ตอนที่แล้วGE27 กระบี่เพลิงธูปหอม
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปGE29 กลั่นกระบี่แยกสวรรค์ กระบี่แห่งดวงดาว

GE28 ขอบเขตประสานวิญญาณขั้นกลาง


Chapter 28 ขอบเขตประสานวิญญาณขั้นกลาง

 

ภายในเมืองฉีเหม่ย จื่อเฮ่อเข้าสู่นิทราด้วยสีหน้าเรียบสงบภายใต้ม่านหมอกยามราตรี ส่วนหนิงฝานสวมอาภรณ์และลุกออกจากเตียงไป เขาผลักประตูและประสบกับแสงจันทร์ที่ทำให้หวนนึกถึงหนิงกู่

 

“วันนั้นต้องมาถึง...”

 

หนิงฝานเผยรอยยิ้มที่อบอุ่น แม้เมืองฉีแหม่ยจะหนาวเย็น แต่ความเย็นเหล่านั้นไม่อาจกัดกินหนิงฝานได้

 

หลังจากกลับมายังเมืองฉีเหม่ย แต่ละวันที่ผ่านมาหานหยวนจี๋เอาแต่ระเบิดกระถางปรุงโอสถ ส่วนหนิงฝานก็เฝ้ารอให้ชายชรามาขอความช่วยเหลืออย่างมีความสุข

 

แสงจันทร์สาดส่อง หนิงฝานนั่งอยู่ในลานกว้างพลางจัดแจงกระเป๋าเก็บของที่ห้อยอยู่เอว กระเป๋าเหล่านี้บ้างได้มาจากชายชรา บ้างได้มาจากผู้ที่เขาสังหาร

 

หนิงฝานไม่สนใจสมบัติที่อยู่ภายใน เพราะเขาได้ครอบครองกระบี่แยกสวรรค์แล้ว ในอนาคต เขาไม่จำเป็นต้องใช้สมบัติคุ้มกาย เพราะกระบี่แยกสวรรค์เป็นกระบี่ที่สร้างจากดวงดาวโบราณ ทั้งยังมีศักยภาพในการเพิ่มระดับที่สูงส่ง

 

หนิงฝานดูถูกทักษะต่างๆที่ได้มาก เพราะด้วยความทรงจำของจักรพรรดิสวรรค์แล้ว ทักษะของผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำกลับกลายเป็นไร้ค่า แต่หากเป็นของผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยก พวกมันมีประโยชน์ แต่การจะใช้ได้นั้นก็ต้องไต่เต้าให้ถึงระดับ

 

หนิงฝานมีโอสถอยู่กับตัวมากมาย ทั้งยังปรุงยาขึ้นเองได้ในภายหลัง

 

ในกระเป๋าเหล่านั้น หนิงฝานเห็นสมบัติวิญญาณเพลิงเล็กน้อย ในโลกแห่งเซียนทั้ง 9 ใบ สมบัติวิญญาณแบ่งออกเป็น 6 ระดับ คือ ‘เงิน’ ‘ทองคำ’ ‘หยก’ ‘พิภพ’ ‘นภา’ และ ‘เทพ’

 

ผู้ที่ใช้สมบัติเทพมีเพียงผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยกเท่านั้น ส่วน ‘แหวนหยกเพลิง’ ที่เพิ่งยอมรับหนิงฝานเป็นนายก็เป็นเพียงสมบัติวิญญาณระดับเงินเท่านั้น

 

สินสงครามที่หนิงฝานได้มา พบว่ามีอุปกรณ์วิญญาณระดับทองคำอยู่ 2 ชิ้น สมบัติระดับนี้เหมาะกับผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำ หนึ่งเป็น ‘สร้อยข้อมือคุ้มภัยสัตว์โบราณ’ ส่วนอีกหนึ่งคือ ‘เชือกฟ้า’

 

สร้อยข้อมือคุ้มภัยสัตว์โบราณสามารถเพิ่มพลังให้กับผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำได้ถึง 3 ใน 10 ส่วน แม้พลังที่เพิ่มจะมีเพียง 3 ส่วน หากเป็นการต่อสู้ พลังที่เพิ่มมา 3 ส่วนนี้จะทำให้ได้เปรียบศัตรูเป็นอย่างมาก

 

ส่วนเชือกฟ้ามีความสามารถในการอำพราง  ให้ผลเช่นเดียวกันกับ ‘ทักษะเร้นกาย’ เพียงแต่ไม่ใช้พลังของตน

 

ต่อให้บรรลุทักษะเร้นกายก็นับว่าสูญเปล่า เพราะทักษะจำต้องใช้พลัง เมื่อใช้พลังผู้คนก็สัมผัสได้ แต่สมบัติวิญญาณนั้นต่างกัน เพราะมันพวกไม่ต้องใช้พลัง

 

หนิงฝานสวมสร้อยไว้ที่ข้อมือ และผูกเชือกฟ้าไว้กับผมที่ยาวสลวยของตน ยามนี้หนิงฝานใช้พลังของตนเพื่อสลักพันธะสัญญากับสมบัติวิญญาณทั้งสองเรียบร้อยแล้ว

 

การทำพันธะสัญญากับสมบัติวิญญาณไม่ใช่เรื่องยากนัก ไม่นาน หนิงฝานก็สัมผัสได้ว่าพลังของตนเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากผลของสร้อยข้อมือ

 

พลังที่เพิ่มขึ้น 3 ส่วนจะทำให้ปราณกระบี่ของหนิงฝานทรงพลังมากขึ้น

 

หนิงฝานคิดบางสิ่ง แสงสีเขียวประกายขึ้นก่อนที่เงาร่างของเขาจะหายตัวไปท่ามกลางหิมะ

 

ไม่นานนัก บนพื้นหิมะก็ปรากฏรอยเท้าราวกับภูติผีกำลังเหยียบย่าง

 

“อ้า!! ผี!”

 

เสียงร้องดังมาจากนอกกำแพง เจ้าของเสียงดูเหมือนจะเป็นตู่กูน้อย

 

หนิงฝานถอนการอำพรางเงียบๆ การอำพรางกายของเขาน่าหวาดกลัวหรือ? เขาดูเหมือนภูตผีเลยหรือ? แต่จริงแล้วตู่กูน้อยเองก็เป็นผี แต่ในโลกของการฝึกตนแล้ว...เรื่องภูติผีถือเป็นเรื่องธรรมดาอย่างที่สุด เพราะแม้บรรลุขอบเขตเปิดเส้นชีพจรที่ 1 ผู้ฝึกตนยังกล้าต่อกรกับภูติผี

 

หรือตู่กูน้อยจะกลัวผี? ช่างน่าสนใจ!

 

หนิงฝานเดินยิ้มออกมาจากลานกว้าง เดินตรงไปยังป้ายหลุมศพที่ตั้งอยู่โดดเดี่ยว

 

ใต้ต้นเหมย... สตรีในชุดขาวเผยไหล่ ผมดำขลับทิ้งลงบนแผ่นหลังราวกับน้ำตก เอวคอดกิ่วได้รูป ดอกเหมยทัดที่ใบหู ดวงตากลมโตคู่งาม ทุกสิ่งสมบูรณ์แบบราวกับกล้วยไม้ที่งดงาม ยามนี้ นางกำลังยืนอยู่ท่ามกลางหิมะ

 

เพียงแต่ สีหน้าที่เย็นชาของนางแฝงด้วยความกระอักกระอ่วนราวกับหนิงฝานกลั่นแกล้งนาง

 

“เหตุใดเจ้าไม่บอกว่าเจ้าอำพรางกาย ข้าคิดว่าข้าเห็นผีจริงๆเสียอีก...” ดวงตาคู่งามของนางจับจ้องหนิงฝานชั้วครู่ ก่อนที่นางจะหายเข้าไปในป้ายหลุมศพราวกับภูติผี

 

“ก็ข้าไม่รู้ว่าผีอย่างเจ้าจะกลัวผีด้วยกัน... บอกข้าทีว่าเหตุใดเจ้าถึงตายอยู่ที่นี่? และตัวเจ้าเกี่ยวพันกับอาจารย์ของข้ายังไง?” หนิงฝานบิดยืดกายก่อนกล่าว

 

“เหตุใดข้าต้องบอกเจ้า? หานหยวนจี๋เป็นคนชั่ว เจ้าเองก็เช่นกัน เจ้าทำบางสิ่งกับสาวน้อยนั่นทุกคืน...เจ้าไม่เหนื่อยบ้างหรือไง? อีกอย่าง เสียงของพวกเจ้าก็ทำให้ข้านอนไม่ได้...” น้ำเสียงที่ขุ่นเคืองของตู่กูดังออกมาจากป้ายหลุมศพ

 

“ข้าขอโทษที่เสียงดังรบกวนเจ้า! ข้าไม่รู้ว่าจื่อเฮ่อจะเสียงดังขนาดนั้น...”

 

“ยังจะกล่าวอยู่อีก? เจ้ามันไร้ยางอาย! ไม่รู้จักประณีตถนุถนอม! เจ้ามันคนเลว!” เสียงของตู่กูดังขึ้น นางทุกข์ใจที่ได้ยินเสียงร่วมรักของจื่อเฮ่อและหนิงฝานอยู่ทุกวัน

 

จื่อเฮ่อร้องราวกับเจ็บปวด แต่เหตุใดนางไม่บอกหนิงฝานหยุด? แต่หากไม่เจ็บ...เหตุใดถึงต้องร้องดังขนาดนั้น?

 

ตู่กูรู้สึกหนาวเหน็บในหัวใจ เพราะนางคิดว่าหนิงฝานคือปีศาจราคะ

 

‘สมแล้วที่เป็นศิษย์ของหานหยวนจี๋... ฮึ่ม ยังเป็นเพียงปีศาจน้อยแต่กลับน่ารำคาญถึงเพียงนี้ ช่างน่าโมโหนัก! ทำเรื่องอย่างว่าอยู่ทุกวัน เหตุใดไม่ไปทำในที่ไกลๆกว่านี้? เสียงดัง...พวกเจ้าไม่รู้หรือไงว่าข้าจะนอน? ข้าเป็นสตรีและยังไม่ได้วิวาห์... แต่ข้ากลับไม่บริสุทธิ์เสียแล้ว!’

 

ตู่กูน้อยโศกเศร้า นางคิดว่าหนิงฝานคือปีศาจน้อยและด่าทอเขา

 

“ข้าไม่เคยเป็นคนดี คำว่า ‘คนดี’ นั้นห่างไกลกับข้ามาก...” หนิงฝานไม่กล่าวต่อ

 

เขาไม่อยากโต้เถียงกับนาง เขานั่งลงบนศิลาข้างๆป้ายหลุมศพเพื่อสังเกตุเจตจำนงกระบี่ที่เหลืออยู่อีก 2 รอย

 

เดิมทีมีเจตจำนงกระบี่อยู่ 3 รอย แต่ ‘กระบี่เพลิงผันแปร’ ได้ถูกหนิงฝานช่วงชิงไปโดยไม่ได้ตั้งใจ

 

เมื่อเห็นสยาตาของหนิงฝานจดจ่ออยู่กับเจตจำนงกระบี่ ตู่กูเริ่มเป็นกังวลและกล่าวด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง “ข้าไม่ยอมให้เจ้าช่วงชิงเจตจำนงกระบี่ที่เหลือ...”

 

“ไม่ต้องกังวล ยามนี้ข้ายังไม่ช่วงชิงหรอก เจตจำนงกระบี่ทั้งสองทรงพลังมาก หากไม่บรรลุแก่นทองคำ ข้าจะไม่ช่วงชิงเจตจำนงกระบี่ที่สอง หากไม่บรรลุดวงจิตแรกเริ่ม ข้าจะไม่ช่วงชิงเจตจำนงกระบี่ที่สาม หากวันใดข้าแข็งแกร่งพอ ข้าจะกลับมาช่วงชิงมันไปจากเจ้าอย่างแน่นอน!”

 

“ต่อให้มีพลังมากพอก็เอาไปไม่ได้... หากเจ้ายังกล้าช่วงชิงเจตจำนงกระบี่ของข้าไป ข้าไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่!” นางกล่าวอย่างเดือดดาล

 

“เหตุใดข้าถึงเอาไปไม่ได้? ที่ทิ้งเจตจำนงกระบี่เหล่านี้ไม่ใช่เพราะต้องการให้คนสืบทอดงั้นหรอ?”

 

“ก็ใช่แต่... แต่มันมีพันธะสัญญาไว้...ว่าหากผู้ใดได้เจตจำนงกระบี่เหล่านี้ไป ข้าต้อง...”

 

คำว่า ‘ข้าต้องแต่งงานด้วย’ นางไม่มีทางยอมพูดเด็ดขาด มันน่าอายที่สตรีจะพูดจาเช่นนั้น ไม่ใช่ว่าผู้ใดจะหนังหนาหน้าทนเหมือนหานหยวนจี๋และหนิงฝาน ที่สามารถพูดคุยเรื่องบนเตียงได้อย่างหน้าตาเฉย

 

“ก็ได้... ข้าไม่ถามแล้ว หากเจ้าไม่ยอมข้าก็จะไม่ช่วงชิงเจตจำนงกระบี่ของเจ้า...”

 

หนิงฝานนำเอาโอสถจำนวนมากออกมา

 

มีโอสถผู้ฝึกตน 10 เม็ด แต่ละเม็ดสามารถสร้างเส้นชีพจรประสานวิญญาณได้ 1 เส้น

 

โอสถกลั่นวิญญาณ 5 เม็ด แต่ละเม็ดสามารถสร้างเส้นชีพจรประสานวิญญาณได้ 2 เส้น

 

โอสถกลืนโลหิต 4 เม็ด แต่ละเม็ดสามารถสร้างเส้นชีพจรประสานวิญญาณได้ 3 เส้น

 

โอสถเหล่านี้เป็นโอสถที่หานหยวนจี๋มอบให้เป็นของขวัญ แต่บางเม็ดก็ได้มาจากผู้อาวุโสของนิกายเทียนหลีโม่

 

ตั้งแต่บรรลุขอบเขตประสานวิญญาณ หนิงฝานยังไม่ได้สร้างเส้นชีพจรประสานวิญญาณสักเส้น เขาทำเพียงประสานพลังงานของเพลิงและน้ำแข็งเข้าด้วยกัน และทำความคุ้นเคย

 

ขอบเขตแรกของผู้ฝึกตนคือ ‘เปิดเส้นชีพจร’ ความหมายมันย่อมตามชื่อ ซึ่งผู้ฝึกตนต้องเปิดเส้นชีพจรของตนให้ได้

 

ขอบเขตที่สองคือ ‘ประสานวิญญาณ’ ซึ่งหมายถึงผู้ฝึกตนต้องเปิดเส้นชีพจรและผสานพลังวิญญาณเข้าไปภายใน

 

การผสานจิตวิญญาณเพลิงคือการฝึกเพลิง การผสานจิตวิญญาณน้ำคือการฝึกน้ำ ดังนั้นขอบเขตประสานวิญญาณจะเป็นตัวตัดสินทิศทางในอนาคตของผู้ฝึกตน ธาตุทั้งห้าอันได้แก่ โลหะ ไม้ น้ำ เพลิง และ ดิน เป็นธาตุที่ง่ายต่อการผสาน ดังนั้น ‘ผู้ฝึกจิตวิญญาณทั้ง 5’ จึงมีจำนวนมากที่สุด ส่วนธาตุ สายฟ้า น้ำแข็ง ความมืด พิษ และลม... จิตวิญญาณที่หาได้ยากเหล่านี้จะถูกเรียกว่า ‘พลังจิตวิญญาณสวรรค์’ มีเพียงผู้ที่ประสบพบโชคเท่านั้นที่จะได้ผสานกับพลังจิตวิญญาณสวรรค์เหล่านั้น และกลายเป็น ‘ผู้ฝึกจิตวิญญาณสวรรค์’

 

ยกตัวอย่างเช่น หนิงฝานได้ร่วมรักกับจื่อเฮ่อท่ามกลางดินแดนหิมะ ทำให้หนิงฝานสามารถผสานกับพลังจิตวิญญาณน้ำแข็งได้

 

หากเป็นผู้ฝึกตนทั่วไปจะผสานกับพลังจิตวิญญาณได้เพียง 1 ชนิด แต่สำหรับผู้ที่เส้นชีพจรเซียนและปีศาจ จะสามารถผสานกับพลังจิตวิญญาณได้หลายชนิด

 

เช่นยามนี้ หนิงฝานได้ผสานกับเพลิงและน้ำแข็ง ซึ่งนับเป็นผู้ที่หาได้ยาก

 

ตามการคาดคะเนของหนิงฝาน หากหนิงฝานสามารถผสานเพลิงและน้ำแข็งให้ลงไปอยู่ในเส้นชีพจรเซียนได้ 100 เส้น เขาจะทะลวงไปยังขอบเขตประสานวิญญาณขั้นกลางได้!

 

ขั้นกลางและขั้นต้นของแต่ละขอบเขตแตกต่างกันเป็นอย่างมาก เพราะในขั้นกลาง พลังของผู้ฝึกตนจะเพิ่มมากขึ้นถึง 2 เท่า ดังนั้น การที่ผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณขั้นกลาง จะลงมือสังหารผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณขั้นต้น จึงไม่ใช่เรื่องยาก

 

เมื่อสงบใจแล้ว หนิงฝานก็เริ่มกลืนโอสถแต่ละชนิดเข้าไปด้วยรอยยิ้ม

 

เส้นชีพจรหยินหยางปีศาจมีความสามารถในการดูดซับโอสถที่น่าสะพรึงกลัว หากเป็นคนทั่วไป การจะดูดซับโอสถในจำนวนที่หนิงฝานกินเข้าไปนั้น อย่างน้อยต้องใช้เวลาหลายปี

 

แต่สำหรับหนิงฝานแล้ว...เพียงคืนเดียวก็พอ!

 

พลัง

 

เมื่อดูดซับโอสถกลั่นวิญญาณหมด 5 เม็ด หนิงฝานผสานพลังจิตวิญญาณเข้าสู่เส้นชีพจรเพิ่มเป็น 11 เส้น

 

เมื่อดูดซับโอสถกลืนโลหิตหมด 4 เม็ด หนิงฝานผสานพลังจิตวิญญาณเข้าสู่เส้นชีพจรเพิ่มเป็น 17 เส้น

 

เวลาล่วงเลยถึงยามดึก แต่หนิงฝานกลับดูดซับโอสถทั้งหมดเสร็จสิ้น ความเร็วในการดูดซับเพิ่มขึ้นจนหนิงฝานคาดไม่ถึง

 

เพียงแต่เส้นชีพจรที่หนิงฝานสามารถผสานพลังจิตวิญญาณเข้าไปได้กลับมีเพียงครึ่งจากที่คาดไว้

 

หนิงฝานขบคิดหาสาเหตุกระทั่งเข้าใจ เมื่อเส้นชีพจรหยินหยางปีศาจผสานพลังจิตวิญญาณสองชนิดที่แตกต่างกัน ทำให้ความเร็วในการทะลวงระดับในขอบเขตประสานวิญญาณช้าลงมาก... หนิงฝานต้องใช้โอสถเป็นสองเท่า

 

ในระหว่างที่หนิงฝานเข้าฌาณ ปากเล็กๆของตู่กูน้อยที่อยู่ในป้ายหลุมศพกลับอ้ากว้างด้วยความตกใจ

 

“ปีศาจน้อยหนิงมีความเร็วในการดูดซับโอสถที่ไม่ธรรมดา... พระบิดาของข้าเคยกล่าวไว้ ว่ามีเพียงผู้เชี่ยวชาญที่ครอบครองเส้นชีพจรปีศาจโบราณเท่านั้นที่บรรลุความเร็วในระดับนี้ได้ ข้าสงสัยนักว่าปีศาจน้อยหนิงมีเส้นชีพจรปีศาจชนิดใด... ฮึ่ม ฮึ่ม ฮึ่ม จะชนิดใดก็ไม่เห็นเกี่ยวกับข้า!”

 

หนิงฝานไม่ทราบว่าตู่กูกำลังด่าทอเขาอยู่ หนิงฝานพยายามสงบใจและทำให้พลังภายในร่างมั่นคง จากนั้นนำผลไม้สีทองผลหนึ่งออกมา

 

ผลไม้แห่งเต๋า! หนิงฝานตัดสินใจกินผลไม้แห่งเต๋า... เช่นนั้นพลังของหนิงฝานจะเพิ่มขึ้นมากเท่าใด

 

ตู่กูน้อยตกตะลึงเมื่อได้เห็นผลไม้แห่งเต๋า

 

“ผลไม้แห่งเต๋า... สิ่งนี้ได้มาจากการสังหารผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำ... แต่ปีศาจน้อยหนิงบรรลุเพียงขอบเขตประสานวิญญาณขั้นต้น เหตุใดเขาสังหารผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำได้? ฮึ่ม ฮึ่ม ฮึ่ม เหตุใดข้าต้องสนใจเรื่องของผู้อื่นด้วย?! ตู่กูเอ๋ยตู่กู เจ้าต้องจำไว้ว่าบุรุษผู้นี้เป็นคนชั่ว หากเจ้าเข้าใกล้มัน ชะตากรรมของเจ้าจะเป็นเหมือนจื่อเฮ่อน้อย เจ้าต้องถูกทรมานทุกคืน...”

 

เมื่อหวนนึกถึงค่ำคืนที่ไม่อาจลืมได้จากจื่อเฮ่อน้อย มือทั้งสองข้างของนางเริ่มสั่นเทา นางไม่อยากคิดว่าจื่อเฮ่อน้อยต้องโดนอะไรบ้างถึงได้ทำให้นางร้องออกมาแบบนั้น

 

มันต้องเจ็บมาก... เจ็บมากแน่ๆ...

 

หนิงฝานรอให้จิตใจและพลังภายในร่างของตนสงบ จากนั้นจึงกินผลไม้แห่งเต๋าเข้าไป

 

เมื่อได้ผลไม้แห่งเต๋าเป็นส่วนเสริม เส้นชีพจรของหนิงฝานก็เริ่มผสานกับพลังของจิตวิญญาณอย่างรวดเร็ว

 

18... 19... 30 เส้น!

 

40... 50... 100 เส้น!

 

เส้นชีพจรได้รับการผสานกับพลังจิตวิญญาณครบทั้ง 100 เส้นภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วยาม กลิ่นอายของหนิงฝานที่แผ่ออกมา เป็นกลิ่นอายขอบเขตประสานวิญญาณขั้นกลาง ทำให้หิมะโดยรอบลอยฟุ้งปั่นป่วน

 

ดวงตะวันเริ่มพ้นขอบฟ้า หนิงฝานยืนต้อนรับรุ่งอรุณด้วยความรู้สึกที่สดชื่น

 

มีเพียงสองสิ่งในโลกที่สบายที่ที่สุด หนึ่งคือการฝึกตนผสาน สองคือการทะลวงระดับ...ช่างเป็นความรู้สึกที่สบายอย่างบอกไม่ถูก

 

“ขอบเขตประสานวิญญาณขั้นกลาง... ช่างทรงพลังนัก! ภายในคืนเดียวข้ามีพลังเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว!”

 

ผลไม้แห่งเต๋าถือเป็นสมบัติล้ำค่า

 

หนิงฝานหลับตา และยืนอย่างเงียบงันเพื่อสะกดความตื่นเต้นของตน

 

นิกายเทียนหลีโม่ถูกทำลาย ช่วยเหลือหนิงกู่ได้สำเร็จ จากนี้ไปคือการฝึกตนที่แท้จริง ไม่ว่าจะเป็นเต๋าแห่งเซียน หรือเต๋าแห่งปีศาจ ย่อมได้เพียงมุ่งหน้าไล่ตามเส้นทางเหล่านั้น

 

ในค่ำคืนที่หานหยวนจี๋ปรากฏตัวบนนภาเหนือนิกายเหอฮวน ความแข็งแกร่งและพลังที่ชายชราใช้ทำลายนิกายเหอฮวนในวันนั้นได้สลักลึกลงไปในจิตใจของหนิงฝาน บางทีนั่นเป็นสิ่งที่หนิงฝานตามหามาตลอดชีวิต

 

“ใกล้จะถึงเวลาที่ข้าต้องไปนิกายกุ่ยเชว่ ดูเหมือนปีศาจเฒ่าไร้หัวใจจะขายข้าเป็นเขยให้กับผู้นำนิกายกุ่ยเชว่ไปแล้ว...”

 

หนิงฝานส่ายหน้า เขาไม่ต้องการหลานเหม่ยแม้แต่น้อย ต่อให้นางสุภาพขึ้นอีกนิด หนิงฝานยังคงยอมรับนางเป็นภรรยาไม่ได้

 

หนิงฝานชูมือ โลหะที่เปล่งประกายแวววาวคล้ายดวงดาวได้ลอยวนรอบมือ มันคือกระบี่ที่มีนามว่า ‘แยกสวรรค์’ และชื่อของมันจะไม่มีวันเปลี่ยน

 

“สิ่งที่ไม่บริสุทธิ์ยังคงอยู่ในกระบี่แยกสวรรค์มากเกินไป กระบี่ยังไม่บริสุทธิ์พอ... ทักษะการตีอาวุธของซื่อหวูเสียช่างอ่อนด้อยนัก... เห็นทีข้าคงต้องเปิดเตาหลอมเพื่อกลั่นมันให้ดีขึ้น...”

 

เดิมทีทักษะการตีอาวุธของซื่อหวูเสียนั้นสูงส่ง เพียงแต่ความต้องการของหนิงฝานกลับมีมากกว่านั้น

 

เมื่อขบคิดถึงเรื่องซื่อหวูเสีย ใบหน้าของหนิงฝานพลันแปรเปลี่ยนเย็นชา เขาหันกายแล้วมุ่งหน้าไปยังห้องตีอาวุธ

 

หนิงฝานเหยียบย่างนภา เงาร่างแปรเปลี่ยนเป็นสายหิมะจากไป... ที่ด้านหลัง ตู่กูน้อยได้ออกมาจากป้ายหลุมศพ ดวงตาคู่งามจับจ้องหนิงฝานที่จากไป ยามนี้...นางรู้สึกสูญเสียบางสิ่งอย่างไม่ทราบสาเหตุ

 

“ปีศาจน้อยหนิง...ตัวเจ้ายังห่างกับคำว่าคนดีนัก... เรื่องราวจะดีกว่านี้หากเจ้าไม่ใช่ผู้ฝึกตนฝ่ายอธรรม พระบิดาต้องชื่นชอบเจ้ามากแน่”...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด