ตอนที่ 88 กลายเป็นศัตรู
ตอนที่ 88 กลายเป็นศัตรู
มือของอู่โปวกวัดแกว่งดาบ สถานะของมันคือตระกูลชั้นสูง อำนาจของมันเป็นรองเพียงตระกูลจักรพรรดิของแคว้นพิรุณเท่านั้น แต่กลับต้องมาถูกใครก็ไม่รู้ทำให้บาดเจ็บ สิ่งนี้ทำให้ความเชื่อมั่นของมันถูกทำให้สั่นคลอนเป็นอย่างมาก และด้วยนิสัยของมันแน่นอนว่ามันไม่มีทางยอมรับเรื่องนี้ได้ ความปรารถนาที่จะลบราชันในอนาคตให้หายไปได้เพิ่มขึ้นอีกขั้น
ปราณดาบห้าเล่ม นั่นเรียกได้ว่าเป็นตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุดแล้วในหมู่ราชันด้วยกัน
“วันนี้เจ้าจะไม่สามารถสังหารข้าได้ รวมถึงในอนาคตด้วยเช่นกัน เพราะเจ้าจะตายด้วยมือของข้า!” หลิงฮันพูดอย่างโหดเหี้ยม ตั้งแต่ตอนที่อู่โปวสังหารคนภายในบริเวณที่พักตระกูลหลิง นั่นก็หมายถึงโชคชะตาของมันได้ถูกตัดสินเอาไว้แล้ว แม้แต่พระเจ้าก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้!
“อู่โปว เจ้ามาทำอะไรที่นี่?”
“ฟุบ” ร่างหนึ่งได้ปรากฏตัวออกมา นั่นคือหลิวอู๋ตง
นางกำลังอยู่ในระหว่างการทำความเข้าใจทักษะบ่มเพาะส่วนที่สามของทักษะสามหยินเร้นลับ แต่เมื่อได้ยินความวุ่นภายนอกเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ นางจึงนึกขึ้นมาได้ทันทีว่าจะต้องมีบางอย่างเกิดขึ้นแน่นอนจึงได้รีบมุ่งหน้ามาที่นี่ ใบหน้าอันงดงามของนางเต็มไปด้วยความโกรธเพราะนางเห็นร่างของหลิงฮันปกคลุมไปด้วยเลือด หัวใจของนางราวกับถูกบีบรัดและเกิดจิตสังหารขึ้นอยู่ภายในใจ
ใครก็ตามที่กล้าทำร้ายหลิงฮัน... พวกมันไม่สามารถอภัยให้ได้!
อย่างไรก็ตาม อู่โปวคือนายน้อยเจ็ดแห่งตระกูลอู่ และมีสถานะอยู่ในระดับเดียวกันกับนาง ยิ่งกว่านั้นมันยังแข็งแกร่งกว่านางด้วย นางจึงไม่สามารถลงมือผลีผลามได้ เพราะไม่อย่างงั้นหลิงฮันอาจจะเป็นอันตรายถึงชีวิต! และนั่นคือสิ่งที่นางไม่อยากจะเห็น
“อู๋ตง!” อู่โปวยับยั้งจิตสังหารเอาไว้และยิ้มตอบ “การเดินทางของเจ้าครั้งนี้ใช้เวลานานหลายเดือน ข้าเป็นห่วงเจ้ามาก เลยตั้งใจที่จะมาพาตัวเจ้ากลับ!”
“ข้าไม่จำเป็นต้องให้เจ้ามายุ่งกับเรื่องของข้า!” หลิวอู๋ตงพูดอย่างเย็นชา นางชี้ไปที่ประตูและพูด “ตอนนี้เจ้าไสหัวไปได้แล้ว!”
“อู๋ตง คงไม่ใช่ว่าเจ้าหลงรักเจ้าเด็กนี่แล้วหรอกนะ?” อูโปวกวาดสายตาไปทางหลิงฮัน และเกิดความริษยาขึ้นมาอย่างไม่อาจควบคุมได้ “ถ้างั้น... เจ้าเด็กนี่จะต้องตาย!”
“เจ้ากล้าที่จะลงมืองั้นรึ?” หลิวอู๋ตงเบี่ยงตัวไปยืนอยู่ข้างหน้าหลิงฮัน สีหน้าเต็มไปด้วยความเย็นชา
“ฮึ เป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่เจ้าจะหลงรักเจ้านั่นเข้าจริงๆ!” อูโปวโกรธจนเกือบจะกลายเป็นบ้า มันกับหลิวอู๋ตงเป็นสมาชิกของแปดตระกูลใหญ่แห่งเมืองจักรพรรดิ และเพื่อที่จะไม่ถูกตระกูลจักรพรรดิกดดันได้ง่ายๆ มันจึงเป็นเรื่องปกติที่แปดตระกูลจะสร้างพันธมิตรกันผ่านการแต่งงาน
หลังจากที่หลิวอู๋ตงถูกพบว่ามีพรสวรรค์ในด้านวรยุทธที่ล้ำเลิศ สมาชิกของตระกูลใหญ่ตระกูลอื่นๆจึงเริ่มปรารถนาอยากจะได้นางมาแต่งเข้าตระกูล และอู๋โปวคือหนึ่งในหลายคนที่ชื่นชอบและตามตื้อนาง โดยส่วนตัวแล้วมันรู้สึกพอใจเป็นอย่างมาก เพราะไม่ใช่แค่หลิวอู๋ตงมีพรสวรรค์ในด้านวรยุทธที่ล้ำเลิศ นางยังเป็นหนึ่งในสองสาวงามล่มเมืองของเมืองจักรพรรดิอีกด้วย ผู้ชายที่ไหนจะไม่อยากแต่งงานกับนางกัน?
แต่มันไม่เคยคิดเลยว่าเพียงแค่นางออกเดินทางมาไม่นาน หัวใจของนางก็ถูกคว้าไปโดยเจ้าเด็กบ้านนอกนี่เสียแล้ว!
“ข้าจะสังหารมัน! ข้าจะต้องสังหารเจ้าเด็กนี่ให้ได้!” มันคำรามด้วยความโกรธ และกระโดดพุ่งเข้าไปปล่อยหมัดใส่หลิงฮัน
“ช่างกล้านัก!” หลิวอู๋ตงขยับไปปัดป้องการโจมตี ‘ปัง’ ออร่าของจอมยุทธระดับก่อเกิดธาตุระเบิดออกมา
“อะไรกัน!” อู่โปวตกตะลึง และความประหลาดใจได้ปรากฏขึ้นที่หน้าของมัน “ระดับก่อเกิดธาตุ! เจ้าทะลวงผ่านระดับก่อเกิดธาตุแล้ว!” เป็นไปไม่ได้ที่มันจะรักษาความสงบไว้ได้ ถึงแม้นางจะมีพรสวรรค์ในด้านวรยุทธสูงสักแค่ไหน นางก็ควรจะทะลวงผ่านระดับก่อเกิดธาตุได้หลังจากผ่านอายุยี่สิบปีไปแล้ว
ยิ่งกว่านั้น เมื่อไม่กี่เดือนก่อนหลิวอู๋ตงยังมีพลังอยู่เพียงระดับรวมธาตุขั้นแปดเท่านั้นเอง ดังนั้นตามหลักแล้ว แค่การที่นางจะบรรลุถึงรวมธาตุขั้นเก้าระดับสูงสุดก็ยากมากพอแล้ว ส่วนการทะลวงผ่านระดับก่อเกิดธาตุนั้น... นางสมควรใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งหรือสองปี
แม้พลังบ่มเพาะจะสามารถใช้เม็ดยาช่วยบังคับให้เพิ่มขึ้นได้ แต่การจะปลอมแปลงกลิ่นอายนั้นเป็นไปไม่ได้ นี่คือกลิ่นอายของจอมยุทธระดับก่อเกิดธาตุอย่างแท้จริง และจากที่สัมผัสได้ นางคงเพิ่งทะลวงผ่านได้เมื่อไม่นานมานี้เอง
อัจฉริยะ นางเป็นอัจฉริยะจริงๆ!
“อู๋ตง ข้าผิดไปแล้วที่พูดตำหนิเจ้า!” มันรีบพูดออกมา
การที่สามารถทะลวงผ่านระดับก่อเกิดธาตุได้ในระยะเวลาสั้นๆแบบนี้ นางจะเอาเวลาจากไหนไปสร้างความสัมพันธ์รักใคร่กับหลิงฮันกัน? นางจะต้องได้รับการพบเจอแห่งโชคชะตาบางอย่างที่นี่ และใช้ความพยายามทั้งหมดในการทะลวงผ่านระดับ นี่ต้องเป็นเหตุผลที่ทำไมนางถึงพักอยู่ที่นี่เป็นเวลานานแน่นอน
“ไสหัวไป!” หลิวอู๋ตงเมินเฉยคำพูดของมัน ฝ่ามือของนางเคลื่อนไหวและปลดปล่อยพลังอำนาจที่น่าสะพรึงกลัวออกมา
สัญลักษณ์ของระดับก่อเกิดธาตุคือการควบแน่นพลังปราณก่อเกิด ด้วยการประกบมือของนาง ฝ่ามือปราณก่อเกิดขนาดยักษ์ได้ปรากฏขึ้นมานับไม่ถ้วนและพุ่งเข้าใส่อู่โปว
และเพราะอู่โปวรู้สึกว่าตนเองเป็นฝ่ายผิด มันจึงไม่กล้าต่อต้านการโจมตีของนาง มันทำเพียงหลบการโจมในขณะที่อ้อนวอนอย่างเมตตา เป็นเพราะว่ามันมีพลังอยู่ที่ก่อเกิดธาตุขั้นหนึ่งระดับสูงสุด มันจึงแข็งแกร่งกว่าหลิวอู๋ตง ยิ่งกว่านั้นนางยังเพิ่งทะลวงผ่านระดับมาได้ไม่นาน ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่นางจะคุ้นชินกับการใช้พลังที่เพิ่มขึ้นมา มันจึงสามารถหลบการโจมตีของนางได้อย่างง่ายดาย
และที่สำคัญที่สุด ถึงแม้ระดับก่อเกิดธาตุจะช่วยให้จอมยุทธสามารถเรียนรู้ทักษะระดับดำได้ แต่นางจะเอาเวลาจากไหนไปฝึกพวกมัน? เพราะงั้นนางจึงคุกคามอู่โปวได้ไม่มาก
“อู๋ตง ใจเย็นๆก่อน ข้าจะกลับก็ได้ และเมื่อเจ้าเดินทางกลับไปถึงเมืองจักรพรรดิ ข้าจะไปหาเจ้าอีกครั้ง!” อู่โปวเดินถอยหลังและจากไป มันส่งสายตาอันเย็นชาไปยังหลิงฮันและพูด “เจ้าหนู อย่าคิดว่าเพียงเพราะเจ้าใกล้ชิดกับนาง นางจะชอบเจ้า! อู๋ตงไม่ใช่คนที่เจ้าจะใฝ่ฝันถึงได้ ถ้าเจ้ากล้าทำเช่นนั้น ข้าจะฉีกเจ้าออกเป็นชิ้นๆ!”
ไม่ต้องรอให้หลิวอู๋ตงพูดใดๆ ร่างของมันก็กระโดดหายออกไปจากระยะสายตา
หลิวอู๋ตงไล่ตามไปไม่กี่ก้าวก็ยอมแพ้ อู่โปวรวดเร็วกว่านางมาก
“ข้าขอโทษ!” นางกลับมายืนข้างหลิงฮันและพูดด้วยความรู้สึกผิด อู่โปวมายังตระกูลหลิงและสังหารคนไปมากมาย แต่นางกลับไม่สามารถจับกุมมันได้
“เจ้าไม่จำเป็นต้องขอทา เจ้าหมอนั่นเป็นของข้า!” หลิงฮันเค้นเสียงอย่างเย็นชา ตัวเขาในตอนนี้ยังไม่มีความสามารถที่จะสังหารอู่โปวได้ แต่รออีกไม่นานแน่นอน วันนั้นจะมาถึง
หลิวอู๋ตงรู้ว่าหลิงฮันเป็นคนที่ต้องทำตามที่พูด นางจึงรีบพูดขึ้นมา “ตระกูลอู่เป็นหนึ่งในแปดตระกูลใหญ่แห่งเมืองจักรพรรดิ และอำนาจของพวกมันอยู่ในระดับเดียวกับตระกูลหลิวของข้า พวกมันมีจอมยุทธระดับแก่นแท้จิตวิญญาณคอยสนับสนุนอยู่ เข้าจะต้องไม่ลงมือผลีผลาม”
หลิงฮันคาดเดาเอาไว้อยู่แล้วว่าอู่โปวจะต้องมีสถานะที่สูงอย่างไม่ธรรมดา ไม่เช่นนั้นมันคงไม่มีคุณสมบัติมาตามตื้อหลิวอู๋ตง เขาพยักหน้าและพูด “ข้าเป็นคนประเภททำอะไรผลีผลามรึไง?”
หลิวอู๋ตงครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะ ถึงแม้ตอนนี้หลิงฮันจะอยู่เพียงระดับรวมธาตุ แต่พรสวรรค์ของเขาสูงกว่านางตั้งไม่รู้กี่ร้อยเท่า และรวมถึงความเชี่ยวชาญในศาสตร์แห่งการปรุงยาของเขาด้วย ครั้งนี้ตระกูลอู่สร้างศัตรูที่น่ากลัวขึ้นมาแล้วจริงๆ
แม้จะยังมีงานอีกหลายอย่างที่ต้องทำในตระกูลหลิง หลิงตงซิงก็ยังยืนกรานบังคับให้หลิงฮันออกไปจากตระกูล มันสั่งให้หลิงฮันเดินทางไปรายงานตัวที่สำนักฮูหยางในทันที
หลังจากคิดอยู่ชั่วขณะ หลิงฮันก็คิดได้ว่าต่อให้เขาอยู่ที่นี่ต่อไปก็ช่วยอะไรไม่ได้อยู่ดี การเดินทางไปเลยน่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า
เขาและหลิวอู๋ตงนำหลิงจือซ่วนกับฮูหนิวไปกับพวกเขาด้วย แต่เพราะพ่อแม่ของหลิงจือซ่วนเสียชีวิตจากการล่าสังหารในเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ไปแล้ว หลิงฮันจึงต้องหาใครสักคนมาช่วยดูแลเด็กสองคนนี้เมื่อพวกเขาไปถึงเมืองจักรพรรดิ
ตอนนี้ฮูหนิวเริ่มคุ้นเคยกับการกินเนื้อปรุงสุกแล้ว แต่นางก็ยังเอาแต่กินเนื้ออยู่ โดยที่ไม่แตะต้องผักต่างๆเลยแม้แต่นิดเดียว ตอนนี้นางเกาะติดกับหลิงฮันเพียงคนเดียว เมื่อไหร่ก็ตามที่มีเวลา นางจะพิงตัวเขาราวกับเป็นลูกแมว และใช้หัวเล็กๆของนางหนุนตักหลิงฮัน
แต่นางไม่ได้ละทิ้งนิสัยป่าเถื่อนออกไปแต่อย่างใด กับคนอื่นแล้วนางยังคงทำตัวดุร้ายใส่อยู่ แต่เพราะหลิงฮัน นางจึงเริ่มใกล้ชิดกับหลิวอู๋ตงและหลิงจือซ่วนขึ้นมาเล็กน้อย อย่างน้อยนางก็ไม่เข้าไปกัดทั้งสองคนแล้ว
และหลิงฮันเริ่มรู้สึกตัวจนต้องตกตะลึงกับเรื่องที่ว่า แม้เด็กสาวจอมป่าเถื่อนคนนี้จะกินอาหารที่พวกเขาให้ไปเท่าไหร่ นางก็ไม่รู้สึกอิ่มเสียที นางสามารถเขมือบอาหารทั้งหมดได้อย่างง่ายดาย และหลังจากที่นางกินเนื้อสัตว์อสูรเข้าไป ระดับพลังบ่มเพาะของนางได้มีการเปลี่ยนแปลง นางทะลวงขั้นขึ้นเป็นระดับหลอมกายาขั้นสี่
...นางยังไม่ปลุกรากฐานขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด รวมถึงไม่เคยเรียนรู้ทักษะบ่มเพาะใดๆมาก่อน!
เรื่องนี้ทำให้หลิงฮันตกตะลึงอย่างถึงที่สุด
พลังบ่มเพาะไม่สามารถปรากฏขึ้นมาได้โดยไร้ที่มา ยกตัวอย่างเช่น ปราณก่อเกิดภายในร่างกายของจอมยุทธจะได้มาจากการดูดซับพลังวิญญาณจากพื้นที่รอบๆ และฮูหนิวที่ไม่ได้ฝึกฝนทักษะบ่มเพาะใดๆ ดังนั้นพลังของนางต้องไม่ได้มาจากวิธีนี้แน่นอน
งั้นมันก็อาจจะมาจากอาหารที่นางกินเข้าไป
หรือว่าเด็กน้อยคนนี้สามารถดูดซับอาหารที่นางกินเข้าไปและเปลี่ยนเป็นปราณก่อเกิดได้?
เมื่อเขาคิดแบบนี้ หลิงฮันรู้สึกตกตะลึงเป็นอย่างมาก ความสามารถที่น่ากลัวเช่นนี้มันอะไรกัน?
เพื่อที่จะพิสูจน์ความจริงในเรื่องนี้ หลิงฮันกับหลิวอู๋ตงจึงล่าสัตว์อสูรมาเพื่อให้ฮูหนิวกิน
ยิ่งนางกินมากเท่าไหร่ พลังก็จะเพิ่มขึ้นเร็วเท่านั้น แต่มันก็ยังมีขีดจำกัด เพราะอย่างไรท้องของนางไม่ใช่หลุมดำที่ไร้ขอบเขต เมื่อพวกเขาทั้งสี่เดินทางมาถึงเมืองจักรพรรดิ ฮูหนิวได้อยู่ในระดับหลอมกายาขั้นหกเรียบร้อยแล้ว
แม้ความก้าวหน้านี้จะไม่น่ากลัวเท่ากับหลิงฮัน แต่มันก็น่าตกตะลึงมากพอแล้ว นั่นเพราะตอนนี้นางยังไม่ปลุกรากฐานวิญญาณขึ้นมาเลยด้วยซ้ำ!
หลิงฮันมีความรู้สึกว่า เขาได้หยิบเจอสมบัติล้ำค่าเข้าเสียแล้ว
*ติดตามข่าวสารได้ที่ เพจ*