ตอนที่ 423 มันคือการทำความสะอาด
อสูรดาบต้องสาปคือมอนสเตอร์ปีศาจกึ่งมนุษย์ที่ผ่านการกลายพันธ์สามครั้ง
มอนสเตอร์ประเภทดาบและนักดาบมนุษย์ส่วนใหญ่จะถนัดการต่อสู้ระยะประชิด พลังโจมตีของพวกมันค่อนข้างน่าประทับใจ
อย่างไรก็ตาม อสูรดาบต้องสาปถือเป็นข้อยกเว้น มันถนัดด้านการลอบสังหารศัตรู นอกจากนั้น มันยังมีคาถามากมายหลายชนิดบนดาบมัน
หากใครถูกโจมตีโดยดาบมัน คำสาปแบบสุ่มก็จะเกิดขึ้นกับคนๆนั้นทันที ทุกการโจมตีจะสร้างคำสาปที่แตกต่างกันออกไป และผลกระทบเหล่านี้อาจซ้อนทับบนร่างกายไปเรื่อยๆ
คำสาปบางอย่างจะให้ผลรุนแรงอย่างมาก ตัวอย่างเช่น คำสาปพิฆาตที่ส่งผลให้ถึงแก่ความตายทันที แม้ว่าบาดแผลจะยาวไม่กี่มิลลิเมตรและหากระดับพลังของศัตรูด้อยกว่าอสูรดาบต้องสาป คำสาปก็จะทำงานทันที อย่างไรก็ตาม คำสาปส่วนใหญ่จะเพียงหันเหความสนใจของศัตรูเท่านั้นเช่น การทำให้เวียนหัว อาการชา ท้องเสีย และอื่นๆ
เนื่องจากอสูรดาบต้องสาปครอบครองพลังชั่วร้ายเช่นนี้ มนุษย์จึงพยายามไม่เข้าใกล้มัน พวกเขาจะรู้สึกร้อนรนอย่างมากหากได้รับบาดเจ็บระหว่างต่อสู้ด้วยการท้องเสียหรือต่างๆ นอกจากนี้ หากโชคไม่ดีและเผชิญกับคำสาปพิฆาต พวกเขาคงจะร้องไห้ไม่ออก
อย่างไรก็ตาม หลิน ฮวงไม่มีความหวาดกลัวในตัวมันเลย มันไม่มีค่าอะไรต่อหน้าไคลี่ที่ต้านทานคำสาปได้อย่างสมบูรณ์ นอกจากนั้น มันก็ยังเป็นเพียงระดับเพลิงขาวที่อ่อนด้อยด้านพลังโจมตี มันไม่อาจทำลายผ่านการป้องกันของไทแรนด์ได้อย่างแน่นอน
มันต้องไม่มีทางทะลวงผ่านชั้นพลังงานที่ถูกสร้างโดยเพราะ5ดาวของเขา นับประสาอะไรกับทักษะป้องกันขั้นสุดยอดของเขาอย่างโล่ทมิฬ
ผู้คนอาจเกรงกลัวอสูรดาบต้องสาปกัน แต่ทว่า สำหรับหลิน ฮวง มันไม่มีความแตกต่างอะไรระหว่างอสูรดาบต้องสาปและมอนสเตอร์ระดับเพลิงขาวอื่นๆ
หลังจากที่กำจัดหนอนเงาไปได้ หลิน ฮวงก็เรียกหมาป่าวิริเดี้ยนกลับและอัญเชิญเหยี่ยวสายฟ้า เขาจำต้องขี่หมาป่าวิริเดี้ยนก่อนหน้านี้เพราะระยะทางระหว่างพวกเขาสั้นเกินไป พวกเขาอยู่ห่างกับมอนสเตอร์ไม่ถึง30กิโลเมตร และยังเป็นเพราะหลิน ฮวงต้องการจะมองสถานการณ์ในเมืองอย่างใกล้ชิด หากไม่ใช่เพราะเขากังวลเกี่ยวกับหลิน ซิน เขาคงจะลงเดินไปแล้ว
อสูรดาบต้องสาปอยู่ไกลออกไปอีก1200กิโลเมตร มันเป็นระยะทางตรง แม้หมาป่าวิริเดี้ยนจะวิ่งเต็มกำลัง มันก็ยังต้องใช้เวลากว่า10ชั่วโมงเพื่อไปถึงที่นั่น
จากนั้นเหยี่ยวสายฟ้าก็แบกทั้งสามขึ้นและบินไปในท้องฟ้า ในเวลาไม่ถึงชั่วโมง พวกเขาก็มาถึงจุดหมายและร่อนลงบนพื้น
แดนทมิฬ สถานที่ที่อสูรดาบต้องสาปกำลังซ่อนตัวอยู่คืออาคารสูงทางตะวันตกของซากปรักหักพัง มันสูงกว่า570เมตร แม้มันจะตั้งอยู่ใจกลางเมือง มันก็ยังคงยืนหยัดสูงเหนือสิ่งก่อสร้างอื่น
หลิน ฮวงสามารถเห็นได้ว่าก่อนมันจะกลายเป็นเช่นนี้ มันคงเป็นย่านธุรกิจที่เจริญ แสงจากสิ่งก่อสร้างมีขนาดแตกต่างกันเพื่อให้แสงสว่างตลอดเวลา และเมืองก็สว่างสดใสราวกับตอนกลางวัน
“ก่อนเมืองนี้จะถูกทิ้งร้าง มันต้องเป็นเมืองที่รุ่งเรืองอย่างมาก”หลิน ซินมองไปรอบๆและกล่าว
เพียงแค่มองไปที่สิ่งก่อสร้าง ย่านธุรกิจนี้ก็เทียบได้กับเมืองเกรดAแล้ว
จากนั้นหลิน ฮวงก็เงยหน้าขึ้นและมองไปที่ตึกสูงสุด หากเขาเดาไม่ผิด อสูรดาบต้องสาปควรจะซ่อนตัวอยู่ที่ชั้นบนและมันต้องสังเกตเห็นพวกเขาแล้ว
เขาเรียกเหยี่ยวสายฟ้ากลับและอัญเชิญไคลี่ออกมาทันที ไคลี่กวาดตามองไปรอบๆอย่างสงบทันทีที่เธอตระหนักว่าเธออยู่ในที่ที่ไม่คุ้นเคย จากนั้นก็หันกลับและมองหลิน ฮวง พุดให้ถูก มันเป็นหน้ากากครึ่งฟ้าครึ่งแดงที่ไม่มีลักษณะใบหน้าต่างหาก
เธอไม่ได้ถามอะไรและหลิน ฮวงก็ไม่ได้พูดอะไรเช่นกัน เขาสั่งทันที“มีอสูรดาบต้องสาปอยู่ด้านบนตึก เอาตัวมันลงมา แต่อย่าฆ่ามัน”
ไคลี่ไม่ได้พยักหน้า เธอเงยหัวขึ้นและมองไปที่ด้านบนตึกสูง สายตาเธอดูเหมือนจะทะลุผ่านหน้ากาก เธอไม่ถูกจำกัดโดยความมืดรอบตัวและสามารถเห็นมอนสเตอร์กึ่งมนุษย์ที่กำลังมองลงมา ปีกสีทองทั้ง6ของเธอกระพือทันทีและบินไปที่ชั้นบน
หลังจากนั้นไม่นาน แสงสีขาวก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศ หลิน ฮวงผู้ที่มองไปในทิศทางนั้นหรี่ตา
ไม่นานนัก เสียงระเบิดก็ดังขึ้นและเงาดำก็ปรากฏขึ้น มันกระแทกกับพื้นอย่างแรงพร้อมกับกลุ่มควัน
บูมมม!
หลิน ฮวงสามารถรู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนใต้เท้าเขา หลิน ซินผู้ที่ยืนข้างเขาเกือบจะล้มลง เขายื่นมือออกไปทันทีและคว้าเธอไว้ ทันทีที่หลิน ซินสามารถทรงตัวได้ หลิน ฮวงก็มองไปในทิศทางที่เงาดำตกลงมา หลุมขนาดใหญ่กว้างหลายเมตรเกิดขึ้นห่างจากเขาประมาณ100เมตร
ขณะนั้นเอง ก่อนที่หลิน ฮวงจะได้ออกคำสั่งใด แลนเซล็อตก็เปลี่ยนเป็นเงาดำและก้าวกระโดด
จากนั้นไคลี่ก็ค่อยๆลอยตัวลงมาจากกลางอากาศ มันดูเหมือนว่าเธอจะไม่เข้าร่วมการต่อสู้ขณะที่ยืนข้างหลิน ฮวงและกลายเป็นผู้ชม
มีควันลอยออกจากหลุมใหญ่ ในไม่ช้า ร่างของแลนเซล็อตก็ถูกกลุ่มควันเข้าปกคลุมและไม่มีใครสามารถเห็นมัน
แม้กระทั่งวิสัยทัศน์ของหลิน ฮวงก็สามารถตรวจจับได้เพียงเงาดำที่กำลังปะทะกันเท่านั้น
สถานการณ์นี้กินเวลาไม่ถึง1นาที ก่อนที่ควันจะหายไป การแจ้งเตือนของเสี่ยว เฮยก็ดังขึ้น
“ขอแสดงความยินดีด้วย ท่านได้รับการ์ดมอนสเตอร์ระดับสุดยอด –อสูรดาบต้องสาป(ทาสดาบ)”
แลนเซล็อตค่อยๆย่างก้าวออกจากกลุ่มควัน หลิน ฮวงตกใจเพราะอสูรดาบต้องสาปกลับถูกมันฆ่าอย่างรวดเร็ว แม้มันจะอ่อนด้อยในการต่อสู้ระยะประชิด มันก็ยังคงเป็นมอนสเตอร์ระดับเพลิงขาวอยู่ดี แลนเซล็อตกลับสามารถฆ่ามันในเวลาไม่ถึง1นาทีโดยไม่แม้แต่จะใช้ชีวิตสัมบูรณ์?!
จากนั้นหลิน ฮวงก็นึกถึงแสงสีขาวและมองไปทางไคลี่“เธอทำอะไรกับอสูรดาบต้องสาป?!”
“ไม่มีอะไร มันก็แค่การทำความสะอาด”ไคลี่กล่าวอย่างสงบ
จากนั้นหลิน ฮวงก็นึกถึงลำแสงสีขาวว่ามันต้องเป็นแสงแห่งการชะล้างของไคลี่ แสงแห่งการชะล้างจะส่งผลร้ายต่ออสูรดาบต้องสาป เมื่อมันสาดใส่อสูรดาบต้องสาป มันก็จะเป็นเหมือนคนธรรมดาที่ถูกกรดสาดใส่ แม้ลำแสงจะสาดลงบนมันไม่นาน มันก็อ่อนแรงลงอย่างมาก
ในไม่ช้าหลิน ฮวงก็เข้าใจว่าทำไมแลนเซล็อตจึงสามารถฆ่ามันได้ง่ายนัก
“มอนสเตอร์ระดับนิรันดร์ที่อยู่ไกลออกไป1800กิโลเมตรสัมผัสได้ถึงพลังบริสุทธิ์ มันกำลังมาหาท่าน....”จู่ๆเสียงของเสี่ยว เฮยก็ดังขึ้น