DND.58 - ประลองสุดท้าย
ซือหยูรู้อยู่แล้วว่าดงหลินมิได้ใส่ใจเขาเลย
แต่เขาที่ต้องต่อสู้เพื่อมงกุฎศักดิ์สิทธิ์แก่องค์ชายสามยังคงต่อสู้กับซือหยูแม้ซือหยูจะเหนื่อยอ่อนอย่างเห็นได้ชัด เขามิได้คิดถึงสถานการณ์ขององค์ชายสามเลยหรืออย่างไร? ผลแพ้ชนะของซือหยูนั้นเทียบได้กับชีวิตขององค์ชายสามไม่ต่างกัน
แต่ในใจดงหลินกลับคิดถึงแต่เกียรติยศเท่านั้น เขาไม่ได้คำนึงถึงองค์ชายสามแม้แต่น้อย! ซือหยูที่เหนื่อยล้าเต็มทีไม่มีเวลาเหลือแล้ว!
หลังจากดงหลินเขาต้องสู้กับหนานเฟยที่สู้กับซือหยูได้เป็นชั่วโมง เขาเหลืออีกแค่สามชั่วโมงเท่านั้น!
ซือหยูชี้ดงหลิน
“ออกมาเดี๋ยวนี้ ข้าจะประลองกับเจ้า!”
“ฮื่ม! เป็นอะไรของเจ้า? เจ้ามีค่าจะประลองกับข้างั้นรึ?”
ดงหลินกระโดดขึ้นลานประลองอย่างเหยียดหยาม
“เข้ามา! ชัยชนะต่อเนื่องของเจ้าต้องจบลงเดี๋ยวนี้ ข้าคือศัตรูเพียงคนเดียวของตู้หยุนเทียน!”
ดงหลินเอามือไพล่หลัง เขาหยาบคายมาก!
ซือหยูชิงชังดงหลิน แม้ตู้หยุนเทียนจะหยาบคายแต่เขาก็มีพลังที่เพียงพอต่อความมั่นใจนั้น ตู้หยุนเทียนมีพลังระดับหกขั้นกลางที่มากกว่าทุกคนในการประลองครั้งนี้
แต่ดงหลินที่มิได้สำเหนียกตัวเองและยโสโอหัง แม้เขาจะแพ้ดงหลินในสองกระบวนท่าเขาก็ยังไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ เขายังคงหยิ่งยโสเช่นเดิม!
มีเพียงหมัดเท่านั้นที่จะทำให้ดงหลินตาสว่าง!
เมื่อเห็นซือหยูไม่ขยับดงหลินก็หมดความอดทน
“ช่างมันเถอะ ข้าจะเริ่มก่อนและส่งเจ้าออกจากลานประลองนี้เอง! กระบี่เก้าคลื่น!”
ชั้นพลังปราณปะทุออกมาจากร่างดงหลิน มันปกคลุมนิ้วทั้งเก้าให้ราวกับกระบี่ที่โจมตีซือหยูจากด้านบน!
เขาเป็นพวกป่าเถื่อน ไร้จิตใจ และดุร้าย
รังสีแข็งแกร่งในอากาศทำให้เส้นผมซือหยูปลิว ดวงตาของเขาที่ดำทมิฬราวกับจักรวาลได้กลายเป็นประกาย
“สายฟ้า! ดารา! ม่วง!”
ซือหยูปล่อยหมัดสายฟ้าตรงไปยังดงหลิน!
สายฟ้าแล่นไปมาและปะทุพลังอันเหลือล้น
ครืน---
อ๊ากก---
กระบี่เก้าคลื่นของดงหลินสลายไปด้วยสายตาที่ทำลายล้างทุกสิ่ง!
หมัดคู่ที่นำพาสายฟ้าพิโรธปะทะกับใบหน้าดงหลินอย่างจัง!
ซ่า----
ใบหน้าดงหลินไหม้เกรียม เกิดแผลเหวอะพร้อมกับสายโลหิต กลิ่นไหม้ตลบอบอวลไปทั่ว ความเจ็บรุนแรงทำให้เขาตัวสั่น
ครืน---
ซือหยูใช้สายฟ้าดาราม่วงอีกครั้งโจมตีใส่อกดงหลิน ครั้งนี้เนื้อหนังของดงหลินได้ฉีกออกทันที
ดงหลินกระเด็นลอยตกลานประลอง
อึก--
แรงชอคจากสายฟ้ารุงแรงทำให้เขากระอักเลือดออกมา เขาแพ้ในสองกระบวนท่า!
ซือหยูมองเขาอย่างขยะแขยง
“เจ้ามันไม่มีอะไรพิเศษ! เจ้ามันแค่พวกเบาปัญญา ความโอหังของเจ้าก็โง่เขลานัก”
ซือหยูไม่มีเวลาให้ดงหลินอีก เขาจึงต้องใช้วิชาระดับสวรรค์ก่อนที่คาดไว้
อั้ก--
ดงหลินที่โกรธจัดกระอักเลือดอีกครั้ง เขามองซือหยูอย่างโกรธแค้นและตกตะลึง
หมัดอันน่ากลัวนั่นทำให้เขาโต้กลับไม่ได้เลย! นั่นมันวิชาบ่มเพาะแบบใดกัน?
นอกจากฟางหยุนแล้วคนดูทุกคนสับสน ไม่มีใครแน่ใจว่าวิชาที่ซือหยูใช้คืออะไร
“นั่น...หรือจะเป็นวิชาระดับสวรรค์!”
“นอกจากตระกูลราชวงศ์แล้วใครอื่นจะมีวิชาระดับสวรรค์ได้?”
ผู้รับใช้เพลิงตกตะลึงเป็นครั้งแรก นั่นเป็นวิชาระดับสวรรค์ของจริง!
ว่ากันว่าวิชาบ่มเพาะนี้จะสำเร็จได้โดยอัจฉริยะหนึ่งในหมื่นเท่านั้น ผู้ที่ด้อยความสามารถจะต้องใช้เวลาหลายปีในการเข้าใจวิชาระดับสวรรค์
ซือหยูที่เป็นตัวแทนของตระกูลราชวงศ์ได้เข้าใจวิชาระดับสวรรค์งั้นรึ? แม้ตู้หยุนเทียนก็ไม่บรรลุวิชาระดับสวรรค์ แต่เจ้าคนไม่รู้หัวนอนปลายเท้านี่กลับทำได้งั้นเรอะ?
ผู้รับใช้เพลิงไม่พอใจ เขามองซือหยูอย่างเย็นชา
“เขายังคงแค่ยอมรับได้ นั่นเป็นพลังเพียงผิวเผินของวิชาระดับสวรรค์”
ผู้ประเมินประหลาดใจ แม้ซือหยูจะบรรลุวิชาระดับสวรรค์เขาก็พูดแค่ “แค่ยอมรับได้” งั้นหรือ? และซือหยูมิได้บรรลุวิชาระดับสวรรค์เพียงผิวเผิน ดูจากระดับแล้วนั่นมันใกล้กับระดับหนึ่งขั้นต้นมาก!
ทุกคนในโถงประลองรวมทั้งตู้หยุนเทียนมิอาจเทียบระดับสติปัญญากับซือหยูได้เลย
ผู้รับใช้เพลิงมีอคติไม่จำกัดหรือไงกัน? แต่ผู้ประเมินก็ทำอะไรผู้รับใช้เพลิงไม่ได้ เขามีทั้งตำแหน่งและพลัง
แม้เรื่องจะไปถึงราชันย์ศักดิ์สิทธิ์ เขาก็จะใช้ข้ออ้างเรื่องอายุที่แก่เฒ่า ราชันย์ศักดิ์สิทธิ์จะไม่ลงโทษเขา
“ชนะต่อเนื่องเจ็ดครั้ง! ซือหยู...ชนะต่อเนื่องเจ็ดครั้ง!!”
ผู้ตัดสินประกาศอย่างตื่นเต้น
หากชนะเก้าครั้งอัจฉริยะผู้นี้จะได้เป็นราชาแห่งงานนี้...ซือหยูเหลืออีกสองก้าว!
ผู้ตัดสินรู้ถึงสภาพซือหยูดี เขาเสียพลังไปเจ็ดในสิบส่วนแล้ว และยังต้องเจอกับหนานเฟยที่มีพลังเต็มที่ หากซือหยูมีพลังเต็มเปี่ยมพร้อมกับสายฟ้าดาราม่วงเขาคงจะชนะหนานเฟยอย่างง่ายดาย แต่ซือหยูในตอนนี้ชนะหนานเฟยไม่ได้แน่ ไม่ต้องพูดถึงตู้หยุนเทียนที่แกร่งที่สุด
ซือหยูมองจุดเตรียมการประลองที่เหลือคนเพียงสองคน
“พี่หนานเฟย โปรดประลองกับข้า!”
หลายชั่วโมงก่อน หนานเฟยนั้นไม่พอใจ เขาอยากจะต่อสู้อีกครั้งกับซือหยู
หนานเฟยมองอย่างซับซ้อน เขายืนขึ้นและถอนหายใจ
“ข้ามิอาจฉวยโอกาสกับคนที่สภาพย่ำแย่เช่นนี้ การประลองนี้ ข้าขอยอมแพ้”
แม้เขาจะไม่รู้ว่าทำไมซือหยูถึงรีบร้อนนัก เขาก็ไม่คิดจะใช้โอกาสนี่เอาชนะซือหยู เขาพูดและมองไปยังดงหลินด้วยความเหยียดหยาม หนานเฟยมองข้ามดงหลินที่ทั้งหยิ่งยโส ใจแคบ และโง่เขลา
ซือหยูซาบซึ้ง
“ขอบคุณพี่หนานเฟย...ข้าขอบคุณจริงๆ!”
ซือหยูมิต้องออกแรงในครั้งนี้ เขาชนะหกครั้งและใช้พลังดวงตาอย่างน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ก็ยังคงเหนื่อยล้า พลังกายของเขาลดลงมาก ประกอบกับการต่อสู้ที่เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ซือหยูถึงจุดวิกฤติแล้ว มีเพียงผู้ตัดสินเท่านั้นที่ใกล้ซือหยูที่สุด เขาเห็นแขนและขาซือหยูที่สั่นเพราะพลังที่แทบจะไม่เหลือ
แต่ดวงตาซือหยูเต็มไปด้วยความพอใจ เพราะเขาได้มาถึงการประลองสุดท้ายกับตู้หยุนเทียนแล้ว และยังเหลือเวลาอีกหนึ่งชั่วยาม! เวลาที่เหลือนี้เกินพอที่เขาจะชนะ!
“ซือหยู ชนะต่อเนื่องแปดครั้ง!”
ผู้ตัดสินประกาศอย่างหม่นหมอง
การประลองครั้งต่อไปจะเป็นครั้งที่เก้า! การประลองเพื่อมงกุฎศักดิ์สิทธิ์!
ซือหยูจะชนะตู้หยุนเทียนไหมนะ?
ผู้ชมตกอยู่ในภวังค์ พวกเขามองหนุ่มน้อยในชุดม่วงที่ชนะแปดอัจฉริยะจากทั้งแคว้นในคราวเดียว เงาร่างของเขาที่ปฏิเสธการยอมแพ้ได้ขโมยดวงใจของพวกเขา!
ซือหยูมองข้ามร่างกายที่อ่อนแอและมองศัตรูคนสุดท้าย...ตู้หยุนเทียน!
งานประชุมศักดิ์สิทธิ์เดินทางมาถึงการประลองสุดท้ายแล้ว!
ชีวิตของดยุคเซี่ยนหยูและองค์ชายสามขึ้นอยู่กับการประลองครั้งนี้ เช่นเดียวกับชีวิตของซือหยู หากเขาชนะ เขาจะคลี่คลายเรื่องทั้งหมดลงได้ หากเขาแพ้ พวกเขาทั้งสามจะถูกสังหารทั้งหมดหลังจากการประลองนี้จบลง
ขณะที่งานประลองศักดิ์สิทธิ์ดำเนินต่อไป ชายหนุ่มสองคนแปลงรูปลักษณ์ของตนและกำลังจะออกจากเมืองหลวงไปยังแดนทะเลทราย ชายหนุ่มหนึ่งคนมีพลังระดับหกขั้นสูง และอีกคนมีพลังระดับห้าขั้นสูง
หากซือหยูอยู่ที่นี่คงจะคุ้นหน้าชายทั้งสอง เพราะพวกเขาคือไป่ชี่เซียงและองครักษ์เฉิน พวกเขาไล่ล่ากันมาหลายพันลี้เพื่อสังหารซือหยู องค์ชายหนึ่งก็ระวังพวกเขาทั้งสองเช่นกัน พวกเขารอดมางามเงื้อมมือของซือหยูและองค์ชายหนึ่ง แต่ตอนนี้พวกเขากำลังร่วมมือกันเพื่อออกจากเมืองหลวง
“พี่ไป่ ข้าจะจดจำสิ่งที่ท่านทำให้ข้าไว้ในหัวใจ...ข้าจะตอบแทนท่านแน่นอน!”
องครักษ์เฉินประสานมือเคารพอย่างซาบซึ้ง
ไป่ชี่เซียงทำมือปฏิเสธ
“ไม่เป็นไร ทั้งเจ้าและข้าถูกลิขิตให้ใช้ชีวิตร่อนเร่ พวกเราต้องช่วยเหลือกันอยู่แล้ว”
วันที่องค์ชายหนึ่งสั่งให้ไป่ชี่เซียงสังหารองครักษ์เฉินเพื่อปิดปาก ไป่ชี่เซียงตระหนักได้ทันทีว่าวันหนึ่งเขาจะต้องถูกองค์ชายหนึ่งทิ้งเช่นกัน
“องค์ชายหนึ่ง เจ้าคิดว่าเจ้าคือคนที่ฉลาดที่สุดในโลกนี้รึไงกัน?”
ไป่ชี่เซียงบ่น
“ข้าช่วยเจ้าสังหารผู้มีบัญชาศักดิ์สิทธิ์ เป็นธรรมดาที่เจ้าจะต้องปิดปากข้าเหมือนกัน คิดว่าข้าจะปล่อยให้ทำง่ายๆรึไงกัน?”
“เจ้ายังคิดอีกว่าข้าไม่รู้ว่าวิชานั่นคือวิชาระดับสวรรค์ของราชวงศ์? เจ้าไม่ปล่อยให้ข้ามีชีวิตหลังอ่านตำรานั่นแน่”
ไป่ชี่เซียงที่เอาองครักษ์เฉินมาด้วยไม่ได้หวังดีนัก หากทหารมาไล่ตามพวกเขาองครักษ์เฉินจะใช้งานได้ดี และไป่ชี่เซียงยังสังหารเขาได้เมื่อผ่านชายแดนไปแล้ว!
พวกเขามุ่งหน้าไปยังป่าเทือกเขาที่ทำให้หาตัวยาก แต่พวกเขาพวกเขาไม่รู้จะออกจากแคว้นได้ยังไง
ไป่ชี่เสียงหน้าซีดทันทีเมื่อหันไปข้างหลัง!
“ปร..มาจารย์!”
ไป่ชี่เซียงอ้าปากค้าง เขาหน้าซีดเผือด!
องครักษ์เฉินตัวสั่น เขาโศกเศร้าและกลัว
“อาจารย์ขององค์ชายหนึ่ง...ท่านปรมาจารย์!”
เขาร้องเสียงหลง
ชายชุดแดงตามมาจนเจอพวกเขา
“ฮ่าๆๆ! เจ้าเด็กน้อย...เจ้าคิดว่าจะรอดไปจากเงื้อมมือขององค์ชายหนึ่งงั้นรึ?”
ปรมาจารย์ยิ้มอย่างไร้อารมณ์
“เมืองหลวงนี้มีพยานหลายคนนัก ข้าไม่ต้องทำอะไรเลยก็ตามพวกเจ้าจนเจอ ตอนนี้พวกเจ้าเลือกจะหนีไปยังที่รกร้างไร้ผู้คน ที่นั่นสงบเงียบ...และเหมาะกับเป็นที่ตายยังไงล่ะ!”
ปรมาจารย์ตามรอยพวกเขาจริงๆรึนี่?
ไป่ชี่เซียงถูกบีบคอ ความพยายามจะถอยกลับล้วนไร้ความหมาย องค์ชายหนึ่งตัดสินใจแล้วว่าไป่ชี่เซียงต้องตาย!
ไป่ชี่เซียงโจมตีสวนกลับทันที!
มือของเขาไม่ได้พุ่งตรงไปยังปรมาจารย์ อย่างไรก็ตามเมื่อต้องเจอกับผู้มีพลังระดับเจ็ดขั้นสูงก็ยากที่ไป่ชี่เซียงจะป้องกันตัวเองจากแม้เพียงนิ้วเดียวของเขาได้!
เขาโจมตีไปโดนองครักษ์เฉิน!
อ๊าก--
องครักษ์เฉินไม่ได้ป้องกันตัวเองจากไป่ชี่เซียงอยู่แล้วเพราะเป็นพวกเดียวกัน เขาถูกโจมตีอย่างจังที่หลังและกระอักเลือดทันที ร่างของเขากระเด็นลอยไปทางปรมาจารย์
“หยุดขัดขืนได้แล้ว!”
ปรมาจารย์ดูถูก เขาเพียงสะบัดแขนเสื้อและองครักษ์เฉินก็ถูกโจมตีอีกครั้งกลางอากาศทำให้กระเด็นไปอีกทางและตกลงกระแทกกับพื้นอย่างแรง เขาหมดสติทันที ไม่มีใครรู้ว่าอยู่หรือตาย
ไป่ชี่เซียงใช้โอกาสนี้กัดฟันฝืนพลังปราณเพื่อหนี!
“ไม่น่าขันไปหน่อยรึที่ข้าปล่อยให้เจ้าหนีไปได้?”
ปรมาจารย์หัวเราะ เขาดีดนิ้วปล่อยพลังปราณไปทางไป่ชี่เซียง!
อ๊าก--
พลังปราณนั้นเร็วปานสายฟ้า ขาของไป่ชี่เซียงถูกโจมตีด้วยพลังปราณโดยไม่ทันตั้งตัว เขาล้มลงตัวสั่นกับพื้นทันที
ปรมาจารย์เดินเข้าหาไป่ชี่เซียงด้วยจิตสังหาร มือของเขาเล็งไปยังศีรษะไป่ชี่เซียง
ฟึ่บ--
ในตอนนั้นเองมีเงาออกมาจากป่ารกร้าง
มันเป็นความบังเอิญอย่างแท้จริงที่มีผู้ผ่านมาเห็นตรงนี้
“เอ๊ํะ? เจ้า...ไป่ชี่เซียงงั้นรึ?”
คนคนนี้จำไป่ชี่เซียงได้!
ไป่ชี่เซียงเงยหน้าอย่าตกตะลึง
“เจ้าคือ...ฉิว! ชาง! เจี้ยน!”
ชายหนุ่มตัวสูงสวมชุดขาวรูปลักษณ์งดงาม เขาตามเสียงสะท้อนเข้ามาในป่า
เขาดูไม่เหมือนผู้บ่มเพาะพลัง เขามิได้ดูโหดร้าย เขาดูราวกับเป็นหนุ่มน้อยธรรมดาเท่านั้น
ปรมาจารย์สังเกตฉิวชางเจี้ยน
“เด็กน้อย เจ้ามาผิดที่ผิดเวลาซะแล้ว!”
ปรมาจารย์มิอาจให้ใครรู้เรื่องนี้ได้ จะต้องไม่มีใครในโลกนี้รู้ว่าองค์ชายหนึ่งแอบพยายามสังหารซือหยู โดยเฉพาะสามคนนี้
เป๊าะ--
ปรมาจารดีดนิ้วและพลังปราณก็พุ่งเข้าไปยังศีรษะฉิวชางเจี้ยน!
ฉิวชางเจี้ยนคิ้วขมวด
“ฮื่ม!”
เขาสะบัดแขนเบาๆ คลื่นพลังปราณกระจายออกมาทันที! ฉิวชางเจี้ยนโจมตีอย่างสง่างามและเป็นวงกว้าง ราวกับคลื่นยักษ์อันป่าเถื่อน!
คลื่นพลังปราณของปรมาจารย์สลายไปทันที! แต่พลังปราณของฉิวชางเจี้ยนมิได้ลดลงเลย มันปะทะเข้ากับปรมาจารย์ทันที
อั่ก--
ปรมาจารย์กระอักเลือดออกมาทันทีและกระเด็นลอยไปไกล เขากระแทกกับต้นไม้ที่ห่างออกไปร้อยศอก เขาหน้าซีดและตกตะลึง
“เจ้า...ระดับเก้า!”
ติชมให้กำลังใจ กดไลค์แฟนเพจมาคุยกันได้เลยจ้าาา