ตอนที่ 95 ตามหาคนมาเป็นอาจารย์
“เอาอย่างนั้นก็แล้วกัน!” ชายชราทั้งสองพยักหน้าพร้อมกัน เพราะอย่างไรพวกมันก็เป็นสหายกันมาหลายปีแล้ว แม้เมื่อสักครู่พวกมันจะทะเลาะกัน แต่ก็ไม่มีฝ่ายไหนที่อยากจะทำลายความสัมพันธ์ระหว่างกันและกัน ดังนั้นการที่เป็นแบบนี้ก็ถือว่าเป็นการแก้ปัญหาที่เหมาะสม
“นี่คือแผ่นสัญลักษณ์ของฝ่ายปรุงยา เพียงแค่ถือมัน เจ้าก็จะสามารถเข้ามายังฝ่ายปรุงยาได้อย่างอิสระ” หวู่ซงหลินมอบป้ายเหล็กไปให้หลิงฮัน
“เฒ่าหวู่ เด็กคนนี้เพิ่งจะมารายงานตัวที่สำนักในวันนี้ เพราะงั้นข้าจะขอพาเขาไปยังฝ่ายวรยุทธเพื่อลงทะเบียน และจัดเตรียมที่พักให้กับเขา” เหลียนกวงซูพูดเสร็จก็พารีบพาตัวหลิงฮันออกไป
เมื่อเหลียนกวงซูลากหลิงฮันออกมาไกลแล้วมันได้หยุกเดินและถามอาจารย์ที่ทำหน้าที่ลงทะเบียนศิษย์ใหม่ “ทำไมเจ้าถึงปล่อยให้เด็กคนนี้เข้าไปหาเฒ่าหวู่?”
อาจารย์คนนั้นรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม มันจะไปดูได้อย่างไรว่าหลิงฮันจะชอบเดินเที่ยวเล่นไปมาขนาดนั้น? มันแยกตัวออกไปไม่นาน แต่พอกลับมาหลิงฮันก็หายไปเสียแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่กล้าที่จะเถียงกับอาจารย์ใหญ่ มันจึงทำได้เพียงก้มหัวอย่างนอบน้อมเพื่อยอมรับความผิด โชคดีที่เหลียนกวงซูเพียงแค่อยากจะระบายความไม่พอใจออกมาและไม่ได้กล่าวโทษอะไรมัน
“เป็นเด็กที่ยอดเยี่ยมจริงๆ สามาถโค่นฉีฮวงเย่ลงได้ในขณะที่มีพลังเพียงระดับรวมธาตุขั้นสี่ ระดับพลังต่อสู้ของเขาน่าจะอยู่ที่ประมาณสิบสองดาว แม้แต่ชางเย่ก็ไม่สามารถนำมาเทียบกับพรสวรรค์ของเด็กคนนี้ได้!” เหลียนกวงซูพึมพำในขณะที่ดวงดาส่องประกาย “อัจฉริยะในด้านวรยุทธเช่นนี้ จะให้เขาเสียเวลาไปกับการหลอมเม็ดยาได้อย่างไร”
ถ้าความคิดนี้ถูกหวู่ซงหลินได้ยินเข้า จากความรู้ใจที่หวู่ซงหลินมีต่อเหลียนกวงซู มันคงจะสามารถเดาได้ไม่อยากว่าอีกฝ่ายกำลังวางแผนอะไรบางอย่างอยู่แน่นอน
“เจ้าไปจัดเตรียมที่พักให้เขาโดยให้อยู่ในสถานที่ที่ห่างไกล... แล้วก็เตรียมอาจารย์ที่ยังไม่มีศิษย์มาเป็นอาจารย์ให้เขาด้วย เจ้าต้องไม่ให้เฒ่าหวู่หาตัวเขาพบเด็ดขาด!”
อาจารย์ใหญ่คนนี้ช่างมีความคิดที่ชั่วร้ายจริงๆ!
อาจารย์ที่รับหน้าที่ลงทะเบียนศิษย์เหงื่อไหลออกมา และพยักหน้าอย่างลังเล คนคนนี้คืออาจารย์ใหญ่ มันจึงตำเป็นต้องฟังคำสั่งของเขา แต่หวู่ซงหลินเองก็เป็นอาจารย์ใหญ่ของฝ่ายปรุงยา ยิ่งกว่านั้นยังเป็นนักปรุงยาระดับดำขั้นสูงอีกด้วย ในแค้วนพิรุณนี้ สถานะของอีกฝ่ายไม่มากหรือน้อยไปกว่าจักพรรดิของแค้วนพิรุณเลย ถ้าหวู่ซงหลินเกิดไม่พอใจในตัวมันขึ้นมา มันจะสามารถเผชิญหน้ากับผลลัพธ์ที่จะตามมาไหวรึ?
แน่นอนว่าเหลียนกวงซูเข้าใจผลลัพธ์ที่จะตามมา มันจึงได้พูดออกไป “หลังจากเสร็จเรื่องนี้แล้ว เจ้าจงลาพักผ่อนเป็นเวลาครึ่งปีซะ และภายในครึ่งปีนี้เจ้าจะยังได้รับเงินเดือนอยู่เหมือนเดิม”
อาจารย์ที่ทำหน้าที่ลงทะเบียนรู้สึกดีใจขึ้นมาในทันที ไม่ใช่แค่เพียงมันจะได้ซ่อนตัวจากหวู่ซงหลินจนกว่าอีกฝ่ายจะใจเย็นลง แต่มันยังได้รับค่าจ้างโดยที่ไม่ต้องทำงานอีกด้วย นี่คือทางออกที่เหมาะสมเป็นอย่างมาก
“อาจารย์คนไหนถึงจะเหมาะนะ?” หลังจากที่เหลียนกวงซูเดินจากไป อาจารย์ที่ทำหน้าที่ลงทะเบียนได้ครุ่นคิดอย่างเอาเป็นเอาตาย “ข้านึกออกแล้ว!” มันยิ้มและพูด “เฒ่าม่อไงล่ะ!”
“เฒ่าม่อ?” หลิงฮันกำลังอุ้มฮูหนิวด้วยแขนข้างเดียว ในขณะที่อีกข้างกำลังถือถุงที่มีชุดสำหรับเปลี่ยนใส่เอาไว้
อาจารย์ที่ทำหน้าที่ลงทะเบียนพูดออกมา “ชื่อของเฒ่าม่อคือ ม่อเกา เขาเคยเป็นอัจฉริยะของฝ่ายวรยุทธ แต่ต่อมาเขาได้ประกาศไปทั่วว่าเขาต้องการสร้างสุดยอดทักษะดาบของโลก ซึ่งทำให้พลังบ่มเพาะของเขาหยุดนิ่งไม่ก้าวหน้าไปไหน ถ้าไม่ใช่เพราะอาจารย์ใหญ่เห็นใจในพรสวรรค์ของเขาและนำเขามาเป็นอาจารย์ของสำนักล่ะก็... เฮ้อ!”
“แต่ไม่ว่าอย่างไรอาจารย์ใหญ่คิดจะสอนเจ้าด้วยตัวเอง ดังนั้นเจ้าไม่ต้องไปสนใจระดับพลังของเฒ่าม่อมากก็ได้”
หลิงฮันถูกพามันยังสถานที่ที่ห่างไกล ซึ่งมีเพียงลานที่พักเล็กๆที่ทรุดโทรมตั้งอยู่ หญ้าตามทางเดินสูงขึ้นมาถึงเอว ดูราวกับว่าไม่มีใครอยู่ที่นี่มาเป็นวลานาน
“ก๊อก ก๊อก ก๊อก” อาจารย์เดินไปข้างหน้าและเคาะประตู
หลังจากนั้นไม่นาน ได้มีเสียงดังขึ้นมาจากภายในลานพัก “ใครกัน?”
“เฒ่ามอ นี่ข้าเอง!” อาจารย์ที่ลงทะเบียนพูดออกมา จากที่ดูแล้ว ทั้งสองน่าจะค่อนข้างคุ้นเคยกันมากทีเดียว
ประตูเปิดออก และชายรูปร่างสันทัดได้เดินออกมา มันน่าจะมีอายุน้อยกว่าสี่สิบปี แต่ทั่วทั้งใบหน้าของมันเต็มไปด้วยหนวดเคราที่ยุ่งเหยิง ทำให้มันดูเหมือนกับชายที่มีอายุหกสิบหรือเจ็ดสิบปี
“มีเรื่องอะไร? ถ้าไม่มีอะไรที่สำคัญ ข้าคงต้องขอตัวกลับไปฝึกซ้อมทักษะดาบของข้าต่อ!” ชายคนนั้นพูดออกมา มันต้องเป็นม่อเกาไม่ผิดแน่
“ข้าพานักเรียนมาส่งให้เจ้า!” อาจารย์ชี้ไปที่หลิงฮันและพูด “ชื่อของเขาคือหลิงฮัน! เอาล่ะ ข้าได้นำเขามาส่งให้เจ้าถึงที่แล้ว ดังนั้นข้าต้องขอตัวก่อน!”
ราวกับว่ามีไฟกำลังลุกอยู่ที่หลัง อาจารย์คนนั้นได้วิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว เพราะกลัวว่ามันจะไปเจอเข้ากับหวู่ซงหลิน
หลิงฮันจ้องไปยังม่อเกา และม่อเกาก็มองกลับมายังหลิงฮัน ในขณะนั้น ไม่มีฝ่ายใดเลยที่เปิดปากพูด
หลังจากนั้นสักพัก ในที่สุดม่อเกาก็พยักหน้าและพูด “ในเมื่อข้าเป็นอาจารย์ของที่นี่ ข้าจึงไม่สามารถปฏิเสธงานที่สำนักมอบหมายมาให้ได้ ต่อจากนี้ เจ้าสามารถติดตามข้าเพื่อฝึกฝนทักษะดาบได้”
“เอาอย่างนั้นแล้วกัน!” หลิงฮันตอบอย่างไม่สนใจ
“ลานที่พักใกล้ๆนี้ยังว่างอยู่ทั้งหมด อยากพักที่ไหนก็เลือกได้เลย!” ม่อเกาหันหลังและกลับไปยังที่ที่มันออกมา “ข้าจะเปิดประตูนี้เอาไว้ เจ้าสามารถมาหาข้าได้ทุกเวลาที่ต้องการ แต่ตอนที่ข้าฝึกฝนทักษะดาบอยู่ เจ้าห้ามเข้ามารบกวนเป็นอันขาด”
หลิงฮันยักไหล่ และเดินจากไปกับฮูหนิวเพื่อหาที่พักที่เหมาะสม
ลานที่พักที่นี่ล้วนแต่ทรุดโทรมทุกหลังโดยที่มีฝุ่นเกาะอยู่เต็มไปหมด เขาเลือกลานที่พักที่ดูดีกว่าหลังอื่นๆเล็กน้อย และเริ่มทำความสะอาด เพราะที่พักก็ควรจะเป็นสถานที่ที่น่าอยู่ไม่ใช่รึไง?
ฮูหนิวพยายามที่จะยื่นมือช่วย แต่แทนที่จะช่วย นางกลับเป็นตัวถ่วงเสียมากกว่า เมื่อนางหกล้ม และฝุ่นกระจัดกระจายขึ้นมาบนอากาศ และใบหน้าของนางได้กลายเป็นเปรอะเปื้อน ทำให้หลิงฮันหัวเราะขึ้นมาอย่างเสียงดัง
หลังจากยุ่งวุ่นวายอยู่เป็นเวลาครึ่งวัน ในที่สุดพวกเขาก็ทำความสะอาดห้องหนึ่งได้สำเร็จ หลิงฮันไม่ได้ไปตามหาหลิวอู๋ตงในทันที และเขาเชื่อว่านางจะต้องดูแลหลิงจือซ่วนเป็นอย่างดีแน่นอน
“มีใครอยู่รึเปล่า?” มีเสียงดังขึ้นมาที่ทางเข้าประตู หลิงฮันเดินไปดูและเห็นชายหนุ่มวัยประมาณเขากำลังยืนอยู่กับรถเข็นขนาดเล็ก ข้างในรถเข็นมีถุงข้าว เนื้อ และผักต่างๆใส่เอาไว้อยู่
“เนื้อ! เนื้อ! เนื้อ!” ดวงตาของฮูหนิวส่องกระกายในทันที นางพุ่งกระโดดเข้าไป ทำให้ชายหนุ่มคนนั้นหวาดกลัวจนล้มลงกับพื้น
มันมาที่นี่เพื่อส่งอาหาร ดูเหมือนว่าต่อจากนี้หลิงจะต้องเป็นคนทำอาหารเองเสียแล้ว
หลิงฮันยิ้มและเดินไปพยุงชายหนุ่มขึ้นมา พร้อมกับถามคำถาม “อาหารเหล่านี้คือสำหรับกี่วันรึ?”
“สิบวัน” ชายหนุ่มตอบ “หลังจากสิบวัน ข้าจะกลับมาส่งอาหารเพิ่มให้อีก”
หลิงฮันส่ายหัวและพูด “แค่นี้ไม่พอ จำนวนเท่านี้เพียงแค่หนึ่งวันก็หมดแล้ว”
“หนึ่งวัน?” ชายหนุ่มประหลาดใจ และมองสำรวจหลิงฮันด้วยความสงสัย ไม่ว่าจะดูยังไง มันก็ไม่สามารถเห็นว่าหลิงฮันจะมีท้องที่ใหญ่ขนาดนั้น
“ไม่ต้องสนใจ เพียงแค่ส่งอาหารมาให้ก็พอ เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหา” หลิงฮันพูดและยิ้ม
“สำนักไม่ได้มีกฎเรื่องจำนวนอาหารในแต่ละวันหรอก แต่พวกเจ้าน่าใจรึว่าจะกินอาหารเหล่านั้นได้หมด?” ชายหนุ่มยังคงรู้สึกไม่เชื่อ
หลิงฮันไม่ได้อธิบายออกไป เพราะความจริงคนที่กินเยอะขนาดนั้นไม่ใช่เขาแต่เป็นฮูหนิว
ชายหนุ่มนำอาหารบนรถเข็นลงมา และเข็นรถเดินจากไป ฮูหนิวเริ่มกระโดดโลดเต้นล้อมรอบตัวหลิงฮัน นางดูใจร้อนเป็นอย่างมาก
“ไม่ต้องรีบ นี่ยังไม่ถึงกลางคืนเลยด้วยซ้ำ” หลิงฮันพูดพร้อมกับหัวเราะ
ฮูหนิวทำแก้มป่องอย่างไม่พอใจ และแยกเขี้ยวใส่หลิงฮัน
หลิงฮันหัวเราะดังขึ้นและพูด “วันนี้ข้าจะไม่ทำอาหาร พวกเราจะเข้าไปเดินที่เมือง เพราะจำเป็นต้องซื้อผ้าห่มและของอื่นๆใหม่ ร่วมถึงต้องเตรียมชุดที่ใช้เปลี่ยนด้วย หากจากซื้อของเสร็จ พวกเราถึงจะไปหาอะไรกิน”
“เนื้อ! เนื้อ! เนื้อ! เนื้อ!” เมื่อได้ยินคำว่า‘กิน’ เด็กสาวเริ่มจึงกระโดดโลดเต้นอีกครั้ง ความไม่พอใจเมื่อครู่ของนางได้หายไปหมดสิ้น
หลิงฮันพาฮูหนิวออกไปข้างนอก เขาได้รับอนุญาติจากเหลียนกวงซูแล้วว่าเด็กสาวสามารถอาศัยอยู่กับเขาได้ ไม่งั้นถ้าหากให้นางอาศัยอยู่นอกบริเวณสำนัก เขาไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่าจะมีใครที่มีความสามารถมากพอที่จะดูแลนางได้
เขาเดินจับมือฮูหนิวเพื่อพยายามทำให้เด็กสาวคุ้นเคยกับการเดินด้วยสองขา
“มาดูเร็ว! มาดูเร็ว! ชูหวู่จิวกำลังท้าประลองหนานกงจื้อ!” พวกเขายังไม่ทันได้ออกไปจากบริเวณสำนัก ก็ได้ยินเสียงประกาศดังมาจากศิษย์ที่มีท่าทีตื่นเต้นคนหนึ่ง
*ติดตามข่าวสารได้ที่ เพจ*