DND.61 - มือเปล่าสังหาร
ร่างตู้หยุนเทียนกระเด็นลอยตกจากลานประลองอย่างแรง
ผู้รับใช้เพลิงเข้ามาดู แขนของตู้หยุนเทียนมอดไหม้ไม่มีชิ้นดี เหลือเพียงเส้นเอ็นที่ยึดผิวหนัง
บริเวณส่วนอกเต็มไปด้วยโลหิต หัวใจเต้นเบาบาง ทุกส่วนของร่างมีโลหิตเต็มไปหมด ชีวิตตู้หยุนเทียนตกอยู่ในอันตราย!
ซือหยูเกือบจะสังหารตู้หยุนเทียนด้วยหมัดเดียวงั้นรึ? พลังซือหยูน่ากลัวแค่ไหนกัน?...และตอนนี้เขายังบรรลุขอบเขตพลังใหม่แล้วด้วย
สีหน้าของเหล่าผู้ประเมินเปลี่ยนไป แววตาหวาดกลัว
“เพลิงอัศนี!”
เพลิงสีม่วงมิใช่เพลิงแต่เป็นสายฟ้าเข้มข้นที่รวมตัวกันเรียกว่าเพลิงอัศนี พลังของมันแกร่งกว่าสายฟ้ามากมายนัก วิชาระดับสวรรค์แบบไหนกันถึงสร้างเพลิงอัศนีเช่นนี้ขึ้นมาได้?
แต่นี่ไม่ใช่เวลามาสนใจเพลิงอัศนี
ชีวิตตู้หยุนเทียนกำลังตกอยู่ในอันตราย เขาอยู่บนเส้นกั้นความเป็นความตาย ผู้รับใช้เพลิงมิปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไปง่ายๆแน่
อย่างที่คาดไว้ ผู้รับใช้เพลิงมีสีหน้าโกรธเกรี้ยว เพลิงพิโรธปะทุอยู่ในแววตาเพื่อบดบังจิตสังหาร
แม้จะช่วยตู้หยุนเทียนไว้ได้ เขาก็จะพิการอยู่ดี แขนของเขาไม่มีวันเป็นเหมือนเดิมอีกแล้ว ตู้หยุนเทียนถูกลิขิตให้เป็นคนไร้ค่าเสียแล้ว
รังสีอำมหิตจากผู้รับใช้เพลิงปกคลุมไปทั่วลานประลอง รังสีของเขาโจมตีจิตใจทุกคนราวกับค้อนยักษ์
“อวดดีนัก...เจ้าฆาตกร! เจ้าโจมตีรุนแรงขนาดนี้ในงานประชุมศักดิ์สิทธิ์! ข้า ผู้รับใช้แห่งวิหาร...ขอเอาเจ้าออกจากการประชุมครั้งนี้!”
หากซือหยูถูกประกาศให้เป็นผู้ชนะ เขาจะได้เป็นราชาแห่งงานประชุมศักดิ์สิทธิ์ ผู้ที่อยู่ระดับเดียวกับเขาในรุ่นนี้มิอาจต่อกรได้
แต่การตัดสิทธิ์จากผู้อาวุโสเพลิงทำให้ไม่มีผู้ได้รับมงกุฎ
เหล่าผู้ชมที่กำลังหวาดกลัวนั้นมีความโกรธอยู่ในใจมิต่างกัน...พวกเขาเข้าใจความไร้ยุติธรรมที่ซือหยูต้องพบเจอ
ตู้หยุนเทียนตั้งใจสังหารซือหยูในทุกกระบวนท่า...ตลอดจนแอบลอบโจมตีทุกครั้งที่มีโอกาส...เหตุใดผู้รับใช้เพลิงจึงไม่หยุดเขา?
แต่เมื่อตู้หยุนเทียนบาดเจ็บเพราะซือหยู...ผู้รับใช้เพลิงกลับลงโทษซือหยู
ความยุติธรรมอยู่แห่งหนใดกัน?
ภาพลักษณ์อันขาวสะอาดแห่งวิหารศักดิ์สิทธิ์ได้หายไปจากหัวใจเหล่าผู้บ่มเพาะพลัง
ซือหยูมิได้มองผู้รับใช้เพลิง เขาค่อยๆเดินลงจากลานประลองโดยไม่หันหลังกลับ เสียงของเขาแหบพร่า เย็นชา และน่าสงสาร
“หากดยุคสิ้นแล้ว มงกุฎศักดิ์สิทธิ์ก็ไร้ความหมายกับข้า”
ดยุคตายแล้ว จะเอามงกุฎมาเพื่อสิ่งใดกัน?
เหลือเพียงสิ่งเดียวที่เขาต้องทำ
ซือหยูต้องฆ่าองค์ชายหนึ่ง!
“เร็วเข้า! ปกป้องข้า!”
องค์ชายหนึ่งหวาดกลัวอย่างพูดไม่ออก
ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ--
องครักษ์สามคนเข้ามาขวางองค์ชายหนึ่งที่กำลังรีบออกจากโถงประลองด้วยใบหน้าหวาดกลัว
องค์ชายหนึ่งอนาถใจ หากเขารู้ว่าซือหยูจะบรรลุขอบเขตพลังใหม่เขาจะไม่พยายามประหารดยุคเซี่ยนหยู
พูดให้ถูกก็คือ...เขาผิดตั้งแต่แรกที่คิดลงมือกับดยุคเซี่ยนหยู
เขาอยู่ในฐานะที่ดีและพร้อมจะเป็นกษัตริย์อยู่ทุกเมื่อ...เขามีอำนาจควบคุมล้นฟ้า แต่เขาหลงระเริงในอำนาจและใส่ร้ายดยุค....และนั่นคือการทำลายทุกสิ่งที่เขามี
ซือหยูก้าวไปอย่างช้าๆ เขาจ้องตรงไปยังองค์ชายหนึ่งที่หลบอยู่หลังองครักษ์อย่างหวาดกลัว
“ดาบอสูร! ตาย!”
อ๊ากกกก--
องครักษ์ด้านหน้าองค์ชายหนึ่งหลับตาและตายอย่างเจ็บปวดทันที
องครักษ์มีพลังระดับหกขั้นต้นมิต่างจากศิษย์อสูรที่นี่
แต่ต่อหน้าซือหยูเขาถูกสังหารอย่างง่ายดาย
“มาช่วยข้าเร็ว!”
องค์ชายหนึ่งโวยวายด้วยความโกรธและกลัวตาย
น่ากลัว...น่ากลัวเกินไปแล้ว! ซือหยูน่ากลัวจริงๆ!
หากองค์ชายหนึ่งหนีกลับตำหนักไปได้ เขาจะรวบรวมคนที่แกร่งที่สุดที่มีเพื่อจัดการซือหยู
“หามีใครช่วยเจ้าได้...”
ซือหยูเสียงแหบพร่าและเลือดเย็น ใครได้ยินเป็นต้องเสียวสันหลัง
“ดาบอสูร! ตาย!”
องครักษ์คนที่สองล้มลงกับพื้น
“ดาบอสูร! ตาย!”
องครักษ์คนที่สามชะตากรรมมิต่างกัน
พริบตาเดียว...องครักษ์ระดับหกสามคนถูกสังหารสิ้น
เหลือเพียงองค์ชายหนึ่งที่กระเสือกกระสนหนีตายอย่างหวาดกลัว
ภาพนี้มิต่างกับเหตุการณ์ในตำหนักเซี่ยนหยูในตอนที่องครักษ์ชุดเขียวตายทีละคนจากดาบอสูร...จนถึงองค์ชายสอง
องค์ชายหนึ่งผู้มากอำนาจกำลังพบพานชะตากรรมเดียวกัน
ผู้รับใช้เพลิงหน้าซีด ซือหยูทำให้ผู้ติดตามของเขาพิการ...ไม่สนใจคำลงโทษของเขา...และยังสังหารผู้คนต่อไปเรื่อยๆ เขาไม่มีความยำเกรงต่อผู้รับใช้แห่งวิหารเลยหรือไงกัน?
“พวกเจ้าทุกคนสมควรตาย! ทำไมยังไม่โจมตีมันอีก?”
ผู้รับใช้เพลิงทุบโต๊ะอย่างโกรธเกรี้ยว
แต่ผู้ประเมินทั้งสิบสองต่างลังเล บางคนก็มองไปรอบๆ แต่หามีใครโจมตีไม่!
เห็นได้ชัดว่าผู้รับใช้เพลิงได้สร้างความไม่พอใจกับเหล่าผู้ประเมิน
ผู้รับใช้เพลิงคิดว่าเขามีสิทธิ์ที่จะมองข้ามความผิดของตู้หยุนเทียนเพียงเพราะเขาเป็นผู้ติดตามของเขางั้นหรือ? ถ้าเช่นนั้นแล้วเหตุใดจึงต้องลงโทษซือหยูที่ทำแบบเดียวกัน?
ผู้รับใช้ทั้งสิบสองรู้สึกแววตาโกรธแค้นจากผู้ชมทั้งลานประลอง ชื่อเสียงแห่งวิหารศักดิ์สิทธิ์ป่นปี้ย่อยยับไปด้วยมือผู้รับใช้เพลิง
แต่มีผู้ประเมินเพียงคนเดียว...ที่พุ่งเข้าไปหาซือหยูอย่างไม่ลังเล
ฟึ่บ--
ผู้ประเมินแต่ละคนมีพลังอย่างน้อยระดับเจ็ด...พลังของพวกเขามิใช่เรื่องล้อเล่น
ผู้ประเมินที่กำลังโจมตีนั้นเคลื่อนไหวเร็วปานสายฟ้า
เพียงพริบตาเดียวเขาก็ไปปรากฏตัวต่อหน้าองค์ชายหนึ่ง
ฟางหยุน! ฟางหยุนแห่งสำนักเซี่ยนหยู!
“เจ้าฆาตกรอวดดี เจ้าฆ่าคนหลายต่อหลายคน ณ ที่แห่งนี้ ข้าในฐานะผู้ประเมินคงต้องกำจัดเจ้า”
ฟางหยุนก่นด่า เขามีความตั้งใจจะสังหารซือหยูอยู่ก่อนแล้ว เขาจะให้คนอื่นรู้ไม่ได้ว่าเขาคือคนที่ไล่ซือหยูออกจากสำนัก...มิเช่นนั้นเขาจะถูกลงโทษ
และเขายังรับประกันไม่ได้ว่าซือหยูจะไม่มาล้างแค้นเขาในอนาคต เป็นการดีที่เขาจะใช้โอกาสสังหารซือหยูเสียตั้งแต่ตอนนี้…
ฟู่ว---
ฟางหยุนโจมตีอย่างเด็ดขาด คลื่นพลังปราณอันคมกริบหลอมรวมมาที่ปลายนิ้ว เขาพยายามจะเจาะทะลุร่างซือหยู
ผู้มีพลังระเจ็ดนั้นฆ่าระดับห้าได้เพียงพลิกฝ่ามือ
พลังปราณของเขาเข้มข้นมาก แม้จะเป็นผู้ที่มีพลังระดับหกขั้นสูงยังต้องยอมรับในโชคชะตา
แต่ซือหยูกลับใจเย็นอยู่ได้
เขาจดจำกระบวนท่านี้ได้ดี ภาพดยุคเซี่ยนหยูที่ช่วยเขาจากฟางหยุนที่พยายามจะฆ่าเขาด้วยพลังปราณนี้ปรากฏขึ้นอย่างชัดเจน
ซือหยูในตอนนี้แกร่งกว่าเดิมมาก
“ใครที่มาขวางทางข้าต้องตาย!”
หามีประกายแสงในแววตาซือหยูไม่ เพลิงสีม่วงเต้นรำล้อมหมัดของซือหยู
ครืน...เปรี้ยง---
อ๊าก----
ฟางหยุนร้องครางออกมา นิ้วของเขาเจ็บปวดอย่างมาก เพลิงสีม่วงมอดไหม้ปลายนิ้วของเขา
ฟู่ว---
ฟางหยุนใช้พลังปราณลบล้างเพลิงอัศนีอย่างรวดเร็ว
ช่างเป็นเพลิงอัศนีที่แข็งแกร่ง! ผู้ประเมินทั้งสอบสองตกตะลึง
ฟางหยุนตกใจมาก ซือหยูรับพลังของเขาได้ตั้งแต่เมื่อใดกัน? เมื่อก่อนเขายังเป็นเพียงมดปลวก...เป็นแค่ศิษย์สำนักธรรมดา
“เจ้ายังกล้าต่อกรขั้นรึ! ความผิดมหันต์!”
ฟางหยุนตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยวด้วยความรู้สึกโกรธและละอายใจ เขาได้พ่ายแพ้ต่อเด็กหนุ่มต่อหน้าคนนับหมื่น!
ความกลัวขององค์ชายหนึ่งบรรเทาลง หากฟางหยุนมาช่วยเขาก็โล่งใจ แววตาเขาเต็มไปด้วยความชิงชัง
เพียงคนเดียวที่ทำให้เขารู้สึกย่ำแย่ในตลอดชีวิตนี้ก็คือซือหยู!
“ฮ่าๆๆ! เจ้าจะทำอะไรองค์ชายอย่างข้าได้?”
องค์ชายหนึ่งยืนอยู่ที่ทางออกโถงประลอง...เขาหันมาและหัวเราะอย่างเย็นชา
“ข้าจะไม่หยุดแค่ฆ่าดยุคเซี่ยนหยู ข้าจะจัดการฉินเซี่ยนเอ๋อและคนที่เหลือในตระกูลเจ้าให้หมด!”
นัยน์ตาแดงก่ำของซือหยูเยือกเย็น เขาพูดด้วยเสียงแหบพร่า
“เจ้าคิดว่าเจ้าจะมีชีวิตพ้นวันนี้รึ?”
“ข้าบอกแล้ว หามีใครช่วยเจ้าได้...แม้สวรรค์!”
คำพูดซือหูมั่นคงและเจาะทะลุวิญญาณขององค์ชายหนึ่ง
ฟางหยุนหัวเราะอย่างโกรธเกรี้ยว
“ตายซะ!”
“เร่ง! เว! ลา!”
ดวงตาแดงก่ำของเขาเปล่งประกาย
เวลา...ช้าลง
ฝ่ามือของฟางหยุนที่กำลังโกรธพุ่งเข้ามาช้าๆทางซือหยู
สีหน้าคนดูค่อยๆแปรเปลี่ยน
อากาศหมุนเวียนอย่างแช่มช้าและหนักหน่วง
แต่ในความจริงหาใช่ทุกคนที่ช้าลง...แต่เป็นเพราะซือหยูเร็วขึ้นกว่าเดิมมาก
ด้วยหยดน้ำวิญญาณสีแดงสองหยดนั้นเอง...ซือหยูในตอนนี้เร็วกว่าเดิมสองเท่าแม้จะเป็นระหว่างการต่อสู้
ฟึ่บ--
เขาก้าวไปข้างหน้าหาองค์ชายหนึ่ง
ครืน--
ฟางหยุนโจมตีโดนเพียงความว่างเปล่า...โชคดีที่ไม่ล้ม
เกิดอะไรขึ้น? ซือหยู...หายไปไหน?
ฟางหยุนรู้สึกถึงความเหลื่อนไหวข้างหลังเขาและสีหน้าเปลี่ยนทันที
เพียงพริบตา...ซือหยู...ก็เข้าถึงตัวองค์ชายหนึ่ง!
องค์ชายหนึ่งยังคงไม่รู้ตัว...รอยยิ้มชั่วร้ายยังคงเปื้อนใบหน้า เขาเพียงเห็นภาพลางๆและก็มีคนมายืนอยู่ตรงหน้าเขา ดวงตาสีแดงก่ำอยู่ใกล้เขาเพียงไม่กี่หุน
ระยะใกล้เพียงหายใจ…
“อ๊าก!!! เจ้าเป็นผีรึไง!”
องค์ชายหนึ่งหวาดกลัว หน้าของเขาซีดราวกับกระดาษ
ฟึ่บ--
องค์ชายหนึ่งรีบคว้าสร้อยหยกบนอก หากเขาทุบมันเขาจะปล่อยพลังที่เทียบเท่าระดับเจ็ดขั้นสูงออกมาได้
แต่มือของเขาถูกคว้าเอาไว้อย่างรวดเร็ว
“ไม่มีใครช่วยเจ้าได้!”
ดวงตาซือหยูเต็มไปด้วยความชิงชังไร้ขอบเขต
เป็นองค์ชายหนึ่งเองที่ทำลายครอบครัวซือหยู เขาทำให้เซี่ยนเอ๋อต้องไปยังแดนห่างไกล ดยุคถูกประหารและคนในตำหนักเซี่ยนหยูเองก็ลำบาก...ทั้งหมดเป็นเพราะองค์ชายหนึ่ง
“หยุดนะ!”
ผู้รับใช้เพลิงโกรธเกรี้ยว
ไม่เป็นไรหากเขาสังหารคนอื่น...แต่การฆ่าคนตระกูลราชวงศ์ต่อหน้าเขาจะทำให้ชื่อเสียงของเขาถูกทำลายลงแน่นอน
ซือหยูมิได้สนใจผู้รับใช้เพลิงและบีบคอองค์ชายหนึ่ง
องค์ชายเบิกตากว้าง ใบหน้าหวาดกลัว เขามิเคยกลัวอะไรขนาดนี้มาก่อน
“ซือ...หยู...ปล่อยข้า...ข้าผิดไปแล้ว...”
องค์ชายหนึ่งขอความเมตตา
หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความโศกเศร้า การใส่ร้ายดยุคเซี่ยนหยูคือความผิดพลาดที่สุดในชีวิต
ดวงตาซือหยูหาได้แปรเปลี่ยนไม่ เขาส่ายหัวอย่างไร้ปรานีและพูดด้วยเสียงแหบพร่า
“สายไปแล้ว ดยุคสิ้นแล้ว เจ้าต้องชดใช้ด้วยชีวิต!”
“ม่าย...”
องค์ชายหนึ่งตะโกนร้อง
แผละ---
ในตอนนั้น...ซือหยูบีบคอองค์ชายหนึ่งขาด...และถือไว้ในมือ
คนรอบๆอ้าปากค้างอย่างตกตะลึง
ซือหยูบั่นคอองค์ชายหนึ่งต่อหน้าคนทั้งแคว้น
หลายต่อหลายคนจำภาพนี้ขึ้นใจ
ซือหยูถือหัวองค์ชายหนึ่งและเดินไปที่ศีรษะของดยุคเซี่ยนหยู เขาวางหัวองค์ชายหนึ่งต่อหน้าดยุค
พรึ่บ--
ซือหยูคุกเข่า ทุกคนต่างรู้สึกได้ถึงซือหยู
เขาวางมือทั้งสองแนบพื้นและหมอบลงต่ำที่สุด
การคุกเข่านี้ทำให้หัวใจทุกคนสั่นไหวราวกับเวลาหยุดหมุนและสวรรค์อยู่เคียงข้างซือหยู
“ท่านพ่อ...ข้ามาช้าไป!”
เสียงอันสั่นและโศกเศร้านี้ดังสะท้อนไปทั่วลานประลอง
ซือหยูเข้าสู่งานประลองศักดิ์สิทธิ์มิใช่เพราะเพื่อชื่อเสียงหรือเกียรติยศ หรือสิ่งอื่นใด...แต่เพื่อแก้แค้นให้ผู้มีพระคุณ
ผู้คนนับไม่ถ้วนต่างนับถือซือหยู
แม้จะเป็นผู้ประเมินอันสูงส่งทั้งสิบสองต่างเงียบกริบให้ความเคารพซือหยู
ภาพบุรุษชุดม่วงที่คุกเข่าแนบพื้นประทับแน่นในจิตใจทุกคน
แม้วันเวลาจะผ่านพ้นไปนานแสนนานนับพันปี พวกเขาจะยังคงจดจำอัจฉริยะหนุ่มที่ปรากฏกายในงานประชุมศักดิ์สิทธิ์และเอาชนะผู้แข็งแกร่งที่สุดในแคว้นเก้าครั้งติดต่อกัน...ก่อนที่จะละทิ้งเกียรติยศทั้งหมดเพื่อคุกเข่าต่อหน้าศีรษะผู้มีพระคุณ
ภาพนี้จะอยู่ในหัวใจของพวกเขาตลอดกาล
ฟางหยุนหยุดนิ่งไปชั่วครู่...แต่ดวงตาก็ประกายความเย็นชาออกมา
“เจ้าฆาตกร! สังหารราชวงศ์มีโทษถึงตาย! ย๊ากกกกกกก!”
ซือหยูเงยหน้าขึ้นอย่างเชื่องช้า...เขาหัวเราะอย่างน่าเวทนา
“ท่านพ่อ! ท่านเห็นข้าเอาชนะทุกคนในสำนักมาก่อนแล้ว วันนี้ โปรดเป็นพยานแก่ข้าที่สู้จนตัวตายด้วย!”
การล้างแค้นของเขาจบลง แต่ถ้าหากคนในวิหารมิอยากให้เขารอดชีวิตกลับไป...เขาก็ต้องเข่นฆ่าทั้งวิหารศักดิ์สิทธิ์
“ตายซะ!”
ซือหยูยืนขึ้นทันที เพลิงอัศนีสีม่วงโอ้บล้อมหมัดทั้งสองข้าง
จิตสังหารไร้ขอบเขตทะลุทะลวงชั้นฟ้าถึงสรวงสวรรค์
ติชมให้กำลังใจ กดไลค์แฟนเพจมาคุยกันได้เลยจ้าาา