DND.50 - บดขยี้อัจฉริยะ
“มาถึงทุกคนแล้ว ไปกันเถอะ”
องค์ชายสามพยักหน้า เขามองดงหลินอย่างคาดหวัง
ซือหยูเข้าใจที่องค์ชายสามไม่ได้หวังกับเขานัก แต่ซือหยูก็ไม่ได้คับแค้นใจ องค์ชายสามให้วัตถุดิบล้ำค้าและดูแลซือหยูให้ปลอดภัย แต่เขาก็หวังให้ซือหยูตอบแทน ซือหยูก็คิดจะตอบแทนองค์ชายสามเช่นกัน เหตุใดซือหยูจะต้องชิงชังองค์ชายสาม?
งานพบปะมังกรของตระกูลราชวงศ์จัดขึ้นที่ลานประลองศักดิ์สิทธิ์ซึ่งแคว้นสร้างขึ้นเพื่องานประชุมศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น การสร้างใช้เงินหลายร้อยล้านตำลึงและจุคนได้นับหมื่น
ตามปกติลานประลองศักดิ์สิทธิ์จะถูกปิดสนิทมิให้ใครเล็ดรอดเข้าไป มีทหารเฝ้าอยู่รอบนอกจำนวนมากเสมอ
มีเพียงค่ำคืนนี้ที่ลานประลองศักดิ์สิทธิ์จะเปิดเพราะงานพบปะมังกรเพื่อให้ตระกูลราชวงศ์และเหล่าตัวแทนเข้ามาประลองกระชับมิตรใต้แสงจันทร์!
ในดยุค 13 คน ดยุคจื่อฉวนลูกสังหารล้างตระกูลและดยุคเซี่ยนหยูยังอยู่ในคุกสวรรค์ ส่วนด้านองค์ชาย องค์ชายลำดับสองถูกซือหยูสังหารไปแล้ว นอกนั้นทุกคนอยู่ในลานประลองศักดิ์สิทธิ์!
“ซือหยู!”
องค์ชายหนึ่งไม่คิดว่าซือหยูจะอยู่ที่นี่!
องค์ชายหนึ่งรู้ว่าซือหยูแอบเข้ามาในเมืองหลวง แต่เขาไม่คิดว่าซือหยูจะเข้าร่วมงานประชุมศักดิ์สิทธิ์! หรือว่าเขาคิดจะใช้งานนี้เพื่อเป็นโอกาสกอบกู้ศักดิ์ศรีคืนมากัน?
หากซือหยูได้ขึ้นเป็น 10 อันดับแรกและกลายเป็นคนของวิหารศักดิ์สิทธิ์ เมื่อเขากลับมา การทำลายล้างองค์ชายหนึ่งคงจะง่ายเพียงพลิกฝ่ามือ!
แต่เมื่อองค์ชายหนึ่งคิดถึงพลังของซือหยูก็ส่ายหัวและหัวเราะ ไม่มีทางเลยที่ซือหยูจะติด 10 อันดับแรก!
จำนวนศิษย์อสูรในงานประชุมศักดิ์สิทธิ์มากมายดั่งหมู่เมฆา ถึงซือหยูจะแกร่งก็ยากที่จะจัดการพวกเขา นอกซะจากไปฝึกมาอีกเป็นปี! แต่องค์ชายหนึ่งมิให้เวลาซือหยูแน่นอน หากงานครั้งน้จบ เขาจะทำทุกวิถีทางเพื่อกำจัดซือหยูไปให้จงได้!
เมื่อได้ยินเสียงองค์ชายหนึ่งซือหยูก็มองไปทางเขา ซือหยูมิได้เก็บซ่อนจิตสังหารแม้แต่น้อย
“องค์ชายหนึ่ง ข้าเคยพูดมาก่อนแล้ว หากข้าไม่ฆ่าเจ้า ถือว่าข้ามิใช่คน! สวรรค์ พิภพ ตะวัน จันทราล้วนเป็นพยานต่อคำสาบานข้า!”
องค์ชายหนึ่งตัวสั่น จิตสังหารเขาเข้มข้นขึ้น! หากซือหยูไม่ตายเขาจะต้องอยู่อย่างไม่สบายใจต่อไป!
คำของซือหยูสั่นสะเทือนหัวใจของทุกคนที่ได้ยิน ผู้ที่รู้เรื่องระหว่างซือหยูและองค์ชายหนึ่งมองด้วยความสุขุม
“เจ้าประเมินตัวเองสูงไปแล้ว!”
องค์ชายหนึ่งมองไปยังชายหนุ่มผมสั้นถือกระบี่ เขามองซือหยูอย่างเยือกเย็นด้วยสายตาคบกริบ!
รู้สึกได้ถึงความแข็งแกร่งจนภูผาสั่นสะเทือน มหาสมุทรเกิดคลื่นยักษ์! ทั้งร่างซือหยูพบกับความกดดันรุนแรงราวกับถูกทุ่มภูผาใส่ทำให้หายใจอย่างยากลำบาก
“ฮื่ม!”
ซือหยูปล่อยพลังปราณออกมาแข่งกันชายหนุ่ม ทำให้พวกเขาเลิกใช้พลังทั้งคู่
“ระวังคำพูดเจ้าไว้!”
ชายหนุ่มผมสั้นดูถูก
องค์ชายหนึ่งปราม
“พอแล้ว หยุนเทียน เจ้ามิต้องพูดกับคนที่ยังไม่รู้ว่าตัวเองพูดอะไรอยู่หรอก!”
ดงหลินแอบกลัว
“ระดับหกขั้นกลาง!”
องค์ชายสามสั่น องค์ชายหนึ่งหาผู้มีพลังระดับหกขั้นกลางอย่างหยุนเทียนมาได้ยังไง
“ดงหลิน หากเจ้าสู้กับเขา เจ้ามีโอกาสชนะไหม?”
องค์ชายสามใจสั่นเพราะรู้สึกถึงลางไม่ดี
หากพลาดเพียงเสี้ยวเดียวคงจะพ่ายแพ้เป็นแน่ หากหยุนเทียนชนะดงหลินและองค์ชายหนึ่งได้ครองบัลลังก์ ก็ไม่มีที่ว่างให้องค์ชายสามอีกต่อไป
และยังเป็นไปได้ว่าองค์ชายสามจะต้องพบชะตาเดียวกับดยุคเซี่ยนหยูที่ถูกจับเพราะข้อหากบฎ ใช้ชีวิตอยู่ในคุกสวรรค์!
ดงหลินเต็มไปด้วยใจสู้
“มันแกร่งมาก! แต่หากข้าใช้พลังเต็มที่ก็ยังมีโอกาส!”
นี่แสดงว่าเขายังมีหวังสินะ? องค์ชายสามผ่อนคลายขึ้น
ทั้งกลุ่มนั่งลง ในลานประลองศักดิ์สิทธิ์ที่กว้างใหญ่นี้มีเพียงพวกเขา ทำให้ทั้งลานประลองดูโล่งกว้าง ในเวลาเดียวกันก็เต็มไปด้วยบรรยากาศความเยือกเย็น
“เหล่าอัจฉริยะทั้งหลาย พรุ่งนี้พวกเจ้าจะต้องเป็นตัวแทนของตระกูลราชวงศ์และประลองกับสิบสามสำนักเพื่อชื่อเสียงแห่งตระกูลราชวงศ์ คืนนี้พวกเจ้าจะต้องประลองเพื่อเรียนรู้จากกันและกัน นี่คือการอุ่นเครื่องเพื่อการประลองพรุ่งนี้”
องค์ชายหนึ่งทำตัวเป็นผู้ชมธรรมดา เขาไม่รู้ตัวเลยว่าใต้แสงจันทร์นี้แผลเป็นน่ากลัวบนใบหน้าเขาช่างขยะแขยงกว่าเดิม!
หยุนเทียนพกกระบี่ยืนอยู่บริเวณลานประลอง เขามอง 15 อัจฉริยะด้วยสายตาคมกริบ เมื่อมองผ่านซือหยูก็หยุดลงชั่วครู่ก่อนจะมองผ่านไป
หลังจากมองทุกคนแล้วหยุนเทียนก็ส่ายหัวและออกจากลานประลอง
“ข้าจะไม่เข้าร่วม”
องค์ชายหนึ่งหัวเราะ
“หยุนเทียน ทำไมเจ้าไม่ประลองกระชับมิตรกับพวกเขาดูซักหน่อยล่ะ?”
“ไม่มีผู้ใดควรค่าแก่กระบี่ข้า ข้าหาสนใจไม่!”
คำพูดอันหยาบคายนี้ทำให้อัจฉริยะที่เหลือ 15 คนโกรธเกรี้ยว
เพียงผู้เดียวที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้คืออัจฉริยะขององค์ชายสาม ดงหลิน! แต่จากน้ำเสียงของหยุนเทียน...ดงหลินก็มิคู่ควรกับกระบี่เขาเช่นกัน!
ดงหลินเต็มไปด้วยความหยิ่งยโส เขาอยากจะประลองกับหยุนเทียน! แต่องค์ชายสามแนะนำว่าเขายังมิควรแสดงพลังในตอนนี้เพราะต้องประลองจริงในวันต่อไป
องค์ชายสามคิดว่าหากหยุนเทียนหยาบคายเช่นนี้จะทำให้ทุกคนสนใจเขา ดงหลินจะได้ไม่เปลืองแรงมากในวันนี้!
ดงหลินที่โกรธและไม่พอใจเลือกคนประลองด้วย เขาเลือกคนที่มีพลังระดับห้าขั้นสูงที่มาจากฉิงซาน!
“ข้าชางหลิง ขอทราบชื่อเจ้าได้หรือไม่?”
ชางหลิงมิเกรงกลัว เขากระโดดขึ้นลานประลองอย่างผ่าเผย
ดงหลินหยาบคายและเย็นชา
“ช่างเจ้าสิ! ข้าจะให้เจ้าเริ่มก่อน เข้ามา!”
ชางหลิงเริ่มจริงจัง
“เจ้ามิหยาบคายไปหน่อยรึ?”
เขตฉิงซานกว้างใหญ่ไพศาล ชางหลิงคือที่หนึ่งท่ามกลางอัจฉริยะนับล้าน เขาต้องแข็งแกร่งอยู่แล้ว แต่กลับถูกดงหลินเหยียดหยามเช่นนี้!
ดงหลินยืนนิ่งอย่างเย็นชา เขาไม่ได้สนใจชางหลิงแม้แต่น้อยราวกับชางหลิงไม่มีตัวตน!
“เจ้าดูถูกข้าเกินไปแล้ว!”
“เพลิงธานีพินาศ!”
ชางหลิงปล่อยพลังปราณรอบตัวราวกับเป็นชั้นเพลิงพิโรธที่แผดเผาทุกสรรพสิ่ง
คลื่นเพลิงกระจ่ายไปรอบทิศทาง ผู้ชมรู้สึกได้ถึงความร้อนจากที่นั่ง
“เป็นวิชาบ่มเพาะที่ทรงพลังอะไรเช่นนี้ นี่ต้องเป็นวิชาขั้นกลางระดับสูงที่ฝึกจนถึงระดับสองขั้นสูงแล้ว อีกก้าวเดียวเขาจะก้าวเข้าสู่ระดับสาม!”
เพลิงพิโรธโอบล้อมร่างกาย ความร้อนนั้นแผดเผาไปถึงสวรรค์
รู้สึกถึงพลังอันแข็งแกร่งได้จากทั่วทิศทาง เพลิงที่พร้อมแผดเผาทุกสิ่งมุ่งตรงไปยังดงหลิน! เพลิงของชางหลิงพร้อมจะมอดไหม้ดงหลินเป็นจุณ! แต่ดงหลินยังคงยืนนิ่งและยังคงไม่สนใจสิ่งใด
“ไม่ได้พิเศษอะไรเลย!”
ดงหลินยกมือขึ้นและแกว่งอย่างแรง!
เปลวเพลิงรอบชางหลิงหายไปจนหมดเพียงการแกว่งมือครั้งเดียว!
ชางหลิงสีหน้าเปลี่ยนทันที เหตุใดกระบวนท่าที่แกร่งที่สุดของเขาจึงสลายไปง่ายดายเช่นนี้?
ดงหลินตาเป็นประกายและเยือกเย็นในเวลาเดียวกัน
“ข้าให้เจ้าเริ่มก่อนแล้ว ทีนี้ตาข้าล่ะ!”
“ดัชนีทลายเหมันต์!”
ดงหลินยื่นนิ้วทำให้เกิดแสงราวกับอาทิตย์ตะวันออก ชั้นเพลิงปกคลุมนิ้วของเขาและสั่นสะเทือนอากาศ เงาเพลิงหลายชั้นซ้อนกันไปมา
ชางหลิงหน้าซีดด้วยความกลัว!
“เพลิงธานีพินาศ!”
ชางหลิงโต้กลับด้วยกระบวนท่าเดิมอีกครั้ง!
ชางหลิงร้องเสียงหลงและกระเด็นลอยไปไกลจนตกลานประลองและกระอักเลือดออกมา!
“วิชาบ่มเพาะกลางระดับสามขั้นสูง!”
ซือหยูตกตะลึง
องค์ชายหนึ่งหน้าหม่นหมอง ดงหลินฝึกวิชาระดับกลางจนถึงระดับสามขั้นสูงแล้ว!
มีเพียงหยุนเทียนที่ไม่สนใจและพูดอย่างเย็นชา
“ชางหลิงพื้นฐานดี พลังปราณสูงและวิชามีพลังมาก แต่เขาใช้วิชาได้ไม่ลื่นไหลและตอบสนองช้าทั้งยังความตั้งใจต่ำ เขามีจุดอ่อนเต็มไปหมด!”
“ดงหลินพื้นฐานดีมาก วิชาบ่มเพาะของเขาอยู่ในระดับสามขั้นสูงและใช้ได้อย่างไม่ติดขัด แต่เขาควบคุมพลังปราณได้ไม่ดีนักทำให้ใช้พลังปราณมาก หากเขาต่อสู้นานๆจะต้องเสียเปรียบ!”
หยุนเทียนกล่าวได้ตรงจุดและจี้ใจดำของชางหลิง
ดงหลินยังคงใจเย็น
“ฮื่ม! ข้าขอความเห็นเจ้ารึ?”
ดงหลินมองอัจฉริยะที่เหลืออีก 13 คนและออกจากลานประลอง
“ข้าขอตัวเช่นกัน พวกเจ้าที่เหลืออ่อนแอเกินไป ข้ามิสนใจ!”
คนที่เหลือหน้าแดงด้วยความโกรธ พวกเขาคืออัจฉริยะในหมู่อัจฉริยะที่จะพบได้ใน 100 ปี แต่พวกเขากลับโดนดูถูกซ้ำแล้วซ้ำแล้ว ณ ลานประลองแห่งนี้
พวกเขาผิดหวังมาก แต่เมื่อได้เห็นสภาพของชางหลิงพวกเขาก็ทำได้แต่เก็บความคับแค้นไว้ในใจ
เมื่อทั้งสองคนออกจากลานประลอง ในลานประลองก็กลับมาเงียบอย่างประหลาด องค์ชายหนึ่งมองไปรอบๆและหัวเราะ
“ชานหลี่ เจ้าไม่ได้อยากจะประลองกับลูกเขยดยุคเซี่ยนหยูหรอกรึ? ทำไมไม่ท้าเขาล่ะ?”
ทุกคนมองไปยังชานหลี่ที่มีพลังระดับห้าขั้นสูงเทียบเท่าชางหลิง ชานหลี่คืออัจฉริยะที่องค์ชายสองเลือก แต่องค์ชายสองถูกซือหยูสังหารไปแล้ว
ชานหลี่อายุ 17 ปี เขาตัวเล็กและผอมทั้งยังดูดุร้าย รู้สึกถึงบรรยากาศความป่าเถื่อนจากรอบกายเขา เขามองซือหยูด้วยสายตาราวกับสัตว์ป่า
“ซือหยู!”
ชานหลี่ขึ้นลานประลองและมองลงชี้นิ้วไปยังซือหยู
“มาประลองกับข้า!”
เขาควรจะได้ใช้ชีวิตอย่างมั่งคั่งและมีเกียรติด้วยการสนับสนุนจากองค์ชายสอง ปีกที่องค์ชายสองติดให้ทำให้เขายืนอยู่เหนือคนนับล้าน แต่เมื่อองค์ชายสองตายไปอนาคตของเขาก็ดับวูบลง
เขาคือผู้ที่ชิงชังซือหยูพอๆกับที่ซือหยูชิงชังองชายหนึ่ง
“ตามที่เจ้าต้องการ!”
ซือหยูกระโจนขึ้นลานประลองมาเผชิญหน้ากับศัตรู
ชานหลี่โจมตีอย่างรุนแรง!
“ลูกเตะอาชาเหล็ก!”
มันเป็นวิชาบ่มเพาะขั้นกลางระดับสามขั้นต้น
เขายกขาและเกิดฝุ่นฟุ้งกระจายราวกับคนหลายพันกำลังควบอาชาอย่างต่อเนื่อง
เหล่าผู้ชมต่างตื่นเต้น พวกเขาหัวใจเต้นเร็วเพราะรู้สึกได้ถึงแรงกดดันจากลานประลอง
เมื่อชานหลี่เข้าใกล้ขึ้นซือหยูก็ยิ่งกดดัน!
ชางหลิงที่อยู่ใต้ลานประลองประหลาดใจ
“อัจฉริยะขององค์ชายสองแข็งแกร่งอย่างที่คิดจริงๆ!”
หากเขาเป็นซือหยูจะต้องเหงื่อแตกพลั่กอย่างทำอะไรไม่ถูกแน่ หากเขาต้องสู้กับชานหลี่คงทนได้ไม่ถึง 10 กระบวนท่า!
มันยากที่จะเข้าใจวิชาบ่มเพาะระดับกลาง เพราะพลังที่เพิ่มขึ้นมาในแต่ละขั้นนั้นสูงมาก
ที่เขตฉิงซาน ชางหลิงดูถูกเหล่าอัจฉริยะคนอื่นเสมอ แต่ในงานพบปะมังกรนี้เขารู้สึกด้อยกว่าหลายคนที่นี่
ในงานประชุมศักดิ์สิทธิ์ที่มีศิษย์อสูรมากมายรวมตัวกัน เขาถือว่าเป็นพวกต่ำกว่ามาตรฐานเท่านั้นเอง!
ชานหลี่โจมตีอย่างเกรี้ยวกราด วิชาขาของเขาส่งเสียงราวกับอาชานับล้านตัวกระแทกกีบเท้าทำให้ผู้ชมตัวสั่นด้วยความกลัว แสงสีชาดปกคลุมขาของเขาราวกับภูเขาไฟลูกใหญ่ที่พร้อมจะปะทุตลอดเวลา
“คุกเข่าซะ!”
ชานหลี่โจมตีอย่างรวดเร็วปานสายฟ้าไปที่อกของซือหยู
แรงลมปะทะเส้นผมด้านหน้าซือหยู ฝุ่นควันปกปิดสายตาเยือกเย็นของซือหยู
ซือหยูเริ่มเคลื่อนไหว!
ติชมให้กำลังใจ กดไลค์แฟนเพจมาคุยกันได้เลยจ้าาา