ตอนที่ 93 ถูกโน้มน้าวให้เป็นศิษย์
ในศาสตร์แห่งการปรุงยา ถ้าคุณสมบัติของเม็ดยาที่หลอมเสร็จแล้วอยู่ในระดับมาตรฐาน จะเรียกว่าเป็นเม็ดยาระดับสิบดาว ถ้าคุณภาพเหนือกว่ามาตรฐานก็จะเป็นสิบเอ็ดหรือสิบสองดาว โดยปกติแล้วคุณภาพจะไม่เกินสิบสองดาว ถ้าเม็ดยามีคุณภาพต่ำกว่ามาตรฐาน มันจะถูกจัดอยู่ในระดับหนึ่งถึงเก้าดาว และเม็ดยาใดๆก็ตามที่ต่ำกว่าหนึ่งดาว จะถูกตัดสินว่าเป็นขยะที่ใช้การไม่ได้
“แม้จะให้ข้าหลอมเม็ดยาระดับต่ำ คุณภาพที่ดีที่สุดที่ข้าเคยทำได้ก็คือสิบสองดาวเท่านั้น!” ฟูหยวนเชิงอุทานออกมาด้วยความตะลึง
ใบหน้าของหลีซื่อฉางเต็มไปด้วยไม่อยากจะเชื่อ
ตัวของนางแน่นอนว่าเป็นอัจฉริยะ ไม่เช่นนั้นนางคงไม่ถูกหวู่ซงหลินรับเปิดศิษย์ส่วนตัว แต่ถึงอย่างนั้นเม็ดยาส่วนใหญ่ที่นางหลอมได้ก็เป็นเพียงเม็ดยาระดับสิบเท่านั้น และมีไม่กี่ส่วนเท่านั้นที่นางจะหลอมออกมาอยู่ที่ระดับเก้าดาวหรือสิบเอ็ดดาว
ยิ่งกว่านั้นเม็ดยาวายุพัดทะยานยังถูกเรียกว่าหนึ่งในเม็ดยาระดับเหลืองขั้นกลางที่หลอมยากที่สุด ยกตัวอย่างเช่นตัวนางเอง นางได้ฝึกฝนการหลอมเม็ดยาวายุพัดทะยานมาเป็นเดือนแล้ว แต่ทุกๆครั้ง ความพยายามทั้งหมดของนางก็จะจบอยู่ที่เตาหลอมระเบิด จึงเป็นสิ่งที่ยืนยันได้ว่าการหลอมเม็ดยานี้มันยากขนาดไหน
เม็ดยาเช่นนี้ ตราบใดที่หลอมขึ้นมาได้ มันก็ถือว่าเป็นความสำเร็จแล้ว ถึงแม้คุณภาพจะอยู่ที่สามหรือสี่ดาวก็ตาม เม็ดยาประเภทนี้ก็สามารถขายได้ราคาและมีลูกค้ามากมายต้องการจะซื้อแล้ว ถ้าหากคุณภาพของมันอยู่ที่สิบสามดาวจริงๆ... ผู้คนจะต้องก่อสงครามเพื่อแย่งมันมาแน่ๆ!
คุณภาพของเม็ดยาวายุพัดทะยานที่หวู่ซงหลินสามารถหลอมขึ้นมาได้คือแปดดาวเท่านั้น และสถิติที่เขาเคยทำได้ดีที่สุดคือเก้าดาว
หรือว่าอาจารย์จะมองผิดไป?
“หนุ่มน้อย!!” ดวงตาของหวู่ซงหลินเกิดประกายแวววาว ภายในพริบตา มันได้วิ่งเข้ามาหาหลิงฮัน และจับมือเขา “เมื่อสักครู่เจ้าใช้สามเพลิงชี้นำสินะ?”
“อืม!” หลิงฮันพยักหน้า
หวู่ซงหลินและฟูหยวนเชิงต่างก็สูดหายใจอย่างไม่เป็นจังหวะ นี่คือสิ่งที่เรียกได้ว่าเป็นตำนานในหมู่ตำนาน!
เด็กหนุ่มที่รู้จักวิธีการใช้สามเพลิงชี้นำมันหมายความว่าอย่างไรน่ะรึ?
“หนุ่มน้อย ยอมรับข้าเป็นอาจารย์ของเจ้าสิ ข้ารับประกันได้เลยว่าในชีวิตนี้เจ้าจะต้องกลายเป็นนักปรุงยาระดับปฐพีได้เป็นอย่างน้อยแน่นอน!” หวู่ซงหลินขึ้นมาในทันที
เมื่อได้ยินคำพูดของหวู่ซงหลิน ฟูหยวนเชิงเข้าใจในทันทีว่าหลิงฮันไม่มีความเกี่ยวข้องกับหวู่ซงหลิน มันจึงขึ้นแย้งขึ้นมา “ไม่ ไม่ ไม่ รับข้าเป็นอาจารย์ดีกว่า! ข้าคือผู้นำของตำหนักโอสถสวรรค์สาขาแคว้นพิรุณ และข้ามีทรัพยากรนับไม่ถ้วนอยู่ในมือ เจ้าสามารถหยอมเม็ดยาอะไรก็ได้ที่เจ้าต้องการ!”
“ไร้สาระ! เฒ่าฟู เจ้าควรจะเข้าใจด้วยนะว่าที่นี่คืออาณาเขตของสำนักฮูหยางของข้า! เจ้าคิดจะแย่งศิษย์ของข้าไปอย่างนั้นรึ?” หวู่ซงหลินโมโหขึ้นมา เด็กหนุ่มคนนี้คืออัจฉริยะแห่งศาสตร์ปรุงยาที่ไม่เคยได้พบเจอมาก่อนภายในหนึ่งพันปีนี้อย่างแน่นอน เพียงแค่มองไปยังเม็ดยาวายุพัดทะยานเม็ดนั้นก็สามารถรู้ได้ในทันที ว่ามันอยู่ในระดับสิบสามดาวซึ่งเป็นระดับที่ไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน!
“เจ้าหมายความว่าอย่างไรที่ว่าข้าแย่งศิษย์ของเจ้าไป? เจ้าไม่รู้แม้กระทั่งชื่อแซ่ของเด็กหนุ่มคนนี้ด้วยซ้ำ แต่กลับกล้าพูดออกมาว่าเขาคือศิษย์ของเจ้า?” ฟูหยวนเชิงพูดออกไปอย่างดูถูก ก่อนที่จะหันกลับมายังหลิงฮันด้วยรอยยิ้มอีกครั้ง “หนุ่มน้อย เจ้าชื่อว่าอะไร?”
หลีซื่อฉางตกอยู่ในอาการตะลึงอย่างสิ้นเชิง ชายชราทั้งสองคือนักปรุงยาที่มีระดับสูงที่สุดในแคว้นพิรุณ ไม่ว่าใครคนใดหากประกาศออกมาว่าต้องการจะรับศิษย์ จะต้องมีผู้คนมาต่อแถวรอกันตั้งแต่ประตูทิศตะวันออกไปไปจนถึงประตูทิศตะวันตกของเมืองจักรพรรดิอย่างแน่นอน
แต่ตอนนี้ทั้งสองคนกลับกำลังโต้เถียงกันว่าใครจะได้เป็นหลิงฮันมาเป็นศิษย์ แถมทั้งสองยังอาจจะทะเลาะกันจนถึงขั้นลงมือต่อสู้เพื่อตัดสินกันเลยก็ได้ แล้วแบบนี้จะไม่ให้นางตกตะลึงได้อย่างไร?
ยิ่งกว่านั้น นางยังรู้สึกอิจฉาอยู่นิดๆด้วย
“ข้าชื่อหลิงฮัน” หลิงฮันพูด “ข้าเป็นหนึ่งในศิษย์ใหม่ที่เข้าร่วมกับสำนักฮูหยางในปีนี้”
“เจ้าได้ยินรึยัง นี่คือลูกศิษย์ของฝ่ายข้า!” หวู่ซงหลินพูดอย่างภูมิใจและสะบัดมือสองสามครั้งใส่ฟูหยวนเชิง “วันนี้ข้าไม่มีเวลาจะมาร่วมดื่มกับเจ้าแล้ว เพราะงั้นเจ้ารีบกลับตำหนักโอสถสวรรค์ไปจะดีกว่า”
“เขาเป็นศิษย์ของสำนักฮูหยางของเจ้าแล้วมันทำไม? มันไม่ได้ขัดแข้งกับการที่เขาจะยอมรับข้าเป็นอาจารย์สักหน่อย!” ฟูหยวนเชิงไม่สนใจหวู่ซงหลิน และเริ่มพูดกับหลิงฮันต่อ “หนุ่มน้อย เจ้าคิดว่าอย่างไร?”
“เฒ่าฟู นี่คือศิษย์ของข้า เข้าคิดจะสู้กับข้าเพื่อแย่งชิงเขางั้นรึ?” หวู่ซงหลินพูดด้วยความโกรธที่ราวกับฟ้าผ่า
“เพื่อลูกศิษย์เช่นนี้ ข้ายินดีที่จะสู้กับเจ้าอย่างแน่นอน!” ฟูหยวนเชิงพูดอย่างไม่ยอมแพ้
“เจ้าคิดจะเมินเฉยต่อมิตรภาพหลายปีของเรางั้นรึ?”
“หึ เจ้าต่างหากที่เป็นคนหัวรั้นคิดสู้กับข้า!”
ไม่ว่าจะชายชราคนใดก็ไม่คิดที่จะยอมแพ้ และจากที่เห็น ดูเหมือนว่าพวกเขากำลังจะเริ่มต่อสู้กันแล้ว
“เอ่อ... อาจารย์ พวกท่านทั้งสองก็รับเขาเป็นศิษย์ด้วยกันไปเลยสิ!” หลีซื่อฉางพูดแทรกขึ้นมา
“ใช่แล้ว!” ชายชราทั้งสองชะงักไปพร้อมกันชั่วขณะ ทำไมพวกมันถึงคิดวิธีแก้ปัญหาง่ายๆแบบนี้ไม่ออกนะ?
ทั้งสองคนหันกลับมามองที่หลิงฮัน
หลิงฮันยิ้มเล็กน้อยและพูดออกไป “ข้าคิดว่า... พวกท่านทั้งสองคงไม่สามารถสอนอะไรข้าได้”
ชะ...ช่างอวดดียิ่งนัก!
ปากเล็กๆของหลีซื่อฉางเปิดกว้างด้วยความตกใจ หวู่ซงหลินกับฟูหยวนเชิงคือใครกัน? ทั้งสองคือนักปรุงยาที่ยอดเยี่ยมที่สุดของแคว้นพิรุณ! แต่ทั้งสองไม่สามารถสอนอะไรเขาได้? ถึงแม้เจ้าจะสามารถหลอมเม็ดยาวายุพัดทะยานที่มีคุณภาพสิบสามดาว แต่เม็ดยาวายุพัดทะยานก็เป็นเพียงเม็ดยาระดับเหลืองเท่านั้น
หวู่ซงหลินและฟูหยวนเชิงมีท่าทางไม่พอใจ เด็กหนุ่มคนนี้เป็นอัจฉริยะ แต่เขาอวดดีเกินไป คนเช่นนี้อาจจะส่องประกายได้สักพัก แต่จะไม่มีทางประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน
หลิงฮันยิ้มและพูด “พวกเราสามารถโต้เถียงกันเรื่องทฤษฎีการปรุงยาและเรียนรู้จากกันและกันได้”
คำพูดนี้ถือว่าเป็นการถ่อมตัวและสุภาพที่สุดจากเขาแล้ว เพราะครั้งหนึ่งเขาเคยมีฐานะเป็นถึงจักรพรรดิปรุงยา ไม่ต้องพูดถึงชายชราทั้งสองที่เป็นเพียงนักปรุงยาระดับดำขั้นสูง แม้แต่นักปรุงยาระดำปฐพีขั้นสูงก็ยังมีคุณสมบัติเพียงแค่ยืนรับฟังคำพูดของเขาอย่างสุภาพเมื่ออยู่ต่อหน้าเขา
แต่หวู่ซงหลินกับฟูหยวนเชิงไม่ได้รู้เกี่ยวกับเรื่องนั้น สีหน้าของพวกมันจึงยิ่งแสดงความไม่พอใจมากขึ้นไปอีก
หลิงฮันแสร้งทำเป็นไม่สังเกตเห็นและเริ่มท่องบางอย่างออกมา สิ่งที่เขากล่าวออกไปส่วนใหญ่คือความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการปรุงยา ถึงแม้ระดับพลังบ่มเพาะของเขาจะลดลงมา และเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะสามารถหลอมเม็ดยาระดับสูง แต่ถ้าพูดถึงทฤษฎีความรู้ของการปรุงยา ใครจะมาเทียบเท่าเขาได้?
ในตอนแรกชายชราทั้งสองไม่ได้สนใจสิ่งที่หลิงฮันกล่าวออกมามากนัก แต่ไม่นานพวกมันก็เริ่มค่อยๆเปลี่ยนเป็นจริงจัง มีบางครั้งที่พวกมันอยากจะเสนอความคิดเห็นของพวกมันออกไป แต่เมื่อการสนทนาดำเนินต่อไปเรื่อยๆ พวกมันได้กลายเป็นฝ่ายที่รับการสั่งสอนแทน และเริ่มถามหลิงฮันเกี่ยวกับปัญหายากๆที่พวกมันพบเจอตอนปรุงยา
หลีซื่อฉางมองดูสิ่งอยู่เกิดขึ้นอยู่ข้างๆ นางตกตะลึงอยู่เป็นเวลาจนเริ่มจะชินกับมันแล้ว
ชายหนุ่มคนนี้อายุน้อยกว่านางอย่างเห็นได้ชัด แต่เขามีความรู้และความเข้าใจในศาสตร์แห่งการปรุงยาขนาดนี้ได้อย่างไร? ถ้าไม่มองดูรูปลักษณ์หรือน้ำเสียงของเขา ไม่ว่าใครก็จะต้องคิดว่าเขาเป็นผู้อาวุโสนักปรุงยาแน่นอน
นางเองก็มีพรสวรรค์ในด้านการปรุงยาที่สูงมาก ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมนางถึงได้รับการยิมนยอมให้เป็นศิษย์ส่วนตัวของหวู่ซงหลิน ยิ่งกว่านางยังงดงามมากอีกด้วย นางกับหลิวอู๋ตงถูกเรียกว่าเป็น ไข่มุกแฝดอันงดงามของเมืองจักรพรรดิ จำนวนผู้คนที่ต้องการจะไล่ตามและได้รับความรักนางนั้นเพียงพอที่จะนำมาล้อมรอบเมืองจักพรรดิได้
แต่เมื่อเปรียบเทียบตัวนางกับหลิงฮัน นางเป็นเหมือนกับผู้ช่วยนักปรุงยาที่ยังไม่ได้รับการสั่งสอนอันใดมาก่อน
เมื่อนางฟังคำกล่าวของหลิงฮัน ความรู้สึกยกย่องที่มีต่อหลิงฮันของนางได้เพิ่มมากขึ้น นางถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้ ในโลกนี้มีอัจฉริยะไร้ที่เปรียบอยู่จริงๆ ถ้าไม่เพราะความอัจฉริยะของเขา จะเป็นไปได้อย่างไรที่คนที่มีอายุเพียงเท่านี้จะอยู่เหนือไปกว่าอาจารย์ของนาง?
“อายุไม่ใช่ข้อจำกัดในการเรียนรู้จริงๆ ใครที่มีความสามารถก็จะเป็นฝ่ายที่ถูกเรียกว่าอาจารย์!” ฟูหยวนเชิงเป็นคนแรกที่ถอนหายใจออกมา “ในตอนแรกข้าคิดว่าสหายน้อยหลิงยิ่งยโสและอวดดีเกินไป แต่ไม่เคยคิดเลยว่าคนยิ่งยโสและอวดดีนั้นกลับกลายเป็นตัวข้าเสียเอง! ความเข้าใจเกี่ยวกับการปรุงยาของสหายน้อยหลิงได้ก้าวข้ามพวกเราทั้งสองไปแล้ว และในอนาคต เจ้าจะต้องกลายเป็นนักปรุงยาระดับปฐพีหรือสวรรค์ได้แน่นอน”
“หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านั้นจากเจ้า ข้ารู้สึกราวกับว่าประตูอันยิ่งใหญ่ของนักปรุงยาระดับปฐพีได้เปิดต้อนรับข้าแล้ว เมื่อข้าทำความเข้าในหลักการที่เจ้ากล่าวได้ ข้าจะสามารถเลื่อนไปยังระดับปฐพีได้อย่างแน่นอน!” หวู่ซงหลินถอนหายใจออกมา มันยืนโค้งคำนับให้หลิงฮันอยู่สักพักและพูด “ขอขอบคุณสหายน้อยหลิงมาก!”
“ขอขอบคุณสหายน้อยหลิงมาก!” ฟูหยวนเชิงยืนขึ้นคำนับหลิงฮันเช่นกัน
หลีซื่อฉางตกตะลึงอย่างไร้ความรู้สึก เพราะด้วยสถานะที่พิเศษอย่างนักปรุงยา ชายชราทั้งสองจึงถูกนับว่าเป็นตัวตนที่มีสถานะสูงส่งโดยเป็นรองเพียงจักรพรรดิเท่านั้น แต่ตอนนี้ทั้งสองคนกลับกำลังโค้งคำนับให้กับชายหนุ่มคนหนึ่ง
การคำนับจากชายชราทั้งสองคนที่แม้แต่จักรพรรดิก็ยังไม่มีคุณสมบัติจะได้รับ แม้ข่าวนี้จะแพร่กระจายออกไปก็คงไม่มีใครเชื่อแน่นอน
*ติดตามข่าวสารได้ที่ เพจ*