GE30 วิถีของผู้ฝึกตนฝ่ายอธรรม
เยี่ยนซวนหยิน ศิษย์ของหนึ่งในสี่ผู้อาวุโสแห่งนิกายกุ่ยเชว่ ‘หยานเป่ย’ มันเป็นผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณขั้นกลาง เป็นปีศาจน้อยอันดับ 5 ของแคว้นเยว่
ภายในโถงตระกูลโม่ เยี่ยนซวนหยินถือมีดบินที่เปล่งประกายสีดำไว้ในมือ แววตาจับจ้องผู้นำตระกูลทั้ง 4 ของเมืองฉีเหม่ยอย่างเย็นชา ทั้งกล่าวด้วยน้ำเสียงข่มขู่
“มีดบินเล่มนี้มีนามว่า ‘ไล่ล่าราตรี’ เป็นสมบัติวิญญาณระดับกลางของข้า สร้างขึ้นจาก ‘ผลึกศิลาลึกล้ำ’ และ ‘วารีทางเหนือ’ มันสามารถสังหารคนในระดับเดียวกันกับข้าได้ในมีดเดียว... โม่หรูฉุ่ย ข้ามาที่ตระกูลโม่เพื่อ โลหะวิญญาณที่ชื่อ ‘เผาวิญญาณ’ หวังว่าเจ้าจะไม่ทำให้ข้าผิดหวัง”
“นายน้อยเยี่ยนคงล้อข้าเล่น... โลหะวิญญาณเผาวิญญาณคือสิ่งในตำนานของโลกพิรุณ แม้ตระกูลโม่ของข้าจะเชี่ยวชาญการเสริมพลัง แต่เราไม่เคยครอบครองวัตถุดิบเทพเช่นนั้น” โม่หรูฉุ่ยกล่าวพลางยิ้มอย่างงดงาม ทั้งยังแอบตกใจ
“ข้าจะแลกเปลี่ยนด้วย ‘โอสถเสริมวิญญาณ’ 3 ขวดและหยกสวรรค์ 1 หมื่น!” เยี่ยนซวนหยินกล่าวอย่างไร้อารมณ์
“ฮึ่ม!”
เมื่อเสียงนั้นดังขึ้น โถงของตระกูลโม่ก็เงียบสนิท
โอสถเสริมวิญญาณ เป็นโอสถที่จะทำให้ผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณขั้นกลาง ทะลวงไปยังขั้นสุดท้าย ด้วยความที่สมุนไพรของมันหายาก มันจึงเป็นโอสถที่ล้ำค่า
ผู้ฝึกตนที่บรรลุขอบเขตประสานวิญญาณขั้นต้น หากจะทะลวงไปขั้นกลางจำเป็นต้องประสานวิญญาณเข้าไปในเส้นชีพจรเซียน หากจะทะลวงขั้นสุดท้ายต้องเพิ่มพูนพลังวิญญาณ การจะทะลวงไปยังขอบเขตประสานวิญญาณขั้นสูงสุดจำเป็นต้องทำให้พลังวิญญาณแข็งแกร่ง เพื่อก่อตัวเป็นพลังงานแก่นทองคำ หากได้โอสถช่วย ผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณจะบรรลุขอบเขตแก่นทองคำได้ง่ายขึ้น
โอสถเสริมวิญญาณช่วยในการเสริมความแข็งแกร่งของพลังวิญญาณ ด้วยโอสถ 3 ขวดนี้ ภายในสมควรมีโอสถ 60 เม็ด อย่างน้อยโอสถจำนวนนี้จะช่วยประหยัดเวลาฝึกตนได้ 30 ปี หากกล่าวว่า ผู้นำตระกูลทั้ง 4 ที่อยู่ในขอบเขตประสานวิญญาณไม่ตื่นเต้นนั้น นับว่าหลอกลวงผู้คน
ส่วนหยกสวรรค์จำนวน 1 หมื่น แทบจะเทียบเท่าทรัพย์สินที่หนึ่งตระกูลพึงมี
แต่โม่หรูฉุ่ยกลับขบฟัน นางส่ายหน้า โลหะวิญญาณเผาวิญญาณนั้นมีอยู่จริง แต่ไม่ใช่ของตระกูลโม่ ไม่ใช่ของตระกูลใดๆในเมืองฉีเหม่ย ในอดีตที่หานยวนจี๋สูญเสียพลังไป ชายชราได้มอบหมายให้ตระกูลโม่เก็บรักษามันไว้ โลหะวิญญาณชิ้นล้ำค่า หากเรื่องที่ตระกูลโม่ครอบครองแพร่ออกไป โลกพิรุณแห่งนี้จะปั่นป่วนวุ่ยวาย แม้เป็นในนิกายกุ่ยเชว่ น้อยคนนักที่จะทราบเรื่องนี้
คาดไม่ถึงว่าวันนี้คนของนิกายกุ่ยเชว่จะมาหาโลหะนั่น
โม่หรูฉุ่ยถอนหายใจ โลหะวิญญาณชิ้นนี้เป็นของหานหยวนจี๋ นางจะกล้าขายได้อย่างไร... หากนางทำ นางจะถูกคุกคามและเสียหน้าอย่างใหญ่หลวง
“ตระกูลโม่ไม่มีสิ่งที่ท่านต้องการ...ข้าขออภัย นายน้อยเยี่ยนเชิญกลับไปได้แล้ว” นางฝืนยิ้ม แต่เยี่ยนซวนหยินไม่ยอม
ตระกูลโม่มีโลหะวิญญาณนั่นจริง เพียงแต่...
แววตาของเยี่ยนซวนหยินแปรเปลี่ยนเย็นชา มันเปล่งพลังขอบเขตประสานวิญญาณขั้นกลาง สายลมที่รุนแรงพัดพาในโถงของตระกูลโม่ รอยปริแตกมากมายปรากฏ สีหน้าของผู้นำตระกูลทั้ง 4 ซีดขาวไร้โลหิต “ส่งโลหะนั่นมา ไม่งั้นวันนี้ตระกูลโม่ได้กลายเป็นทะเลโลหิต!”
“เยี่ยนซวนหยิน! เจ้าถึงกลับกล้าก่อเรื่องในเมืองฉีเหม่ย เจ้าไม่กลัวเจ้าเมืองหานหรือไง?!” สองมือโม่หรูฉุ่ยกุมที่หน้าอก สีหน้าบนใบหน้าที่งดงามแปรเปลี่ยน
“ที่ข้ายอมให้โอสถเสริมวิญญาณ ก็ถือว่าไว้หน้านักปรุงโอสถหานมากแล้ว มันเป็นเพียงผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณขั้นสุดท้าย หากไม่เพราะมันปรุงโอสถได้ ข้าย่อมไม่ไว้หน้ามัน! ด้วยวิธีการของผู้ฝึกตนฝ่ายอธรรมแล้ว หากนายน้อยเช่นข้าต้องการสิ่งใด ข้าย่อมช่วงชิงเอามา!”
คำกล่าวของเยี่ยนซวนหยินช่างโอหังและอวดดี อาจารย์ของมันคือหนึ่งในสีหน้าผู้อาวุโสที่ทรงพลัง หากอาจารย์ของมันไม่เห็นดี มันย่อมไม่กล้ายั่วยุหานหยวนจี๋
ผู้อาวุโสหลินเร่งกระแอมเป็นเชิงบอกใบ้ให้เยี่ยนซวนหยินหยุด หลานเหม่ยเร่งห้ามปราม
มีเพียงไป๋ปี้เท่านั้นที่ไม่สนใจ มันเห็นด้วยกับการกระทำของเยี่ยนซวนหยิน
ความยโสถือดีของเยี่ยนซวนหยินทำให้ผู้นำตระกูลทั้ง 4 ไม่พอใจ พวกเขาจับจ้องอีกฝ่ายด้วยความโกรธ
หากไม่ใช่เพราะหานยวนจี๋สั่งไว้ว่า นิกายกุ่ยเชว่เป็นผู้มีพระคุณของชายชรา คงไม่มีผู้ใดกล้าลงมือกับพวกมัน แต่ด้วยบุคลิกลักษณะของผู้นำตระกูลทั้ง 4 เหตุใดพวกเขาต้องยอมก้มหัวให้
ผู้นำตระกูลทั้ง 4 ไม่กล่าว พวกเขาเพียงยิ้มเล็กน้อย แต่พูดคุยกันด้วยสัมผัสเทพ
“ฮ่าฮ่า... พี่เยี่ยนหรอกหรอ? กล่าวได้ดี ท่านทำถูกแล้ว วิถีของผู้ฝึกตนฝ่ายอธรรม... ผู้ฝึกตนฝ่ายอธรรมทำอะไรตามใจ ช่วงชิงหากทำได้ ไม่จำเป็นต้องขอโทษ!”
เสียงหนึ่งดังมาในห้องโถง แต่กลับดึงดูดความสนใจของทุกคน บุรุษในชุดขาว ผมดำยาว เป็นผู้เยาว์ที่ดูมีเสน่ห์ กำลังเดินเข้ามาภายในอย่างช้าๆ
โม่หรูฉุ่ยและผู้นำตระกูลคนอื่นๆจดจำผู้เยาว์ผู้นี้ได้
ผู้เยาว์ผู้นี้คือนายน้อยของเมืองฉีเหม่ย ศิษย์ของเจ้าเมืองหาน!
ยามนี้ผู้นำตระกูลทั้ง 4 ยังไม่ทราบว่าหนิงฝานบรรลุขอบเขตประสานวิญญาณแล้ว พวกเขายังคิดว่าหนิงฝานเป็นเพียงผู้เชี่ยวชาญเปิดเส้นชีพจรที่ 5
เหล่าผู้นำตระกูลไม่ได้ชื่นชมหนิงฝานมากนัก แต่เมื่อเห็นหนิงฝานเดินผ่านประตูโถงเข้ามา กล่าวว่าการที่เยี่ยนซวนหยินช่วงชิงสิ่งของผู้อื่นเป็นเรื่องถูก ใบหน้าของเหล่าผู้นำมืดมนลงทันที
การที่หนิงฝานมาเยือนตระกูลโม่... แท้จริงมาเพื่อช่วยผู้ใดกันแน่!
“นายน้อย ท่านหมายความว่ายังไง!” เย่ฮวนทุบโต๊ะและแผ่แรงกดดันของขอบเขตประสานวิญญาณขั้นต้นเข้าใส่หนิงฝาน
แต่แรงกดดันนั้นกลับเหมือนเพียงสายลมพัดโชย... เหตุใดมันถึงไม่ทำอันตรายต่อหนิงฝานแม้แต่น้อย?
หนิงฝานไม่ตอบคำถาม แต่เย่ฮวนกลับตกตะลึง หนิงฝานต้านทานแรงกดดันของตนได้อย่างสงบ อย่างน้อยหนิงฝานต้องบรรลุขอบเขตประสานวิญญาณ
ทันใดนั้น เงาร่างของหนิงฝานกลายเป็นลำแสงหิมะขาว หนิงฝานหายตัวในพริบตาโดยที่ผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณทั้ง 7 ที่อยู่ภายในโถงไม่อาจมองได้ทัน!
‘ทักษะลับเหยียบย่างหิมะ’ ระดับ 2 ที่เทียบได้กับทักษะย่างกายของผู้เชี่ยวชาญในขอบเขตแก่นทองคำ!
แสงสีขาวประกายขึ้น ร่างของหนิงฝานปรากฏตัวเบื้องหน้าผู้นำตระกูลโม่ เขายิ้มพลางกล่าว “วางใจเถอะ... มีข้าหนิงฝานอยู่ทั้งคน ไม่มีผู้มีกล้าก่อเรื่องในเมืองของอาจารย์ข้าหรอก”
หากสังเกตุในมือของหนิงฝาน ในมือของเขามีกระเป๋าเก็บของมากมาย หนึ่งในนั้นเป็นกระเป๋าที่ห้อยอยู่เอวของเยี่ยนซวนหยิน
โอสถกลั่นวิญญาณ 3 ขวด หยกสวรรค์ 1 หมื่น และยังมีมีดบินไล่ล่าราตรีที่เยี่ยนซวนหยินภาคภูมิใจ
หนิงฝานที่หายตัวไปเมื่อครู่ได้ช่วงชิงกระเป๋าเก็บของ ของเยี่ยนซวนหยิน! หากเขาต้องการสังหารมัน ย่อมง่ายดายราวกับพลิกฝ่ามือ
“นายน้อย... นี่ท่าน...” โม่หรูฉุ่ยไม่เห็นการเคลื่อนไหวของหนิงฝานเมื่อครู่
“นั่นกระเป๋าของข้า?! คืนมาเดี๋ยวนี้ ไม่งั้น...” แววตาของเยี่ยนซวนหยินเผยความกังวล ปากกล่าววาจาคุกคาม
“ไม่งั้นเจ้าจะทำอะไร? เจ้ากล้าก่อเรื่องในเมืองฉีเหม่ย ส่วนข้าก็เพียงช่วงชิงกระเป๋าของเจ้า...เช่นนั้นมีสิ่งใดไม่ถูกต้อง? ด้วยวิถีของผู้ฝึกตนฝ่ายอธรรมแล้ว ข้าย่อมช่วงชิงของของเจ้าได้! หรือต่อให้ข้าอยากสังหารเจ้า...ข้าก็ไม่จำเป็นต้องใช้เหตุผลใดๆ เพียงแค่ลงมือสังหารเท่านั้น!”
แววตาของหนิงฝานเย็นชา พลังขอบเขตประสานวิญญาณขั้นกลางปะทุ ระดับของหนิงฝานไม่ได้ด้อยไปกว่าเยี่ยนซวนหยิน
ในบรรดาผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ภายในโถงแห่งนี้ ผู้ที่รู้จักล้วนสีหน้าแปรเปลี่ยนใหญ่หลวง
เมื่อหลายเดือนก่อน หนิงฝานยังเป็นเพียงเด็กที่หานยวนจี๋ช่วยมา ยามนั้นระดับพลังอยู่เพียงขอบเขตเปิดเส้นชีพจรที่ 1 เมื่อครั้งที่ได้เป็นผู้นำการประมูลผลไม้แห่งเต๋า หนิงฝานบรรลุขอบเขตเปิดเส้นชีพจรที่ 5 แต่หลังจากผ่านมาเพียงไม่กี่เดือน หนิงฝานกลับทะลวงเขตขั้นมาเป็นผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณขั้นกลาง ความเร็วในการฝึกตนเช่นนี้น่าตกตะลึงเป็นอย่างมาก
“เจ้าเป็นใคร...” เยี่ยนซวนหยินกล่าวในใจ เรื่องที่หนิงฝานบรรลุเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตประสานวิญญาณขั้นกลางแห่งแคว้นเยว่ เป็นที่น่าตกตะลึงเป็นอย่างมาก!
ยามนี้ผู้เยาว์ในอาภรณ์ขาวอย่างไป๋ปี้เริ่มรู้สึกไม่สบายใจ มันเคยกล่าวว่าจะสั่งสอนหนิงฝาน แต่มันคาดไม่ถึงว่าระดับพลังที่แท้จริงของหนิงฝานกลับอยู่เหนือกว่ามัน ความหาญกล้าที่มีจางหายหมดสิ้น เหตุใดมันจะกล้าลงมือกับหนิงฝานในยามนี้
หลานเหม่ยกำหมัดแน่น นางพยายามสงบใจ นางไม่เข้าใจหนิงฝาน... อายุเพียง 17 ปีแต่กลับเป็นผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณขั้นกลาง ต่อให้เป็นเทพกษัตริย์แห่งโลกพิรุณ ความเร็วในการฝึกตนยังไม่รวดเร็วขนาดนี้
แต่สิ่งที่นางไม่เข้าใจมากที่สุดคือนิสัยของหนิงฝาน หลานเหม่ย...นางนับเป็นสตรีที่งดงามไร้เปรียบ ผู้เยาว์เลื่องชื่อมากมายตามตื้อนางไม่รู้ต่อเท่าไหร่ แต่กับหนิงฝาน...ตั้งแต่ที่เขาผ่าน ประตูห้องโถงของตระกูลโม่เข้ามา เขาไม่เคยมองนางสักครั้ง
“หนิงฝาน คืนกระเป๋าให้ศิษย์พี่ แล้วเราจะออกจากเมืองฉีเหม่ยทันที...” นางขบริมฝีปากพลางกล่าวอย่างไร้อารมณ์
“ทำไมข้าต้องคืน?” หนิงฝานขมวดคิ้ว เขาไม่ชอบใจหลานเหม่ยเลยแม้แต่น้อย
“เจ้าถือเป็นคนของนิกายกุ่ยเชว่ของข้า อีกไม่นานศิษย์พี่จะฝึกตนและได้เลื่อนระดับเป็นผู้อาวุโสของนิกาย เจ้าต้องไว้หน้าเขาบ้าง ในอนาคตจะได้มีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน... ที่ข้าทำก็เพื่อตัวเจ้าเอง...” หลานเหม่ยไม่รู้ว่านางควรจะกล่าวอะไร
“ให้ข้าไว้หน้า? ที่ข้าไม่ลงกระบี่กับมันก็นับว่าไว้หน้ามากแล้ว! ข้าให้เวลา 3 ลมหายใจ ถ้าพวกเจ้าไม่ไสหัวออกไปจากตระกูลโม่...พวกเจ้าตาย!”
คำกล่าวที่ออกมาจากปากของหนิงฝาน ทรงพลังยิ่งกว่าเยี่ยนซวนหยินนับพันเท่า
จิตสังหารที่ปลดปล่อยออกมาทรงพลังมากขึ้นตามระดับพลังของหนิงฝาน กระบี่แยกสวรรค์สั่นเทาราวกับต้องการดื่มโลหิต ยิ่งนานไป จิตสังหารยิ่งเข้มข้นรุนแรง
ผู้อาวุโสหลิน หลานเหม่ย เยี่ยนซวนหยิน และไป๋ปี้ที่เคยยโสโอหังกลับหวาดกลัวจิตสังหารจนตัวสั่น
ต่อให้เป็นผู้นำนิกายกุ่ยเชว่ ต่อให้เป็น 4 ผู้อาวุโสที่ทรงพลังของนิกายกุ่ยเชว่ ไม่มีผู้ใดที่ครอบครองจิตสังหารระดับนี้
เยี่ยนซวนหยินหวาดกลัวจนตัวสั่น เมื่อเผชิญหน้าหนิงฝาน แม้ทั้งสองอยู่ในระดับพลังเดียวกัน แต่หากหนิงฝานจะสังหารมัน เพียงกระบี่เดียวมันก็ไม่รอดแล้ว... แม้เยี่ยนซวนหยินจะมีนิสัยยโสโอหัง แต่มันไม่โง่ มันเชื่อสัญชาตญาณของตนอย่างที่สุด
“พี่หนิง... เรื่องนี้ข้าหุนหันพลันแล่นเกินไป!”
มันป้องมือคารวะก่อนหันกาย เงาร่างกลายเป็นลำแสงพุ่งออกจากตระกูลโม่อย่างรวดเร็ว มันสัมผัสได้ว่าหากช้ากว่านั้นไปก้าวเดียว มันคงไม่อาจรั้งชีวิตเอาไว้ได้
เยี่ยนซวนหยินนับเป็นผู้ฝึกตนฝ่ายอธรรมอย่างแท้จริง มันเย่อหยิงจองหอง สังหารคนได้อย่างไม่ลังเล และไม่ขาดสติเมื่อเผชิญหน้ากับความตาย
เมื่อเห็นเยี่ยนซวนหยินหวาดกลัวต่อคำกล่าวเพียงไม่กี่คำของหนิงฝาน หลานเหม่ยและไป๋ปี้แทบไม่เชื่อสายตา เดิมทีเยี่ยนซวนหยินมีนิสัยเย่อหยิ่งอย่างที่สุด แม้เผชิญหน้าผู้อาวุโสนิกาย มันกล้าที่จะไม่เคารพ ที่สำคัญมันกล้ามาก่อเรื่องในเขตของปีศาจเฒ่าหาน... คนอย่างมันจะหวาดกลัวหนิงฝานอย่างนั้นหรือ?
“พวกเจ้าทั้งสามยังไม่ไสหัวไปอีก!” หนิงฝานแค่นเสียง
“ฮึ่ม!” สีหน้าของไป๋ปี้ขุ่นเคือง มันขบฟันแล้วจากไปด้วยความขุ่นเคือง
สีหน้าและแววตาของหลานเหม่ยแปรเปลี่ยนซับซ้อน ครั้งก่อนที่มาเยือนเมืองฉีเหม่ย สิ่งที่ทำให้นางหวาดกลัวที่สุดคือหนิงฝานต้องการใช้ฐานะที่เป็นคู่หมั้นกับนางเพื่อสร้างชื่อ แต่ยามนี้นางกระจ่างแล้วว่าในสายตาของหนิงฝาน นางไม่มีคุณค่าอันใด
นางถอนหายใจด้วยอารมณ์ซับซ้อนก่อนจากไป แต่ผู้อาวุโสหลินกลับจ้องมองหนิงฝานอย่างมีนัย มันถอนหายใจยาวพลางส่ายหน้า
“หานหยวนจี๋ได้ศิษย์ที่ดีจริง...”
เมื่อผู้อาวุโสหลินจากไป บรรยากาศภายในห้องโถงของตระกูลโม่ก็สงบขึ้น ทุกคนผ่อนคลายเป็นอย่างมาก
แต่ไม่นานสายตาทุกคู่ก็จับจ้องไปยังหนิงฝาน
เพียงครึ่งปีแต่บรรลุขอบเขตประสานวิญญาณขั้นกลาง ที่สำคัญ จิตสังหารยังทำให้ผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณด้วยกันหวาดกลัว นอกจากนี้ยังมีข่าวลือว่าหนิงฝานเป็นนักปรุงโอสถระดับสูง
นับจากนี้ไป ไม่มีผู้ใดใน 4 ตระกูลใหญ่กล้าปฏิเสธความเคารพต่อหนิงฝาน ยามนี้ ขุมกำลังทั้ง 7 ในเมืองฉีเหม่ยอยู่ในกำมือของหนิงฝานแล้ว
“ไม่ทราบว่าที่นายน้อยมาวันนี้มีเรื่องอะไร? หากทาสเช่นข้าช่วยได้ ข้าจะทำอย่างเต็มความสามารถ” นางกล่าวด้วยน้ำเสียงไพเราะชวนฟัง ทั้งยังเปี่ยมไปด้วยความเคารพ
“ที่ข้ามาก็เพื่อต้องการให้ท่านเสริมวิญญาณ ให้กับสมบัติวิญญาณของข้า... จากที่ข้าได้ยินเยี่ยนซวนหยินกล่าว โลหะวิญญาณ ‘เผาวิญญาณ’ ดูราวกับว่ามหัศจรรย์ไม่น้อย”
เมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้ ใบหน้าที่ประดับด้วยรอยยิ้มที่งดงามของโม่หรูฉุ่ยกลับกลายเป็นหน้าที่ฝืนยิ้ม
นี่ช่างไม่ต่างจากการหนีเสือปะจรเข้ เพราะนายน้อยแห่งเมืองฉีเหม่ยก็สนใจโลหะวิญญาณเผาวิญญาณเช่นกัน...