DND.44 - เลี่ยงพันลี้
“เราโดนลอบยิง!”
องครักษ์สองคนตกใจเมื่อได้ยินศรพุ่งเข้ามา พวกเขาหันไปและอ้าปากค้าง
ข้างหลังพวกเขาร้อยเมตรคือชายหนุ่มสวมชุดแดงปรากฏตัวอย่างแปลกประหลาดราวกับเขาอยู่ที่นั่นนานมาแล้ว เขาสวมมงกุฎหยกและมีรูปลักษณ์งดงามราวทวยเทพ เขายืนอย่างสง่าผ่าเผยบนต้นไม้และมองลงมายังองครักษ์ทั้งสอง
ดวงตากว้างใหญ่ที่เปล่งประกายตลอดเวลาของเขาเต็มไปด้วยจิตสังหาร ในมือถือคันธนูสีชาด
เมื่อรู้สึกถึงอันตราย พรานคนซ้ายได้ชักมีดออกมาและใช้มันปักศรโลหะ
“นั่นมันซือหยู!”
นักล่าทั้งสองหน้าซีดด้วยความกลัว พวกเขามองหน้ากันและพุ่งเข้าไปหาซือหยูจากทั้งสองด้าน
“ระวังด้วย เขามีฎีกาสวรรค์ เราจะแยกกันโจมตีคนละทาง อย่าให้มันมีโอกาสสวนกลับ!”
เสื้อสีแดงของซือหยูปลิวไสว เขากระโดดลงมาจากต้นไม้และสัมผัสพื้นอย่างแผ่วเบาราวกับขนวิหคที่ร่วงหล่นจากต้นไม้
นักล่าทั้งสองโจมตีจากทั้งสองด้านโดยไม่ให้ซือหยูตั้งตัว
ซือหยูยืนอย่างมั่นคงและไม่คิดจะหนี เมื่อทั้งสองเข้ามาในระยะร้อยศอกซือหยูก็ค่อยๆลืมตาสีทมิฬ
“ดาบอสูร!”
ซือหยูปล่อยแสงสีทมิฬตัดผ่านหัวของนักล่าคนซ้าย
เขาเอามือกุมหัวและกรีดร้องอย่างเจ็บปวดทำให้เสียงสะท้อนดังก้องไปทั่วหุบเขา
ซือหยูใช้โอกาสนี้เข้าถึงตัวศัตรูทันที
“ดัชนีสวรรค์!”
ซือหยูยกนิ้วขึ้นฟ้าและฟาดลงมาด้วยท่วงท่าที่สอดคล้องกับธรรมชาติ
นักล่าที่ดวงวิญญาณบาดเจ็บไม่คิดจะป้องกันตัวเองจากซือหยู เขาถูกเฉือนหน้าอกเป็นแผลกว้างและตายทันที!
นักล่าทางขวาใจเต้นอย่างบ้าคลั่ง! เขากัดฟันแน่นและเริ่มหันหนี! เขาฆ่าซือหยูด้วยตัวคนเดียวไม่ได้แน่ ถึงจะพยายามเขาก็ต้องตายเช่นกัน
“ฮื่ม!”
ซือหยูไม่ไล่ตามเขา อย่างไรเงาเมฆาก็เป็นเพียงวิชาบ่มเพาะพื้นฐาน แม้ว่าเขาจะบ่มเพาะมันจนถึงระดับสามขั้นสูงมันก็เพิ่มความเร็วเขาจนถึงระดับสี่ขั้นสูงเท่านั้น ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะไล่ตามนักล่าอีกคน
และที่แย่กว่าคือยังมีคนอื่นอีกในป่านั้น เขาต้องรีบหนีก่อนที่จะถูกล้อมโดยพวกที่มีพลังระดับสูง
เขาหันไปหาร่างไร้วิญญาณของนักล่าอีกคนและปลดเสื้อผ้า ตำลึงเงิน อาหาร และเสื้อคลุมหนังสัตว์ เพราะในตอนที่อยู่ในตำหนักดยุคเซี่ยนหยูพวกเขารีบหนีออกมาจึงไม่มีเงินเลยสักตำลึงเดียว
เมื่อยืนยันเส้นทางไปเมืองหลวงได้แล้วซือหยูก็รีบมุ่งหน้าเข้าป่าอย่างรวดเร็ว เขาวิ่งเป็นเส้นตรงทางเมืองหลวง เพราะโอกาสเดียวที่เขาจะได้แก้แค้นก็คือการเข้าร่วมงานประชุมศักดิ์สิทธิ์ในเมืองหลวง!
หลังครึ่งวันองครักษ์เฉินและนักล่าที่หนีก็พบดัน พวกเขาไปในจุดที่ซือหยูฆ่านักล่าอีกคน พวกเขาเจอกับไป่ชี่เซียงที่นั่น
“ลูกพี่ ตำลึงเงิน อาหาร เสื้อผ้าถูกมันเอาไป ถ้าซือหยูเข้าเมืองแล้วปลอมตัวเราจะจับตัวมันยากขึ้นอีก”
องครักษ์เฉินสีหน้าไม่สู้ดี การฆ่าผู้ที่มีบัญชาศักดิ์สิทธิ์นั้นเป็นความผิดร้ายแรง หากซือหยูยังไม่ตายเขาก็จะไม่มีวันสงบใจลงได้
“มันจะไปได้ซักกี่น้ำ!”
ไป่ชี่เซียงเย้ยหยัน
ไป่ชี่เซียงพาสุนัขล่าเนื้อมากับเขาด้วย เขาให้มันดมร่างไร้วิญญาณที่มีกลิ่นเดียวกับชุดที่ซือหยูเอาไป ซือหยูขุดหลุมฝังตัวเองเข้าแล้ว!
สุนัขล่าเนื้อเดินไปรอบๆก่อนจะเจอเส้นทางที่ซือหยูมุ่งหน้าไป เขาไปทางเมืองหลวง!
“ตามมันไป! มันยังไปไม่ไกล!”
ด้วยความเร็วเทียบเท่าระดับห้าขั้นสูง ซือหยูคงหนีรอดความตายไปไม่พ้น
พวกเขาเข้าใกล้ขึ้นเรื่อยๆด้วยสุนัขล่าเนื้อ หลังจากหลบหนีและไล่ตามมาทั้งวัน ทั้งสองฝ่ายก็ได้วิ่งกันหลายลี้!
สองวันผ่านไป พวกเขายังคงหนีและไล่ตามกันมาติดๆ สุนัขล่าเนื้อเริ่มเห่าเสียงดังเพื่อบอกว่าเข้าใกล้ซือหยูขึ้นแล้ว
“ลูกพี่ ทางหนีมันซับซ้อนมาก เขาเปลี่ยนเส้นทางหลายต่อหลายครั้งราวกับว่าเขาจะไปทั้งเมืองหลวงและเขารัตติกาล เหมือนกับมันไม่ได้วางแผนเส้นทางเลย”
องครักษ์เฉินตั้งข้อสงสัย
แต่การที่ซือหยูจะหนีเข้าเทือกเขาอันห่างไกลผู้คนนั่นก็หมายความว่าเขากำลังหาเรื่องใส่ตัว
“หรือว่ามันอยากจะไปซ่อนในป่าเทือกเขา?”
ไป่ชี่เซียงสงสัย
อีกครึ่งวันผ่านไป…
สุนัขล่าเนื้อหยุดวิ่งและพุ่งเข้าไปในถ้ำศิลาใหญ่และเห่าอย่างบ้าคลั่ง ไป่ชี่เซียงและองครักษ์เฉินสีหน้ายินดี ในที่สุดพวกเขาก็ตามซือหยูทัน!
มีเสียงคำรามจากข้างในถ้ำ!
เขาทมิฬใหญ่พุ่งออกมาจากถ้ำและกระโจนเข้าหาไป่ชี่เซียงและองครักษ์เฉิน มันคือหมีดำตัวใหญ่ราวกับคนปกติ!
“ฮื่ม! หาเรื่องตายซะแล้ว!”
องครักษ์เฉินชักมีดยาวออกมาและตัดหัวหมีดำ!
หมีดำล้มลงไปกองกับพื้นเสียงดัง!
ไป่ชี่เซียงมองที่ท้องของหมีดำและตกตะลึง
“ไอ้เด็กเจ้าเล่ห์!”
องครักษ์เฉินตากระตุก
“ว่าแล้ว! ไอ้นี้มันเจ้าเล่ห์ซะจริง!”
ที่ท้องของหมีดำมีเสื้อคลุมหนังสัตว์ผูกเอาไว้ มันเป็นเสื้อของนักล่าที่ตายคนนั้น!
พวกเขาคิดว่าซือหยูปลดอาหารและเอาเสื้อคลุมหนังสัตว์เปลี่ยนกับผ้าคลุมสีแดงสดเพื่อพรางตัว
แต่ใครจะไปคิดว่าเขาเจ้าเล่ห์เช่นนี้! เขาเอาเสื้อหนังสัตว์นั่นมาผูกไว้กับท้องหมีดำเพราะเดาไว้ก่อนว่าไป่ชี่เซียงจะต้องใช้สุนัขล่าเนื้อไล่ตามเขา
การผูกเสื้อคลุมไว้ที่ท้องหมีดำจะทำให้มันตื่นตระหนกและหนีลึกเข้าไปในเขารัตติกาล นั่นทำให้ไป่ชี่เซียงและองครักษ์ฉินคลาดกันซือหยูไปคนละทาง! ราวกับว่าซือหยูคิดเรื่องนี้ไว้ตั้งแต่แรกแล้ว
“ข้าโดนเด็กหลอกงั้นเรอะ!”
ไป่ชี่เซียงโกรธมาก เขาหันไปและเดินทางไปยังทิศตรงข้าม
องครักษ์เฉินตามมาติดๆและพูดด้วยความกลัว
“ลูกพี่ เราจะทำยังไงกันดี? เราคลาดกับมันแล้ว”
พวกเขาจะหาซือหยูในเทือกเขากว้างใหญ่นี้ได้อย่างไร? ไป่ชี่เซียงมองรอบๆและเลือกเส้นทางเข้าสู่เมืองหลวง!
“มันหลอกเรามาตรงนี้ แสดงว่ามันจะต้องไปทางตรงข้าม!”
องครักษ์เฉินเห็นด้วย
จากนั้นเจ็ดวันเขาก็พบกับทะเลทรายที่มีแอ่งน้ำเล็กๆ ที่นี่มีกองไฟที่มอดไปนานแล้วอยู่ข้างแอ่งน้ำ มีเศษก้างปลากระจายไปทั่ว
“ฟืนนี่เพิ่งมอดเมื่อวาน ที่นี่ไม่มีมนุษย์อยู่แน่ พวกพรานยังไม่มาที่นี่เลย นี่ต้องเป็นซือหยูแน่”
“ดี! ด้วยความเร็วของเขา เราตามมันทันในอีกครึ่งวันแน่!”
องครักษ์เฉินยังคงสงสัย
“ลูกพี่ ถ้าข้าจำไม่ผิด เราจะถึงเมืองหลวงถ้าผ่าภูเขาข้างหน้านั่น ถ้าพวกเราตามมันไม่ทันที่ภูเขาเราจะแตะต้องมันไม่ได้อีกแล้ว”
มีคนมากมายในเมืองหลวง เหล่าจอมยุทธแข็งแกร่งมากมายที่นั่นเทียบได้กับเมฆาบนท้องนภา ถึงไป่ชี่เซียงและองครักษ์เฉินลงมือในตอนกลางคืนก็มีโอกาสถูกจับได้สูงมาก
“ตามมันไปเร็ว!”
เวลาเหลืออีกน้อยนิด ไป่ชี่เซียงพักไม่ได้อีกแล้ว
ซือหยูเหนื่อยอ่อน ตลอดสิบวันมานี้เขากินและพยายามหนีอย่างเต็มที่ เขาใช้เวลาพักกินอาหารเพื่อฟื้นพลังตลอดมา แต่เขาก็เหลือแรงอีกไม่มากแล้ว เมื่อเขาคิดถึงคนที่จะมาสังหารซือหยูก็ไม่กล้าที่จะผ่อนคลายลงแม้แต่น้อย
หลังจากถึงยอดเขาอย่างยากลำบาก ซือหยูมองไปรอบๆ เขาเห็นป่าทึบและที่ราบจากระยะไกล
และที่นั่นก็มีเมืองอันใหญ่โตและงดงาม มีหมอกปกคลุมที่นั่น
“เมืองหลวง!”
ซือหยูดีใจ เขามาทางเมืองหลวงตลอด 10 วัน ในที่สุดก็ถึงจุดหมาย!
ต้องขอบคุณที่ชายแดนของเขตเซี่ยนหยูและเมืองหลวงไม่ไกลกันนัก
เมื่อเห็นจุดหมายตรงหน้าใจซือหยูก็ผ่อนคลายลง แต่ร่างกายอันเหนื่อยอ่อนของเขาสั่นระริก เขาแทบไม่มีแรงเหลือ ในตอนนี้ซือหยูล้มลงได้ทุกเมื่อ เขาจิกขาตัวเองให้รู้สึกเจ็บเพื่อให้ร่างกายตื่นตัว
ก่อนที่เขาจะออกจากภูเขา ซือหยูซ่อนตัวและมองไปด้านหลังเพื่อมองหาคนที่ไล่ตามมา เขาเพียงมองแบบสุ่ม แต่เขาก็พบกับสิ่งที่ทำให้หัวใจเต้นอย่างรุนแรง! องครักเฉินและชายหนุ่มสวมหน้ากากกำลังใกล้เข้ามาอย่างรวดเร็ว!
แม้ว่าพวกเขาจะอยู่ห่างออกไปหกลี้ ซือหยูก็มองเห็นอย่างชัดเจน ไป่ชี่เซียงใช้หน้ากากปิดหน้า แต่ถึงเขาจะไม่ปิดหน้าซือหยูก็จำเขาได้ แม้จะเป็นเพียงเถ้าถ่านของเขาก็ตาม!
หกลี้นั่นไม่ไกลนัก พวกเขาจะตามซือหยูทันในอีกไม่กี่นาที! ซือหยูรีบออกจากภูเขาอย่างบ้าคลั่งโดยไม่ลังเล เขาวิ่งลงพื้นที่ราบ เมื่อออกจากภูเขาได้เขาก็มองหาที่ซ่อน
ตอนนั้นเองเขาพบแม่น้ำสายใหญ่ที่มีกลุ่มคน มีคนหลายสิบคนอยู่ที่นั่น พวกเขาแบ่งกลุ่มพักในกระโจมแปดกระโจม
ซือหยูตาเป็นประกายและรีบพุ่งออกมาทันที
หลังสองนาทีซือหยูหันไปมองด้านหลัง เขาเห็นไป่ชี่เซียงและองครักษ์เฉินปีนถึงยอดเขาแล้ว! เขาจะมัวชักช้าไม่ได้!
ก่อนที่จะถูกะบ ซือหยูเข้าไปปนกับคนพวกนั้นและแอบเข้าไปในกระโจมที่ใกล้แม้น้ำที่สุด
ซือหยูมองผ่านช่องเล็กๆในกระโจม เมื่อเห็นว่าท่าทางของพวกเขายังปกติซือหยูก็โล่งใจ
ซือหยูที่เหนื่อยอ่อนนั่งลงกับพื้นและตรวจสอบกระโจมอย่างละเอียด กระโจมนี้ถูกตั้งชั่วคราวและมีเตียงธรรมดาสีแดง มีกลิ่มหอมอ่อนๆด้านในบ่งบองว่ามันเป็นกระโจมของสตรี
ข้าจะอยู่ที่นี่สักหน่อย ไป่ชี่เซียงกับคนของมันยังอีกไกล ซือหยูเชื่อว่าไป่ชี่เซียงไม่กล้าผลีผลามกับคนจำนวนมากเช่นนี้ มิเช่นนั้นแล้วหากเรื่องแดงออกไป แม้แต่สวรรค์ก็ช่วยชีวิตไป่ชี่เซียงไม่ได้
ซือหยูที่หนีมาหลายวันในที่สุดก็ได้พักหายใจ แต่เขาก็มิอาจฝืนร่างกายได้อีกแล้ว
ซือหยูคลานไปที่เตียงและห่มผ้า ศีรษะอันหนักอึ้งทำให้เขาหลับทันที
ข้างนอกกระโจมคือสตรีสง่างามบริสุทธิ์ ดวงตาเปล่งประกายดั่งวารี ใบหน้าถูกขัดเกลามาอย่างดีราวกับมิใช่มนุษย์ นางเหมือนกับตัวตนอันงดงามที่ถูกส่งมายังโลกใบนี้
ใบหน้าน่าทะนุถนอมสีขาวหิมะนั่นดูสงบสุข ดวงตาสดใสของนางเต็มไปด้วยความกังวลมิเสื่อมคลาย
“หยูเอ๋อ เจ้ายังห่วงเรื่องฉินเซี่ยนเอ๋อกับซือหยูอยู่รึ?”
เซี่นหลินฉวนถอนหายใจ เขาทนมองใบหน้าไม่สบายใจของลูกสาวไม่ได้อีกแล้ว
ข่าวการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของเขตเซี่ยนหยูแพร่กระจายไปทั่วใน 10 วัน ดยุคเซี่ยนหยูถูกจับ ลูกสาวและลูกเขยหนีไปได้ และซือหยูยังมีการคุ้มครองจากบัญชาศักดิ์สิทธิ์ ทั้งแคว้นมิอาจไล่ตามเขาไ้ แต่ฉินเซี่ยนเอ๋อนั้นยังคงถูกตามล่าและไม่มีใครรู้ชะตาของนาง
เซี่ยจิงหยูกับฉินเซี่ยนเอ๋อคือสหายที่มีสัมพันธ์แน่นเฟ้นสูงสุดนับแต่วัยเยาว์ พวกนางใกล้ชิดกันราวพี่น้อง ซือหยูก็มิสนิทกับเซี่ยจิงหยูมิต่างกัน เซี่ยจิงหยูที่เสียสหายไปถึงสองคนจะไม่กังวลได้อย่างไร?
เซี่ยจิงหยูฝืนยิ้ม
“ดยุคเซี่ยนหยูคิดล่วงหน้าไว้แล้ว เขาจัดการให้ผู้มีพลังแข็งแกร่งช่วยให้เขาทั้งสองหนีไป เจ้าไม่ต้องกังวลเช่นนี้เลยหยูเอ๋อ”
เซี่ยหลินฉวนปลอบนาง
“ไม่มีข่าวนั่นก็หมายถึงข่าวดี บางทีพวกเขาอาจจะออกไปจากเฟิงหลินแล้วก็ได้”
ออกจากแคว้นงั้นเหรอ? นางทั้งยินดีและเป็นทุกข์ หัวใจนางว่างเปล่าและน้ำตาเริ่มคลอ ชีวิตนี้นางอาจจะไม่ได้เจอกับเซี่ยนเอ๋อและซือหยูอีกแล้ว พวกเขาจะไปกันได้ดีไหมนะ?
เซี่ยจิงหยูเช็ดน้ำตา
“ท่านพ่อ ข้าจะไปพักสักหน่อย”
เซี่ยหลินฉวนกล่าวด้วยความรัก
“เอาสิ ฟ้ามืดแล้ว พักผ่อนให้สบาย พรุ่งนี้เราจะเข้าเมืองหลวงกัน”
“ค่ะ ท่านพ่อ”
เซี่ยจิงหยูมุดเข้ากระโจม นางไม่มีกระจิตกระใจทำสิ่งใด นางเดินไปที่เตียงด้วยแสงที่เหลืออยู่น้อยนิด นางเห็นสิ่งแปลกๆบนเตียงนาง
เมื่อนางมองก็พบคนที่นอนอยู่บนนั้น นางโกรธและอับอาย ใครกันบังอาจมานอนบนเตียงนาง?
ติชมให้กำลังใจ กดไลค์แฟนเพจมาคุยกันได้เลยจ้าาา