GE29 กลั่นกระบี่แยกสวรรค์ กระบี่แห่งดวงดาว
“ในยุคแรกเริ่มมีวิธีโบราณในการสร้างมนุษย์ มีโลหะโบราณชนิดหนึ่งเรียกว่าดวงดาว เบื้องบนมีเทพผู้หักกระดูกของตนสร้างเป็นอาวุธ ในหมู่เทพมีจักรพรรดิผู้มีชีวิตเป็นนิรันดร์ ผู้ใดที่บูชาจักรพรรดิ ผู้นั้นจะได้รับรู้ถึงความลึกลับของโลก ร่างกายของจักรพรรดิแปรเปลี่ยนเป็นสรรพชีวิตมากมายนับไม่ถ้วน ดวงตาแปรเปลี่ยนเป็นตะวันและจันทรา ลมหายใจแปรเปลี่ยนเป็นอัสนี เมื่อความฝันจบลง ทุกสรรพสิ่งจะหายไป...”
ภายในห้องตีอาวุธ ตำหนักซื่อฟาน หนิงฝานนั่งอยู่หน้าเตาโลหะ หนิงฝานถือกระบี่แยกสวรรค์ไว้ในมือพลางหวนนึกถึงความทรงจำที่กระจัดกระจายของล่างกู่
“คัมภีร์แห่งเต๋า”... ข่าวลือว่ามันคือคัมภีร์ที่ตกทอดจากยุดแรกเริ่มมายังจักรพรรดิสวรรค์โบราณ ภายในความทรงจำที่กระจัดกระจายของล่างกู่นั้น มีเพียงข้อความสั้นๆที่ไม่ประติดประต่อกัน
ข้อความส่วนหนึ่งในคัมภีร์แห่งเต๋า มีส่วนหนึ่งที่กล่าวถึงประวัติศาสตร์ในยุคนั้น และกล่าวถึงดวงดาวโบราณ
ดวงดาวโบราณใช้เป็นวัตถุดิบในการสร้างอาวุธ ที่หากไม่ใช่เทพก็ไม่สามารถควบคุมมันได้ แม้ภายในกระบี่แยกสวรรค์จะมีเศษเสี้ยวของดวงดาวโบราณอยู่เพียงเล็กน้อย แต่มันกลับล้ำค่าและยากจะหาเล่มที่สองได้เหมือน
แต่นั่นยังไม่ทำให้หนิงฝานพึงพอใจ ทักษะการหลอมสร้างอาวุธของซื่อหวูเสียยังอ่อนด้อยเกินไป ยังมีสิ่งสกปรกปนเปื้อนมากเกินไป ซึ่งสิ่งเหล่านั้นได้ขัดขวางอานุภาพที่มหัศจรรย์ของดวงดาวโบราณ
แววตาของหนิงฝานใสกระจ่างและเงียบสงบ แววตาคู่นั้นจับจ้องราวกับต้องการมองกระบี่แยกสวรรค์ให้กระจ่าง
คมกระบี่คือแร่ทองคำเก่าแก่ ปลายกระบี่คือแร่เงินสายฟ้า ตัวกระบี่คือโลหะพิภพ... กระบี่เล่มนี้ใช้แร่ล้ำค่าหายากระดับสูงสุดในการสร้าง มันนับเป็นกระบี่ที่มีชื่อเสียง แต่ก็ทำได้เพียงมีชื่อเสียง หากไร้ซึ่งความมหัศจรรย์ของดวงดาวโบราณ มันก็ไม่ใช่กระบี่เทพ
“ข้าต้องนำเอาสิ่งสกปรกออกจากแร่ทองคำเก่าแก่ แร่เงินสายฟ้า และโลหะพิภพ โดยการหลอมมันใหม่ทั้งหมด”
หนิงฝานขยับนิ้วออกคำสั่งกระบี่ ก่อนที่มันจะลอยเข้าไปในเตาหลอม
เตาหลอมโลหะใบนี้มีเพียงเพลิงชีพจรพิภพ อานุภาพของมันไม่รุนแรงมากนัก หากให้หลอมกลั่นเอาสิ่งสกปรกออกจากกระบี่แยกสวรรค์ อย่างน้อยต้องใช้เวลาหลายเดือน
แต่หนิงฝานไม่ได้มีอารมณ์รอนานขนาดนั้น
หนิงฝานสูดหายใจ แล้วคายเพลิงหยินหยางออกมาจากปาก จากนั้นใส่ลงไปในเตาหลอม เพื่อเสริมความแข็งแกร่งของเพลิง
ด้วยอานุภาพของเพลิงพยินหยาง อย่างช้า ตัวกระบี่จะถูกหลอมในสามวัน
แต่ด้วยพลังของหนิงฝาน เขาสามารถใช้เพลิงหยินหยางหลอมกระบี่อย่างต่อเนื่องได้เพียง 2 ชั่วยามเท่านั้น
ดังนั้นเขาจึงนำขวดโอสถจำนวนมากออกมาวางไว้เบื้องหน้า โอสถเหล่านั้นมี ‘โอสถคืนแก่น’ ‘โอสถฟื้นฟูจิตวิญญาณ’ และ ‘โอสถคืนพลัง’ โอสถเหล่านี้จะช่วยฟื้นฟูพลังที่หายไปได้อย่างรวดเร็ว
เวลาไหลผ่านอย่างรวดเร็วราวกับสายน้ำ หนิงฝานใช้พลังควบคุมเตาหลอมอย่างต่อเนื่อง 3 วันเต็ม และยามนี้ กระบี่แยกสวรรค์ได้กลายเป็นโลหะร้อนทั้งหมดแล้ว
ความร้อนที่รุนแรงแผ่ออกจากเตาหลอม เผาใบหน้า เผาเส้นผมของหนิงฝาน โลหะหลอมของกระบี่ที่ทรงพลัง เปล่งอานุภาพราวกับจะทำลายเตาหลอมออกมา หากพลังงานที่อยู่ภายในเตาหลอมปะทุ ตำหนักแห่งนี้คงได้พังทะลาย
แววตาของหนิงฝานจริงจัง เขากำลังเฝ้าสังเกตุโลหะหลอมที่อยู่ในภายใน เขาจำเป็นต้องแยกเอาสิ่งไม่บริสุทธิ์ออกมาก่อนที่พลังข้างในจะปะทุ
หนิงฝานนำกระบี่ไร้เงาออกมา จากนั้นใช้ทักษะกระบี่เพลิงผันแปรเพื่อถ่ายอานุภาพของกระบี่ลงไปในเตาหลอม
แยกขี้เถ้าม่วง...
แยกหยกมังกรน้ำแข็ง...
แยกแก่นโลหะเพลิง...
แยกหยกไร้น้ำตา...
ทุกสิ่งที่แยกออกมาทำให้กระบี่แยกสวรรค์ลดระดับจากสูงสุดมายังต่ำสุด กระทั่งไม่คู่ควรเป็นสมบัติวิญญาณ
หนิงฝานสูดหายใจลึก หากระดับของมันตกลงมากกว่านี้ การกลั่นกระบี่แยกสวรรค์ของหนิงฝานจะล้มเหลว
หนิงฝานถอนพลังของกระบี่ไร้เงาออกมา จากนั้นหยดโลหิตลงไปในเตาหลอม เพื่อป้องกันไม่ให้ระดับของกระบี่ลดลงไปมากกว่านี้
เมื่อโลหิตทำปฏิกิริยากับโลหะหลอมภายในเตา ระดับของมันก็ไม่ลดลงอีก เมื่อเห็นเช่นนั้น หนิงฝานสูดหายใจลึกอย่างวางใจ หน้าผากผุดเม็ดเหงื่อมากมาย ใบหน้าเผยรอยยิ้ม ขั้นตอนจากนี้ต่อไปจะเป็นขั้นตอนง่ายๆแล้ว
หนิงฝานกินโอสถจำนวนมากเข้าไปเพื่อให้พลังของตนฟื้นฟูได้อย่างรวดเร็ว หลังจากนั้น หนิงฝานสะบัดแขนเสื้อเพื่อดับเพลิงภายในเตาหลอม เมื่ออุณหภูมิความร้อนลดลง กระบี่แยกสวรรค์ก็ค่อยๆคืนรูป
ผ่านไปชั่วธูปไหม้หมดครึ่งดอก เสียงตีกระบี่ก็ดังออกมาจากภายในเตา หนิงฝานเอามือกดฝาเตาไว้ แต่แสงที่อยู่ภายในเตายังคงสาดกระจายทั่วทิศ
แสงที่ส่องออกมากระจ่างใสราวกับน้ำ นับว่างดงามเป็นอย่างมาก
หนิงฝานชี้ไปที่แสงก่อนมันจะแปรเปลี่ยนเป็นกระบี่ยาวสามเซี้ยะ ลอยลงมายังฝ่ามือของหนิงฝาน ยามนี้ตัวกระบี่ยังคงร้อนอยู่
หนิงฝานอ้าปากดูดกลืนเอาเพลิงหยินหยางที่เหลือภายในเตาหลอมกลับคืน เมื่อเขาสำรวจกระบี่แยกสวรรค์ สีหน้าก็เผยความพึงพอใจ
ยามนี้แม้ระดับของกระบี่แยกสวรรค์ยังต่ำชั้นเกินจะเป็นสมบัติวิญญาณ แต่ความสามารถของมันกลับเพิ่มพูน
ก่อนหน้านี้ที่กระบี่แยกสวรรค์เคลื่อนไหว มันเพียงเปล่งแสงสะท้อนจากโลหะ ไม่เปล่งแสงทอประกายราวกับดวงดาวในยามนี้ นั้นเพราะมันมีสิ่งสกปรกปนเปื้อนมากเกินไป ทำให้ส่งผลกระทบกับดวงดาวโบราณที่เป็นส่วนหนึ่งของมัน
แต่ยามนี้กระบี่เปล่งแสงราวกับดวงดาว มีเพียงระดับของมันเท่านั้นที่ยังต่ำชั้น แต่วันหนึ่ง มันจะกลายเป็นกระบี่เทพที่งดงาม และสามารถตัดผ่าได้ทุกสิ่ง!
หนิงฝานใช้กระบี่ในมือกรีดแขน เพื่อนำโลหิตมาเซ่นสรวงแก่กระบี่
การที่กระบี่ได้อาบโลหิต ถือเป็นการกำเนิดใหม่ของมัน และมันก็รับหนิงฝานเป็นนายอีกครั้ง
ทันใดนั้น กระบี่แยกสวรรค์ในมือเปล่งประกาย ท้องนภาเหนือเมืองฉีเหม่ยปกคลุมด้วยแสงแห่งดวงดาราที่งดงาม แม้ยามนี้เป็นกลางวัน แต่ผู้ที่อยู่ห่างออกไป 100 ลี้ยังมองเห็นแสงได้อย่างชัดเจน ปรากฏการณ์ประหลาดกลายเป็นจุดสนใจของผู้คน รวมถึง 4 ตระกูลใหญ่ของเมืองฉีเหม่ย อันได้แก่ ‘ตระกูลหวู่’ ‘ตระกูลเย่’ ‘ตระกูลโม่’ และ ‘ตระกูลฟาง’ นอกจากนี้ยังมียุ่ยฉีที่กำลังดูแลหมู ซื่อถูที่กำลังฝึกฝนกระบี่ และหนานกงนั่งมองเข็มทิศ ทั้งหมดจ้องมองปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างตกตะลึง
ผู้คนมากมายนับไม่ถ้วนออกมาจากที่พักของตนเพื่อดูปรากฏการณ์ที่น่าตระหนกบนท้องนภา
การที่แสงแห่งดวงดาวปรากฏขึ้นกลางวันแสกๆ หมายถึงการถือกำเนิดใหม่ของอาวุธเทพ คำกล่าวนั้นเป็นเพียงตำนานเล่าขาน แต่ยามนี้ผู้คนในเมืองฉีเหม่ยกลับได้เห็นปรากฏการณ์นั้นด้วยตา
“กลางวันปรากฏดวงดาว... อาวุธเทพถือกำเนิด... หรืออาจเป็นปีศาจเฒ่าตระกูลฟางที่สร้างอาวุธเทพขึ้น? เป็นไปได้อย่างไร?”
“ข้าว่าสมควรเป็น... นักเสริมวิญญาณของตระกูลโม่ที่ได้เสริมจิตวิญญาณและพลังเทพที่ทรงพลังเข้าไปในอาวุธหรือสมบัติวิญญาณที่สร้าง”
ผู้คนมากมายคาดเดากับปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น แต่หลังจากผ่านไป 10 หายใจ ปรากฏการณ์นั้นก็เลือนหายไปจากท้องนภา ไม่มีผู้ใดรู้ว่า ผู้ใดเป็นผู้สร้างอาวุธเทพ
“หนิงน้อย... เจ้าทำข้าตกตะลึงอีกแล้ว... อาวุธเทพโบราณ... ถึงกับหลอมสร้างสิ่งนี้ขึ้นได้ ในอนาคต ยามที่เจ้าก้าวไปยังแดนสวรรค์ทั้ง 4 บางทีเจ้าอาจถูกทวยเทพมากมายท้าทาย!”
หานหยวนจี๋ส่ายหน้า ชายชราไร่ซึ่งสมาธิ ไม่นานกระถางโอสถของชายชราก็ระเบิด เถ้าถ่านภายในพวยพุ่ง
“โอสถผันแปรที่ 4 ของข้า อีกเพียงนิดเดียว...นิดเดียวเท่านั้นก็จะเสร็จ! ข้าไม่อยากอยู่แล้ว ไม่อยากอยู่อีกต่อไปแล้ว”
ชายชราทำกระถางโอสถระเบิดมา 61 ครั้งแล้ว
หนิงฝานผลักประตูออกมาจากห้องหลอมอาวุธ ยามนี้กระบี่ที่เปล่งแสงราวกับดวงดาวกำลังลอยวนอยู่รอบกาย
จิตสังหารอันเย็นเฉียบแผ่ออกมาจากกระบี่ ทุกสิ่งในรัศมี 3 จ้างถูกปราณกระบี่ของหนิงฝานตัดขาด
เป็นกระบี่ที่แหลมคนนัก ด้วยกระบี่เล่มนี้ หนิงฝานสามารถสังหารผู้เชี่ยวชาญเปิดเส้นชีพจรที่ 10 ได้โดยไม่ต้องใช้พลัง และยิ่งหากผสานทักษะกระบี่เพลิงผันแปรเข้าไป ต่อให้เป็นผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณขั้นสุดท้ายก็สังหารได้ ยามนี้ หนิงฝานจึงมั่นใจว่า ไม่มีผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณขั้นสุดท้ายคนใดที่สามารถรับกระบี่ของหนิงฝานได้!
หนิงฝานอ้าปากสูดลม กระบี่ยาวสามเซี้ยะแปรสภาพเป็นลำแสงพุ่งหายเข้าไปในท้องของหนิงฝาน มันคงสภาพอยู่ภายในตันเถียนเฉกเช่นเดียวกับสร้อยหยินหยาง
ด้วยพลังจิตวิญญาณที่ผสานเข้ามาในเส้นชีพจรของหนิงฝาน กระบี่แยกสวรรค์ได้ดูดกลืนพลังเหล่านั้นและเริ่มวิวัฒนาการตนเองอย่างช้าๆ
มีอยู่ 2 วิธีที่ช่วยยกระดับให้กับอาวุธเทพโบราณ หนึ่งคือผ่านการดูดซับพลัง สองคือการสังหารผู้คน วิธีนี้คือการใช้โลหิตเพิ่มระดับ
หนิงฝานสูดหายใจลึก เขายังไม่พอใจกับกระบี่ ยามนี้เขาอยากใช้อีกวิธีที่จะทำให้กระบี่แยกสวรรค์ยกระดับเร็วขึ้น
นั่นคือการเสริมวิญญาณ! หนิงฝานต้องเพิ่มพลังเทพเข้าไปในกระบี่!
หากเพิ่มด้วย ‘ตรึงร่าง’ เมื่อกระบี่ปรากฏ ศัตรูจะเคลื่อนที่ได้ช้าลง
หากเพิ่มด้วย ‘ล่าเงา’ กระบี่แยกสวรรค์จะไล่ล่าศัตรูด้วยตัวของมันเอง
หากเพิ่มด้วย ‘เสริมความเร็ว’ เข้าไป กระบี่แยกสวรรค์จะชักออกจากฝักได้เร็วขึ้น
การเสริมวิญญาณไม่มีผลกับระดับของกระบี่แยกสวรรค์ มีแต่จะทำให้มันสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น
แต่โชคร้ายที่หนิงฝานไม่รู้วิธีเสริมวิญญาณ การเสริมวิญญาณให้อาวุธและสมบัติวิญญาณนั้น เป็นอาชีพใหม่ที่เพิ่งปรากฏในโลก ในความทรงจำของจักรพรรดิสวรรค์หรือล่างกู่นั้น จึงไม่ปรากฏ
แม้หนิงฝานไม่สามารถเสริมวิญญาณได้ แต่โชคยังดีที่ในเมืองฉีเหม่ยแห่งนี้ มีนักเสริมวิญญาณที่เลื่องชื่ออยู่
ในเมืองฉีเหม่ยแห่งนี้มีขุมกำลังที่ทรงอำนาจอยู่ 7 ส่วน... 3 ส่วนแรกคือ 3 ปีศาจทมิฬที่รับผิดชอบเรื่องการต่อสู้ อีก 4 ส่วนคือ 4 ตระกูลใหญ่ที่รับผิดชอบเรื่องการค้าขายและขนส่ง
ตระกูลใหญ่ทั้ง 4 อันได้แก่ ตระกูลหวู่ ตระกูลเย่ ตระกูลโม่ และตระกูลฟาง ล้วนมีแนวทางการทำงานเป็นของตน... ผู้นำตระกูลหวู่ ‘หวู่หลาน’ เป็นที่รู้จักในชื่อ ‘โฉมสะคราญหลาน’ เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านข่ายพลัง... ผู้นำตระกูลเย่ ‘เย่หวน’ เป็นที่รู้จักในชื่อ ‘อสูรเมฆาหวน’ เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเมฆเซียน... ผู้นำตระกูลฟาง ‘ฟางโน๋ว’ รู้จักกันในชื่อ ‘ผู้เชี่ยวชาญสมบัติโน๋ว’ เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการสร้างสมบัติวิญญาณ เป็นผู้สร้างสมบัติวิญญาณที่ได้รับความเคารพจากผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำ
และตระกูลสุดท้ายคือตระกูลโม่ ผู้นำตระกูล ‘โม่หรูฉุ่ย’ รู้จักกันในชื่อ ‘เทพโม่’ เชี่ยวชาญด้านการสร้างสมบัติวิญญาณและการเสริมวิญญาณ นางคือนักเสริมวิญญาณที่มีชื่อเสียง
ความสามารถ ‘ตรึงร่าง’ ที่หายาก ของกระถางแยกโอสถของหานหยวนจี๋ ก็ได้โม่หรูฉุ่ยเป็นผู้เสริมวิญญาณให้
ในแดนสวรรค์ทั้ง 4 และโลกทั้ง 9 นักเสริมวิญญาณจะเป็นที่เคารพนับถือกว่านักปรุงโอสถ และผู้สร้างอุปกรณ์วิญญาณ ข่าวลือว่าผู้ที่จะเป็นนักเสริมวิญญาณนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่รายละเอียดในส่วนนั้น ไม่มีผู้ใดทราบ
หนิงฝานยิ้มเล็กน้อย หลังจากแยกสิ่งสกปรกออกจากกระบี่แยกสวรรค์ได้แล้ว ก็ถึงเวลาที่จะมุ่งหน้าไปพบโม่หรูฉุ่ยเพื่อเสริมพลังให้กระบี่ของตน
หากเสริมพลังให้กระบี่ได้ พลังในการรบของหนิงฝานจะเพิ่มขึ้น
หนิงฝานกลับไปห้องของตนเพื่อดูแลจื่อเฮ่อ ไม่นานนักเขาก็เร่งมุ่งหน้าไปยังตระกูลโม่ที่อยู่ทางใต้ของเมืองฉีเหม่ย
***
ยามนี้ เบื้องหน้าทางเข้าตระกูลโม่ ผู้คุ้มกันจำนวนมากยืนเรียงแถวเป็นรูปขบวนคุ้มกัน
แต่ผู้คุ้มกันยามนี้ไม่ได้มีเพียงผู้คุ้มกันของตระกูลโม่ ยังมีผู้คุ้มกันจากตระกูลหวู่ ตระกูลฟาง และตระกูลเย่อยู่ด้วย
นั่นหมายความว่า คนสำคัญตระกูลทั้ง 4 มารวมตัวกันที่ตระกูลโม่ ยามนี้ทั้งหมดนั่งอยู่ภายในห้องโถงขนาดใหญ่ด้วยสีหน้าเคร่งเครียดจริงจัง
ผู้นำตระกูลโม่...โม่หรูฉุ่ย เป็นสาวน้อยในอาภรณ์สีดำ นางมีอายุมากกว่า 300 ปี ดวงตางดงามและเย็นชา ยามนี้นางกำลังจ้องมองผู้ที่อยู่ภายในห้องโถงแห่งนี้
“ผู้อาวุโสหลิน... นายน้อยหลาน… บุตรแห่งไป๋ซุน...ไป๋ปี้ และศิษย์แห่งเฮยซวน...เยี่ยนซวนหยิน ฮ่าฮ่า... แขกผู้ทรงเกียรติทั้ง 4 ได้มาเยือนตระกูลโม่ของข้าด้วยโอกาสอันใด?”
“โม่หรูฉุ่ย...ข้าจะไม่อ้อมค้อม วันนี้ข้าตั้งใจขอให้ท่านเสริมวิญญาณ ‘เผาวิญญาณ’ ให้ข้า”
บุรุษหนุ่มในชุดคลุมดำนามเยี่ยนซวนหยิน แสดงสีหน้าเย็นชาไม่สนใจผู้ใด
มันไม่เห็นผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณขั้นแรกของ 4 ตระกูลใหญ่แห่งเมืองฉีเหม่ยอยู่ในสายตา!...