ตอนที่แล้วDND.57 - ความพ่ายแพ้ของเหล่าอัจฉริยะ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปDND.59 - คลื่นเมฆาทมิฬ

DND.58 - ประลองสุดท้าย


ซือหยูรู้อยู่แล้วว่าดงหลินมิได้ใส่ใจเขาเลย

แต่เขาที่ต้องต่อสู้เพื่อมงกุฎศักดิ์สิทธิ์แก่องค์ชายสามยังคงต่อสู้กับซือหยูแม้ซือหยูจะเหนื่อยอ่อนอย่างเห็นได้ชัด เขามิได้คิดถึงสถานการณ์ขององค์ชายสามเลยหรืออย่างไร? ผลแพ้ชนะของซือหยูนั้นเทียบได้กับชีวิตขององค์ชายสามไม่ต่างกัน

แต่ในใจดงหลินกลับคิดถึงแต่เกียรติยศเท่านั้น เขาไม่ได้คำนึงถึงองค์ชายสามแม้แต่น้อย! ซือหยูที่เหนื่อยล้าเต็มทีไม่มีเวลาเหลือแล้ว!

หลังจากดงหลินเขาต้องสู้กับหนานเฟยที่สู้กับซือหยูได้เป็นชั่วโมง เขาเหลืออีกแค่สามชั่วโมงเท่านั้น!

ซือหยูชี้ดงหลิน

“ออกมาเดี๋ยวนี้ ข้าจะประลองกับเจ้า!”

“ฮื่ม! เป็นอะไรของเจ้า? เจ้ามีค่าจะประลองกับข้างั้นรึ?”

ดงหลินกระโดดขึ้นลานประลองอย่างเหยียดหยาม

“เข้ามา! ชัยชนะต่อเนื่องของเจ้าต้องจบลงเดี๋ยวนี้ ข้าคือศัตรูเพียงคนเดียวของตู้หยุนเทียน!”

ดงหลินเอามือไพล่หลัง เขาหยาบคายมาก!

ซือหยูชิงชังดงหลิน แม้ตู้หยุนเทียนจะหยาบคายแต่เขาก็มีพลังที่เพียงพอต่อความมั่นใจนั้น ตู้หยุนเทียนมีพลังระดับหกขั้นกลางที่มากกว่าทุกคนในการประลองครั้งนี้

แต่ดงหลินที่มิได้สำเหนียกตัวเองและยโสโอหัง แม้เขาจะแพ้ดงหลินในสองกระบวนท่าเขาก็ยังไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ เขายังคงหยิ่งยโสเช่นเดิม!

มีเพียงหมัดเท่านั้นที่จะทำให้ดงหลินตาสว่าง!

เมื่อเห็นซือหยูไม่ขยับดงหลินก็หมดความอดทน

“ช่างมันเถอะ ข้าจะเริ่มก่อนและส่งเจ้าออกจากลานประลองนี้เอง! กระบี่เก้าคลื่น!”

ชั้นพลังปราณปะทุออกมาจากร่างดงหลิน มันปกคลุมนิ้วทั้งเก้าให้ราวกับกระบี่ที่โจมตีซือหยูจากด้านบน!

เขาเป็นพวกป่าเถื่อน ไร้จิตใจ และดุร้าย

รังสีแข็งแกร่งในอากาศทำให้เส้นผมซือหยูปลิว ดวงตาของเขาที่ดำทมิฬราวกับจักรวาลได้กลายเป็นประกาย

“สายฟ้า! ดารา! ม่วง!”

ซือหยูปล่อยหมัดสายฟ้าตรงไปยังดงหลิน!

สายฟ้าแล่นไปมาและปะทุพลังอันเหลือล้น

ครืน---

อ๊ากก---

กระบี่เก้าคลื่นของดงหลินสลายไปด้วยสายตาที่ทำลายล้างทุกสิ่ง!

หมัดคู่ที่นำพาสายฟ้าพิโรธปะทะกับใบหน้าดงหลินอย่างจัง!

ซ่า----

ใบหน้าดงหลินไหม้เกรียม เกิดแผลเหวอะพร้อมกับสายโลหิต กลิ่นไหม้ตลบอบอวลไปทั่ว ความเจ็บรุนแรงทำให้เขาตัวสั่น

ครืน---

ซือหยูใช้สายฟ้าดาราม่วงอีกครั้งโจมตีใส่อกดงหลิน ครั้งนี้เนื้อหนังของดงหลินได้ฉีกออกทันที

ดงหลินกระเด็นลอยตกลานประลอง

อึก--

แรงชอคจากสายฟ้ารุงแรงทำให้เขากระอักเลือดออกมา เขาแพ้ในสองกระบวนท่า!

ซือหยูมองเขาอย่างขยะแขยง

“เจ้ามันไม่มีอะไรพิเศษ! เจ้ามันแค่พวกเบาปัญญา ความโอหังของเจ้าก็โง่เขลานัก”

ซือหยูไม่มีเวลาให้ดงหลินอีก เขาจึงต้องใช้วิชาระดับสวรรค์ก่อนที่คาดไว้

อั้ก--

ดงหลินที่โกรธจัดกระอักเลือดอีกครั้ง เขามองซือหยูอย่างโกรธแค้นและตกตะลึง

หมัดอันน่ากลัวนั่นทำให้เขาโต้กลับไม่ได้เลย! นั่นมันวิชาบ่มเพาะแบบใดกัน?

นอกจากฟางหยุนแล้วคนดูทุกคนสับสน ไม่มีใครแน่ใจว่าวิชาที่ซือหยูใช้คืออะไร

“นั่น...หรือจะเป็นวิชาระดับสวรรค์!”

“นอกจากตระกูลราชวงศ์แล้วใครอื่นจะมีวิชาระดับสวรรค์ได้?”

ผู้รับใช้เพลิงตกตะลึงเป็นครั้งแรก นั่นเป็นวิชาระดับสวรรค์ของจริง!

ว่ากันว่าวิชาบ่มเพาะนี้จะสำเร็จได้โดยอัจฉริยะหนึ่งในหมื่นเท่านั้น ผู้ที่ด้อยความสามารถจะต้องใช้เวลาหลายปีในการเข้าใจวิชาระดับสวรรค์

ซือหยูที่เป็นตัวแทนของตระกูลราชวงศ์ได้เข้าใจวิชาระดับสวรรค์งั้นรึ? แม้ตู้หยุนเทียนก็ไม่บรรลุวิชาระดับสวรรค์ แต่เจ้าคนไม่รู้หัวนอนปลายเท้านี่กลับทำได้งั้นเรอะ?

ผู้รับใช้เพลิงไม่พอใจ เขามองซือหยูอย่างเย็นชา

“เขายังคงแค่ยอมรับได้ นั่นเป็นพลังเพียงผิวเผินของวิชาระดับสวรรค์”

ผู้ประเมินประหลาดใจ แม้ซือหยูจะบรรลุวิชาระดับสวรรค์เขาก็พูดแค่ “แค่ยอมรับได้” งั้นหรือ? และซือหยูมิได้บรรลุวิชาระดับสวรรค์เพียงผิวเผิน ดูจากระดับแล้วนั่นมันใกล้กับระดับหนึ่งขั้นต้นมาก!

ทุกคนในโถงประลองรวมทั้งตู้หยุนเทียนมิอาจเทียบระดับสติปัญญากับซือหยูได้เลย

ผู้รับใช้เพลิงมีอคติไม่จำกัดหรือไงกัน? แต่ผู้ประเมินก็ทำอะไรผู้รับใช้เพลิงไม่ได้ เขามีทั้งตำแหน่งและพลัง

แม้เรื่องจะไปถึงราชันย์ศักดิ์สิทธิ์ เขาก็จะใช้ข้ออ้างเรื่องอายุที่แก่เฒ่า ราชันย์ศักดิ์สิทธิ์จะไม่ลงโทษเขา

“ชนะต่อเนื่องเจ็ดครั้ง! ซือหยู...ชนะต่อเนื่องเจ็ดครั้ง!!”

ผู้ตัดสินประกาศอย่างตื่นเต้น

หากชนะเก้าครั้งอัจฉริยะผู้นี้จะได้เป็นราชาแห่งงานนี้...ซือหยูเหลืออีกสองก้าว!

ผู้ตัดสินรู้ถึงสภาพซือหยูดี เขาเสียพลังไปเจ็ดในสิบส่วนแล้ว และยังต้องเจอกับหนานเฟยที่มีพลังเต็มที่ หากซือหยูมีพลังเต็มเปี่ยมพร้อมกับสายฟ้าดาราม่วงเขาคงจะชนะหนานเฟยอย่างง่ายดาย แต่ซือหยูในตอนนี้ชนะหนานเฟยไม่ได้แน่ ไม่ต้องพูดถึงตู้หยุนเทียนที่แกร่งที่สุด

ซือหยูมองจุดเตรียมการประลองที่เหลือคนเพียงสองคน

“พี่หนานเฟย โปรดประลองกับข้า!”

หลายชั่วโมงก่อน หนานเฟยนั้นไม่พอใจ เขาอยากจะต่อสู้อีกครั้งกับซือหยู

หนานเฟยมองอย่างซับซ้อน เขายืนขึ้นและถอนหายใจ

“ข้ามิอาจฉวยโอกาสกับคนที่สภาพย่ำแย่เช่นนี้ การประลองนี้ ข้าขอยอมแพ้”

แม้เขาจะไม่รู้ว่าทำไมซือหยูถึงรีบร้อนนัก เขาก็ไม่คิดจะใช้โอกาสนี่เอาชนะซือหยู เขาพูดและมองไปยังดงหลินด้วยความเหยียดหยาม หนานเฟยมองข้ามดงหลินที่ทั้งหยิ่งยโส ใจแคบ และโง่เขลา

ซือหยูซาบซึ้ง

“ขอบคุณพี่หนานเฟย...ข้าขอบคุณจริงๆ!”

ซือหยูมิต้องออกแรงในครั้งนี้ เขาชนะหกครั้งและใช้พลังดวงตาอย่างน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ก็ยังคงเหนื่อยล้า พลังกายของเขาลดลงมาก ประกอบกับการต่อสู้ที่เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ซือหยูถึงจุดวิกฤติแล้ว มีเพียงผู้ตัดสินเท่านั้นที่ใกล้ซือหยูที่สุด เขาเห็นแขนและขาซือหยูที่สั่นเพราะพลังที่แทบจะไม่เหลือ

แต่ดวงตาซือหยูเต็มไปด้วยความพอใจ เพราะเขาได้มาถึงการประลองสุดท้ายกับตู้หยุนเทียนแล้ว และยังเหลือเวลาอีกหนึ่งชั่วยาม! เวลาที่เหลือนี้เกินพอที่เขาจะชนะ!

“ซือหยู ชนะต่อเนื่องแปดครั้ง!”

ผู้ตัดสินประกาศอย่างหม่นหมอง

การประลองครั้งต่อไปจะเป็นครั้งที่เก้า! การประลองเพื่อมงกุฎศักดิ์สิทธิ์!

ซือหยูจะชนะตู้หยุนเทียนไหมนะ?

ผู้ชมตกอยู่ในภวังค์ พวกเขามองหนุ่มน้อยในชุดม่วงที่ชนะแปดอัจฉริยะจากทั้งแคว้นในคราวเดียว เงาร่างของเขาที่ปฏิเสธการยอมแพ้ได้ขโมยดวงใจของพวกเขา!

ซือหยูมองข้ามร่างกายที่อ่อนแอและมองศัตรูคนสุดท้าย...ตู้หยุนเทียน!

งานประชุมศักดิ์สิทธิ์เดินทางมาถึงการประลองสุดท้ายแล้ว!

ชีวิตของดยุคเซี่ยนหยูและองค์ชายสามขึ้นอยู่กับการประลองครั้งนี้ เช่นเดียวกับชีวิตของซือหยู หากเขาชนะ เขาจะคลี่คลายเรื่องทั้งหมดลงได้ หากเขาแพ้ พวกเขาทั้งสามจะถูกสังหารทั้งหมดหลังจากการประลองนี้จบลง

ขณะที่งานประลองศักดิ์สิทธิ์ดำเนินต่อไป ชายหนุ่มสองคนแปลงรูปลักษณ์ของตนและกำลังจะออกจากเมืองหลวงไปยังแดนทะเลทราย ชายหนุ่มหนึ่งคนมีพลังระดับหกขั้นสูง และอีกคนมีพลังระดับห้าขั้นสูง

หากซือหยูอยู่ที่นี่คงจะคุ้นหน้าชายทั้งสอง เพราะพวกเขาคือไป่ชี่เซียงและองครักษ์เฉิน พวกเขาไล่ล่ากันมาหลายพันลี้เพื่อสังหารซือหยู องค์ชายหนึ่งก็ระวังพวกเขาทั้งสองเช่นกัน พวกเขารอดมางามเงื้อมมือของซือหยูและองค์ชายหนึ่ง แต่ตอนนี้พวกเขากำลังร่วมมือกันเพื่อออกจากเมืองหลวง

“พี่ไป่ ข้าจะจดจำสิ่งที่ท่านทำให้ข้าไว้ในหัวใจ...ข้าจะตอบแทนท่านแน่นอน!”

องครักษ์เฉินประสานมือเคารพอย่างซาบซึ้ง

ไป่ชี่เซียงทำมือปฏิเสธ

“ไม่เป็นไร ทั้งเจ้าและข้าถูกลิขิตให้ใช้ชีวิตร่อนเร่ พวกเราต้องช่วยเหลือกันอยู่แล้ว”

วันที่องค์ชายหนึ่งสั่งให้ไป่ชี่เซียงสังหารองครักษ์เฉินเพื่อปิดปาก ไป่ชี่เซียงตระหนักได้ทันทีว่าวันหนึ่งเขาจะต้องถูกองค์ชายหนึ่งทิ้งเช่นกัน

“องค์ชายหนึ่ง เจ้าคิดว่าเจ้าคือคนที่ฉลาดที่สุดในโลกนี้รึไงกัน?”

ไป่ชี่เซียงบ่น

“ข้าช่วยเจ้าสังหารผู้มีบัญชาศักดิ์สิทธิ์ เป็นธรรมดาที่เจ้าจะต้องปิดปากข้าเหมือนกัน คิดว่าข้าจะปล่อยให้ทำง่ายๆรึไงกัน?”

“เจ้ายังคิดอีกว่าข้าไม่รู้ว่าวิชานั่นคือวิชาระดับสวรรค์ของราชวงศ์? เจ้าไม่ปล่อยให้ข้ามีชีวิตหลังอ่านตำรานั่นแน่”

ไป่ชี่เซียงที่เอาองครักษ์เฉินมาด้วยไม่ได้หวังดีนัก หากทหารมาไล่ตามพวกเขาองครักษ์เฉินจะใช้งานได้ดี และไป่ชี่เซียงยังสังหารเขาได้เมื่อผ่านชายแดนไปแล้ว!

พวกเขามุ่งหน้าไปยังป่าเทือกเขาที่ทำให้หาตัวยาก แต่พวกเขาพวกเขาไม่รู้จะออกจากแคว้นได้ยังไง

ไป่ชี่เสียงหน้าซีดทันทีเมื่อหันไปข้างหลัง!

“ปร..มาจารย์!”

ไป่ชี่เซียงอ้าปากค้าง เขาหน้าซีดเผือด!

องครักษ์เฉินตัวสั่น เขาโศกเศร้าและกลัว

“อาจารย์ขององค์ชายหนึ่ง...ท่านปรมาจารย์!”

เขาร้องเสียงหลง

ชายชุดแดงตามมาจนเจอพวกเขา

“ฮ่าๆๆ! เจ้าเด็กน้อย...เจ้าคิดว่าจะรอดไปจากเงื้อมมือขององค์ชายหนึ่งงั้นรึ?”

ปรมาจารย์ยิ้มอย่างไร้อารมณ์

“เมืองหลวงนี้มีพยานหลายคนนัก ข้าไม่ต้องทำอะไรเลยก็ตามพวกเจ้าจนเจอ ตอนนี้พวกเจ้าเลือกจะหนีไปยังที่รกร้างไร้ผู้คน ที่นั่นสงบเงียบ...และเหมาะกับเป็นที่ตายยังไงล่ะ!”

ปรมาจารย์ตามรอยพวกเขาจริงๆรึนี่?

ไป่ชี่เซียงถูกบีบคอ ความพยายามจะถอยกลับล้วนไร้ความหมาย องค์ชายหนึ่งตัดสินใจแล้วว่าไป่ชี่เซียงต้องตาย!

ไป่ชี่เซียงโจมตีสวนกลับทันที!

มือของเขาไม่ได้พุ่งตรงไปยังปรมาจารย์ อย่างไรก็ตามเมื่อต้องเจอกับผู้มีพลังระดับเจ็ดขั้นสูงก็ยากที่ไป่ชี่เซียงจะป้องกันตัวเองจากแม้เพียงนิ้วเดียวของเขาได้!

เขาโจมตีไปโดนองครักษ์เฉิน!

อ๊าก--

องครักษ์เฉินไม่ได้ป้องกันตัวเองจากไป่ชี่เซียงอยู่แล้วเพราะเป็นพวกเดียวกัน เขาถูกโจมตีอย่างจังที่หลังและกระอักเลือดทันที ร่างของเขากระเด็นลอยไปทางปรมาจารย์

“หยุดขัดขืนได้แล้ว!”

ปรมาจารย์ดูถูก เขาเพียงสะบัดแขนเสื้อและองครักษ์เฉินก็ถูกโจมตีอีกครั้งกลางอากาศทำให้กระเด็นไปอีกทางและตกลงกระแทกกับพื้นอย่างแรง เขาหมดสติทันที ไม่มีใครรู้ว่าอยู่หรือตาย

ไป่ชี่เซียงใช้โอกาสนี้กัดฟันฝืนพลังปราณเพื่อหนี!

“ไม่น่าขันไปหน่อยรึที่ข้าปล่อยให้เจ้าหนีไปได้?”

ปรมาจารย์หัวเราะ เขาดีดนิ้วปล่อยพลังปราณไปทางไป่ชี่เซียง!

อ๊าก--

พลังปราณนั้นเร็วปานสายฟ้า ขาของไป่ชี่เซียงถูกโจมตีด้วยพลังปราณโดยไม่ทันตั้งตัว เขาล้มลงตัวสั่นกับพื้นทันที

ปรมาจารย์เดินเข้าหาไป่ชี่เซียงด้วยจิตสังหาร มือของเขาเล็งไปยังศีรษะไป่ชี่เซียง

ฟึ่บ--

ในตอนนั้นเองมีเงาออกมาจากป่ารกร้าง

มันเป็นความบังเอิญอย่างแท้จริงที่มีผู้ผ่านมาเห็นตรงนี้

“เอ๊ํะ? เจ้า...ไป่ชี่เซียงงั้นรึ?”

คนคนนี้จำไป่ชี่เซียงได้!

ไป่ชี่เซียงเงยหน้าอย่าตกตะลึง

“เจ้าคือ...ฉิว! ชาง! เจี้ยน!”

ชายหนุ่มตัวสูงสวมชุดขาวรูปลักษณ์งดงาม เขาตามเสียงสะท้อนเข้ามาในป่า

เขาดูไม่เหมือนผู้บ่มเพาะพลัง เขามิได้ดูโหดร้าย เขาดูราวกับเป็นหนุ่มน้อยธรรมดาเท่านั้น

ปรมาจารย์สังเกตฉิวชางเจี้ยน

“เด็กน้อย เจ้ามาผิดที่ผิดเวลาซะแล้ว!”

ปรมาจารย์มิอาจให้ใครรู้เรื่องนี้ได้ จะต้องไม่มีใครในโลกนี้รู้ว่าองค์ชายหนึ่งแอบพยายามสังหารซือหยู โดยเฉพาะสามคนนี้

เป๊าะ--

ปรมาจารดีดนิ้วและพลังปราณก็พุ่งเข้าไปยังศีรษะฉิวชางเจี้ยน!

ฉิวชางเจี้ยนคิ้วขมวด

“ฮื่ม!”

เขาสะบัดแขนเบาๆ คลื่นพลังปราณกระจายออกมาทันที! ฉิวชางเจี้ยนโจมตีอย่างสง่างามและเป็นวงกว้าง ราวกับคลื่นยักษ์อันป่าเถื่อน!

คลื่นพลังปราณของปรมาจารย์สลายไปทันที! แต่พลังปราณของฉิวชางเจี้ยนมิได้ลดลงเลย มันปะทะเข้ากับปรมาจารย์ทันที

อั่ก--

ปรมาจารย์กระอักเลือดออกมาทันทีและกระเด็นลอยไปไกล เขากระแทกกับต้นไม้ที่ห่างออกไปร้อยศอก เขาหน้าซีดและตกตะลึง

“เจ้า...ระดับเก้า!”

Banshee

ติชมให้กำลังใจ กดไลค์แฟนเพจมาคุยกันได้เลยจ้าาา

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด