เซียงด้วยฝ่ามือเดียว
ไป่ชี่เซียงสลดใจ พลังบ่มเพาะของเขาถูกทำลายไปทั้งหมด อย่างมากเขาก็เป็นได้เพียงอาจารย์สอนทฤษฎีให้กับผู้เริ่มต้นบ่มเพาะพลังเท่านั้น
แต่เขาก็ยังมีชีวิตอยู่ บางทีนี่อาจจะดีที่สุดแล้ว
ในฐานะมือขวาขององค์ชายหนึ่ง เขาคือผู้รอคอยการลงโทษจากองค์ชายสาม ซือหยูที่ทำลายพลังของเขานั้นนับว่าช่วยชีวิตเขาในทางอ้อม
แม้ความคิดและอารมณ์จะขัดแย้ง แต่ไป่ชี่เซียงก็มิกล้าดื้อดึงไปมากกว่านี้ เขาโชคดีแล้วที่รอดมาจากสงครามชิงบัลลังก์นี้
“ขอบคุณที่มิเอาชีวิตข้า นี่คือวิชาระดับสวรรค์ที่องค์ชายหนึ่งให้ข้าศึกษา ข้าอ่านมันมาทั้งปี แต่ข้าก็เสียพลังไปแล้ว จากนี้ไปมันเป็นของเจ้า”
ไป่ชี่เซียงส่งตำราให้ซือหยู
ตำราวิชาระดับสวรรค์ถือเป็นของที่ยอดเยี่ยม การเอาออกมาในที่แจ้งนับว่าอันตรายต่อชีวิต
ซือหยูขมวดคิ้ว...มันเป็นวิชาระดับสวรรค์ของจริง!
หลังจากไป่ชี่เซียงลากร่างกายอันบอบซ้ำออกไป ซือหยูก็เปิดตำรา
เขาวิเคราะห์บันทึกที่ไป่ชี่เซียงเขียนไว้ตลอดหลายปี ซือหยูเริ่มเข้าใจวิชาระดับสวรรค์นี้แล้ว
“เงาลอยล่อง วิชาระดับสวรรค์ นับว่าเป็นยอดแห่งวิชาเคลื่อนที่ มีทั้งหมดสามระดับ ที่ระดับหนึ่งขั้นสูงจะเคลื่อนไหวได้ดั่งเงาที่แยกจากขอบเขตความเป็นจริง”
“ที่ระดับสองขั้นสูง...เจ้าจะเดินบนผิวน้ำได้”
“ที่ระดับสามขั้นสูง...เจ้าจะบิน ขี่แสง และคว้าเงาได้”
ซือหยูตกตะลึง นี่เป็นวิชาระดับสวรรค์ที่ใช้เคลื่อนไหว!
เงาเมฆาของซือหยูเป็นเพียงวิชาบ่มเพาะขั้นต้น ผลของมันมีขีดจำกัด และมันใช้ไม่ได้ดีกับซือหยูอีกแล้ว
วิชาระดับสวรรค์นี้มาถึงมือซือหยูทันเวลา
หากบ่มเพาะเงาลอยล่องจนถึงระดับหนึ่งขั้นสูง เขาจะเร็วเทียบเท่าผู้มีพลังระดับหกขั้นสูง หากบ่มเพาะถึงระดับสองขั้นสูงร่างเขาจะเบาดั่งขนปักษาและเดินบนน้ำได้ เขาจะบินเป็นระยะสั้นๆได้หากมีแรงสนับสนุนรอบๆ หากบ่มเพาะถึงขั้นสามระดับสูง...เขาจะบินได้!
ตึก ตัก--
ซือหยูใจเต้นแรง โดยเฉพาะเมื่อคิดถึงระดับสาม ...การบินนี้มิใช่พลังของมนุษย์ อย่างน้อยในโลกใบนี้ก็มีเพียงราชันย์ศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นที่จะบรรลุวิชาเช่นนี้ได้
ซือหยูพยายามเรียนรู้วิชานี้โดยไม่รู้ตัว
เขาใช้พลังเร่งเวลาทันที
หลังจากถูกชำระล้างด้วยน้ำสีแดงสองหยด พลังเร่งเวลาของซือหยูเร็วกว่าเดิมมาก
แต่ก่อนตอนต่อสู้เขาจะเร่งเวลาได้ห้าเท่า แต่ตอนนี้มันเพิ่มเป็นสิบเท่า ในตอนที่เขาหยุดนิ่งเช่นอ่านตำรา จากที่เร่งเวลาได้สามสิบเท่า ในตอนนี้เขาเร่งความเร็วจนถึงห้าสิบเท่า
ทุกนาทีที่ซือหยูอ่านตำรานั้นเทียบเท่าห้าสิบนาทีของคนอื่น...นับเป็นเวลาเกือบครึ่งชั่วยาม
เมื่อเขาอ่านตำรา ฉิวชางเจี้ยนและเซี่ยจิงหยูก็มาถึง
องค์ชายสามพยายามจะเรียกซือหยู
ฉิวชางเจี้ยนพยายามทลายภวังค์ของซือหยูด้วยใบหน้ายอมรับ ซือหยูเรียนวิชาทันทีหลังการต่อสู้อันดุเดือด บุรุษผู้นี้มิเสียเวลาเลยหากเป็นเรื่องบ่มเพาะพลัง
ซือหยูสงบนิ่งไปชั่วครู่ ฉิวชางเจี้ยนนั่งลงถามเรื่องอดีตของซือหยูจากองค์ชายสามและเซี่ยจิงหยู
เมื่อได้ยินหนทางในการมาเมืองหลวงของซือหยูเพื่อดยุคเซี่ยนหยู ฉิวชางเจี้ยนก็สงบนิ่ง
“สละชีวิตเพื่อผู้มีพระคุณ...ยอดเยี่ยม!”
หลังจากเข้าใจเรื่องทั้งหมด เขาก็มองซือหยูเปลี่ยนไป เขาเริ่มมองซือหยูในด้านดีอย่างมาก
ครึ่งชั่วโมงผ่านไป ซือหยูลุกขึ้นด้วยใบหน้าสับสน เขาขมวดคิ้ว มีคำถามในใจเต็มไปหมด
เขาถือตำราในมือแน่น มิใช่เพราะสงสัยในตัววิชา มิใช่เพราะมันยากเกินกว่าจะเข้าใจ...แต่เพราะมันธรรมดาเกินไป!
เขาใช้เวลาเรียนรู้ครึ่งชั่วโมง ซึ่งเท่ากับยี่สิบห้าชั่วโมงในนอกภายนอก นับเป็นเวลาเพียงหนึ่งวัน...แต่ซือหยูบรรลุวิชาระดับสองขั้นต้นแล้ว!
แม้จะด้วยบันทึกที่ไป่ชี่เซียงเขียนไว้หรือการรวมกันของวิญญาณ...แต่มันมิควรง่ายดายเช่นนี้
เขาเพียงบรรลุสายฟ้าดาราม่วงถึงระดับหนึ่งขั้นต้นหลังจากบ่มเพาะพลังหลายวัน...และมันก็เป็นวิชาระดับสวรรค์เหมือนกัน
แต่เพียงวันเดียวเขากลับบรรลุวิชาเงาลอยล่องถึงระดับสองขั้นต้น!
เหตุใดความยากของวิชาระดับสวรรค์สองวิชาจึงต่างกันเช่นนี้?
ฟึ่บ--
ลมกรรโชกแรงพัดตีหน้าซือหยูขณะที่กำลังคิดหนัก
ซือหยูละทิ้งความสบัสนทันที เขาซัดฝ่ามือออกไปทันทีโดยไม่ได้คิด
ในตอนนี้เขาไม่ต้องตั้งท่าฎีกาสวรรค์แบบในภาพเขียนอีกแล้ว
คนอื่นจะเห็นว่าซือหยูคือบุรุษในภาพเขียนที่แยกตัวจากโลกความจริง...ฝ่ามือของเขายื่นออกไปและลากผู้คนมาในขอบเขตเดียวกับเขา...และจะถูกโจมตีอย่างหนักหน่วง
ครืน--
ซือหยูตกใจมากที่ฝ่ามือของเขาหายไปทันทีหลังจากใส่ฎีกาสวรรค์ลงไป
เขาเงยหน้าขึ้นไปและเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความชื่นชม
“ศิษย์สวรรค์ฉิว?”
ซือหยูดึงมือกลับ เขาไม่เข้าใจสถานการณ์ ฉิวชางเจี้ยนมิได้มีจิตสังหาร เหตุใดเขาจึงโจมตีออกไปกัน?
ข้างศิษย์สวรรค์คือเซี่ยจิงหยูที่กำลังตื่นเต้น นางตื่นเต้นเมื่อเห็นฝ่ามือที่ซือหยูใช้
ดูเหมือนฎีกาสวรรค์ของซือหยูจะพัฒนาไปอีกขั้นแล้ว มันซับซ้อนและไหลลื่นกว่าเดิม เป็นธรรมชาติและเป็นจังหวะกว่าเดิม เมื่อก่อนฎีกาสวรรค์นี้ดูงุ่มง่ามในสายตาผู้อื่น
ในวันนี้เขาได้ละทิ้งทุกสิ่งรอบฎีกาสวรรค์และเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติมากที่สุด เขาได้บรรลุการเข้ากับธรรมชาติแล้ว
“ฎีกาสวรรค์ระดับสูง! ยอดเยี่ยม!”
ฉิวชางเจี้ยนตกตะลึง!
ซือหยูยังคงสับสน...เขาไม่เข้าใจฉิวชางเจี้ยน
“ศิษย์น้องซือ! เจ้ามีเวลาเตรียมตัวหนึ่งวัน พรุ่งนี้เจ้ากับศิษย์น้องเซี่ยจะได้เข้าวิหารสวรรค์กับข้า!”
ฉิวชางเจี้ยนโล่งใจและเดินออกไปอย่างยินดี
เซี่ยจิงหยูยิ้มอย่างไร้เดียงสาราวกับบัวกระจ่าง นางอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนมาเจอซือหยู
“หา? มีแค่เจ้ากับข้าที่ได้เข้าวิหารสวรรค์งั้นรึ?”
ซือหยูตกใจ เขาคิดว่าเขาคงมิได้มีชะตากับวิหารศักดิ์สิทธิ์ เขาไม่คิดว่าเซี่ยจิงหยูจะแนะนำเขาให้เข้าวิหารสวรรค์ที่ระดับสูงกว่าวิหารธรรมดา
“ขอบคุณนะ...จิงหยู”
ซือหยูรู้สึกขอบคุณ ชะตาของเขาพลิกผันเพราะน้ำแรงของเซี่ยจิงหยู
เซี่ยจิงหยูยิ้มร่า ดวงตานางสะท้อนไปกับแสง
“เจ้ามอบฎีกาสวรรค์ของเจ้าให้ข้า ตอนนี้ข้าต้องเป็นฝ่ายตอบแทน พวกเราจะเกื้อหนุนไปด้วยกัน”
ซือหยูยิ้ม เขามองเซี่ยจิงหยูด้วยใจขอบคุณ
หากเซี่ยนเอ๋อคือคนรัก เซี่ยจิงหยูก็คือดาราแห่งโชค สำหรับเซี่ยนเอ๋อ ซือหยูเพียงรักนาง แต่กับจิงหยูมันโอบล้อมไปด้วยสำนึกในบุญคุณ
เซี่ยจิงหยูหน้าแดงราวกับตะวันตกดินยามเริ่มเหมันต์...ช่างงดงามยิ่ง
เซี่ยหลินฉวนสับสน เขาเดินไปข้างดยุคเซี่ยนหยูและถอนหายใจ
“ท่านดยุค ขอบุตรเขยท่านให้ข้าเถอะ...อย่างน้อยท่านจะได้มิต้องกังวลในอนาคต”
ใบหน้าโล่งใจของดยุคเซี่ยนหยูแข็งทื่อทันที เขามองแผ่นหลังซือหยูอย่างรู้สึกผิดและกังวล แต่ก็ส่ายหัวพร้อมดวงตาเป็นประกาย
“ในชั่วชีวิตข้า...ข้าขอมีบุตรเขยเพียงผู้เดียวคือซือหยู! หามีใครแทรกกลางระหว่างเขาและเซี่ยนเอ๋อไม่!”
“...ท่านเคยคิดถึงความแข็งแกร่งของหุบเขาเฟิงหวงบ้างหรือไม่? หากพวกเขารู้ว่าเซี่ยนเอ๋อมีคู่หมั้น...ท่านจะรับประกันความปลอดภัยของซือหยูได้อย่างไร?”
เซี่ยหลินฉวนถอนหายใจและมองแผ่นหลังซือหยูอย่างเสียดาย
หากเซี่ยนเอ๋ออยู่ข้างดยุคเซี่ยนหยู นางจะมีความสุขอยู่กับซือหยู เป็นสามีภรรยาคู่กันตลอดไป
แต่เซี่ยนเอ๋อที่อยู่ในหุบเขาเฟิงหวงนั้นได้เปลี่ยนทุกอย่าง
ด้วยสถานะของเซี่ยนเอ๋อในหุบเขาเฟิงหวง ซือหยูอาจจะไม่ได้อยู่กับนางอีก คนในเฟิงหวงจะพยายามทำทุกอย่างเพื่อทำลายการหมั้น
มีหลายวิธีที่จะทำลายการหมั้น แน่นอนว่าหนึ่งในนั้นคือการสังหารซือหยู
ด้วยพลังของเฟิงหวงและความป่าเถื่อน ซือหยูเป็นเพียงมดปลวกในสายตาพวกเขา การตายของซือหยูจะมิเป็นที่จดจำต่อใคร
เหตุใดไม่ปล่อยให้ซือหยูเข้าวิหารสวรรค์และถอนหมั้นก่อนที่จะมีคนมาเอาชีวิตเขา? นี่จะแก้วิกฤติของซือหยูและเป็นประโยชน์กับเซี่ยจิงหยู และยังคลายกังวลของดยุคเซี่ยนหยูไปได้ ยิงปืนนัดเดียวได้วิหคสามตัว
“เดี๋ยว...รอก่อนเถอะ ข้าไม่คิดว่าซือหยูจะยอมแพ้ ให้เวลาเขาหน่อย ซือหยูจะพิสูจน์ตัวเองต่อเฟิงหวงว่าเขาคู่ควรกับเซี่ยนเอ๋อ”
ดยุคเซี่ยนหยูมิอาจทนต่อการถอนหมั้นได้
สำหรับเขา...ซือหยูเดินทางมาไกล ยอมแม้สละชีวิต เขาจะถอนหมั้นกับเซี่ยนเอ๋อได้อย่างไร?
แม้แม่เซี่ยนเอ๋อจะจากไปแล้ว นางก็มีอำนาจมากในเฟิงหลวงในยามมีชีวิต ต้องขอบคุณแม่ของนางที่ทำให้เซี่ยนเอ๋อถูกปกป้องราวกับสมบัติในเฟิงหวง ไม่มีใครกล้าคิดว่าเฟิงหวงจะมีปฏิกิริยาอย่างไรหากรู้เรื่องคู่หมั้นของนาง
ทีแรกดยุคเซี่ยนหยูวางแผนให้ผู้อาวุโสฉินส่งทั้งซือหยูและเซี่ยนเอ๋อไปยังเฟิงหวง ผู้อาวุโสฉินถือจดหมายจากดยุคไปให้บางคนในเฟิงหวง
จดหมายระบุไว้ว่าการหมั้นจะยกเลิกได้หากชีวิตของซือหยูปลอดภัย นั่นหมายความว่าซือหยูจะได้รอดอยู่ในเฟิงหวง
แต่สถานการณ์เปลี่ยนไปมาก ดยุคเซี่ยนหยูมิอาจยกเลิกการหมั้นได้
เขาจะทิ้งบุตรเขยอันยอดเยี่ยมเช่นซือหยูไปได้อย่างไร?
เขาต้องเปลี่ยนใจ เขายินดีรับซือหยูเป็นบุตรเขยเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น แม้เฟิงหวงจะแทรกแซง...เขาก็จะไม่มีวันเปลี่ยนใจ!
แต่เขายังไม่มีความเชื่อมั่นพอว่าจะรักษาการหมั้นไว้ได้ ซือหยูต้องแข็งแกร่งขึ้น แกร่งพอที่เฟิงหวงจะมิกล้าดูแคลน พวกเขาต้องยอมรับซือหยู เป็นหนทางเดียวที่เขากับเซี่ยนเอ๋อจะได้อยู่ร่วมกัน มิเช่นกันเพียงแค่การหมั้นคงมิอาจผูกทั้งสองเอาไว้ได้
เซี่ยนหลินฉวนส่ายหัวและถอนหายใจยาว
“ท่านคิดว่าคนในเฟิงหวงจะให้เวลาซือหยูงั้นรึ? พวกเขาจะรอให้ซือหยูเติบโตงั้นรึ?”
ดยุคเซี่ยนหยูใจหล่นไปอยู่ตาตุ่มเมื่อคิดตาม…
….
หลินเสี่ยวเดินเข้ามากระซิบรายงานองค์ชายสาม
“ฮื่ม! เจ้าจิ้งจอกเฒ่านั่นหูไวเหลือเกิน!”
เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเดินไปหาซือหยู
“น้องซือ ดยุคฉินรู้ข่าวองค์ชายหนึ่งแล้ว และเขากำลังจะหนีออกจากเมืองหลวงกับตระกูล ข้าจะพาองครักษ์ไปไล่ตาม เจ้าจะมาด้วยไหม?”
ดยุคฉินแอบสั่งให้องครักษ์เฉินลอบสังหารผู้มีบัญชาศักดิ์สิทธิ์...นี่คือความผิดที่ให้อภัยมิได้
องค์ชายสามได้มีโอกาสจัดการคนขององค์ชายหนึ่งอย่างชอบธรรม ความตายขององค์ชายหนึ่งถือเป็นคำเตือนแก่ทุกคน ในตอนนี้องค์ชายหนึ่งและสองสิ้นไปแล้ว ผู้ติดตามขาดหัวหน้า องค์ชายสามต้องออกไปสังหารผู้ติดตามของพี่น้องเพื่อส่งคำเตือนให้กับทั้งโลก
ใครที่เล่นนอกกฎจะต้องจบชีวิตเช่นดยุคฉิน!
“ดยุคฉินงั้นรึ?”
เมื่อก่อน ดยุคฉินบังคับให้เขาทิ้งเจียงซื่อฉิง ฉินเฟิงลอบกัดเขาหลายต่อหลายครั้ง ดยุคฉินส่งองครักษ์เฉินมาไล่ล่าเขา หากซือหยูไม่ได้แข็งแกร่งขึ้น เขาคงจบชีวิตด้วยน้ำมือของดยุคฉินไปนานแล้ว
เมื่อก่อน...ซือหยูหลักแหลมและระวังตัว เขารู้ดีว่าหากไม่ตีอสรพิษให้ตาย...มันจะกลับมาแว้งกัด
ติชมให้กำลังใจ กดไลค์แฟนเพจมาคุยกันได้เลยจ้าาา