DND.49 - พบปะมังกร
ร้อยปีมาแล้วที่ไม่มีใครเข้าใจวิชาเงาลอยล่องเพราะต้องใช้สติปัญญาสูงเหนือคนธรรมดา! ไม่มีใครในโลกนี้นอกจาก 10 อัจฉริยะสวรรค์ที่จะเข้าใจเงาลอยล่อง
องค์ชายหนึ่งอยากจะยืมพลังของ 10 อัจฉริยะสวรรค์เพื่อช่วยเขาเข้าใจวิชา แต่อัจฉริยะสวรรค์ทั้ง 10 ล้วนอยู่ที่วิหารศักดิ์สิทธิ์ ทำให้ห่างไกลเกินกว่าที่องค์ชายหนึ่งจะเอื้อมถึง
ไป่ชี่เซียงคือข้อยกเว้น เขาคือผู้ได้ลำดับ 11 ในงานประชุมศักดิ์สิทธิ์และมีสติปัญญาสูงส่งที่จะเข้าใจวิชาระดับสวรรค์ได้
“ท่านอาจารย์ ข้าจะใช้แนวทางนี้ในการบ่มเพาะพลังได้หรือไม่?”
องค์ชายตาลุกเป็นไฟด้วยความตื่นเต้น
ชายแก่ส่ายหัวเบาๆ
“ยังไม่พอ! ไป่ชี่เซียงไม่ใช้คนในวิหารศักดิ์สิทธิ์จริงๆ มันยังห่างไกลที่จะสำเร็จวิชานี้ ข้าจะกลับไปขัดเกลาให้ดียิ่งขึ้น เจ้าจะได้เข้าใจโดยง่ายและบ่มเพาะวิชานี้ได้”
“ขอบคุณท่านอาจารย์!”
องค์ชายหนึ่งตื่นเต้น แต่ดวงตาก็เริ่มหม่นหมอง
“แต่หลังจากนี้ไป่ชี่เซียงก็ใช้ไม่ได้อีก! เขาได้เห็นวิชาระดับสวรรค์ของตระกูลราชวงศ์แล้ว และเขายังพยายามฆ่าผู้มีบัญชาศักดิ์สิทธิ์อีก ใกล้จะได้เวลาปิดปากเขาแล้ว!”
ชายแก่ชุดแดงหัวเราะอย่างน่ากลัว
“ปล่อยให้เป็นหน้าที่ข้า! หมากเช่นไป่ชี่เซียงจะต้องถูกสังหารในเวลาที่พอเหมาะ”
สามวันผ่านไป
งานประชุมศักดิ์สิทธิ์แห่งแคว้นเฟิงหลินที่จัดปีละครั้งกำลังจะเริ่มขึ้น! เหล่าผู้แข็งแกร่งและคนทุกทั่วสารทิศหลั่งไหลเข้ามาในงานใหญ่แห่งแคว้น พวกเขาเข้ามาในโถงงานอย่างช้าๆเพราะบรรยากาศอันสุขสงบและหรูหราฟู่ฟ่าของงาน
ที่ตำหนักองค์ชายสาม...บรรยากาศตึงเครียด
ตกกลางคืน...ในศาลา…
องค์ชายสามรู้สึกไม่สบายใจเขาเปิดปิดตำราไปมา
“นายท่าน งานพบปะมังกรของตระกูลขุนนางจะเริ่มขึ้นแล้ว เรารอซือหยูนานกว่านี้มิได้แล้ว!”
หลินเสี่ยวพูดเพราะรู้สึกถึงความไม่สบายใจขององค์ชายสาม
องค์ชายสามวางตำราและส่ายหัวเบาๆ
“อย่ากังวล! ยังพอมีเวลา”
ทันใดนั้นก็เกิดสายลมพัดปลิวเข้ามา ชายหนุ่มชุดสีม่วงปรากฏตัวมาราวกับเงาเมฆขาว ใบหน้าหล่อเหล่าเปล่งประกายอย่างภูมิใจ เขามีดวงตาเจาะทะลุทุกสรรพสิ่งบนผืนแผ่นดิน ผมดำลากยาวลงมาราวน้ำตก
องค์ชายสามยิ้มและประสานมือ
“ยินดีด้วยน้องซือ! พลังของเจ้าในตอนนี้เทียบไม่ได้กับเมื่อก่อนเลย!”
“องค์ชายสาม ขอบคุณที่เอื้อเฟื้อ!”
ซือหยูประสานมือคำนับ
หลินเสี่ยวไม่ค่อยพอใจ เขารู้สึกว่าองค์ชายสามเสียวัตถุดิบไปอย่างไม่คุ้มค่า
“ซือหยู ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่ทำให้องค์ชายสามผิดหวัง”
ซือหยูมองหลินเสี่ยวด้วยแววตาเป็นประกาย
“พี่หลิน ข้ารู้ว่าท่านไม่พอใจเรื่องในวันนั้น วันนี้เรามาประลองกันอีกรอบดีหรือไม่?”
หลินเสี่ยวรู้สึกโกรธเกรี้ยวมากขึ้น เพราะในตอนนั้นเขาอาจจะไม่แพ้ซือหยู เขาตั้งหน้าตั้งตารอเวลานี้มานานแล้ว
หลินเสี่ยวมององค์ชายสาม องค์ชายสามพยักหน้าทันที เขาอยากจะรู้ว่าเหตุใจซือหยูจึงมั่นใจนัก
แน่นอนว่าองค์ชายสามไม่เชื่อว่าแค่สามวันซือหยูจะเพิ่มพลังได้มหาศาล เขาเพียงรู้สึกถึงพลังกายและบาดแผลของซือหยูฟื้นตัวขึ้นจนทำให้เขามั่นใจเกินไป
ด้วยความยินยอมจากองค์ชาย หลินเสี่ยวดีใจและมั่นใจเหลือเกินว่าเขาจะไม่แพ้!
“คงจะเสียมารยาทหากข้าปฏิเสธ!”
หลินเสี่ยวก้าวไปข้างหน้าและยกหมัดขึ้น
“ค้อนทลายภูผา!”
เป็นค้อนอันน่ากลัวที่มีพลังสั่นคลอนสวรรค์เช่นเดิม!
“วายุกระหน่ำ!”
ซือหยูเตะเข้าไปตรงๆ!
ลูกเตะนี้ทำให้เกิดสายลมเยือกเย็น หิมะและน้ำแข็งตามมาจากลูกเตะ! ราวกับเป็นมังกรเหมันต์ที่พร้อมจะทำลายล้างโลก เขาได้ก้าวเข้าสู่ดินแดนน้ำแข็งที่ทำให้ทุกอย่างเยือกแข็งเมื่ออยู่ต่อหน้าเขา!
หลินเสี่ยวกรีดร้องอย่างตกใจและกระเด็นถึงแปดก้าว! ความเยือกเย็นปกคลุมหมัดของเขาจนแข็ง! ร่างกายของเขาถูกรายล้อมด้วยหมอกเย็นราวกับเพิ่งเดินออกมาจากขั้วโลกและสั่นไปทั้งกาย
หลินเสี่ยวอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง
“พลังระดับสามขั้นกลางของวิชาบ่มเพาะขั้นกลาง!”
องค์ชายสามท่าทีเปลี่ยนไปทันที! สามวันก่อนวายุกระหน่ำของซือหยูยังอยู่ระดับสามขั้นต้น แต่เพียงแค่สามวันเขาก็บรรลุระดับสามขั้นกลางแล้ว และอีกก้าวเดียวเขาจะบรรลุขั้นสูงสุด!
หลินเสี่ยวตกตะลึงแต่ยังไม่พอใจ เขาจะยอมแพ้ง่ายๆได้อย่างไร?
พลังปราณเริ่มไหลเวียนในร่างเขาทำให้หมอกเย็นสลายไป เขาเข้าใจซือหยูและตะโกน
“รูปแบบทลายสามภพ!”
เพลิงมรกตพุ่งเหนือฟ้าด้วยพลังอันน่ากลัวที่แผดเผาทั้งสวรรค์และฉีกภูผาและแม่น้ำเป็นเสี่ยงๆพุ่งตรงไปยังซือหยู!
พลังนั้นทำให้เสื้อผ้าซือหยูปลิว แต่สายลมนั้นมิได้บดบังสายตาเขาที่ยังคงเยือกเย็นมิเสื่อมคลาย!
“สายฟ้าดาราม่วง!”
ซือหยูโต้กลับ!
สายฟ้าที่ถูกขัดเกลาล้อมรอบหมัดของเขาและเปล่งแสงอันแข็งแกร่งออกมา
เมื่อหมัดปะทะกันรูปแบบทลายสามภพก็หายไปทันที! โลหิตกระจายไปทั่วปากหลินเสี่ยว ร่างกายของเขาไม่ทำตามคำสั่งและกระเด็นลอยไปไกลสามสิบศอก!
อวัยวะภายในหลินเสี่ยวเสียหายรุนแรง เขากระอักเลือดออกมาจำนวนมาก หลินเสี่ยวตกตะลึง!
สายฟ้าดาราม่วงเมื่อสามวันก่อนรุนแรงกว่าเดิมสองเท่า!
หลินเสี่ยวดันตัวเองให้ยืนขึ้น ดวงตาเต็มไปด้วยความทึ่ง ในตอนนี้เขายอมรับแล้ว
“ขอบคุณน้องซือที่เมตตา!”
องค์ชายสามตาเป็นประกาย ซือหยูออมมืองั้นหรือ? หากซือหยูไม่ออมมือแล้วหมัดนั่นจะสังหารหลินเสี่ยวทันทีใช่หรือไม่? ซือหยูใช้เวลาแค่สามวันแต่กลับแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ จากที่สูสีกับระดับห้าขั้นสูง ในตอนนี้เขาสังหารได้อย่างง่ายดายแล้ว! ทำไมพลังซือหยูเพิ่มขึ้นมากจากแค่สามวันนี้กัน?
องค์ชายสามรวบรวมข่าวลือของซือหยูที่ได้จากเขตเซี่ยนหยู ไม่กี่เดือนก่อนซือหยูเป็นแค่ศิษย์ระดับเงินธรรมดา แต่ราวกับดาวรุ่ง เขาก้าวข้ามผ่านเวลาและได้ตำแหน่งราชาระดับเงินทั้งยังเอาชนะราชาทองคำทั้งสองรุ่น อีกอึดใจเขาก็ชนะศิษย์อสูรทำให้ชื่อของเขาดังก้องไปทั้งสำนัก
ผู้มีพลังเช่นซือหยูช่างหาได้ยากยิ่ง หากให้เวลาเขาอีก เขาจะเป็นบุรุษที่ไร้ผู้ต่อกร!
องค์ชายสามรู้สึกเสียดาย เขาถอนหายใจอย่างโศกเศร้า
“หากเจ้ามีเวลาอีกสามปีจะเป็นเช่นใดกันนะ?”
คงยากจะบอกว่าซือหยูเติบโตได้แค่ไหนในสามปี แต่เขาก็ยังคงอยู่ข้างองค์ชายสามเพื่อต้านองค์ชายหนึ่ง หากรอได้ถึงตอนนั้นพวกเขาคงจะชนะองค์ชายหนึ่งอย่างง่ายดาย แต่เวลาและวารีมิรอคอยผู้ใด ซือหยูในตอนนี้ช่วยอะไรองค์ชายสามไม่ได้มากนัก
“น้องซือ! งานประชุมศักดิ์สิทธิ์จะเริ่มขึ้นพรุ่งนี้! มีอะไรที่เจ้าต้องการอีกหรือไม่?”
องค์ชายสามยิ้ม เขาตั้งใจจะให้ทุกอย่างกับอสูรที่อยู่เคียงข้างเขาผู้นี้
ซือหยูคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะส่ายหัว
“วัตถุดิบเริ่มใช้กับข้ามิได้ผลแล้ว ที่ข้าต้องการตอนนี้คือการต่อสู้ของจริง!”
สามวันที่ผ่านมา เขากินต้นธาตุจักรวาลทำให้เส้นเลือดเต็มไปด้วยพลัง การใช้วัตถุดิบเพิ่มเติมในตอนนี้ไร้ค่าสำหรับเขา การต่อสู้จริงเท่านั้นที่จะทำให้เขาแกร่งขึ้น
องค์ชายสามที่มิอาจช่วยอะไรซือหยูได้อีกถอนหายใจ เขาเงยหน้ามองท้องนภาและเริ่มจริงจัง
“ซือหยู เป็นเวลาที่เราจะต้องไปพบพวกเขาแล้ว”
พวกเขา? ซือหยูสับสน
องค์ชายสามพูดด้วยความประหลาดใจ
“ดยุคเซี่ยนหยูมิได้บอกเจ้าหรอกรึ…?”
เมื่อองค์ชายสามนึกถึงตอนที่ดยุคเซี่ยนหยูมอบบัญชาศักดิ์สิทธิ์ให้ซือหยูก่อนจะตาย เป็นไปได้ว่าดยุคเซี่ยนหยูจะไม่มีเวลาบอกซือหยู
“มีคนสองประเภทที่ได้เข้าร่วมงานประชุมศักดิ์สิทธิ์ของแคว้น ประเภทแรกคือเหล่าศิษย์อสูรจากสำนักต่างๆ ประเภทที่สองคือตัวแทนจากตระกูลขุนนาง เช่นเจ้าที่เป็นตัวแทนจากเซี่ยนหยู ดยุคทุกคนจะเลือกตัวแทนหนึ่งคนมาเข้าร่วมด้วย นอกจากเจ้าจะมีตัวแทนอีกสิบสองเขต”
“และในตระกูลราชวงศ์ องค์ชายแต่ละคนจะเลือกตัวแทนหนึ่งคนได้ รวมถึงเจ้าด้วย จะมีตัวแทนสิบหกคนจากตระกูลราชวงศ์”
“ตลอดทั้งปีก่อนงานประชุมศักดิ์สิทธิ์ ตัวแทนสิบหกคนจะต้องเข้าร่วมงานพบปะมังกร ระหว่างงานนี้เหล่าตัวแทนต้องประลองกระชับมิตรเพื่อเรียนรู้จากกันและกัน เป็นเรื่องสำคัญมากที่เหล่าตัวแทนทั้งสิบหกคนต้องเข้าร่วม”
องค์ชายสามอธิบายอย่างละเอียด
“องค์ชายหนึ่งจะมาดูด้วยหรือไม่?”
องค์ชายสามรู้ว่าซือหยูคิดอะไรและพยักหน้า
“ผู้ที่เลือกตัวแทนทั้งสิบหกคนต้องอยู่ด้วยเช่นกัน! ข้าและพี่ข้าจะเป็นผู้ชม เจ้าจะได้เจอเขา”
“แต่...”
องค์ชายสามเตือน
“หากเจ้าอยากจะสังหารเขาที่นั่น ข้าแนะนำว่าอย่าดีกว่า เจ้าเคยใช้ดาบอสูรให้เขาเห็นมาก่อนแล้ว พี่ข้าจะต้องเตรียมการไว้ล่วงหน้า เป็นไปไม่ได้ที่เจ้าจะสังหารเขา”
ซือหยูคิดเรื่องนี้มาก่อนแล้ว แต่เมื่อองค์ชายสามยืนยันเขาก็ทำได้เพียงล้มเลิกความคิดอย่างผิดหวัง
“งั้นไปกันเถอะ”
ซือหยูดวงตาเย็นชา ท้ายสุด ทางเดียวที่เขาจะได้ล้างแค้นก็คือการได้มงกุฎศักดิ์สิทธิ์!
“รอก่อน คนที่ข้าเลือกยังมาไม่ถึง”
องค์ชายสามตาเป็นประกาย
ซือหยูมิได้รู้สึกแปลก เขาคิดถึงงานประชุมศักดิ์สิทธิ์ว่าเป็นการต่อกรกับองค์ชายหนึ่ง เป็นไปไม่ได้ที่องค์ชายสามจะไม่คิดแบบเดียวกัน เขาจะต้องหาคนที่เชื่อใจได้มาเข้าร่วมงานเช่นกัน
สามวันก่อนองค์ชายสามพูดว่า พนัน“เพิ่มเติม” ซือหยูเข้าใจความหมายของมันแล้ว เบื้องหลังองค์ชายสามยังมีผู้แข็งแกร่งอีกหนึ่งคน!
หลังจากครึ่งชั่วโมงชายหนุ่มก็มาถึง เขาอายุ 16 และสวมผ้าคลุมสีน้ำแข็ง รูปลักษณ์ราวกับคนปกติ
ดวงตาเขาไม่ใส่ใจสิ่งใดบนผืนแผ่นดิน ช่างเยือกเย็น
ดวงตาเขาราวกับไม่เห็นซือหยูและหลินเสี่ยว แต่เมื่อไปถึงองค์ชายสามเขาก็คุกเข่า
“องค์ชายสาม เราไปกันได้แล้ว”
ซือหยูขมวดคิ้ว เขารู้สึกถึงความหยิ่งยโสจากชายผู้นี้ นอกจากองค์ชายสามที่เขาตั้งใจก้มหัวให้แล้ว เขามิได้สนใจผู้ใดเลย
องค์ชายสามพูดอย่างสุขุม
“ดงหลิน ลุกขึ้นเถอะ”
ดงค์หลินยืนตรงทันที ในสายตาของเขามีแต่องค์ชายสามเท่านั้น
เขามีพลังพอที่จะหยิ่งยโสได้เช่นนั้น แม้เขาจะอายุเพียง 16 ปี เขาก็มีพลังระดับหกขั้นต้นแล้ว! ด้วยพรสวรรค์อันไม่นาเชื่อนี้ก็ควรค่าแก่การยำเกรง!
ในสำนักเซี่ยนหยู ซือหยูรู้จักเพียงคนเดียวที่มีพลังระดับหก นั่นคือศิษย์อสูรลำดับหนึ่ง เซิงยี่หลิน!
นอกจากจะเข้าใจฎีกาสวรรค์แล้ว เขายังบ่มเพาะพลังจนมีพลังระดับหกขั้นต้น เขาคือศิษย์อสูรที่มีโอกาสได้เป็น 10 ลำดับแรกในงานประชุมศักดิ์สิทธิ์!
ดงหลินในสายตาเขาผู้นี้เทียบได้กับเซิงยี่หลิน!
ติชมให้กำลังใจ กดไลค์แฟนเพจมาคุยกันได้เลยจ้าาา