DND.56 - พยานปาฏิหาริย์
อีกสิบสองชั่วโมงจะถึงเวลาประหารดยุคเซี่ยนหยู!
ตามกำหนดการ...เช้าวันถัดไปจึงจะรู้ผลการประลอง
ถึงตอนนั้นก็สายไปแล้ว!
ซือหยูติดหนี้ชีวิตต่อดยุคเซี่ยนหยู เขาถึงกับหมั้นลูกสาวของเขาให้ซือหยู
หากไม่มีดยุคเซี่ยนหยูซือหยูคงจะถูกฉินเฟิงและฟางฉิงโจวจัดการไปแล้ว และเขาอาจจะยังอยู่ในหลุมลึก มิต้องพูดถึงการเข้าร่วมงานประชุมศักดิ์สิทธิ์หรือการมีเซี่ยนเอ๋อ...ภรรยาผู้น่าหลงใหล
หากซือหยูไม่ตอบแทนดยุคเซี่ยนหยู...เขาจะหนักใจไปตลอดกาล
ฟึ่บ--
ซือหยูมององค์ชายสามทันที
“องค์ชาย...เป็นไปได้ไหมที่ท่านจะช่วยพ่อตาข้า?”
องค์ชายสามส่ายหัวเบาๆและฝืนยิ้ม
“ดงหลินพ่ายแล้ว ข้าเองก็ป้องกันตัวมิได้...ข้าจะมีพลังอำนาจไปช่วยดยุคได้ยังไง? หากข้ามีพลังช่วยเขาได้ ถึงเจ้าไม่ร้องขอ ข้าก็จะช่วยอยู่ดี”
ซือหยูฝืนยิ้มอย่างโศกเศร้า แม้องค์ชายก็ทำอะไรไม่ได้งั้นหรือ?
ในโลกกว้างนี้...บุรุษผู้เดียวที่จะช่วยดยุคเซี่ยนหยูได้มีเพียงซือหยูเท่านั้น!
องค์ชายสามถอนหายใจ
“ซือหยู หนีไปกับข้าตอนนี้ ข้าจะพาเจ้าหนีไปจากแคว้นด้วยกัน”
“มิได้”
ซือหยูประสานมือขอบคุณและถอนหายใจ
“ถึงข้าจะตาย ข้าก็ต้องประลองต่อไป!”
องค์ชายสามหวั่นไหว
“ทำไมเจ้าถึงดื้อดันจะช่วยดยุคเซี่ยนหยูนัก? เจ้ารู้จักเขาเพียงไม่กี่วันเท่านั้นเอง”
ซือหยูตาเป็นประกายและหัวเราะอย่างไม่ใส่ใจ
“ข้าติดหนี้บุญคุณกับเขา เพียงเท่านี้”
เพียงบุญคุณก็เพียงพอให้เจ้าผ่านร้อนผ่านหนาวไกลโพ้นเพื่อต่อสู้จนตัวตายงั้นรึ?
องค์ชายสามตกใจ เขาเคยเห็นคนที่ให้ความสำคัญกับผู้คนมากมาย แต่มีเพียงซือหยูผู้เดียวเท่านั้นที่ยอมทำขนาดนี้
แกร๊ง แกร๊ง แกร๊ง--
เสียงระฆังดังขึ้น การประลองสุดท้ายเริ่มขึ้นแล้ว!
ฟึ่บ--
ซือหยูประสานมือเคารพ ชุดสีม่วงเขาปลิวไสวและกระโจนสู่ลานประลองทันที
แม้เขาจะอ่อนแอ สิ้นหวัง ไร้ผู้สนับสนุน...เขาก็สุขุมหนักแน่น
เขายินดีสละทุกสิ่งเพื่อชำระหนี้ต่อดยุคเซี่ยนหยู เขายินดีจ่ายชีวิต โลหิต และจิตวิญญาณเพื่อต่อสู้กับพลังราชวงศ์ โชคชะตาอันไร้ซึ่งยุติธรรม และทั้งฟ้าดิน!
จิตวิญญาณอันแน่วแน่ของซือหยูคิดจะก้าวข้ามผ่านคนนับล้านที่มาขวางทาง...นั่นทำให้หัวใจขององค์ชายสามสั่น เขาพบเจอคนมากมาย แต่มีเพียงผู้เดียวที่มีจิตวิญญาณอันมั่นคงเช่นนี้
“นายท่าน ซือหยูไร้ใจไปแล้ว เราหนีกันเถอะ”
หลินเสียวมององค์ชายสามที่มองแผ่นหลังซือหยูอย่างนับถือ
ซือหยูตรงไปตรงมากับทุกผู้คน แม้รู้ว่าจะต้องตาย...แต่ก็ยืนหยัดต่อสู้
จิตวิญญาณ หัวใจและความคิดนี้เขย่าจิตใจของทุกคน!
“ไม่!”
องค์ชายสามตาเป็นประกาย เขามองแผ่นหลังซือหยู
“ปล่อยให้ข้าใช้ตาคู่นี้มองวาระสุดท้ายของบุรุษผู้นี้เถิด”
นี่อาจเป็นการต่อสู้ครั้งสุดท้ายในชีวิตซือหยู เขาอาจจะได้เป็นดาราที่ฉายสู่ท้องนภาไกลโพ้น หรือได้สลักอยู่ในจิตใจผู้คนไปอีกนานแสนนาน
ผู้ตัดสินเงียบกริบ แม้ซือหยูจะแข็งแกร่งมาก แต่ชะตาของเขาช่างน้อยนิด เขาถูกลิขิตให้ดับมอดในงานนี้
ผู้ตัดสินประกาศ
“รอบจัดลำดับสิบผู้ยิ่งใหญ่...เริ่มได้!”
นี่คือรอบแข่งเพื่อแย่งมงกุฎศักดิ์สิทธิ์ เพื่อที่จะได้เป็นราชาแห่งโลกใบนี้และเป็นผู้ที่ไร้เทียมทาน
การประลองจะใช้เวลาทั้งวันทั้งคืน ตามปกติการเริ่มประลองในตอนนี้สื่อถึงเวลาสิ้นสุดการประลองในยามรุ่งสาง...แต่ก็มีกฎที่เปลี่ยนแปลงไปบ้างเล็กน้อย
ผู้ตัดสินจะเลือกคนแบบสุ่มเพื่อประลองกับอีกคนในลานประลอง หากชนะเขาจะได้ประลองกับคนที่เหลือ ผู้ชนะจะได้ต่อสู้กับคนที่เหลือไปเรื่อยๆ
หากใครเอาชนะได้ครบทั้งเก้าคนต่อเนื่องจะถือว่าควรค่าแก่การได้รับมงกุฎศักดิ์สิทธิ์
ผู้ตัดสินอธิบายกฎและเริ่มจับฉลากจากกล่องทมิฬ
“หมายเลขยี่สิบ เซิงยี่หลิน! ขึ้นลานประลอง!”
ฟึ่บ-
บุรุษร่างกำยำอายุ 17 ปีจากสำนักเซี่ยนหยู เขากระโดดอย่างมั่นคงขึ้นลานประลอง
ดวงตาหยาบกร้านส่งรังสีแข็งแกร่งไปยังทั่วทุกคน เขามั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม
“การประลองจะเริ่มแล้ว เซิงยี่หลิน เจ้ามีสิทธิ์เลือกคู่ประลอง!”
เซิงยี่หลินกอดอกมองเก้าอัจฉริยะที่หลงเหลือในจุดเตรียมประลอง
เขามองดงหลินที่ฟื้นฟูจากการบาดเจ็บแล้ว
“เซิงยี่หลิน! เจ้าอยากจะประลองกับข้างั้นรึ?”
ดงหลินไม่พอใจที่แพ้ตู้หยุนเทียนและยังต้องประลองอีก หากเขาชนะเซิงยี่หลินและครองลานประลอง เขาจะได้ประลองกับตู้หยุนเทียนอีกครั้ง!
เซิงยี่หลินมองผ่านเขาไปและส่ายหัวอย่างไม่แยแส
“เจ้าอ่อนแอเกินไป มิคู่ควรกับข้า”
เขามองซือหยูด้วยสายตาเย็นชา และมองคนที่อยู่ใกล้ๆซือหยู
ไม่นานเซิงยี่หลินก็ประกายไฟลุกโชติช่วง
“ราชันย์อสูรหนานเฟย! มาประลองกับข้า!”
นานมาแล้วหนานเฟยชนะเซิงยี่หลินอย่างง่ายดาย เขาไม่มีวันลืมเหตุการณ์นั้น
นับจากวันนั้น เขาได้เข้าถึงฎีกาสวรรค์ นั่นทำให้เขามั่นใจและอยากจะลบล้างความอัปยศในอดีต
หนานเฟยหัวเราะเสียงดัง
“ฮ่าๆๆ แม้เจ้าจะเคยแพ้ข้า แต่เจ้าก็ยังกล้าเหมือนเคยงั้นรึ? ดี ข้าจะประลองกับเจ้า!”
ฟึ่บ--
หนานเฟยกระโดดขึ้นลานประลองอย่างสง่างาม นิ้วทั้งสองตั้งท่ากระบี่ ร่างทั้งร่างกลายเป็นกระบี่คมกริบที่พร้อมสะบั้นทุกสรรพสิ่ง
เซิงยี่หลินลดแขนลง แววตาเต็มไปด้วยความอัปยศ
เขาไม่มีวันลืมความรู้สึกที่พ่ายแพ้ต่อหนานเฟย
ฟึ่บ--
พวกเขาทั้งสองต่างพุ่งเข้ามาพร้อมกัน!
“ดัชนีกระบี่บัว!”
นิ้วของหนานเฟยปกคลุมด้วยแสงสีมรกต เป็นการโจมตีอันสมดุลและรุนแรง
“หมัดพยัคฆ์พิโรธ!”
เซิงยี่หลินใช้วิชาขั้นกลางที่บ่มเพาะจนถึงระดับสามขั้นกลาง!
หมัดของเขาก่อรูปร่างราวกับศีรษะพยัคฆ์อันทรงพลังในป่าลึกที่พร้อมกลืนกินศัตรูตรงหน้า! สายลมอันรุนแรงกับแรงระเบิดกล้ามเนื้อทำให้พลังเพิ่มขึ้นอย่างมาก
ปั้ง ตู้ม แกร๊ก--
ดัชนีและหมัดปะทะกันด้วยพลังที่เท่าเทียม!
แม้เซิงยี่หลินจะมีร่างกายแข็งแรง วิชาดัชนีของหนานเฟยก็พริ้วไหวและจำกัดการเคลื่อนไหวของเซิงยี่หลิน
ตู้ม--
พวกเขาเข้าปะทะกันอย่างต่อเนื่อง...เงาของพวกเขาโบยบินอยู่บนลานประลอง!
แม้จะผ่านไปห้าสิบกระบวนท่า ก็ยังไม่รู้ผลลัพธ์
พวกเขาต่อสู้กันหนึ่งชั่วโมงเต็ม!
ซือหยูเครียดมาก เหลืออีกสิบชั่วโมงก่อนจะถึงการประหารของดยุคเซี่ยนหยู เมื่อไหร่เขาจะได้ต่อสู้กัน?
เงาทั้งสองร่างแยกออกจากกัน พวกเขาทั้งสองยังคงต่อสู้ได้อย่างดุดัน แต่ก็มิอาจสร้างความเสียหายแก่อีกฝ่ายได้
หนานเฟยตกตะลึง เทียบกับครึ่งปีก่อนแล้วพลังของเซิงยี่หลินเพิ่มขึ้นมามาก!
“ดัชนีกระบี่สวรรค์!”
หนานเฟยใช้วิชาที่เขาภูมิใจที่สุด วิชาดัชนีระดับสูง!
ครึ่งปีก่อนเซิงยี่หลินพ่ายแพ้ด้วยวิชานี้!
นิ้วของหนานเฟยราวกับกระบี่ที่ชี้ท้องนภาตรงไปยังสวรรค์และกรีดตัดผ่านมวลหมู่เมฆา!
เซิงยี่หลินไม่มีทางหนี!
แต่เซิงยี่หลินเติบโตขึ้นหลังจากที่เคยแพ้จากวิชานี้!
เขาเปลี่ยนแปลงร่างกายไปอยู่ในอีกสถานะหนึ่ง
ชั้นจังหวะแบบพิเศษปกคลุมร่างกายของเขา
มองจากไกลๆจะพบว่าร่างของเซิงยี่หลินมีชั้นแสงคดเคี้ยวปกคลุมอยู่
ดวงตาของผู้รับใช้เพลิงที่มิได้สนใจในการต่อสู้เปล่งประกายขึ้น
“ฎีกาสวรรค์!!”
ผู้ประเมินทั้งสิบสองคนนอกจากฟางหยุนตัวสั่น
“ผู้ใช้ฎีกาสวรรค์ปรากฏตัวขึ้นแล้ว!”
พวกเขามองเซิงยี่หลินด้วยความกลัว!
ไม่แปลกที่ผู้ใช้ฎีกาสวรรค์จะได้เข้าสู่วิหารศักดิ์สิทธิ์ เมื่อได้เข้าสู่วิหาร หากเป็นผู้ที่มีฎีกาสวรรค์อยู่แล้วจะได้รับความประทับใจมาก...และตำแหน่งก็จะสูงยิ่งกว่าผู้ประเมิน!
ฟางหยุนมองซือหยูอย่างไม่สบายใจ
ถ้าหากซือหยูเข้าสู่วิหารแล้วจำเรื่องที่ฟางหยุนทำกับเขาได้ล่ะ? ซือหยูก็เป็นผู้ใช้ฎีกาสวรรค์เช่นกัน!
ในตอนนั้นฟางหยุนรู้สึกว่าซือหยูอ่อนแอ และเขาไม่มีโอกาสจะได้เข้าสู่วิหาร แต่ในตอนนี้เขาได้ต่อสู้จนถึงสิบอันดับแรกในงานประชุมศักดิ์สิทธิ์...มีโอกาสมากที่ซือหยูจะได้เข้าสู่วิหาร
การบรรลุฎีกาสวรรค์จะทำให้ซือหยูได้เป็นคนพิเศษในวิหาร เขาจะมีตำแหน่งสูงกว่าฟางหยุน...นั่นไม่ใช่หายนะของฟางหยุนหรือไงกัน?
ฟางหยุนเต็มไปด้วยความสำนึกผิด ถ้าเขารู้มาก่อนว่ามันจะเป็นเช่นนี้....เขาคงจะไม่มีทางเชื่อลูกชายและขับซือหยูออกจากสำนัก!
ในตอนนี้เขาทำได้เพียงอย่างเดียวคือหาทางไม่ให้ซือหยูได้เข้าสู่วิหารศักดิ์สิทธิ์!
ผู้รับใช้เพลิงมองตู้หยุนเทียนก่อนจะมองเซิงยี่หลิน
“ไม่เลว ยังถือว่ายอมรับได้ เขาบรรลุฎีกาสวรรค์”
กลุ่มผู้ประเมินยิ้มประจบประแจงเพราะไม่รู้จะทำอะไร ดูเหมือนว่าผู้รับใช้เพลิงจะไม่พอใจเล็กน้อยที่เซิงยี่หลินแสดงพลังที่น่าจับตามากกว่าศิษย์ของเขา
หรือเขาจะโกรธมากจะจนบอกได้แค่ว่าผู้บรรลุฎีกาสวรรค์เป็นเพียงพวก “ยอมรับได้”
เพราะยังไงตัวผู้รับใช้เพลิงก็ยังไม่บรรลุฎีกาสวรรค์
แม้หลายคนจะรู้ว่าผู้รับใช้เพลิงมีอคติ แต่ก็ไม่มีกล้าขัดเขา
“สิบหมัดเบญกระจ่าง!”
เซิงยี่หลินตาเป็นประกายและปล่อยหมัดเสียงดังก้องสิบครั้ง!
แต่ละหมัดใส่จังหวะขึ้นลงตามศูนย์กลางของฝ่ามือ ด้วยหมัดที่ทำให้เกิดคลื่นแสงนี้ทำให้ยากที่จะบอกทิศทางของหมัดที่แท้จริง!
ปั้ง ปั้ง ปั้ง--
หนานเฟยหน้าถอดสี
“ฎีกาสวรรค์! เจ้าบรรลุฎีกาสวรรค์แล้วงั้นเรอะ!”
หนานเฟยดึงดัชนีกระบี่กลับมาป้องกันเซิงยี่หลินทันที
แต่มันเป็นสิบหมัดที่แปลกมาก พวกมันบิดเบี้ยวจนหนานเฟยมิอาจป้องกันเพราะบอกไม่ได้ว่าเขาโจมตีมาจากทิศทางไหน!
อ๊ากกก--
หลังกันได้สามหมัด หนานเฟยก็ถูกหมัดที่บิดเบี้ยวต่อยใส่หน้าอก หมัดนั้นทำให้เขากระเด็นลอยตกจากลานประลอง...หนานเฟยแพ้!
เซิงยี่หลินยืนอยู่บนลานประลองอย่างเข้มแข็งและมีพลัง เขาใจชื้น ความมั่นใจของเขาเพิ่มขึ้นมาก
เซิงยี่หลินกอบกู้ตนเองจากความอัปยศคราวก่อนได้สำเร็จ ต้องขอบคุณฎีกาสวรรค์ของเขา เขาคือผู้ถือครองฎีกาสวรรค์หนึ่งในล้านอัจฉริยะ!
เขาจับจ้องไปยังเซี่ยจิงหยูที่อยู่จุดเตรียมประลอง เขาเชื่อว่าหลังจากแสดงฎีกาสวรรค์ในครั้งนี้แล้วเซี่ยจิงหยูจะได้รู้ว่าบุรุษผู้ใดที่นางควรเลือก!
เซี่ยจิงหยูยังคงมองอย่างไร้อารมณ์ ดวงตาสดใสของนางยังคงไม่รู้สึกสิ่งใดกับฎีกาสวรรค์ของเซิงยี่หลิน
เซิงยี่หลินนิ่งเงียบ หรือว่าฎีกาสวรรค์ของเขาจะยังแกร่งไม่พอ?
ใช่สิ...มันยังมีซือหยู! มันคือผู้ใช้ฎีกาสวรรค์อีกคน!
เขามองซือหยูทันที
“ซือหยู! ได้ยินว่าเข้าก็ใช้ฎีกาสวรรค์ได้เหมือนกัน ทำไมไม่มาประลองกับข้าล่ะ? เราจะได้เรียนรู้ด้วยกัน ข้าที่เป็นศิษย์พี่อาจจะได้ชี้แนะเจ้า!”
เซิงยี่หลินยิ้มและพูดเชิญซือหยูอย่างเป็นมิตร
ด้วยพลังของเซิงยี่หลินและฎีกาสวรรค์ที่แข็งแกร่งอย่างมาก...เขามีสิทธิ์จะชี้แนะะซือหยู
ซือหยูเบาใจ...ถึงคราวที่เขาต้องสู้แล้ว!
ฟึ่บ--
ซือหยูลอยขึ้นสู่ลานประลองอย่างมั่นคง เขาตั้งใจจะช่วยชีวิตดยุคเซี่ยนหยู
อีกสิบชั่วโมงก่อนดยุคจะถูกประหาร
มีทางเดียวถ้าหากเขาอยากจะช่วย….และนั่นคือการชนะต่อเนื่องเก้าครั้ง!
เริ่มด้วยเซิงยี่หลิน เขาจะชนะให้หมดทั้งเก้าคน ทั้งตู้หยุนเทียน โดยไม่หยุดแม้แต่ครู่เดียว!
“ข้าขอให้เจ้าแสดงฎีกาสวรรค์สักหน่อย”
เซิงยี่หลินยิ้ม เขาเพียงต้องการจะพิสูจน์ว่าฎีกาสวรรค์ของเขาเหนือกว่าของซือหยูต่อหน้าเซี่ยจิงหยู
ซือหยูยังคงยื่นนิ่ง เขาส่ายหัว
“เจ้าไม่คู่ควรกับฎีกาสวรรค์ของข้า แค่หมัดกับลูกเตะก็เกินพอสำหรับเจ้าแล้ว!”
ติชมให้กำลังใจ กดไลค์แฟนเพจมาคุยกันได้เลยจ้าาา