บทที่ 64 - ฉันก็ยังเป็นเจ้าของตึก (3) [อ่านฟรีวันที่ 23/10/61]
บทที่ 64 - ฉันก็ยังเป็นเจ้าของตึก (3)
"..."
สถานที่นัดพบก็ยังคงเป็นร้านน้ำชาเหมือนกับในก่อนหน้านี้ คังมิเรย์ได้มาเจอเขาโดยที่ไม่ใส่หน้ากากอีกครั้งหนึ่ง และแบบนี้ยูอิลฮานก็เลยได้เห็นความเปลื่ยนแปลงทางใบหน้าของเธอเมื่อเธอได้อ่านค่าสเตตัสของคทา
"คุณยูอิลฮาน?"
"ว่าไง"
"นี่มัน.... ไม่"
คังมิเรย์ไม่สามารถจะปล่อยมือจากคทาได้เลย เธอได้สัมผัสมันแน่นและในท้ายที่สุดก็วางมันลงและมองมาที่เขา ใบหน้าของเขาถูกซ่อนเอาไว้แต่ว่าก็ยังมีสายตาของเขาที่เผยออกมาอยู่
"สิ่งนี้มันถูกสร้างขึ้นหลังจากฉันขอคุณจริงๆหรอ?"
"ใช่แล้ว ฉันคิดว่ามันมีออฟชั่นที่คุณคังมิเรย์ต้องการอยู่ทั้งหมดเลยนี่"
"ใช่ มันมีทั้งหมดแน่ แต่ว่าทั้งหมดนี่... มันมากไปนิด"
คังมิเรย์ได้รวบมือเข้าด้วยกันและถอนหายใจออกมา
"คุณได้มีความเกี่ยวข้องกับช่างที่สร้างอาร์ติแฟคหรอ? เขากระทั่งยอดเยี่ยมกว่าฉันจินตนาการซะอีก ฉันนี่มัน... น่าสงสารจริงๆ"
คังมิเรย์ได้ขบริมฝีปากของเธอเล็กน้อย
ตามมาด้วยความชื่นชนในอาร์ติแฟคที่เหนือยิ่งกว่าสมบูรณ์แบบ ผสมกับความอิจฉา ความรู้สึกด้อยค่า ความสงสัยและความรู้สึกแปลกๆที่เธอไม่เคยมาก่อน
"มันไม่ได้เป็นความสามารถของฉันซะหน่อยแต่เป็นของช่างคนนั้น ดังนั้นฉันไม่ได้มีอะไรเลยที่เยี่ยม"
"เรื่องที่ว่าคุณได้ติดต่อกับช่างที่มีความสามารถในการสร้างอาร์ติแฟคที่น่าทึ่งแบบนี้ คุณก็ยังจะขอให้คนๆนั้นสร้างอาร์ติแฟคให้คนอื่นได้อีกด้วย คุณนี่... คุณ"
คังมิเรย์ได้หลับตาของเธอลงไป เธอได้พยายามจะสงบหัวใจที่ตื่นเต้นของเธอเอาไว้ และเธอก็ดูเหมือนจะทำสำเร็จทำให้เธอเปิดตาขึ้นมาอีกครั้ง ดวงตาของเธออได้เปล่งแสงสีม่วงออกมาอย่างรุนแรง
"ก่อนอื่นเลยฉันคิดว่าฉันน่าจะแก้อะไรบางอย่างที่คุณอาจจะเข้าใจผิดหน่อย"
"เข้าใจผิดหรอ?"
"คุณคิดว่าอาวุธนี่มันมีราคาเท่าไหร่?"
"ประมาณ 20... 40 พันล้านมั้ง"
ยูอิลฮานอยากจะพูดไปว่า 20 พันล้านแต่ว่าคิ้วของคังมิเรย์ได้กระตุกทำให้เขาเพิ่มราคามันขึ้นไปสองเท่า แต่คังมิเรย์ก็ยังส่ายหัวของเธอด้วยใบหน้าที่เย็นชา
"ในช่วงเวลา 10 ปีที่แล้วคนบนโลกได้มีประสบการณ์กับสิ่งต่างๆมากมายบนต่างโลกและบางคนก็ยังได้รับอาร์ติแฟคที่น่าทึ่งด้วยโชคที่มหาศาล แต่ยังไงก็ตามฉันสามารถจะบอกได้เลยว่ามันไม่มีคทาอันไหนที่จะเหนือกว่าคทานี้แล้ว เป็นยังไงล่ะ? คุณคิดว่าความสามรถของคนบนโลกต่ำเกินไปหรือป่าว?"
"....เธอกำลังจะบอกว่าไม่มีใครที่ได้รับอาร์ติแฟคที่อยู่ในระดับเดียวกันกับคทาอาร์ติแฟคนี่ในต่างโลกหรอ?"
"ไม่น่าจะมีเลยซักคน ของระดับนี้น่าจะมีแค่ไม่กี่สิบอันเท่านั้นเอง"
ไม่กี่สิบอันในโลกจำนวนมากมาย นี่มันไม่มีทางเลยที่จะตกลงไปอยู่ในมือของคนบนโลก คังมิเรย์ได้พูดต่อออกมา
"มูลค่าของไอเทมนี้จะตัดสินยังไงล่ะ? ใช้อุปสงค์กับอุปทานงั้นหรอ? ถ้างั้นฉันจะถามอีกครั้งนะ ราคาของคทานี้มันควรจะเท่าไหร่?"
"เท่าที่ฉันต้องการสินะ"
"ถูกแล้ว"
จักรพรรดินีได้ยิ้มออกมาบางๆ จากนั้นเธอก็ส่งคทากลับมาฝั่งยูอิลฮาน เธอได้ทำอย่างนี้โดยไม่ลังเลใจ
"เพราะแบบนี้ฉันก็เลยซื้อมันไม่ได้ มันดูเหมือนว่าฉันจะขี้เหนียวมากไปนิด"
"หืมมม"
เธอน่าจะเจ้าเลห์กว่านี้นะ - ยูอิลฮานได้คิดออกมา
ยูอิลฮานก็ไม่ได้โง่ เขารู้ดีว่าสกิลของเขามันพิเศษ และรู้ด้วยว่าอาร์ติแฟคนี้มันมีความสามารถอย่างมาก ไม่ว่าคังมิเรย์จะมีชีวิตดียังไงเธอก็ไม่มีทางที่จะมีเงินพอซื้อของในระดับนี้แน่
ยังไงก็ตามเหตุผลที่เขาต้องการขายให้คังมิเรย์ก็คือเพื่อเพิ่มพลังการต่อสู้ของเธอ เงินมันก็แค่เรื่องรองเท่านั้น เธอก็แค่หลับตาข้างหนึ่งแล้วและยอมรับมันไปซะ แต่ว่าเธอกลับเข้มงวดกับมัน
เธอเข้มงวดกับตัวเองมากเท่ากับที่เธอเข้มงวดกับคนอื่นๆ เธอเป็นคนที่ดูจะไม่ชอบความไม่ซื่อตรง โดยไม่ต้องคำนึงเรื่องชายหญิง เขาก็อดไม่ได้ที่จะประทับใจกับตัวเธอ
"ประมาณ 100 พันล้านล่ะ?"
"มันไม่พอเลยซักนิด"
"ฉันบอกว่าฉันจะให้ราคานี้กับเธอ"
"ฉันขอปฏิเสธ"
ท่าทางของคังมิเรย์ได้น่าเกลียดลงไปเล็กน้อย ยูอิลฮานได้ตระหนักได้แล้วว่าเขาทำพลาดเมื่อเห็นท่าทางที่ไม่สบายใจของเธอ แต่ว่าเขาก็พูดในสิ่งที่เขาต้องพูด
"เธอก็เคยพูดถึงเรื่องความสามารถของฉันมาเมื่อตะกี้นี่"
"ฉันพูดแต่แล้วมันเกี่ยวอะไรกับอาวุธนี่ล่ะ?"
"ถ้าการที่ฉันติดต่อกับช่างที่น่าทึ่งมันเป็นความสามารถของฉัน ถ้างั้นมันไม่ใช่ว่าเธอ คุณคังมิเรย์การซื้ออาวุธนี้ไปในราคาถูกจากฉันมันก็เป็นความสามารถของเธอหรอ?"
"นั่นมันเป็นความสามารถของฉันยังไง?"
"คุณคังมิเรย์มีพลังเวทย์ที่มากพอที่จะสร้างความเสียหายรุนแรงให้กับเสือดาวเงาถึงแม้ว่าจะมีเลเวลที่ต่ำ มันเป็นเหตุผลที่ฉันคิดจะว่าจะขอคุณก็เพราะฉันคิดว่าเธอมีคุณสมบัติที่จะใช้อาวุธที่ดี เพราะแบบนี้การรับอาวุธนี้ไปมันก็เป็นความสามารถของเธอหรอ?"
คำพูดของยูอิลฮานได้ทำให้ท่าทางของคังมิเรย์อ่อนลงเล็กน้อย ความรู้สึกต่ำต้อยของเธอก็ยังลดลงไปหลังจากเธอได้รู้ว่ายูอิลฮานก็ตีค่าเธอไว้
ยังไงก็ตามเธอก็ได้ถามยูอิลฮานกลับไป
"ฉันก็ยังสงสัยอยู่ คุณคิดอะไรอย่างอื่นอีกหรอ? ทำไมถึงได้มาบังคับขายอาวุธนี้ให้กับฉันล่ะ?"
นี่มันไม่ได้ผล...
ยูอิลฮานได้เลียริมฝีปากของเขา ในตอนนี้มันมาแบบนี้แล้วมันไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเผยความจริงออกไป
"ฉันอยากจะให้เธอแข็งแกร่งขึ้นเร็วๆ"
"ทำไมล่ะ"
"ตอนนี้คนบนโลกอ่อนแอเกินไป ฉันกลัวว่าหากเป็นแบบนี้ต่อไปโลกจะจบลง"
"...."
คังมิเรย์ได้พูดไม่ออกไป เธอก็อยากจะแย้งคำพูดที่ยโสนี้แต่ว่าเมื่อคิดย้อนกลับไปถึงพลังที่ไม่น่าเชื่อที่เขาได้แสดงออกมาในระหว่างสู้กับเสือดาวเงา เธอก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากการยอมรับมัน
"เธอก็รู้สถานะของโลกในตอนนี้ดีใช่ไหมล่ะ? มันน่ารำคาญมากพออยู่แล้วที่ทุกๆอย่างมันเปลื่ยนไปอย่างรวดเร็ว แต่ในตอนนี้มันยังมีปัจจัยภายนอกเข้ามาอีกด้วย สิ่งเดียวที่ฉันจะไว้ใจได้ก็คือคนบนโลก แต่ว่าพวกเขาอ่อนแอ อ่อนแอจนเกินไป ยังไงก็ตามฉันคิดว่าเธอ คุณคังมิเรย์น่าจะแข็งแกร่งพอหากว่ามีอาวุธที่เหมาะสม มันเป็นเหตุผลที่ฉันติดต่อเธอ"
"ฟุ่"
คังมิเรย์ได้หายใจแปลกๆออกมา ยูอิลฮานก็คิดว่าเธอกำลังฝึกเทคนิคการหายใจแปลกๆ แต่ว่าจริงๆแล้วมันเป็นการเข้าใจผิดเพราะในเวลาไม่นานนักคังมิเรย์ก็ระเบิดหัวเราะออกมา
"ฟุ๊ ฟุ๊ฟุ๊ฟุ๊ฟุ๊ฟุ๊"
"เธอโอเคนะ?"
"ฟุ๊ฟุ๊ฟุ๊ฟุ๊ฟุ๊ฟุ๊ฟุ๊ฟุ๊ฟุ๊ฟุ๊"
มันดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้ปกติเลยสักคิด เขาได้คิดว่าหากเธอคนนี้บ้าไปจริงๆเขาจะต้องรีบหนีไปให้เร็วที่สุด แต่แล้วคังมิเรย์ก็หยุดหัวเราะลง
จากนั้นเธอก็ได้เอามือจับคทาแล้วดึงไปหาตัวเอง
"โอเค ฉันจะซื้อในราคา 100 พันล้านวอน! ฉันจะเอาความภาคภูมิใจที่ไร้ประโยชน์ทิ้งไปซะ และยอมรับในความปรารถนาของนาย"
"จริงนะ"
"ยังไงก็ตามจำสิ่งนี้เอาไว้"
คังมิเรย์ได้จับคทาแน่นและสายฟ้าก็ได้ส่องประกายออกมาจากตาเธอ หน้าของเธอได้กลายเป็นสีแดงและยูอิลฮานก็แทบจะไม่ตระหนักว่าเธอกำลังโกรธ
"ฉันจะต้องแข็งแกร่งกว่าคุณ แข็งแกร่งกว่าแน่นอน แข็งแกร่งกว่ามากๆจนคุณจะไม่มีทางพูดอะไรแบบนี้กับฉันได้อีก ในเวลานั้นคุณจะต้องไล่ฉันอย่างหมดหวัง เข้าใจแล้วนะ?"
"อ่า เข้าใจแล้ว ยังไงมันก็ไม่สำคัญเลย"
มันเป็นการประกาศออกมาที่สำคัญสำหรับคังมิเรย์ แต่สำหรับยูอิลฮานแล้วเขารู้สึกว่ามันไม่ได้สำคัญเลย มันก็สบายดีไม่ใช่หรอหากว่าโลกจะปลอดภัยได้โดยที่ยูอิลฮานไม่จำเป็นจะต้องมาทำอะไรในเมื่อคังมิเรย์แข็งแกร่งกว่าเขาจนพอจะดูแลโลกได้แล้ว
ตัวยูอิลฮานกับคังมิเรย์ต่างกันตั้งแต่แรกแล้ว คนหนึ่งกำลังเดือดและอีกคนเย็นอย่างมาก
บางทีนี่ก็อาจจะเป็นเเหตุผลทำให้ยูอิลฮานกลายเป็นตัวกระตุ้นคังมิเรย์ก็ได้ ยูอิลฮานไม่ได้รู้เรื่องนี้ เขาแค่ยิ้มออกมาอย่างสดใสเมื่อการทำธุรกรรมของเขาสำเร็จ
จากนั้นเขาก็หยิบเอาเสื้อคลุมออกมาจากกระเป๋าสะพายและพูดกับเธอ
"ถ้างั้นเธอจะเอาชุดคลุมด้วยไหม? โชคดีนะที่มันหยุดอยู่แค่ยูนีค"
"...."
คิมิเรย์ได้ตัวแข็งทื่อไปในท่าประกาศของเธอและในท้ายที่สุดเธอก็ยื่นมืออกมาตรวจสอบในข้อมูลของชุดคลุมที่ยูอิลฮานส่งให้ จากนั้นเธอก็พูดออกมาด้วยเสียงที่เบาเหมือนมด
"ฉันขอโทษนะ แต่ว่าฉันโทรไปหาเพื่อนได้ไหม? ฉันมีเงินไม่พอ"
"ตามสบาย"
ยูอิลฮานได้หยักหน้าเข้าใจ เขาจะไม่พูดแบบนี้แน่หากเขารู้ว่าคนที่เธอโทรไปเรียกเป็นใคร แต่ว่าเขาก็ไม่ได้รู้ในทุกๆสิ่งทำให้มันช่วยอะไรไม่ได้
และในเวลาไม่ถึง 10 ทีคนๆนั้นก็มาถึงซึ่งไม่ใช่ใครอื่นนอกจากนายูนา
"ได้ไง!"
"อ่า นั่นอิลฮาน!"
"ฉันบอกว่าอย่ามาเรียกฉันเหมือนเพื่อน"
ยูอิลฮานได้โต้กลับนายูนาไปในขณะที่ขมวดคิ้วหลังจากได้เห็นเธอโบกมือมาด้วยรอยยิ้มสดใส เขาได้รู้ถึงความสนิทที่ชิดเชื้อกันของนายูนากับคังมิเรย์ แต่ว่าใครจะคิดว่าเพื่อนที่โทรไปขอยืมตังจะเป็นเธอคนนี้ล่ะ ในขณะที่ยูอิลฮานกำลังหดหู่ คังมิเรย์ก็ได้ดึงตัวนายูนาไปอย่างไร้ปราณีและให้ตัวนายูนานั่งลงข้างๆเธอเอง
"อย่าทำเป็นเด็กน่านายูนา"
"แต่ว่ามิเรย์ ตอนฉันถามเธอเธอบอกว่าไม่รู้จักยูอิลฮาน"
"ฉันพึ่งรู้จักเขาไง"
"โกหกกก ทั้งสองคนกำลังเดทกันหรอ? นี่มันไม่ดีเลย"
"ฉันพึ่งรู้จักเขา"
เมื่อคังมิเรย์ได้ย้ำกับตัวเองในขณะที่สร้างสายฟ้าขึ้นบนมือของเธอ นายูนาก็ได้ปิดปากในขณะที่หัวเราะไปด้วย คังมิเรย์ได้อธิบายสถานการณ์ของเธออกไปอย่างรวดเร็วและนายูนาก็ได้ตรวจสอบในความสามารถของคทาและชุดคลุมอย่างรวดเร็ว
จากนั้นเธอก็ตะโกนออกมาพร้อมกับมีดาวออกมาจากตาเธอ
"ได้โปรดทำมันให้ฉันด้วย"
"นั่นเป็นเหตุผลที่ฉันบอกไง ไปหาหินศักดิ์สิทธิ์มา"
"อื้อ โอเค ถึงภารกิจจะยากก็เถอะนะ"
นายูนาได้หยักหน้าอย่างเชื่อฟังและตกไปอยู่ในความคิดทั้งๆที่กัดเล็บเหมือนกับเด็ก จากนั้นเธอก็พูดออกมา
"ไม่ใช่ว่าเราต้องเปิดบัญชีที่มีเงิน 150 พันล้านให้เขาแล้วก็มอบอาคารหรอ?"
"ที่ไหนล่ะ?"
"มีคุณปู่คนนึงที่เก็บพื้นที่ในกังนัมอยู่ แต่ว่าเขาน่าจะให้ฉันถ้าฉันให้เขาจุ๊บ"
"อ่า นั่นมันแน่นอน..."
เมื่อได้เห็นการที่ห่างไกลจากจิตสำนึกปกติระหว่างสองคน ยูอิลฮานก็แค่ตัดสินใจหยุดคิด
มันเป็นเรื่องง่ายสำหรับเขาที่จะคิดว่าคนพวกนี้แตกต่างจากเขา ระหว่างผู้ที่กลับมากับถูกทิ้ง มันชัดเจนมากใช่ไหม? ความจริงที่ว่าสองคนนี้เกิดมาพร้อมกับช้อนเพรชในปาก มีภาพลักษณ์ภายนอกที่สมบูรณ์แบบ และแม้กระทั่งความสามารถที่พิเศษมันทำให้ยูอิลฮานหงุดหงิดแต่เขาก็เก็บมันไว้
"คุณบอกว่าคุณจะทำให้ฉันกับพี่ฮาจินด้วยใช่ไหม? ถ้างั้นเราต้องให้คุณมากกว่านี้"
"นี่มันพอแล้ว ฉันไม่ได้คิดที่จะทำธุรกิจที่นี่"
"มันดูเหมือนว่าคุณจะดีจริงๆเลย ฉันคิดว่าบ้านของฉันมันดีที่สุดในเกาหลีแล้ว"
"ไม่"
การทำธุรกรรมมันได้จบลงในบันทึกที่ชัดเจน
มันได้จบลงด้วยการที่พวกเธอเปิดบัญชีที่มีเงินกว่า 150 พันล้านวอนและเขาก็ได้ตัดสินใจว่าเขาจะรับอาคารนั่น เขาคิดว่านี่มันจบแล้วแต่ว่าคังมิเรย์ได้พูดออกมาในขณะกอดคทาแน่น
"ไม่ต้องห่วงเรื่องภาษี พวกเราจะจัดการเอง"
"...งั้นสินะ"
หลังจากทำธุกิจเสร็จแล้วยูอิลฮานก็ได้จากไปและภายในห้องก็เหลือเพียงแค่คังมิเรย์กับนายูนา
คังมิเรย์ยังคงกอดคทาเธอเอาไว้อยู่และนายูนาก็ได้มองไปในที่ที่ยูอิลฮานจากไป
แล้วตอนนั้นเองจู่ๆนายูนาก็ถามออกมา
"เธอชอบอิลฮานหรอ? ในที่สุดนี่ก็เป็นรักแรกของเธอสินะ?"
"ม่มีทาง"
คังมิเรย์ได้ปฏิเสธในทันที
"คนๆนั้นคือคู่แข่งของฉัน แน่นอนว่าในอนาคตฉันจะก้าวข้ามเขาไป"
"แบบนั้นสินะ เอาเถอะเขาน่าสนใจจริงๆ แต่ว่าฉันคิดว่าเราควรจะเฝ้ามองเขาเอาไว้ตลอด"
"...เธอสนใจเขางั้นหรอ?"
"นิดหน่อยยย? ฉันคิดว่าเขาจะตอบสนยองในความต้องการของหลานชายของเธอได้ อืมม ก็แค่นิดหน่อยนะ"
"โอเค"
คังมิเรย์ได้หยักหน้าอย่างใจเย็น ส่วนนายูนาได้เริ่มเป่ากาแฟร้อนๆในแก้วด้วยใบหน้าไร้เดียงสา แต่ว่าคังมิเรย์ก็ไม่ได้รู้เลยว่าเธอคิดอะไรอยู่
นายูนาเป็นแบบนี้มาตั้งนานแล้ว ไมไเคยมีใครรู้ในสิ่งที่อยู่ในใจเธอเลย
'แต่ว่าคนๆนั้นไม่ได้แย่ยูนา'
นายูนาได้คิดขึ้น
เธอไม่ได้อยากจะโกหกนายูนาจริงๆ ชอบยูอิลฮานหรอ? เธอเชื่อมั่นว่ามันไม่มีความสัมพันธ์แบบนั้นระหว่างพวกเธอ เนื่องจากว่าพวกเธอแค่ได้สู้ด้วยกันสองครั้งและมาเจอกันเพื่อทำธุรกิจเท่านั้นเอง
ยังไงก็ตามยูอิลฮานก็เป็นคนที่มีพรสวรรค์มากกว่าคนอื่นๆที่เธอเคยเจอมาจนตอนนี้ แม้ว่าความจริงแล้วเขาจะมากพอ ไม่สิ มีพลังมากเกินไป เขาได้ทำทุกๆอย่างโดยไม่หยุดเลย แต่ว่าเขาก็ไม่ได้เต็มที่ไปหมด ที่สำคัญที่สุดคือเขาหนักแน่นและผ่อนคลายไปในเวลาเดียวกันซึ่งมันได้แสดงออกมาผ่านการกระทำของเขา
ความสามารถของเขามันเหมาะสมแล้วกับความเชื่อมันและแม้กระทั่งเสน่ห์ มีเพียงชายแบบนี้เท่านั้นที่เหมาะสมจะพิชิตคังมิเรย์
'เขาเป็นคนที่เข้ากับฉันได้ บางทีเขาอาจจะทำได้มากกว่าที่ฉันมีก็ได้'
คังมิเรย์ก็อยากจะได้ตัวยูอิลฮานมา เมื่อมองไปที่เขาเธอก็อดไม่ได้ที่จะได้ตัวเขามา
ความปรารถนาแรกสำหรับการครอบครองบุคคล ผู้คนมักจะบอกว่าสายเลือดมันไม่มีทางปลอมกันได้และมันดูเหมือนว่าเธอจะเหมือนกับคังฮาจินในเรื่องนี้
ยังไงก็ตามเธอก็ไม่เชื่อว่านี่คือความรัก ถ้าหากไม่รวมในความสัมพันธ์แบบครอบครัวกับคังฮาจินแล้วก็นายูนาแล้ว เธอคิดว่าความสัมพันธ์กับมนุษย์คือการค้า
เพราะแบบนี้เพื่อที่จะได้ตัวยูอิลฮานมาเธอจำเป็นต้องเอาตัวเองไปอยู่ในเส้นทางเดียวกัน จากนั้นมันก็จะกลายเป็นการค้าที่ยุติธรรม ถ้าหากว่าเธอคิดว่ามันไม่พองั้นเธอก็จะพยายามเข้าหาเขาอีกครั้งหลังจากยกระดับคุณค่าของตัวเธอเอง พัฒนาขึ้นไปเหมือนกับที่เขาต้องการ ไม่สิ ต้องมากยิ่งกว่านั้น มากพอที่เขาจะหยักหน้ายอมรับเธอ
มันไม่มีทางแน่ที่เธอจะปล่อยให้นายูนาขโมยเขาไป
แน่นอนว่าเธอก็ไม่เคยรู้เลยว่าศัตรูที่ใหญ่ที่สุดของเธอกลับไม่ใช่แค่นายูนา