บทที่ 2 ความโกรธแค้นและการต่อสู้เป็นตาย
เซียวเฉินยืนนิ่ง เขาเพียงแค่จ้องมองไปที่ฝูงชนด้วยความเยือกเย็นและไม่มีใครรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ในใจ เซียวเจี้ยนหันหลังกลับไปทางฝูงชนและเดินตรงไปอย่างช้าๆ ฝูงชนเปิดทางให้เขาเดินผ่าน พวกเขาคาดว่าการแสดงอันยอดเยี่ยมกำลังจะเกิดขึ้นซึ่งมันได้เขียนอยู่ทั่วใบหน้าของพวกเขาขณะที่พวกเขาจ้องมองเซียวเฉิน
"น้องเฉิน ทำไมเจ้าถึงยังไม่ขยับอีก? เจ้าไม่คิดจะไว้หน้าพี่ใหญ่ของเจ้าเลยงั้นหรือ?" เซียวเจี้ยนกล่าวด้วยความรังเกียจขณะที่คว้าข้อมือทั้งสองข้างของเซียวเฉินและพาเขาไปข้างหน้า
อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาดึงข้อมือของเซียวเฉิน เขาพบว่าเขาไม่อาจพาตัวเซียวเฉินไปข้างหน้าได้ มันจึงเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ที่เขาจะรู้สึกตื่นตระหนก 'เจ้าขยะนี่มีพละกำลังมหาศาลขนาดนี้ได้อย่างไร?' ขณะที่คิดเช่นนั้นเขาจึงใส่แรงเพิ่มขึ้นไปอีกเพื่อให้เซียวเฉินยอมจำนน...
เซียวเฉินสบัดมือออกไปอย่างรุนแรงและหลุดพ้นจากเซียวเจี้ยนแล้วตอบกลับอย่างเย็นชาว่า "ไม่จำเป็นต้องให้พี่ใหญ่พาข้าจูงเดิน ข้าสามารถเดินเองได้"
ทันใดนั้น เกิดเสียงพูดกระซิบกันไปทั่ว เจ้าขยะนี่สามารถหลุดพ้นเอื้อมมือของเซียวเจี้ยนได้อย่างไร? แม้ว่าเซียวเจี้ยนจะไม่ได้ใช้พลังปราณ แต่ระดับบ่มเพาะพลังของเขาก็อยู่จุดสูงสุดของขอบเขตจอมยุทธฝึกหัดแล้ว ซึ่งหมายความว่าอีกเพียงแค่ก้าวเดียวเขาก็จะกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญยุทธ ระดับบ่มเพาะพลังของเขาสูงกว่าเซียวเฉินมาก ดังนั้นบางทีอาจเกิดปฏิหาริย์กับเจ้าขยะนี่และทำให้เขาหลอมรวมเข้ากับจิตวิญญาณต่อสู้ได้?
เซียวเจี้ยนเมื่อมือของเขาถูกเซียวเฉินสะบัดออก เขาดูตกตะลึงอยู่ชั่วครู่ แต่สีหน้าของเขาก็กลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว แท้จริงแล้วเจ้าเซียวเฉินตั้งใจทำให้เขาอับอายต่อหน้าทุกคน และเดินตามเซียวเฉินไปด้วยความหม่นหมองและไม่หยุดคิดว่าเขาได้พูดอะไรไปบ้างเพื่อพยายามทำให้เซียวเฉินได้รับความอับอายในตอนแรก
เซียวเฉินยืนอยู่ตรงหน้าศิลาวัดพลังด้วยสีหน้าขมขื่น เขารู้ดีว่าตัวเขาเองนั้นอยู่ระดับไหน แต่เขาไม่อาจหนีได้ ในกรณีที่เลวร้ายที่สุดคือเขาจะถูกเยาะเย้ยอีกครั้ง แต่เมื่อคิดเช่นนั้นมันทำให้เขารู้สึกใจเย็นลง
เซียวเฉินเหยียดมือขวาของเขาออกไปและวางบนศิลาวัดพลัง และพลังของมันก็ไหลเข้ามาในร่างกายของเขา พลังวิญญาณจากตันเถียนของเขาไหลเข้าสู่จุดลมปราณที่แขนของเขา ผ่านเส้นลมปราณ และมาบรรจบกันที่ฝ่ามือข้างขวาของเขา จากนั้นศิลาวัดพลังที่อยู่ใต้ฝ่ามือของเขาเริ่มเปลี่ยนสี และสีขาวบริสุทธิ์เริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงจางๆอย่างช้าๆ
หลังจากนั้น หน้าผากของเซียวเฉินถูกปกคลุมไปด้วยหยาดเหงื่อ ดูเหมือนว่าศิลาวัดพลังจะกินพลังของเขาไปมากที่ทำให้พลังวิญญาณในร่างกายของเขาไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม สีของศิลาวัดพลังยังคงเป็นสีแดงจางๆไม่มีเปลี่ยน
"เซียวเฉิน ขอบเขตปรับแต่งวิญญาณขั้น 9 ไม่มีความคืนหน้าเลยแม้แต่น้อย" ผู้อาวุโสหนึ่งเซียวเฉียงที่อยู่ด้านหลังศิลาวัดพลังกล่าวอย่างไร้อารมณ์
เซียวเฉินถึงกับส่ายหัวของเขาขณะที่ดึงมือขวากลับมาและเช็ดเหงื่อออกจากหน้าผาก ศิษย์ของตระกูลเซียวที่อยู่รอบๆต่างหายใจเข้าด้วยความโล่งอก เจ้าขยะนี่ยังคงเป็นขยะวันยังค่ำ มันไม่มีปาฏิหาริย์สำหรับเขาและระดับพลังของเขายังคงอยู่ที่ขอบเขตปรับแต่งวิญญาณเช่นเดิม
เซียวเจี้ยนหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา อันที่จริงแล้ว ก่อนหน้านี้เขารู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก ตอนนี้ เขาจำได้ว่าเขาต้องการที่จะกลั่นแกล้งเซียวเฉินและฟื้นความคิดเดิมของเขาที่ต้องการสร้างปัญหาให้กับเซียวเฉิน
"น้องเฉิน พรสวรรค์ของเจ้าช่างพิลึกยิ่งนัก แม้ว่าเจ้าจะฝึกบ่มเพาะพลังมา 8 ปีแล้ว แต่เจ้าก็ยังคงอยู่ขอบเขตปรับแต่งวิญญาณขั้น 9 เหมือนเดิม ภายในตระกูลเซียว...ไม่สิ...ภายในอาณาจักรต้าฉิน เจ้าเป็นคนเดียวที่มีพรสวรรค์เช่นนี้! ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”
บรรดาศิษย์ตระกูลเซียวทุกคนที่อยู่ภายในหอฝึกยุทธต่างหัวเราะออกมาพร้อมกัน ผู้อาวุโสหนึ่งที่อยู่ด้านหลังศิลาวัดพลังเพียงแค่ขมวดคิ้วแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขารู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่น่าสงสาร ในขณะที่เซียวเจี้ยนมีพรสวรรค์ที่ทุกคนต่างยอมรับและฝึกฝนบ่มเพาะพลังอย่างหนักหน่วง แต่เขากลับไม่มีความเห็นอกเห็นใจแต่อย่างใด ในอนาคตเขาคงจะไม่มีทางปีนป่ายขึ้นไปได้สูงมากนัก เขาไม่แน่ใจว่าเด็กคนนี้จะมีชีวิตอยู่ถึงสัญญาสิบปีที่จะเกิดขึ้นอีกครึ่งปีต่อมาหรือไม่
เซียวเฉินยังคงนิ่งเงียบและคงความเยือกเย็นไว้ เซียวเจี้ยนเป็นพี่ชายของเขา แทนที่เขาจะปลอบโยนเขา แต่เขากลับนำความอับอายมาให้กับเขา การมีพี่น้องนั้นไม่มียังดีกว่า!
เซียวเจี้ยนยื่นมือของเขาออกไปและตบหน้าอกของเซียวเฉินเบาๆพร้อมกับยิ้มออกมาแปลกๆ "น้องเฉิน เจ้าอย่าได้ท้อแท้เรื่องแบบนี้มันต้องใช้เวลา บางทีเจ้าอาจหลอมรวมเข้ากับจิตวิญญาณต่อสู้ได้ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าก็เป็นได้ อ่าว...น้องเฉิน...ทำไมเจ้าถึงคุกเข่าลงล่ะ? อย่าได้ทำแบบนี้เลย มันจะทำให้ข้าดูไม่ดี"
เซียวเจี้ยนได้ปลดปล่อยพลังปราณของเขาออกมาเมื่อเขาตบไปที่หน้าอกของเซียวเฉิน โดยที่ใช้พลังของขอบเขตจอมยุทธฝึกหัดออกมาครึ่งหนึ่ง เมื่อเห็นว่าก่อนหน้านี้เซียวเฉินทำให้เขาได้รับความอับอายต่อหน้าทุกคน เขาจึงไม่คิดที่จะปล่อยเซียวเฉินจากไปโดยง่าย
เซียวเฉินคุกเข่าลงข้างหนึ่ง หน้าผากของเขาเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ หลังจากที่เซียวเจี้ยนปลดปล่อยพลังปราณใส่เขา มันเหมือนกับว่ามีแรงกดดันที่หนักหน่วงกดทับไหล่ของเขา ไม่ว่าเขาจะปลดปล่อยพลังออกมามากเท่าไหร่ เขาก็ไม่อาจต่อต้านเซียวเจี้ยนได้
เสียงเยาะเย้ยดังออกมาจากฝูงชนอีกครั้ง "นายน้อยเฉิน แม้ว่าท่านจะมีระดับบ่มเพาะพลังที่โดดเด่นเช่นนั้น แต่ท่านไม่จำเป็นต้องใช้วิธีนี้เพื่อแสดงความเคารพ!"
"นายน้อยเฉินไม่ว่าท่านจะทำตัวยังไงท่านก็ยังคงเป็นนายน้อยเฉิน แม้กระทั่งคุกเข่าท่านก็ยังคงสง่างาม"
เซียวเฉินหลับตาทั้งสองข้างลง เขากำหมัดแน่นถึงขั้นเล็บของเขาเจาะเข้าไปในผิวของเขา และเลือดสีแดงสดเริ่มหลั่งไหลออกมาและร่างกายของเขาไม่อาจที่จะหยุดสั่นได้
ยอมไม่ได้!
ข้ายอมไม่ได้!
ความแค้นที่เกิดขึ้นจากส่วนลึกของวิญญาณของเขาเริ่มแผ่ซ่านไปทั่วร่างของเซียวเฉิน ข้ายอมไม่ได้! เป็นเจ้าใช่หรือไม่? เซียวเฉินพูดพึมพัม ความโกรธแค้นจากส่วนลึกของดวงวิญญาณนี่ดูเหมือนจะมาจากดวงวิญญาณเจ้าของร่างกายเดิม แม้กระทั่งหลังจากที่เขาตายไปแล้ว ความโกรธแค้นที่สะสมมาแปดปีในที่สุดก็ปะทุออกมา ข้ายอมไม่ได้!
ไม่มีใครรู้สึกยินดีที่ถูกเรียกว่าขยะ! ไม่มีใครทนต่อการถูกเยาะเย้ยและถูกทำให้อัปยศจากคนอื่นได้! ไม่มีใครอยากแหงนหน้ามองคนอื่นไปตลอดชีวิต!
เจ้าคือเซียวเฉิน ข้าเองก็คือเซียวเฉิน ข้าจะมีชีวิตอยู่แทนเจ้าและจะลบล้างความอัปยศแปดปีของเจ้าทิ้งซะ ข้าจะทำให้บรรดาผู้คนที่เยาะเย้ยเจ้า ดูถูกเจ้า และล้อเลียนเจ้าได้รับรู้ว่าความโศกเศร้าคืออะไร!
เซียวเฉินลืมตาขึ้นมาอย่างฉับพลัน รูปลักษณ์ที่สดใสถูกแทนที่ด้วยความเย็นชาและว่างเปล่าและดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความมุ่นมั่น ข้าเซียวเฉิน ข้าไม่ได้เป็นขยะอีกแล้ว!
เซียวเฉินย่อตัวลงและกลิ้งไปด้านหลังอย่างรวดเร็วและไปยืนอยู่ด้านหลังศิลาวัดพลัง เขาจ้องมองไปที่เซียวเจี้ยนด้วยสายตาที่หนาวเย็น ก่อนหน้านี้ เซียวเจี้ยนรู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมากเมื่อเขาเห็นศิษย์ตระกูลเซียวที่อยู่รอบๆหัวเราะเซียวเฉิน มันทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายและลดความระมัดระวังลงและเผลอปล่อยให้เซียวเฉินหลบหนีจากการจับกุมของเขา มันจึงเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ที่เขาจะรู้สึกผิดหวังอีกครั้งและเมื่อคิดเช่นนั้นเขาจึงคิดที่จะจับตัวเซียวเฉินอีกครั้ง
เศษผ้าลอยออกมาและโดนที่ใบหน้าของเซียวเจี้ยน มันเป็นเศษผ้าที่ถูกฉีกออกมาจากแขนเสื้อของเซียวเฉิน นั่นหมายความว่าผู้ที่ทำอย่างนั้นคือ เซียวเฉิน
"ดี หากเจ้ารับมันไว้แล้ว ข้าจะขอท้าเจ้าสู้เป็นตายตัวต่อตัวอีกเจ็ดวันให้หลัง จากนี้เป็นต้นไป เจ้าไม่ใช่พี่ใหญ่ของข้าอีกต่อไปและมันจะไม่มีวันเป็นเช่นนั้นอีก!" เซียวเฉินจ้องมองเซียวเจี้ยนอย่างเย็นชาและน้ำเสียงของเขาราวกับดังออกมาจากขุมนรก