ตอนที่แล้วDND.46 - มงกุฎศักดิ์สิทธิ์
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปDND.48 - สมบัติลับราชวงศ์

DND.47 - เพราะข้าแกร่งกว่าเจ้า


10 ศิษย์อสูรไปตามเส้นทางของตน ผู้นำคือชายหนุ่มอายุ 18 ร่างกำยำ กล้ามเนื้อของเขาเต็มไปด้วยแรงที่พร้อมระเบิดออกมา เขาที่รู้สึกได้ถึงบางอย่างก็หันไปดูและพบว่าซือหยูหายตัวไปแล้ว

“เฉาลี่ คนที่หายไปคือซือหยูคนนั้นสินะ?”

ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ

เฉาลี่รู้สึกถึงความโกรธจากเขาและรู้เหตุผลเบื้องหลัง เซี่ยจิงหยูคือนางในฝันของเขา แต่นางกลับสละความบริสุทธิ์เพื่อช่วยซือหยู

เฉาลี่พ่ายแพ้แก่ซือหยูและไม่มีทางลืมเรื่องที่เกิดขึ้น

“ฮื่ม! ใช่ นั่นแหละมัน! ตอนที่เขามีฎีกาสวรรค์เขาก็ไม่สนใจพวกเราแล้ว พี่ใหญ่เซิง ท่านเข้าใจฎีกาสวรรค์ก่อนมันซะอีก ซือหยูนั่นเทียบกับท่านได้ไหม? มันก็แค่แมลงเล็กๆที่ไต่มาจากพวกระดับเงินไร้ประโยชน์!”

“อย่าให้มันมาเจอข้าอีกแล้วกัน!”

หนุ่มร่างกำยำกำหมัดแน่น เขามองผ่านเซี่ยจิงหยูที่งดงามราวเทพธิดา เขามิอาจหยุดหลงใหลต่อนางไปได้

เฉาลี่ที่หยาบคายนับถือชายผู้นี้เพราะเขาคือศิษย์อสูรลำดับหนึ่งแห่งสำนัก เซิงยีหลิน!

เขาคือศิษย์อสูรคนเดียวในสำนักที่มีฎีกาสวรรค์! พลังของเขาเหนือกว่าศิษย์อสูรทั้งหมดในรุ่นเดียวกันทำให้เขาไม่มีคู่แข่งในสำนักเลย! ในงานประชุมศักดิ์สิทธ์ เขาคือความหวังสูงสุดที่จะได้มงกุฎผู้ชนะ!

เฉาลี่เทียบพลังของซือหยู แต่หากอยู่ต่อหน้าเซิงยีหลิน ซือหยูอาจจะทนการโจมตีเดียวไม่ได้ด้วยซ้ำ!

องค์ชายลำดับสามเป็นลูกของนางสนม มีข่าวลือว่ากษัตริย์ไปข้องเกี่ยวกับสามัญชนและให้กำเนิดบุตรชายซึ่งถูกนำตัวกลับเข้าวังหลวงในภายหลัง

องค์ชายลำดับสามไม่มีใครที่ไว้ใจได้เลยในวัง แม้ว่าเขาจะดูแลประชาชนอย่างดีและทำให้เขามีชื่อเสียงที่ดีต่อประชาชน แต่ทำไมเขาถึงไม่มีอำนาจที่จะแก่งแย่งบัลลังก์กับพี่ใหญ่ทั้งสอง?

แม้ดยุคจื่อฉวนที่สนับสนุนเขาก็ถูกฆ่าล้างตระกูลด้วยข้อหากบฎจากองค์ชายลำดับหนึ่งและสอง

มีเพียงกลุ่มเล็กๆเท่านั้นที่กล้าสนับสนุนองค์ชายลำดับสาม รัฐมนตรีและขุนพลทั้งหมดต่างยืนข้างองค์ชายลำดับหนึ่ง

การลงโทษดยุคเซี่ยนหยูนับเป็นตัวอย่างแก่ผู้อื่นอย่างดี ทำให้เหล่าผู้มีอำนาจต่างเลือกข้างขององค์ชายลำดับหนึ่ง

องค์ชายลำดับหนึ่งเพียงรอให้กษัตริย์ตายและขึ้นเป็นกษัตริย์องค์ใหม่แห่งเฟิงหลิน

องค์ชายลำดับสามไม่คิดจะครองบัลลังก์ เขาจึงอยู่อย่างสันโดษในวังหลวงเพื่อแสดงตนว่าเขาไม่ได้ใฝ่หาชื่อเสียงและความมั่งคั่ง ตลอดมาเขาฝึกฝนพลังและเอาตัวออกห่างจากกิจการภายนอก

ในวันนั้น ชายหนุ่มยืนอย่างเงียบเชียบที่ทางเข้า เขาสวมหมวกไผ่เพื่อกันฝนและมีใบหน้าหล่อเหลา

“เจ้าเป็นใคร?”

หัวหน้าองครักษ์เฝ้าประตูมีพลังระดับสี่ถามเขาอย่างระมัดระวัง

ชายหนุ่มที่ตาเป็นประกายตอบ

“องค์ชายลำดับสามอยากเจอข้า!”

เขาชี้นิ้วที่กึ่งกลางหน้าผาก เขายกหมวกไผ่ขึ้นเพื่อให้บัญชาศักดิ์สิทธิ์เปล่งแสงสว่างออกมา

“รอที่นี่!”

ไม่นาน….

ชายแก่สวมชุดที่ม่วงออกมาจากทางเข้าเพื่อตรวจสอบซือหยู

เขาลูบเคราะและหันกลับไปในวัง

“ตามข้ามา”

ชายแก่พาซือหยูเข้าวังองค์ชายทันที มีเสียงวิหคร่ายร้อง กลิ่นบุพผาหอมอ่อนๆกระจายไปทั่วและแอ่งน้ำไหล ในวังมีบรรยากาศสงบเป็นมงคล

มีศาลางดงามอยู่กลางแอ่งน้ำ ในนั้นมีชายหนุ่มผมยาวสวมชุดขาวถือตำราโบราณและเปิดอ่านอย่างเงียบเชียบ

เขาคือองค์ชายลำดับสามผู้ซึ่งมิใฝ่หาเกียรติยศเงินทอง เขาอยู่อย่างสันโดษในวังหลวง

“องค์ชายสาม คนที่ท่านอยากพบมาถึงแล้ว”

องค์ชายลำดับสามเงยหน้ามอง แม้ว่าเขาจะดูปอนๆ ดวงตาลึกราวมหาสมุทรที่ฉายแววปัญญาก็เปล่งประกายตลอดเวลา

“ไม่เจอกันนานนะซือหยู”

องค์ชายลำดับสามหัวเราะ

ซือหยูถอดหมวกไผ่ ดวงตาเขาเยือกเย็นราววารี

“องค์ชายสาม!”

“ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะมาหาข้าที่วัง”

องค์ชายยิ้มและเหลือบมองซือหยู

ซือหยูหัวเราะ

“ข้าก็ไม่คิดว่าท่านจะยอมเจอข้าง่ายๆเช่นนี้”

องค์ชายลำดับสามส่ายหัวเบาๆและหัวเราะ แต่เขาก็เปลี่ยนน้ำเสียงเป็นเย็นชา

“เจ้าผิดแล้ว ข้าให้เจ้าเข้ามาเพราะเจ้าจะได้หนีไม่ได้ต่างหาก!”

“เอาเลย!”

องค์ชายลำดับสามแสดงความไม่เป็นมิตรทันที!

ไม่นานเงาสามร่างที่ซ่อนอยู่ก็ปรากฏตัวออกมา! สองคนมีพลังระดับห้าขั้นกลางและอีกคนมีพลังระดับห้าขั้นสูง! ทั้งสามคนใช้ตาข่ายเพชรจับซือหยู พวกเขาอยู่ใกล้ซือหยูมาก ซือหยูไม่มีทางหลบได้แน่!

ตาข่ายใหญ่มากและปิดพื้นที่รอบศาลาไว้หมดซึ่งปิดทางหนีของซือหยูด้วย

ตาข่ายตกใส่ศีรษะซือหยูและชายทั้งสามก็เข้าจับตัวซือหยูโดยไม่ให้เขาขยับตัว

ซือหยูไร้แรงต่อต้านและพูดอย่างเย็นชา

“องค์ชายสาม นี่มันเรื่องอะไรกัน?”

“เจ้าฆ่าพี่ชายข้า เป็นความผิดต่อตระกูลข้า แล้วเจ้ายังมาหาข้าด้วยตัวเองเช่นนี้ ข้าจะปล่อยเจ้าไปได้ยังไง? เอาตัวมันไป!”

ซือหยูที่ติดกับดักถูกพาไปยังสวนขององค์ชายลำดับสาม องค์ชายตามมาด้วยความโกรธ ชายแก่ชุดม่วงตาเป็นประกายและโค้งคำนับ

หลังจากที่พาซือมาก็บิดปากและดูถูกซือหยู

“ได้ยินว่าลูกชายของดยุคเซี่ยนหยูแกร่งมาก ทั้งยังมีฎีกาสวรรค์! ไม่คิดว่าจะโดนจับง่ายเช่นนี้ ข่าวลือช่างแตกต่างจากความจริงนัก!”

แต่ก็มีเสียงหัวเราะอย่างไม่ใส่ใจออกมา

“หลินเสี่ยว เจ้าผิดแล้ว เขาเป็นเช่นนั้นจริงๆ และเขาก็แสร้งถูกเจ้าจับจนถึงตอนนี้”

หลินเสี่ยวตกตะลึง

“เขาแกล้งโดนจับงั้นรึ?”

ซือหยูหัวเราะจากด้านหลังและตะโกน

“สายฟ้าดาราม่วง!”

สายฟ้ารุนแรงปะทุออกมาทันทีพร้อมกลิ่นไหม้ หมัดทั้งสองเคลื่อนไหวอย่างอิสระทำให้ตาข่ายเพชรถูกทำลาย

ตาข่ายขาดออกและซือหยูก็เดินออกมาอย่างง่ายดาย!

หลินเสี่ยวตกตะลึง! ตาข่ายเพชรแข็งแรงมาก! คนที่มีพลังระดับห้าลงมาไม่มีทางหนีได้เลย!

“ไม่ดีแน่! จับมันเร็ว!”

หลินเสี่ยวโกรธและลงมือทันที!

“หยุดก่อน!”

คำสั่งดังมาจากด้านหลังหลินเสี่ยว

หลินเสี่ยวมองกลับไปอย่างสับสน ซือหยูมองชายข้างหลังหลินเสี่ยวอย่างใจเย็นและหัวเราะ

“ดูเหมือนข้าจะมองไม่ผิด ข้าคือคนที่องค์ชายสามอยากจะพบจริงๆด้วย”

องค์ชายลำดับสามยิ้มแย้ม ความเย็นชาเมื่อครู่ได้หายไปราวกับเป็นคนละคน!

“น้องซือรู้ได้ยังไงว่าข้าแสร้งจับตัวเจ้า?”

“ท่านต้องการข้า ท่านจับตัวข้าก็เพื่อแสดงให้คนอื่นเห็น ซึ่งน่าจะเป็นชายแก่ชุดม่วงนั่นใช่หรือไม่?”

องค์ชายลำดับสามมองซือหยูด้วยความชื่นชม

“ที่ตำหนักเซี่ยนหยู ข้ารู้สึกว่าเจ้าต่างจากคนอื่นยิ่งนัก ข้ารู้สึกถึงสติปัญญหาเฉียบแหลมจากเจ้า และตอนนี้มันก็บอกว่าข้าคิดถูก”

“คนชุดม่วงนั่นคือผู้ดูแลตำหนักข้าที่ถูกองค์ชายหนึ่งติดสินบน หากเขารู้ว่าข้าต้อนรับเจ้าอย่างดีชีวิตข้าคงจะกลับตาลปัตร”

ซือหยูนับถือองค์ชายลำดับสามมาก เขาคิดว่าองค์ชายลำดับหลักแหลม ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นก็บอกว่าเขาคิดถูกแล้ว

แม้เขาจะรู้ว่าชายชุดม่วงถูกติดสินบน เขาก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้เพื่อหาโอกาสต่อกรกับองค์ชายลำดับหนึ่ง เขาซ่อนพลังเอาไว้เพื่อหลอกองค์ชายลำดับหนึ่ง ซึ่งในควมจริงแล้วเขายังแอบรวบรวมพลังเพื่อรอจังหวะแก่งแย่งบัลลังก์!

หลินเสี่ยวไม่เชื่อสายตา องค์ชายลำดับสามบอกความลับกับซือหยู! หรือองค์ชายลำดับสามจะมีเรื่องสำคัญให้ซือหยูทำ?

พวกเขาเข้าไปยังห้องลับ หลินเสี่ยวไม่เดินสักก้าว เขายังคงแน่วแน่ที่จะปกป้ององค์ชายลำดับสามและจ้องซือหยูอย่างป่าเถื่อน

“น้องซือ เจ้าเสี่ยงมากที่มาหาข้า คงไม่ใช่เพราะเรื่องที่ว่ามาในตอนแรกใช่หรือไม่?”

องค์ชายลำดับสามหัวเราะ

ซือหยูดื่มชาและพูด

“ข้าไม่ได้บอกก่อนหรือว่าท่านต้องการข้า? ข้ามานี่เพื่อช่วยท่าน!”

“เจ้าจะช่วยข้าเรื่องอะไร?”

องค์ชายลำดับสามยังคงหัวเราะอย่างไม่แยแสเช่นเคย

ซือหยูตาเป็นประกาย

“แน่ล่ะ...เพื่อช่วยท่านสู้แย่งบัลลังก์!”

สู้แย่งบัลลังก์! ซือหยูค่อยๆพูดสี่คำนี้อย่างชัดเจนทำให้มันมั่นคงราวกับจะสะเทือนสวรรค์!

หลินเสี่ยวเปลี่ยนสีหน้าทันที เขาแผ่จิตสังหารออกมา

“เจ้ากล้าพูดเช่นนั้นได้อย่างไร! คุกเข่าลงเดี๋ยวนี้!”

“หยุดก่อน!”

องค์ชายลำดับสามตะโกน เขาหรี่ตามองซือหยู

“เจ้าพูดอะไรกัน น้องซือ? ข้าไม่เข้าใจ”

ซือหยูยิ้ม

“ท่านและข้าเข้าใจดี ตั้งแต่ครั้งโบราณ กษัตริย์ถูกสร้างด้วยศพคนนับหมื่นเพื่อแก่งแย่งอำนาจ หากองค์ชายหนึ่งได้ครองบัลลังก์ ท่านก็จะเป็นเสี้ยนหนามและถูกเขาริดออกไปในที่สุด”

“ท่านเป็นคนหลักแหลม ข้าไม่เชื่อว่าท่านจะไม่เตรียมการสิ่งใดไว้ก่อน!”

องค์ชายลำดับสามจ้องซือหยูและหัวเราะเสียงดัง

“ฮ่าๆๆ ซือหยู เจ้าเยี่ยมจริงๆ! ข้ามองเจ้าผิดไป เจ้าปราดเปรื่องกว่าที่ข้าคิดมากทีเดียว! ดยุคเซี่ยนหยูเลือกบุตรเขยได้น่าประทับใจนัก!”

“เจ้าคิดไม่ผิดเลย ข้าไม่ยอมแพ้โดยไม่ต่อต้านแน่ แต่เจ้าจะช่วยข้าเช่นใดกัน? เพียงประสงค์ของข้าเจ้าก็ออกไปทางที่นี่ไม่ได้แล้ว ไม่ต้องพูดถึงอำนาจพี่ชายข้าเลย”

“ด้วยราชันย์ศักดิ์สิทธิ์ พลังราชวงศ์ก็เทียบเท่ามดปลวกเท่านั้น”

องค์ชายลำดับสามเปลี่ยนความคิดและเยาะเย้ย

“เจ้าอยากจะร่วมงานประชุมศักดิ์สิทธิ์และได้ที่หนึ่งเพื่อให้ราชันย์ศักดิ์สิทธิ์ทำตามประสงค์ของเจ้างั้นรึ?”

“ใช่แล้ว!”

ซือหยูพูดอย่างไม่แยแส

“วันนั้น ข้าสาบานว่าหากข้าไม่ฆ่าองค์ชายหนึ่ง ข้าจะไม่ใช่คน!”

“ข้าจะได้ลำดับหนึ่งในงานประชุมศักดิ์สิทธิ์และประสงค์ของข้าคือ...ฆ่าองค์ชายหนึ่ง!”

ซือหยูยังคงชิงชังจากก้นบึ้งของหัวใจ

“หากองค์ชายหนึ่งตาย ท่านจะเป็นองค์ชายคนเดียวของแคว้น หากยังไม่ได้บัลลังก์ก็แสดงว่าท่านไร้ความสามารถในการเป็นกษัตริย์”

คนในห้องลับตื่นตระหนก! ซือหยูคิดจะได้ลำดับหนึ่งในงานประชุมศักดิ์สิทธิ์ แม้ว่าที่เขาทุ่มเททั้งหมดจะไม่ได้อะไรก็ตามงั้นหรือ?

องค์ชายลำดับสามเงียบไปชั่วครู่ ดวงตาเปล่งประกายของเขาหม่นหมองและรู้สึกผิดหวังทันที

เมื่อคุยกับซือหยูก็พบว่าซือหยูมีประสบการณ์มากและมองความเป็นไปของโลกอย่างชัดเจน นี่ทำให้องค์ชายลำดับสามรู้สึกว่าเขาได้เจอกับสหายโดยบังเอิญ

แต่เมื่อได้ยินประโยคเมื่อสักครู่ก็ทำให้เขาผิดหวัง แม้ซือหยูจะฉลาดและแข็งแกร่ง เขาก็อวดดีเกินไป

เขาหวังไว้สูงเกินกว่าจะไปถึง และจะตกลงสู้ก้นบึ้ง เขาคือพวกใจร้อนที่รับความพ่ายแพ้ไม่เป็น คนเช่นนี้จะใช้ในงานสำคัญมิได้

ในงานประชุมศักดิ์สิทธิ์ ศิษย์อสูรจากทั้งแคว้นจะรวมตัวกัน แต่ละคนต่างเป็นอัจฉริยะของยุคสมัย พวกเขานับว่าเป็นอัจฉริยะที่จะสั่นสะเทือนโลก แม้ว่าซือหยูจะแข็งแกร่ง ก็ไม่มีทางที่เขาจะไปสู้คนเหล่านั้นได้เลย

หลินเสี่ยวกลั้นหัวเราะไม่อยู่ เขาหัวเราะอย่างโกรธเกรี้ยว

“เจ้าช่างอวดดีและโง่เขลา! ข้ายังไม่แน่ใจเลยว่าข้าจะติดห้าสิบอันดับแรกหรือไม่ แล้วเจ้ามีสิทธิ์อะไรมาคิดว่าเจ้าจะได้มงกุฎนั่น?”

ซือหยูสุขุมและพูดด้วยความเย็นชา

“เหตุผลช่างธรรมดานัก...เพราะข้าแกร่งกว่าเจ้า!”

Banshee

ติชมให้กำลังใจ กดไลค์แฟนเพจมาคุยกันได้เลยจ้าาา

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด