ตอนที่ 266 สิบอันดับแรก (FREE)
เวลาเหลืออีกไม่ถึงเดือนก่อนการทดสอบระดับสภา ต้องใช้เวลากว่า 2 อาทิตย์ในการเดินทางไปเมืองหลวง
ฟาง เจิ้งจือ ไม่อยู่ในหมู่บ้านให้เสียเวลาอีกต่อไป หลังจากที่ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เขาก็ไปขอคำอวยพรจาก จาง หยางปิง และพ่อแม่ของเขา
หลังจากที่ทุกอย่างเรียบร้อยเขาก็เริ่มเดินทางกลับเมืองหลวง
ขณะที่เขาออกจากหมู่บ้านเขาได้ยินข่าวที่น่าตกใจบางอย่าง ฉือ กูเหยียน ไม่ได้กลับไปที่กองตรวจการศักดิ์สิทธิ์ แต่นางตรงไปที่ศาลาเต๋าสวรรค์
นางเคยพูดไว้
ว่าจะยอมรับคำท้าของ ฟาง เจิ้งจือ อย่างไรก็ตาม ฟาง เจิ้งจือ ต้องมีคุณสมบัติพอที่จะเป็นศิษย์ของศาลาเต๋าสวรรค์ก่อน นอกจากนี้การต่อสู้จะจัดขึ้นในที่แจ้ง
ผู้แพ้จะต้องเป็นคนรับใช้เป็นเวลา 1 เดือน
เมื่อข่าวแพร่กระจายออกไป มันราวกับพายุทอร์นาโดพัดกระหน่ำทั่วอาณาจักร ทั้งค่ายทหาร ตามภัตราคาร หรือแม้แต่ตรอกซอกถนน ทุกบ้านเรือนต่างพูดถึงเรื่องนี้
ฟาง เจิ้งจือ บ้าไปแล้ว?
เขาท้าทาย ฉือ กูเหยียน จริงๆ!
ถ้า ฟาง เจิ้งจือ ทำตามสัญญาที่ให้ไว้เมื่อ 8 ปีก่อน และรอให้ 2 ปีได้ผ่านพ้นไป มันก็จะจบลงอย่างเงียบๆ
อย่างไรก็ตาม ฟาง เจิ้งจือ ไม่มีความคิดจะทำแบบนั้น
บางคนอาจประเมิณตัวพวกเขาเองสูงเกินไป แต่พวกเขาไม่ควรใช้ความละอายและความมั่นใจจนดูถูกผู้ที่เป็นสุดยอดพรสวรรค์แบบนี้
ใครจะรับได้กัน?
แม้คำท้าจะเกิดขึ้นเมื่อ 2 ปีหลังจากนี้ แต่ทุกคนก็คิดว่า ฟาง เจิ้งจือ ไม่สามารถเอาชนะการต่อสู้ครั้งนี้ได้
"ไร้สาระสิ้นดี!"
"เขาควรรู้จักตัวเองดีกว่านี้!"
"จะมั่นใจในตัวเองเกินไปแล้ว!"
มีการถกเถียงอย่างจริงจังเกิดขึ้นกับทุกครัวเรือนทั่วอาณาจักร ราวกับไฟที่ลามไปทั่วป่า
ตามปกติการประลองธรรมดาก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจมากนัก
อย่างไรก็ตามการต่อสู้ระหว่าง ฉือ กูเหยียน กับชาวบ้านธรรมดา นอกจากนี้ชาวบ้านคนนั้นพึ่งเข้าสู่ระดับสะท้อนสวรรค์
มันทำให้เกิดปฏิกิริยาตอบสนองที่ต่างกัน
ทุกคนรู้สึกว่าเทพธิดากำลังโดนดูหมิ่น พวกเขาไม่สามารถช่วยอะไรได้ แต่ต้องการจะยืนเคียงข้างนาง
โดยเฉพาะเรื่องวามแตกต่างของสถานะ ยิ่งทำให้ไฟแห่งความโกรธปะทุออกมา
คนรับใช้!
ฉือ กูเหยียน เป็นธิดาแห่งกองตรวจการศัดิ์สิทธิ์ สุดยอดพรสวรรค์ของอาณาจักร เป็นว่าที่ผู้บัญชาการสูงสุดในอนาคต และยังเป็นหญิงสาวในฝันของประชาชน นางจะต้องเป็นคนรับใช้ให้กับเจ้าคนไร้ยางอาย?!
ไม่มีใครยอมรับเรื่องนั้นได้แม้จะเป็นแค่วันเดียว!
ความจริงแล้ว...
มันเป็นไปไม่ได้!
ฉือ กูเหยียน เป็นหญิงที่ไร้เดียงสาและจิตใจงดงาม นางสามารถรับคำท้าอย่างใจเย็น แต่ประชาชนนั้นทำไม่ได้
ปิง หยาง เป็นหนึ่งในนั้นเช่นกัน
ปิง หยาง ไม่รู้ว่า ฉือ กูเหยียน รับคำท้าของ ฟาง เจิ้งจือ เมื่อมันเกิดขึ้นนางนอนหลับสนิท
อย่างไรก็ตามหลังจากรู้เรื่องนี้ ปิง หยาง ก็ 'เป็นสุข' ที่จะได้ใช้ประโยชน์จากมัน
"เจ้าไร้ยางอายนั้นเป็นอันธพาล ตอนที่เราขอพักที่นั่นเขากลับให้พี่เหยียนจ่ายเงิน 15000 เหรียญต่อ 1 คืน "
ปิง หยาง เริ่มใช้เรื่องนี้เพื่อใส่ร้าย ฟาง เจิ้งจือ
นางทำให้คนทั้งชุมชนโกรธได้สำเร็จ จากนั้นก็พูดว่า ฉือ กูเหยียน ทำเป็นยอมรับคำท้าทายเพราะความโกรธ
"ฟาง เจิ้งจือ ต้องชดใช้บาปของเขาที่ศาลาเต๋าสวรรค์!"
"เขาควรจะรู้จักที่ต่ำที่สูงสะบ้าง!"
การถกเถียงด้วยความโกรธเกรี้ยวกระจายไปทั่วเอง
ทุกคนกำลังประณาม ฟาง เจิ้งจือ ที่ใช้วิธีไร้ยางอายแบบนี้บังคับให้ ฉือ กูเหยียน รับคำท้า
ปิง หยาง มีความสุขมากที่ทำเรื่องนี้ นางคิดว่าเป็นการแก้แค้น ฟาง เจิ้งจือ ที่เขาไม่ยอมบอกวิธีที่ใช้เปลี่ยนใจอาจารย์ทั้ง 50 คนนั้น
นางยิ้มเยาะอย่างร่าเริง ขณะที่จินตนาการท่าทางของ ฟาง เจิ้งจือ ที่มาขอร้องให้นางอธิบายสถานการณ์ให้กระจ่าง นางรอวันนั้นแทบไม่ไหว
นี่เป็นความรักหรือความชังกัน? อี๋!!!
ใ8รจะไปตกหลุมรักเจ้าไร้ยางอายนั้นกัน!?
คำพูดของ ปิง หยาง เริ่มได้ผล ลูกศิษย์มากมายของตระกูลที่ทรงอิทธิพลเริ่มถกเถียงเรื่องการชุมนุมในเมืองหลวง เตรียมที่จะ 'ต้อนรับ' ฟาง เจิ้งจือ
บางคนเป็นผู้ที่ติด 10 อันดับแรกบนทำเนียบมังกรคู่
ผู้ที่อยู่บนทำเนียบมังกรซ่อนต่างโกรธ แต่อย่างไรก็ตาม พวกเขารู้ว่า ฟาง เจิ้งจือ อยู่ในระดับสะท้อนสวรรค์แล้ว ดังนั้นพวกเขาทำได้แค่พูด แต่ก็ทำอะไรไม่ได้
อย่างไรก็ตามทำเนียบมังกรดาวรุ่งนั้นต่างออกไป
มีใครที่ติด 10 อันดับแรกบนทำเนียบมังกรดาวรุ่งแล้วไม่ได้อยู่ในระดับสะท้อนสวรรค์ขั้นสูงสุดบ้าง??
ทุกคนสามารถเอาชนะซู ตงหลิน ผู้ที่ ฟาง เจิ้งจือ เอาชนะได้แบบ 4ต่อ1 การขึ้นไปอยู่บนทำเนียบมังกรดาวรุ่งนั้นเป็นเรื่องที่ยากมาก
มันแสดงให้เห็นถึงความแตกต่างของพลังต่อให้อยู่ในระดับเดียวกัน ทุกคนที่อยู่ใน 10 อันดับแรกเป็นผู้มีพรสวรรค์แน่นอน
แต่ละคนเริ่มประกาศการมีส่วนรวมในการทดสอบระดับสภาของตัวเองและการเข้าร่วมคัดเลือกเป็นศิษย์ของศาลาเต๋า
แต่มันค่อนข้าง..
ข่าวที่คาดว่าจะได้รับความนิยมสูงสุดกลับไม่เป็นอย่างนั้น
หนานกง เฮา ที่ครองอันดับสองของทำเนียบมังกรดาวรุ่งกลับไม่ได้เข้าร่วมการทดสอบครั้งนี้
การเข้าร่วมของ หนานกง เฮา เป็นสิ่งที่ทุกคนสนใจ
เพราะถ้าเขาเข้าร่วม เขาจะต้องท้าทาย ฟาง เจิ้งจือ แน่นอน
เหตุผลนั้นเห็นได้ชัด
ตราบเท่าที่เขาท้าทาย ฟาง เจิ้งจือ นั่นหมายความว่า ฟาง เจิ้งจือ จะหมดสิทธิเข้าร่วมคัดเลือกเป็นศิษย์ของศาลเต๋าสวรรค์
ถ้าเขาไม่สามารถเข้าร่วม แล้วจะท้าทาย ฉือ กูเหยียน ได้ยังไง?
ทุกอย่างจะกลายเป็นเรื่องตลกทันที
...
ฟาง เจิ้งจือ คำนวณเวลาที่จะไปถึงเมืองหลวงอย่างระมัดระวัง มันไม่ได้ใช้ความคิดมากนัก แค่รู้ความเร็วของตัวเอง
แต่เขากลับพบความลำบากมากมายในการเดินทาง
ครั้งสุดท้ายเขาได้เดินทางไปกับ เหยียน ซิว พวกเขาขี่ม้าป่ามังกรหิมะ จึงไม่มีใครกล้าแสดงความเกลียดชังออกมา พวกเขามาถึงเมืองหลวงตามเวลาที่วางไว้
คราวนี้ ...
มีกลุ่มคนชี้มาที่เขาตลอดการเดินทาง
ดังนั้น ฟาง เจิ้งจือ จึงไปนั่งจิบชาในโรงเตี้ยมเล็กน้อยเพื่อหาข่าว เขาอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง
เขาเข้าใจมันอย่างรวดเร็ว
ฉือ กูเหยียน ได้ประกาศเงื่อนไขการท้าทายต่อสาธารณะชนอย่างแท้จริง ม้าป่ามังกรหิมะกลายเป็นจุดสนใจทันที
ดังนั้นเขาจึงเลือกเดินทางผ่านเส้นทางเล็กๆแทน
ฟาง เจิ้งจือ นั้นวาดฝันไว้ค่อนข้างดี แต่ความจริงกลับไม่เป็นแบบนั้น เพราะสะพานที่เขาต้องการข้ามทุกแห่งนั้นพังหมด ต้องฝ่าทั้งดินโคลน และพายุฝนที่โหมกระหน่ำ...
"เชี่ยเอ้ย เกิดอะไรขึ้นกัน?" ฟาง เจิ้งจือ เห็นสะพานที่พังอีกอัน เขาสบถสาปแช่ง ลงจากม้า และถอดเสื้อผ้าออก
เขาต้องว่ายน้ำข้ามไป
...
ไม่ไกลจากสะพาน ชายเท้าเปล่าสวมชุดขาวคนหนึ่งยืนอยู๋ เห็น ฟาง เจิ้งจือ ว่ายน้ำข้ามแม่น้ำ พร้อมจูงม้าตามมา
เขาไม่มีท่าทีอะไร
เขามอง ฟาง เจิ้งจือ เปลี่ยนเสื้อผ้าและขึ้นขี่ม้าอีกครั้ง จากนั้นเขาก็เริ่มเดินไปที่สะพาน การเดินแต่ละครั้งของเขานั้นเต็มไปด้วยความแปลกประหลาด...
เขามาถึงสะพานในเวลาไม่นาน
เขาไม่ได้ว่ายน้ำข้ามแม่น้ำ เขาก้าวเท้าไปข้างหน้า เมื่อเท้าของเขาโดนไม้ สะพานที่พังก็กลับมามีชีวิตอีกครั้งราวกับพึ่งสร้างใหม่
มีบางอย่างเกิดขึ้นระหว่างการสร้างโลกและสวรรค์ มันมีแต่ความเงียบ ว่างเปล่า อาจจะเป็นมารดาของโลกใบนี้ ข้าไม่รู้ชื่อมัน ข้าแค่สามารถกำหนดมันเป็นส่วนหนึ่งของเต๋า ความยิ่งใหญ่ของมันนั้นยากเกินจะเอื้อมถึง... มนุษย์ควรมุ่งมั่นที่จะเข้าใจธรรมชาติและเคารพมัน
"ถ้ามันเป็นชะตากรรมของเจ้า เจ้าก็ควรยอมรับมัน! การต่อต้านมีแต่จะทำให้เกิดโศกนาฏกรรมเท่านั้น! "
ชายคนนั้นยังคงสวดบางอย่าง ก่อนที่ร่างของเขาจะหายไป และในพริบตาสะพานก็หายไป ทุกอย่างกลับสู่ปกติ
...
ไม่ได้เกินจริงที่จะบอกว่าการเดินทางของ ฟาง เจิ้งจือ พบกับปัญหาตลอด เมื่อมาถึงชายแดนเมืองตงหลิน เขาตัดสินใจจะเปลี่ยนรูปร่างหน้าตาตัวเอง
"ถ้าข้าเปลี่ยนเป็นผู้หญิง อยากรู้นักว่ามีใครจะจำข้าได้อีกไหม"
ถูกอิจฉาโดยคนอื่น นั่นหมายความว่าเขาไม่ได้เป็นคนสามัญธรรมดาอีกแล้ว ฟาง เจิ้งจือ เองก็ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองเป็นคนสามัญธรรมดา ดังนั้นเขาจึงเตรียมพร้อมกับเรื่องพวกนี้มาเสมอ
อย่างไรก็ตาม มันดูไม่ทันเวลาเท่าไร
ถ้าเขาต้องเจอกับอุปสรรคจำนวนมาก เขาคงไปไม่ทันการทดสอบ
ยังไงก็ตาม ...
เขาประเมิณอิทธิพลของ ฉือ กูเหยียน ต่ำเกินไป รวมถึงประเมิณผู้ที่ชื่นชอบ ฉือ กูเหยียน ต่ำไปด้วย
เมื่อเขาเหยียบเข้าเมืองตงหลินไป เขาก็ถูกหยุดทันที
"ฟาง เจิ้งจือ เจ้าควรกลับหมู่บ้านเจ้าไปซะ เจ้าไม่ควรเข้าร่วมการทดสอบ อย่างเจ้าเข้าไปก็ถูกหักขาทิ้งเปล่าๆ! "
ชายหนุ่มคนหนึ่งก้าวเท้าออกมาพร้อมกับเสียงหัวเราะขบขัน
เขาอายุประมาณ 26 ปี ผิวสีแทน คิ้วหนา แต่กลับสวมชุดสีขาวโทรมๆ
"เห้อ... ข้ากำลังรีบอยู่พวกเจ้าเข้ามาพร้อมกันทีเดียวเลยได้ไหม! " ฟาง เจิ้งจือ ถอนหายใจ เขาลืมไปแล้วว่ามีคนพ่ายแพ้เขาไปเท่าไรบ้าง มันน่าเบื่อ
"ทั้งหมดงั้นรึ? ฮ่า ๆ ๆ ๆ ... ฟาง เจิ้งจือ เจ้าแหกตาดูซะ! นี่คือ ยู่ เหวินกู อันดับ 10 บนทำเนียบมังกรดาวรุ่ง เขาอยู่ในระดับสะท้อนสวรรค์ขั้นสูงสุด! " เด็กหนุ่มคนหนึ่งที่ยืนติดอยู่กับชายชุดขาวหัวเราะออกมา
"อันดับ 10 ในทำเนียบมังกรดาวรุ่ง?" ฟาง เจิ้งจือ ยิ้มขณะมองไปที่ ยู่ เหวินกู
"ฟาง เจิ้งจือ ข้าไมรู้ว่าเจ้าหรือข้ากันแน่ที่โชคร้าย ข้าได้ประกาศว่าจะจัดการเจ้าที่การทดสอบสภา แต่ไม่คิดว่าจะเจอเจ้าที่นี่ " ยู่ เหวินกู พูดออกมาด้วยความมั่นใจ
"แล้วยังไง?" ฟาง เจิ้งจือ ถามขึ้นมา
"ข้าเองก็ฉุนเฉียวมาก แต่ข้าคิดว่ามันคงเป็นความต้องการของสวรรค์ที่ทำให้เจ้าไม่ได้เข้าร่วมการทดสอบ!"
"ทำไม...?"
"คนที่ขาหักจะเข้าร่วมในการทดสอบระดับสภาได้ยังไง? เจ้าไม่เห็นด้วยงั้นรึ? โอ้ ...เกือบลืมไปเลยว่าตอนนี้เจ้าเป็นเจ้าหน้าที่ระดับ 4 แล้ว ข้าไม่สามารถหักขาเจ้าได้หรอก มันจะเป็นการดูถูกเจ้า งั้นข้าขอเปลี่ยนชุดก่อน "
ขณะที่ ยู่ เหวินกู พูดก็มีคนนำชุดอย่างเป็นทางการเข้ามาให้ "ข้าอาจจะไม่อยู่ในระดับสูงเท่าเจ้า แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา ข้าเองก็เป็นลูกหลานของอัศวิน ใช่มั้ยล่ะท่านฑูตแห่งดาบ? ! "
"ข้าคิดว่า ... สิ่งที่เจ้าก็พูดมีเหตุผลอยู่นะ!" ฟาง เจิ้งจือ พยักหน้าเห็นด้วย
...
ไม่มีอะไรในโลกนี้ที่เป็นไปตามแผน
ผู้ที่มีพรสวรรค์มากมายที่กำลังเข้าเมือง พยายามเข้าหา ฟาง เจิ้งจือ พวกเขาอยากจะเป็นคนที่โค่นล้ม ฟาง เจิ้งจือ
สุดท้าย ผู้มีพรสรรค์มากมายกลับถูกหยุดไว้
เหตุผลก็คือ ...
ยู่ เหวินกู อันดับที่ 10 บนทำเนียบมังกรดาวรุ่ง ได้พบกับ ฟาง เจิ้งจือ ที่เมืองดงหลิน ขาของ ยู่ เหวินกู หักและได้ประกาศถอนตัวจากการทดสอบอย่างโกรธเกรี้ยว
ฟาง เจิ้งจือ เลื่อนจากอันดับที่ 53 สู่อันดับ 10 บนทำเนียบมังกรดาวรุ่ง
เขากลายเป็นคนแรกในประวัติศาสตร์ของอาณาจักรเซี่ยที่ยิ่งใหญ่ ที่จัดการ 1 ใน 10 อันดับแรกบนทำเนียบมังกรดาวรุ่งได้ภายใน 6 เดือนหลังจากเขาพึ่งเข้าสู่ระดับสะท้อนสวรรค์
เพจหลัก : Double gate TH