ตอนที่แล้วDND.62 - ชีวิตและความตายของดยุค
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปDND.64 - ขจัดเปลือกมนุษย์

DND.63 - วิหารสวรรค์และมนุษย์


ซือหยูมององค์ชายสามอย่างนับถือ

องค์ชายสามมองอย่างเข้าใจ เขาถอนหายใจ

“ซือหยู เจ้ายอมสละชีวิตเพื่อบุญคุณ ข้าที่ต้องตายมิต่างกันควรจะช่วยเหลือเจ้า หากจะขอบคุณผู้ใดก็ควรขอบคุณคนที่ปลอมตัว เขาคือผู้สละชีวิตอย่างแท้จริง”

ซือหยูมองผู้แปลงตนอย่างนับถือ หากไม่มีเขาดยุคเซี่ยนหยูคงจะไม่รอดจนถึงตรงนี้

“ท่านพ่อ!”

ซือหยูได้พบกับดยุคเซี่ยนหยูอีกครั้ง เขาไม่พอใจนักที่ดยุคแขนหายไปหนึ่งข้าง นั่นเป็นแขนข้างที่สละเพื่อช่วยเขาและเซี่ยนเอ๋อ

ดยุคน้ำตานองหน้า เขาลูบหัวซือหยูด้วยมือข้างที่เหลือ

“เป็นข้าเองที่ทำให้เจ้าเป็นเช่นนี้...”

ซือหยูส่ายหัว เขามองไป่ชี่เซียงและองครักษ์เฉินที่พยายามซ่อนตัวอย่างเย็นชา

“ท่านพ่อ ให้ข้าจัดการกับสองคนนั้นก่อน!”

ซือหยูจะลืมไป่ชี่เซียงที่ต่อสู้กับท่านพ่อได้อย่างไร? แล้วไป่ชี่เซียงยังไล่ล่าซือหยูอย่างไร้ปรานีอีก

ไป่ชี่เซียงอ้าปากจะพูด แต่ซือหยูที่ไร้ปรานีก็พูดแทรก

“เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว เจ้ายังคิดว่าข้าจะอภัยให้อีกรึ?”

แม้พวกเขาจะทำตามคำสั่ง พวกเขาก็ไล่ล่าซือหยูอย่างดีที่สุด...อภัยให้ไม่ได้

องครักษ์เฉินร้องขอชีวิต เขายังมิอยากตาย เขากัดฟันและทำลายสายโลหิตพลังภายใน เขาทำลายพลังบ่มเพาะของตน

“ซือหยู!”

องครักษ์เฉินคุกเข่า

“ข้ามีลูกเมียและพ่อแม่ ไว้ชีวิตข้าเถอะ ข้าทำลายพลังบ่มเพาะของตัวเองแล้ว ข้ามิอาจทำอันตรายผู้ใดได้อีกแล้ว ...ข้าสารภาพ...เป็นดยุคฉินที่ส่งข้ามาฆ่าเจ้า...และแม่นางเจียงก็ถูกขังอยู่ในตำหนักดยุคฉิน”

ซือหยูมิได้สนใจชีวิตองครักษ์เฉิน เขาเพียงแค่คิดว่าองครักษ์เฉินสมคบคิดกับองค์ชายหนึ่ง

แต่ดยุคฉินกลับมีส่วนร่วมในครั้งนี้ด้วย!

“หึหึ...ดยุคฉิน….เจ้าอสรพิษ!”

ซือหยูเดินผ่านองครักษ์เฉินโดยไม่ฆ่า เขามองไป่ชี่เซียงอย่างเย็นชา

“แล้วเจ้าล่ะ?”

ไป่ชี่เซียงคิดว่าไม่ยุติธรรม เขาทุ่มเทอย่างมากกว่าจะบ่มเพาะพลังถึงระดับหก เขาจะทำลายพลังบ่มเพาะของตนในตอนนี้ทำไมกัน?

“ซือหยู! ข้าจะให้ตำราวิชาระดับสวรรค์กับเจ้า...ไว้ชีวิตข้าเถอะ...”

เขากลัวฉิวชางเจี้ยน...แต่มิได้กลัวพลังซือหยูมากนัก

“ช่างมันเถอะ...ข้าว่าข้าทำลายพลังบ่มเพาะของเจ้าเสียดีกว่า!”

ซือหยูพูดแทรกและเดินเข้าไป เขาไม่เชื่อว่าไป่ชี่เซียงจะมีวิชาระดับสวรรค์ เขาเพียงขอร้องเพื่อยืดชีวิตตัวเองออกไปเพียงชั่วครู่

ไป่ชี่เซียงหัวเราะอย่างโกรธเกรี้ยว เมื่อก่อนเขาไล่ล่าซือหยู แต่ตอนนี้ซือหยูมีฉิวชางเจี้ยนหนุนหลัง เขาจึงกล้าบอกว่าจะทำลายพลังบ่มเพาะงั้นรึ?

เขาตาเป็นประกายและยิ้มมุมปาก

“แล้วถ้าเจ้าชนะข้าไม่ได้ล่ะ?”

“ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า”

ซือหยูตอบ

ไป่ชี่เซียงดีใจ เขาหัวเราะอยู่นาน

“ฮ่าๆๆๆๆ! ดีล่ะ! ถ้าเจ้าชนะข้าได้ ข้าจะให้วิชาระดับสวรรค์กับเจ้าด้วยสองมือนี่เลย!”

“เจ้าไม่มีโอกาสชนะเลย”

ซือหยูพูดอย่างใจเย็นและก้าวไปข้างหน้า

“สายฟ้าดาราม่วง!”

ครืน--

เพลิงอัสนีสีม่วงแผดเผาอย่างป่าเถื่อน

ซือหยูเย็นชาไร้อารมณ์

ไป่ชี่เซียงแตะกระบี่ที่เอว

“เพลงดาบล่องนภา!”

ปั้ง--

หมัดและกระบี่ปะทะกับอย่างรุนแรง

…….

ไป่ชี่เซียงตกตะลึง

เขามองกระบี่ในมือและขยี้ตา

“เพลิงนี่มันอะไรกัน?”

เพียงระยะสั้นๆที่กระบี่ของเขาปะทะกับหมัด มันก็เริ่มหลอมละลาย

ซือหยูพยักหน้า สายฟ้าดาราม่วงทำให้คนระดับหกขั้นกลางบาดเจ็บได้ แต่ยังไม่พอจะเอาชนะระดับหกขั้นสูง

ซือหยูหายใจเข้าลึกก่อนจะเข้าสู่สภาพวิเศษ

คนอื่นเห็นว่าซือหยูกลายเป็นภาพวาดที่แยกตัวออกจากโลกมนุษย์

ชุดสีม่วงและเส้นผมของเขาร่ายรำ

แต่ซือหยูยังไม่ใช้ดัชนีสวรรค์...แต่กลับผลักฝ่ามือไปข้างหน้าเบาๆ

ครืน---

อ๊าก--

เกิดเรื่องน่าสนใจขึ้น พื้นที่รอบๆไป่ชี่เซียงได้กลายเป็นภาพเขียนราวกับซือหยูได้พาไป่ชี่เซียงข้ามขอบเขต

ฝ่ามือธรรมดาของซือหยูทำให้ไป่ชี่เซียงกระเด็นลอยไปไกลกว่าสิบเมตร

ปั้ง---

ไป่ชี่เซียงอ้าปากคายโลหิตจากภายในออกมา อกของเขามีรอยฝ่ามือประทับ กระดูกซี่โครงหักหลายซี่

“เจ้า!”

ไป่ชี่เซียงตกตะลึงอย่างมาก นี่เป็นฎีกาสวรรค์ที่เขาเคยเห็นมาก่อน...ทำไมมันแกร่งขนาดนี้?

ซือหยูตื่นจากความพิษวง เขาเข้าใจฎีกาสวรรค์อย่างลึกซึ้งขึ้น

หลังจากที่วิญญาณหลอมรวมกัน ซือหยูพบว่าการทำตามแบบฉบับในภาพเขียนเพียงอย่างเดียวถือเป็นเรื่องโง่เขลา

ในภาพเขียนนั้นเป็นเพียงประตูเริ่มต้น

ในทุกท่วงท่า ไม่ว่าจะสำเร็จหรือไม่ หากคล้ายกับต้นแบบ...มันจะไม่มีวันก้าวข้ามขีดจำกัดไปได้

ดังนั้นซือหยูจึงลองทำสิ่งที่แตกต่างในขอบเขตฎีกาสวรรค์...มิได้เลียนแบบผู้ใด

ผลของมันยอดเยี่ยมอย่างมาก พลังวิชาเพิ่มขึ้นหลายเท่ากว่าที่ซือหยูคาดคิด

ซือหยูมองไป่ชี่เซียงที่พ่ายแพ้อย่างเย็นชาด้วยความผ่อนคลาย

เมื่อก่อนไป่ชี่เซียงเป็นตัวตนที่เขามิอาจก้าวข้าม

ในตอนนี้ไป่ชี่เซียงพ่ายแพ้ด้วยฝ่ามือเดียวของเขา

ซือหยูมิได้รู้สึกยินดีนัก เขาได้เห็นพลังระดับเก้าอันน่ากลัวของฉิวชางเจี้ยนแล้ว...เขามิอาจคิดว่าระดับหกขั้นสูงนั้นยอดเยี่ยมได้อีกต่อไป

เขาเสียใจที่เขาไร้ชะตาในการเข้าสู่วิหารศักดิ์สิทธิ์ หากไร้ซึ่งโอกาสนี้ก็ยากที่เขาจะได้เรียนรู้วิชาลึกลับต่างๆ หรือยากนักที่จะได้เจออัจฉริยะที่แกร่งกว่านี้

ในห้องลับ ฉิวชางเจี้ยนนั่งลง แปดคนยืนเรียงหน้ากระดาน

“พวกเจ้าทุกคน ตามลำดับแล้วใครแกร่งที่่สุด?”

ฉิวชางเจี้ยนถามตรงๆ

ทั้งแปดมองหน้ากันไปมา ในการประลองนั้นไม่ได้ผลลัพธ์เพราะเกิดเรื่องของซือหยู ดังนั้นจึงยังไม่มีลำดับของแต่ละคน

เมื่อฉิวชางเจี้ยนคิดได้ดังนี้ก็ถอนหายใจยาว

“อืม..ถ้าเช่นนั้น...พวกเจ้าแต่ละคนจงแสดงวิชาที่แกร่งที่สุดกับข้า”

“ท่าน...ตามกฎแล้วพวกเราทั้งแปดมีสิทธิ์เข้าวิหารทุกคนมิใช่รึ? จะรู้ว่าใครแข็งแกร่งกว่าใครเพื่อสิ่งใดกัน?”

เซี่ยจิงหยูถาม

“ถามได้ดี”

ฉิวชางเจี้ยนมองเซี่ยจิงหยูอย่างนับถือเล็กน้อย

ผู้รับใช้เพลิงทำให้ทุกคนหวาดกลัว มีเพียงนางที่กล้าพูดความจริง จากที่เขาเห็น แม้นางจะอ่อนแอจากภายนอก...แต่ภายในนั้นแข็งแกร่งยิ่งนัก

คำถามอันตรงจุดของนางแสดงถึงสติปัญญา

“พวกเจ้าทุกคนมีสิทธิ์เข้าวิหาร...พวกมิใช่ทุกคนที่ได้เป็นศิษย์สวรรค์”

ฉิวชางเจี้ยนตอบ

ศิษย์สวรรค์...เหมือนกับฉิวชางเจี้ยนงั้นรึ?

“วิหารแบ่งเป็นสองส่วนคือวิหารสวรรค์และวิหารมนุษย์ วิหารมนุษย์นั้นรวบรวมอัจฉริยะจากทั้งโลกโดยผู้รับใช้ทั้งเก้า พวกเขารับผิดชอบในการบ่มเพาะพลังของเหล่าอัจฉริยะ ตั้งแต่รุ่นแรกมีศิษย์หลายพันคนข้างในวิหารมนุษย์ นี่คือวิหารที่คนส่วนมากรู้จัก”

“ในวิหารสวรรค์จะรวบรวมแค่อัจฉริยะหายากหนึ่งในล้านเท่านั้น พวกเขาจะกลายเป็นผู้ติดตามของราชันย์สวรรค์และได้นามแห่งศิษย์สวรรค์ พวกเขาจะได้วัตถุดิบบ่มเพาะที่ดีที่สุด และมีฐานะเหนือกว่าผู้ติดตามในวิหารมนุษย์ พวกเขามีสิทธิ์ลงโทษผู้ติดตามในวิหารมนุษย์อย่างเป็นธรรม เข้าใจรึยัง?”

ภาพฉิวชางเจี้ยนที่ลงโทษผู้รับใช้เพลิงยังคงสดใหม่ภายในหัวทั้งแปดคน

แม้จะเป็นชะตาของผู้ยิ่งใหญ่อย่างผู้รับใช้เพลิงยังต้องอยู่ในน้ำมือของวิหารสวรรค์

เซิงยี่หลินถามด้วยความหลงใหล

“ท่าน...มีกี่คนในแต่ละรุ่นกันที่ได้เข้าวิหารสวรรค์?”

“กี่คนงั้นเรอะ?”

ฉิวชางเจี้ยนเหน็บแนม

“เจ้าควรจะถามว่าผ่านไปกี่รุ่นกว่าจะได้คนเข้าสู่วิหารสวรรค์ต่างหาก”

อะไรกัน? หนึ่งคนจากหลายรุ่นเนี่ยนะ? คุณสมบัติในการเข้าวิหารสวรรค์ช่างเหนือจินตนาการ

“เอาล่ะ...เริ่มกันเถอะ แสดงวิชาที่แกร่งที่สุดของพวกเจ้ามา”

สี่ศิษย์อสูรในสำนักเริ่มก่อน แต่ละคนแสดงพลังออกมา

ฉิวชางเจี้ยนยังคงนิ่งเงียบ เขามิปริปากออกมาเลย

เขาเงียบจนถึงคราวดงหลิน

“ปกติแล้วเจ้าจะไม่ได้เข้าวิหารมนุษย์ด้วยซ้ำ”

ฉิวชางเจี้ยนออกความเห็น

ดงหลินแทบจะกระอักเลือด ในแคว้นนี้เขาคือศิษย์อสูรระดับสูงสุดและได้รับความนับถืออย่างมาก แต่ในวิหารมนุษย์เขานั้นต่ำกว่ามาตรฐาน!

ดงหลินมิได้มีชะตากับวิหารสวรรค์อย่างไม่ต้องสงสัย...เขานับว่าเป็นแค่คนปกติในวิหารมนุษย์

หลังจากหลงหลิน หนานเฟยก็แสดงพลัง ดวงตาฉิวชางเจี้ยนยังคงสุขุม

“เจ้าถือว่าใช้ได้ น่าจะพอๆกับคนในวิหารมนุษย์”

หนานเฟยหน้าบึ้ง การที่มีฝีมือทั่วไปในวิหารมนุษย์หมายความว่าเขาไม่มีชะตากับวิหารสวรรค์เช่นกัน

เซี่ยจิงหยูกันฟันแน่น ในบรรดาแปดคนนี้นางมีพลังบ่มเพาะต่ำที่สุด...นางกลัวว่าฉิวชางเจี้ยนจะไม่ประทับใจ

หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่งนางก็คิดถึงฎีกาสวรรค์ที่ซือหยูสอนนางและลองใช้มัน

เซี่ยจิงหยูหายใจเข้าลึก ปล่อยวางตนให้สงบ...นางนึกถึงวันใต้แสงจันทรากลางมวลบุพผาอันเงียบสงบ ภายใต้ความอบอุ่นจากซือหยูที่โอบกอดอย่างแผ่วเบา นางใช้ดัชนีสวรรค์

เอี๊ยด--

ดัชนีกรีดอากาศด้วยจังหวะอันเป็นเอกลักษณ์ นางราวกับตัวตนอันงดงามจากภาพเขียน

ฉิวชางเจี้ยนตาเป็นประกาย ใบหน้ามีร่องรอยของรอยยิ้ม

“ไม่เลว ฎีกาสวรรค์ของเจ้าล้ำค่าและได้รับการขัดเกลามาอย่างดี...รับพลังจากทั้งจักรวาล จังหวะนั้นโอบล้อมระยะหลายลี้ของทั้งทะเลสาปและขุนเขา สง่างามและมหัศจรรย์! ดูเหมือนข้าจะไม่เสียเที่ยว ข้าเจอคนที่ได้เข้าสู่วิหารสวรรค์แล้ว”

“เจ้ามีนามว่าอะไร?”

ฉิวชางเจี้ยนยิ้มถามอย่างเป็นมิตร

“เซี่ยจิงหยู”

นางสับสน นางจะได้เข้าวิหารสวรรค์งั้นหรือ?

“เอาล่ะ ศิษย์น้องเซี่ย เจ้ามีเวลาเตรียมตัวหนึ่งวันและจัดการเรื่องในโลกมนุษย์นี้ พรุ่งนี้เจ้าจะต้องตามข้าไปวิหารสวรรค์ เรามีสมาชิกเพิ่มขึ้นอีกคนแล้ว”

ฉิวชางเจี้ยนดีใจมาก

อะไรกัน? ทั้งแปดคนต่างตกใจ เซี่ยจิงหยูกำลังจะเข้าสู่วิหารสวรรค์งั้นหรือ?

ทั้งหมดเพราะนางแสดงฎีกาสวรรค์?

มีเพียงเซิงยี่หลินที่ตื่นเต้น เขาประสานมือหัวเราะ

“ยินดีด้วยจิงหยู ดูเหมือนเราจะมีโอกาสได้ใช้เวลาร่วมกันในวิหารสวรรค์แล้วล่ะ ข้าหวังว่าเราจะได้ช่วยเหลือกันในอนาคต”

เขาร่าเริงเมื่อคิดว่าฎีกาสวรรค์คือการแบ่งแย่งระหว่างคนในวิหารสวรรค์และวิหารมนุษย์ เขาที่มีฎีกาสวรรค์น่าจะได้เข้าสู่วิหารสวรรค์เช่นกัน

นี่หมายความว่าเขาจะได้ใช้เวลาร่วมกับเซี่ยจิงหยูมากขึ้น

เขาคิดถึงวิหารสวรรค์ที่ห่างไกลและลึกลับ...แปลกใหม่สำหรับทุกคน เซี่ยจิงหยูเป็นสตรีจะต้องไม่สบายใจอยู่แล้ว แต่เขาและเซี่ยจิงหยูมาจากที่เดียวกัน พวกเขาจะต้องช่วยเหลือเกื้อกูลกันเป็นแน่แท้

ด้วยการปฏิสัมพันธ์นั้นเอง เซี่ยจิงหยูอาจจะตกหลุมรักเขาและตกลงวิวาห์กัน

ด้วยความคิดนี้เขาก็สบายใจและมีไฟ

ซือหยู...ซือหยู...ชนะข้าแล้วมันยังไง? เซี่ยจิงหยูที่สุดก็ต้องเป็นผู้หญิงของข้า เจ้าจะนับถือข้าจากโลกมนุษย์ก็ได้นะ!

เซี่ยจิงหยูถอนหายใจ

ฉิวชางเจี้ยนมองอย่างประหลาดใจ

“เจ้ามีฎีกาสวรรค์เหมือนกันรึ? แสดงมันออกมาเร็วๆ”

เซิงยี่หลินนั้นเป็นคนหยาบคาย แต่เขาก็ดูอ่อนน้อมลงเมื่อแสดงฎีกาสวรรค์

แสงโอบล้อมร่างเขา เขาปล่อยหมัดทั้งสิบออกมา มันดูสลับซับซ้อนด้วยแสง ยากจะแยกภาพลวงตาและภาพจริง

เขาพอใจที่ได้แสดงฎีกาสวรรค์ เซิงยี่หลินมองฉิวชาวเจี้ยน...ที่เย็นชาลง

ใบหน้าคาดหวังของฉิวชางเจี้ยนหายไป แววตาเต็มไปด้วยความผิดหวัง

“ธรรมดายิ่งนัก ต่ำกว่ามาตรฐานวิหารมนุษย์”

คำพูดนี้ฟาดเซิงยี่หลินอย่างแรง

“แต่...แต่ข้ามีฎีกาสวรรค์นะ เซี่ยจิงหยูยังเข้าวิหารสวรรค์ได้เลย...ทำไมข้าได้แค่วิหารมนุษย์ล่ะ?”

เขาเสียงสั่น

ฉิวชางเจี้ยนตาซึม

“ฎีกาสวรรค์แบ่งเป็นหลายระดับ ขั้นต้น กลาง และขั้นสูง ฎีกาสวรรค์ของศิษย์น้องเซี่ยเป็นฎีกาสวรรค์ขั้นกลาง หากบ่มเพาะมันก็เป็นไปได้มากที่จะเทียบเคียงราชันย์สวรรค์ เจ้าเทียบกับนางมิได้”

ยังมีระดับในฎีกาสวรรค์อีกงั้นเรอะ?

เซิงยี่หลินตกตะลึง ใจเขาหล่นจากสวรรค์ไปสู่นรก เขาครางอย่างขมขื่น

“กลายเป็นว่าฎีกาสวรรค์ของข้าเป็นแค่ขั้นต้นงั้นรึ...”

เมื่อได้ยิน ฉิวชางเจี้ยนตวาดใส่อย่างไร้ปรานี

“ขั้นต้นรึ? เจ้าประเมินฎีกาสวรรค์ของเจ้าเกินไปแล้ว ฎีกาสวรรค์ของเจ้ายังมิได้รอยขีดข่วนของขั้นต้นเลย ทุกคนในวิหารมนุษย์ใช้เวลาแค่ปีเดียวก็บรรลุระดับของเจ้าได้แล้ว”

อะไรกัน? ยังไม่ถึงพื้นของขั้นต้นงั้นรึ? เซิงยี่หลินตัวสั่นราวกับถูกน้ำเย็นสาด

ฉิวชางเจี้ยนโบกมือ

“เอาล่ะ พวกเจ้ากลับไปได้แล้ว ศิษย์น้องเซี่ยจะกลับวิหารสวรรค์กับข้าพรุ่งนี้ พวกเจ้าที่เหลือให้รอคำชี้แนะ ในสิบวันจะมีคนจากวิหารมนุษย์มาเอาตัวเจ้าไป”

หลังพูดจบฉิวชางเจี้ยนก็ยืนขึ้น

“ศิษย์พี่ฉิว ข้าขอแนะนำอีกคนได้หรือไม่ เขาจะต้องเป็นที่พอใจแน่นอน”

เซี่ยจิงหยูยิ้มกว้างราวกับบุพผายามคิมหันต์

ฉิวชาวเจี้ยนเลิกคิ้ว

“โอ้? ใครกันที่ศิษย์น้องเซี่ยจะแนะนำ?”

Banshee

ติชมให้กำลังใจ กดไลค์แฟนเพจมาคุยกันได้เลยจ้าาา

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด