DND.55 - การต่อสู่แห่งเกียรติยศ
เป็นครั้งแรกที่องค์ชายหนึ่งกลัวพลังและความแน่วแน่ของซือหยู เขาไม่ควรแตะต้องดยุคเซี่ยนหยูเลย!
แต่เพราะกลับไปแก้ไขอดีตไม่ได้ องค์ชายหนึ่งมิอาจรอดพ้นจากไฟแค้นของซือหยูไปได้
ความชิงชังของซือหยูฝังรากลึกมิเสื่อมคลาย
ในวันนั้นซือหยูได้สาบาน....หากเขาไม่ฆ่าองค์ชายหนึ่ง ถือว่าเขามิใช่คน สวรรค์ฟ้าดินต่างเป็นพยานกับคำสัตย์นั้น จนถึงตอนนี้ องค์ชายหนึ่งยังได้ยินคำสาบานนั้นก้องอยู่ในหัว
เขามีเพียงแผนการเดียว คือป้องกันมิให้ซือหยูได้เป็นสิบอันดับแรก หากเขาล้มแล้ว ผลที่ตามมาคงจะสาหัสเป็นแน่!
“ตู้หยุนเทียน ถ้าเจ้าประลองกับซือหยู อย่าออมมือและอย่าให้มันรอดไปได้!”
องค์ชายหนึ่งเต็มไปด้วยจิตสังหาร
ตู้หยุนเทียนขมวดคิ้วและพยักหน้าช้าๆ
“ข้าเข้าใจแล้ว ประลองกันเมื่อไหร่เขาจะต้องตาย!”
แม้การฆ่าคนจะเป็นข้อห้ามในงานประชุมศักดิ์สิทธิ์ แต่ตู้หยุนเทียนนั้นมีพลังสูงกว่าผู้อื่นมาก และผู้รับใช้เพลิงยังเป็นอาจารย์ของเขา หากเขาบังเอิญสังหารซือหยู...ใครกับจะกล้าสืบเรื่องนี้?
ดวงตาที่หม่นหมองขององค์ชายสามเปล่งประกายด้วยความประหลาดใจ
“หลินเสี่ยว นี่มันหมายความว่ายังไงกัน?”
ตอนที่ซือหยูสู้กับหลินเสี่ยว วายุกระหน่ำยังไม่แข็งแกร่งขนาดนี้
หลินเสี่ยวตัวแข็งทื่อ เขายังคงไม่เชื่อสายตา
“หรือซือหยูจะออมมือตอนที่ใช้วายุกระหน่ำตอนนั้น?”
หัวใจแหลกสลายขององค์ชายสามกลับมามีความหวังอีกครั้ง ถ้าหากซือหยู…
องค์ชายสามปลอบใจตัวเองและมองซือหยู
ที่ลานประลอง หนานเฟยประหลาดใจขึ้นเรื่อยๆ
การประลองนี้ยาวนานกว่าสามชั่วโมงแล้ว แม้เขาจะมีพลังกายมาก หนานเฟยก็รู้สึกเหนื่อย
ซือหยูกระโดดไปมาในลานประลองและดูมีพลังยิ่งกว่าหนานเฟย!
เจ้าเด็กนี่คือสัตว์อสูรกลับชาติมาเกิดหรือไงกัน? เหตุใดร่างกายจึงแปลกประหลาดเช่นนี้?
ทันในนั้นซือหยูก็หยุดนิ่ง
ร่างกายของเขาปกคลุมด้วยหมอกเย็น พลังชีวิตโอบล้อมหัวใจของเขาและสั่นสะเทือนคลื่นพลังออกมา
แกร๊ก--
ซือหยูตื่นขึ้นจากพลัง เขาไม่หลงเหลือความแคลงใจในวิชาอีกแล้ว เขาลืมตาขึ้นและพื้นที่เท้าเขาเหยียบก็เกิดเสียงน้ำแข็งแตกออก
ร่างของซือหยูปกคลุมด้วยรังสีพลังที่แข็งแกร่งกว่าที่เขาเคยรู้สึก
ซือหยูเงยหน้ามองหนานเฟย
“ขอบคุณพี่หนานเฟยที่ทำให้ข้าสมหวัง”
หนานเฟยหัวเราะด้วยความโกรธเกรี้ยว
“เจ้าใช้ข้าเป็นที่ลับฝีมืองั้นรึ! ถ้าเช่นนั้น! ข้าจะไม่ออมมืออีกแล้ว!”
ตำแหน่งราชันย์อสูรที่หนานเฟยได้มาย่อมต้องไม่ได้มาจากระดับกลางเพียงอย่าเดียว เขามีวิชาอื่นซ่อนเอาไว้อยู่แล้ว
“ระวังให้ดี วิชาต่อไปคือวิชาเฉพาะของข้า!”
หนานเฟยเงียบขรึม เขาเริ่มจริงจังแล้ว
“ดัชนีกระบี่สวรรค์!”
นิ้วของเขากลายเป็นคมกระบี่ที่ยาวพอจะแทงทะลุเมฆาเบื้องบน!
อากาศถูกกรีดส่งเสียงโหยหวนราวกับทนพลังของกระบี่มิได้!
ผู้รับใช้เพลิงลูบคาง
“วิชาบ่มเพาะขั้นสูงระดับหนึ่งขั้นกลางงั้นรึ...แกร่งกว่าวิชาของดงหลินซะอีก”
ผู้ประเมินสำนักจื่อฉวนเต็มไปด้วยความภูมิใจ
ซือหยูยิ้ม เขากลับรู้สึกยินดีแทนที่จะกลัว
“วายุกระหน่ำ!”
เขาเตะผ่าประตูแห่งวายุหิมะ ลมเหมันต์พัดไปทั่วทุกทิศทางราวกับเกล็ดหิมะที่กำลังกลืนกินฟ้าดิน วายุหิมะปกคลุมตัวซือหยูทำให้มองเห็นตัวยากมาก
วายุหิมะมีทั้งน้ำแข็งและหิมะที่นำพาจุดจบของโลก!
เกิดเสียงดังไปทั่วลานประลอง
ท่ามกลางวายุหิมะมีเสียงสายลมกรีดร้องที่ทำให้คนดูตัวสั่น!
ลานประลองกว่าครึ่งปกคลุมไปด้วยวายุหิมะที่แช่แข็งทุกสรรพสิ่ง!
ผู้รับใช้เพลิงยังคงไม่ใส่ใจ
“เขาบรรลุวิชาบ่มเพาะระดับกลางในขณะที่ต่อสู้ สติปัญญาของเขานับว่ายอมรับได้”
ผู้ประเมินทั้งสิบสองตกตะลึง
มีเพียงฟางหยุนที่เหงื่อแตกพลั่ก เขารู้สึกผิดบาปยิ่งที่ไม่สังหารซือหยูตั้งแต่อยู่ในสำนัก
หากผู้รับใช้เพลิงรู้อดีตของซือหยูแล้วเขาจะไม่ตกที่นั่งลำบากหรือ?
องค์ชายหนึ่งสีหน้าจริงจัง
“ตู้หยุนเทียน เจ้ามั่นใจว่าจะฆ่าซือหยูได้ใช่ไหม?”
“ข้าฆ่ามันได้ในดาบเดียว!”
การต่อสู้ดำเนินต่อไป
ดัชนีกระบี่ของหนานเฟยและลูกเตะของซือหยูเข้าปะทะกัน!
ตู้ม ตู้ม!
อ๊ากกก--
หนานเฟยกรีดร้อง ร่างกายของเขาปกคลุมไปด้วยชั้นน้ำแข็งสีขาวเปล่งประกาย เขาถอยไปสิบก้าว
ซือหยูยังคงอยู่ในวายุหิมะ เขาถอยหลังไปสิบก้าวเช่นกัน
การประลองนี้ช่างสูสียิ่งนัก!
ซือหยูมีพลังทัดเทียมกับราชันย์อสูร!
“เป็นไปได้ยังไง? ซือหยูเทียบกับข้าไม่ได้ด้วยซ้ำ มันจะสูสีกับหนานเฟยได้ยังไง?”
ดงหลินที่มีแผลเหวอะหวะบนอกมองอย่างไม่เชื่อสายตา
ดวงตาเซิงยี่หลินหม่นหมอง เขาไม่คิดว่าซือหยูคือศัตรูที่คู่ควรจนถึงตอนนี้!
ดวงตาขององค์ชายสามเปล่งประกายขึ้นมาอีกครั้ง...ยิ่งกว่าตอนที่ดงหลินประลอง!
ซือหยู...แกร่งกว่าดงหลิน!
หนานเฟยหน้าถอดสี วิชาระดับสูงของเขาถูกลบล้างโดยวิชาระดับกลาง!
ผู้รับใช้เพลิงยังคงไร้อารมณ์
“แม้หนานเฟยจะได้วิชาระดับสูง เขาก็ยังขาดความเข้าใจ ซือหยูฝึกวิชาขั้นกลางจนถึงระดับสูง ประกอบกับร่างกายอันยอดเยี่ยม...เป็นปกติที่พวกเขาจะต้องทัดเทียมกัน”
จุดอ่อนของหนานเฟยถูกเปิดเผยในการประลองครั้งนี้…
หนานเฟยมิได้เข้าใจวิชาระดับกลางอย่างถ่องแท้แต่กลับบ่มเพาะวิชาขั้นสูงเสียก่อน นั่นทำให้เขาปราบซือหยูไม่ลง
“ข้ายอมแพ้”
หนานเฟยเดินออกจากลานประลอง แม้ขอบเขตพลังจะมากกว่าซือหยู พวกเขาก็เสมอกัน แม้จะไม่มีผู้ชนะที่แท้จริงแต่ซือหยูก็ได้ชื่อเสียงไปแล้ว ขณะที่หนานเฟยเสียศักดิ์ศรีไปบ้าง
“ขอบคุณพี่หนานเฟย”
ซือหยูประสานมือขอบคุณ
หนานเฟยมองเขาอย่างมืดหม่น
“ยังเร็วไปที่เจ้าจะดีใจ ถึงรอบสิบคนเมื่อไหร่ข้าจะประลองกับเจ้าอีกครั้ง”
ด้วยพลังของหนานเฟย ไม่ยากที่เขาจะขึ้นสิบอันดับแรก การแพ้ซือหยูครั้งนี้มิได้มีผลมากสำหรับเขา เขายังคงมีโอกาสต่อสู้เพื่อแย่งสิบอันดับแรก
“หมายเลขเก้า ซือหยูชนะ!”
ผู้ตัดสินประกาศอย่างนับถือ ชัยชนะของซือหยูมิมีข้อโต้แย้งใดๆ
หลายคนคิดว่าชะตาลิขิตให้ซือหยูได้เป็นผู้ติดตามแห่งวิหารแล้ว
หากซือหยูเลิกคิดล้างแค้น...แม้เขาจะยอมแพ้ในรอบสิบคน...เขาก็ยังนับเป็นสิบผู้มีพรสวรรค์ เพียงเท่านี้เขาก็มีสิทธิ์เข้าสู่วิหาร...แดนศักดิ์สิทธิ์ที่ผู้คนนับล้านปรารถนาจะเข้าไปให้ได้ และในที่สุดเขาจะได้เป็นผู้ที่แข็งแกร่งอย่างหาตัวจับยาก
แต่ถ้าหากซือหยูมิได้ฆ่าองค์ชายหนึ่ง...เขาจะไม่มีวันได้เป็นบุรุษที่แท้จริง
มาถึงขั้นนี้...เขายังมีโอกาสที่จะได้อันดับหนึ่งและฆ่าองค์ชายหนึ่ง!
ความรู้สึกมีชัยขององค์ชายหนึ่งกระเจิงไปหมด
แม้ซือหยูจะยอมแพ้และปฏิเสธการประลอง แม้เขาจะไม่ล้างแค้นวันนี้ ซือหยูก็ยังคงมีโอกาสเข้าสู่วิหาร หากซือหยูไปฝึกในวิหารแล้วไซร้...เขาจะแข็งแกร่งอย่างมาก...แล้วองค์ชายหนึ่งจะปกป้องตนเองจากซือหยูในตอนนั้นได้อย่างไร? และถ้าหากซือหยูได้ไปบ่มเพาะในวิหารก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะส่งมือสังหารไปจัดการซือหยู
หากซือหยูเข้าสู่วิหารแล้ว แม้องค์ชายหนึ่งจะได้ขึ้นเป็นกษัตริย์หรือไม่...เขาจะไม่ได้มีชีวิตอย่างสงบสุขอีกต่อไป
“ไม่นะ! เขาจะต้องประลองกับหยุนเทียน! เขาต้องตายก่อนจะได้เข้าวิหาร! แต่ข้าจะบังคับให้มันประลองกับหยุนเทียนได้ยังไง?”
องค์ชายหนึ่งหรี่ตา
“มันเกลียดข้ามิใช่รึ? ถ้างั้นก็จงชิงชังข้าให้มากกว่าเดิมซะเถอะ แบบนั้นเขาจะได้ประลองกับหยุนเทียนแน่!”
องค์ชายหนึ่งยิ้มราวกับปีศาจ
เขาส่งคำสั่งให้ลูกน้องที่เชื่อถือทันที ทหารคนนั้นวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
ครึ่งวันผ่านไปคนขององค์ชายสามได้แอบส่งกระดาษให้หลินเสี่ยว
หลินเสี่ยวอ่านข้อความในกระดาษและสั่นกลัว เขาส่งให้องค์ชายสามทันที
หลังจากอ่านข้อความองค์ชายสามก็ชักสีหน้าทันที เขาเต็มไปด้วยความโกรธ
“มัน! มันทำเช่นนี้ได้ยังไง!”
ในแผ่นกระดาษมีเพียงประโยคเดียว
“ดยุคเซี่ยนหยูจะถูกเลื่อนมาประหารในคืนนี้!”
ข้อมูลนี้ได้มาจากสายลับขององค์ชายสามในคุกสวรรค์
หลินเสี่ยวโกรธแค้น
“องค์ชายหนึ่งกลัวซือหยูแล้วเลื่อนการประหารดยุคเซี่ยนหยู เขาจะได้ไม่ต้องกังวลกับปัญหาใดอีก!”
ในตอนนั้นการประลองของ 15 คนได้จบลง เหลือสิบผู้มีพรสวรรค์ที่กำลังเตรียมตัวพร้อมกับแววตาริษยาจากเหล่าคนดูที่จับจ้อง
พวกเขามีเวลาพักครึ่งชั่วโมง...และรอบสุดท้ายจะเริ่มขึ้น!
ซือหยูกลับไปหาองค์ชายสาม เขารู้สึกถึงท่าทางแปลกๆขององค์ชาย หลินเสี่ยวก้มหน้ามิกล้ามองซือหยู
จะต้องมีเรื่องร้ายเกิดขึ้น
“องค์ชายสาม...เกิดอะไรขึ้น?”
ซือหยูถามเสียงเบา
องค์ชายลังเลอยู่ครู่หนึ่ง
“ซือหยู ข้าหวังว่าหลังจากเจ้ารู้เรื่องนี้...เจ้าจะยังคงใจเย็นอยู่ได้”
“ดยุคเซี่ยนหยู...จะถูกประหารคืนนี้”
องค์ชายสามมิอาจปกปิดความจริง
องค์ชายหนึ่งแอบจับดยุคเซี่ยนหยูที่กำลังป่วยหนักสู่ฝ่ายปกครองแคว้น แม้องค์ชายสามอยากจะช่วย...เขาก็มิอาจทำสิ่งใดได้
ปกติการประหารจะเกิดขึ้นในเวลากลางวัน แต่ดยุคเซี่ยนหยูกำลังจะถูกประหารคืนนี้ องค์ชายหนึ่งจัดการได้เร็วมาก
“อะไรกัน…?”
ซือหยูรู้สึกราวกับถูกทุบตีอย่างแรง เขารู้สึกว่าโลกทั้งใบแหลกสลาย
ดยุคเซี่ยนหยูกำลังจะถูกประหารเช่นนั้นหรือ?
ตั้งแต่ซือหยูรู้ว่าเขายังมีชีวิตอยู่...หัวใจอันเย็นชาของเขาอบอุ่นไปด้วยความหวัง
แต่ทำไมเขาจะต้องถูกประหารในคืนนี้ด้วย?
ข่าวนี้กระทบจิตใจของซือหยูอย่างมาก
ตามแผน ซือหยูจะได้มงกุฎศักดิ์สิทธิ์ที่ทำให้เขาสังหารองค์ชายหนึ่งทันเวลาเพื่อคืนความยุติธรรมแก่ดยุคเซี่ยนหยู
ข่าวนี้ไม่ตรงกับที่ซือหยูคิดได้เลย!
พ่อตา..กำลังจะถูกประหารคืนนี้! ใจซือหยูสั่นไม่เป็นจังหวะ
“องค์ชายหนึ่ง!”
ดวงตาซือหยูเต็มไปด้วยจิตสังหารที่ทั้งหมดพุ่งไปยังองค์ชายหนึ่ง
องค์ชายหนึ่งนิ่งราวกับไม่สนใจจิตสังหารจากซือหยู
ฟึ่บ---
มีเงามาปรากฏที่ข้างองค์ชายหนึ่ง
เป็นองครักษ์ที่มีพลังระดับหก...สามคน
ตู้หยุนเทียนไปข้างองึ์ชายหนึ่งและมองซือหยู
“หากเจ้าอยากตาย...ข้าจะทำให้อย่างที่หวัง!”
องค์ชายหนึ่งมีองครักษ์ปะปนอยู่กับคนดู เขาเบิกบานใจยิ่ง
เจ้าจะพูดอะไรก็พูดไป...แต่จะทำอะไรข้าได้?
กษัตริย์ในอนาคตเช่นเขามีผู้แข็งแกร่งข้างกายนับไม่ถเวน ซือหยูทำได้เพียงยอมจำนน!
ซือหยูข่มใจไม่ให้ระเบิดความโกรธออกมา เขาพยายามใจเย็นและฝืนใจอดทน!
เขาฝืนทนต่อดวงใจที่เต็มไปด้วยความชิงชัง
หากเขาลงมือตอนนี้จะถือว่าเป็นการลบหลู่งานประชุมศักดิ์สิทธิ์ แม้คนขององค์ชายหนึ่งจะไม่ได้ทำอะไร...คนจากวิหารก็จะสังหารซือหยูทันที!
ซือหยูหายใจเข้าออกช้าๆ อกของเขาขยายกว้างและหดลีบ ในใจเต็มไปด้วยความโกรธเหลือคณานับพร้อมกับจิตสังหารที่พร้อมปะทุตลอดเวลา
เขานีกถึงในวันนั้น เพื่อที่จะช่วยเขาและเซี่ยนเอ๋อ ดยุคเซี่ยนหยูสละชีวิตตนเองและถูกกลืนกินโดยเพลิงพิโรธ ซือหยูยังจำใบหน้าเปื้อนน้ำตาของดยุคก่อนจะถูกเพลิงแผดเผาได้ขึ้นใจ...มันสลักฝังลึกในใจซือหยูมิเสื่อมคลาย
ซือหยูทั้งเศร้าโศกและเดือดดาลใจ
เขาจะไม่ยอมให้เรื่องเศร้าสลดเช่นนี้เกิดขึ้นอีกแล้ว!
ติชมให้กำลังใจ กดไลค์แฟนเพจมาคุยกันได้เลยจ้าาา