ตอนที่แล้วตอนที่ 85 ไม่มีตระกูลเชิงอีกต่อไป
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 87 อู่โปว

ตอนที่ 86 หลิวอู๋ตงทะลวงระดับ


ตอนที่ 86 หลิวอู๋ตงทะลวงระดับ

 

ภายใต้การล้อมโจมตีของหลากหลายขุมอำนาจ ตระกูลเชิงจะไปต่อต้านได้อย่างไร? พวกมันถูกกวาดล้างไปในเวลาไม่นาน!

 

บางทีอาจจะมีเพียงคนไม่กี่คนที่โชคดีหลบหนีไปได้ แต่ด้วยสถานะในเมืองต้าหยวนตอนนี้ของหลิงฮัน ผู้ที่รอดชีวิตไปได้จะต้องถูกเกลียดชังอย่างถึงที่สุดแน่นอน พวกมันทำได้เพียงหนีและหลบซ่อน หรือหากไม่ทำเช่นนั้น พวกมันจะต้องถูกจับกุมและส่งตัวมายังตระกูลหลิง

 

....ใครบ้างจะไม่อยากเป็นสหายกับหลิงฮัน?

 

มีสมาชิกตระกูลหลิงเพียงไม่กี่คนที่รอดชีวิตมาได้ ดังนั้นฉีฮวงเย่และคนอื่นๆจึงยังไม่กลับไปทันทีหลังจากกำจัดตระกูลเชิงเสร็จสิ้น พวกมันทิ้งคนจำนวนหนึ่งเอาไว้เพื่อช่วยเหลือตระกูลหลิงในการควบคุมสถานการณ์ แต่หลังจากการต่อสู้ที่เกิดขึ้น ไม่มีขุมอำนาจใดภายใต้การควบคุมของเมืองต้าหยวนกล้าที่จะเป็นศัตรูกับตระกูลหลิงแน่นอน ก่อนหน้านี้มีขุมกำลังที่ทรงพลังนับไม่ถ้วนได้เดินทางมาเพื่อช่วยเหลือหลิงฮัน และใครกันจะไม่กลัวที่จะเห็นภาพเช่นนั้นเกิดขึ้นอีกครั้ง?

 

ทรัพย์สมบัติทุกอย่างของตระกูลเชิงตกเป็นของตระกูลหลิง อย่างไรก็ตาม เป็นเพราะตระกูลเชิงได้ถูกกดดันในด้านการค้ามาเป็นเวลานาน พวกมันจึงยากจนเป็นอย่างมาก แต่อย่างไรพวกมันก็ยังมีแร่และร้านค้าต่างๆอยู่ ด้วยการบริหารที่เหมาะสม ทรัพย์สมบัติเหล่านี้จะต้องสร้างรายได้ให้กับตระกูลหลิงเป็นจำนวนมหาศาลแน่นอน

 

หลังจากพักอยู่ที่ตระกูลหลิงหนึ่งวัน ฉีฮวงเย่และคนอื่นก็ขอตัวเดินทางกลับ พวกมันกำลังจะเดินทางไปยังสำนักฮูหยาง และในเมื่อเร็วๆนี้หลิงฮันก็จะต้องไปยังสถานที่เดียวกัน พวกมันจึงเดินทางออกไปได้อย่างไม่รู้สึกเศร้าอะไร เพราะอย่างไรพวกเขาก็ต้องได้เจอกันในอีกไม่กี่วันอยู่แล้ว

 

ในขณะเดียวกัน หลิวอู๋ตงได้เก็บตัวเพื่อเตรียมพร้อมทะลวงผ่านระดับก่อเกิดธาตุ นางรู้สึกว่าตัวนางนั้นช่างไร้ประโยชน์ ในตอนที่หลิงฮันต้องการตามช่วยเหลือ นางไม่สามารถทำอะไรเพื่อเขาได้เลย ซึ่งสิ่งนี้ทำให้นางรู้สึกไม่พอใจในพลังตอนนี้ของนาง

 

ดังนั้น เมื่อภัยอันตรายได้ผ่านพ้นไปแล้ว นางจึงเริ่มเตรียมตัวทะลวงระดับทันที

 

หลิงฮันเองก็จำเป็นต้องอยู่ที่นี่อีกสักพักเพื่อช่วยดูแลธุระบางอย่างของตระกูล เขาเลยตัดสินใจจะรอจนกว่าหลิวอู๋ตงทะลวงระดับก่อเกิดธาตุได้ ถึงจะพาหลิงจือซ่วนกับฮูหนิวไปสำนักฮูหยางพร้อมกันกับเขา

 

กำหนดการแรกที่ต้องทำเลยก็คือการจัดงานศพให้กับสมาชิกตระกูลหลิง

 

มีคนมากมายได้เสียชีวิตลงไป เพียงแค่งานศพอย่างเดียวก็ใช้เวลาไปเจ็ดวันแล้ว ยิ่งกว่านั้น เนื่องจากสมาชิกตระกูลหลายคนได้เสียชีวิตไป จึงต้องมีการหากำลังคนเพิ่มเติมเป็นจำนวนมาก ไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถบริหารธุรกิจต่างๆได้

 

หลิงฮันไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก เขาเชี่ยวชาญในด้านปรุงยาและวรยุทธ แต่ในเรื่องเช่นนี้ เขาไร้ประสบการณ์โดยสิ้นเชิง โชคดีที่ฉีฮวงเย่และคนอื่นๆทิ้งคนเอาไว้ช่วย และสัญญาไว้ว่าพวกมันจะรอจนกว่าตระกูลหลิงจะฟื้นฟูกลับคืนมาได้ พวกมันถึงจะเรียกกำลังพลกลับคืน

 

ในขณะเดียวกัน เฉินเฟิงเลี่ยได้มาหาเขาพร้อมกับนำข่าวบางอย่างมาบอก เชินเพิงจวีได้เผลอพลั้งปากพูดออกไปหลังจากที่มันดื่มสุราจนเมาแล้วจริงๆ และเหตุการณ์ที่ฮังฉานถูกสังหารโดยหลิงฮันได้ถูกล่วงรู้โดยบางคน หลังจากลังเลอยู่เป็นเวลานาน ในที่สุดคนคนนั้นก็ได้ไปยังนิกายหมาป่าหินผาเพื่อแจ้งบอกความลับนี้ออกไป โดยหวังเอาไว้ว่ามันจะได้รับผลประโยชน์บางอย่างกลับมา

 

ไม่มีใครรู้เลยว่าคนที่มันได้ไปพบคือเฉินเฟิงเลี่ย และหลังจากที่เฉินเฟิงเลี่ยรู้เรื่องทั้งหมดเข้า มันได้สังหารคนคนนั้นทิ้งทันทีเพื่อที่ความลับจะได้ไม่ถูกเปิดเผย

 

เฉินเฟิงเลี่ยจงใจมาบอกเรื่องนี้เพื่อแสดงความหวังดีของมันที่มีต่อหลิงฮัน

 

เฉินเฟิงเลี่ยในตอนนี้ไม่กล้าที่จะมีความคิดทรยศใดๆต่อหลิงฮัน หลิงฮันมีขุมอำนาจมากมายขนาดไหนค่อยช่วยเหลืออยู่กัน? ถ้าเฉินเฟิงเลี่ยไม่กลายเป็นคนเสียสติ มันไม่มีทางที่จะคิดสร้างปัญหาให้หลิงฮันแน่นอน ดังนั้นหลิงฮันจึงได้มอบสูตรยาที่สมบูรณ์สำหรับแก้ไขความผิดปกติของร่างกายมันให้เป็นรางวัล

 

ในวันที่เก้า มีคลื่นพลังที่รุนแรงหลั่งไหลออกมาจากลานภายในของที่พักตระกูลหลิง และแรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัวได้ทำให้จอมยุทธระดับก่อเกิดธาตุจากหลายขุมอำนาจรู้สึกราวกับว่าจิตใจและวิญญาณของพวกมันกำลังถูกบดขยี้

 

หลิวอู๋ตงทะลวงระดับผ่านแล้ว!

 

หลิงฮันนั่งบ่มเพาะพลังอยู่ตรงกลางลานที่พัก ในขณะที่มีรูปร่างอันงดงามเดินเข้ามาหาเขาและหยุดอยู่ข้างๆ ร่างนั้นคือหลิวอู๋ตง

 

“ไม่เลว ใช้เวลาแปดวันในการทะลวงระดับ พรสวรรค์ของเจ้าไม่เลวเลยจริงๆ!” หลิงฮันยิ้มและพยักหน้า ถึงแม้เขาจะบอกประสบการณ์ในการทะลวงระดับให้กับหลิวอู๋ตงไปก่อนหน้านี้แล้ว แต่การที่สามารถทะลวงระดับได้อย่างสมบูรณ์ภายในเวลาเพียงแปดวันก็ยังถือว่านางมีพรสวรรค์ในด้านวรยุทธที่สูงมากจริงๆ

 

หลิวอู๋ตงพยักหน้าและพูดด้วยเสียงที่หนักแน่น “ในอนาคต ข้าจะไม่กลายเป็นภาระของเจ้าแน่นอน แต่กลับกัน ข้าจะเป็นผู้ช่วยที่เจ้าสามารถพึ่งพาได้!”

 

“ฮ่าๆๆๆ ข้าเชื่อเจ้า” หลิงฮันพูดพร้อมกับหัวเราะ หลังจากคิดอะไรบางอย่าง เขาได้พูดออกไป “ในเมื่อเจ้าทะลวงผ่านระดับก่อเกิดแล้ว งั้นข้าจะสอนทักษะสามหยินเร้นลับส่วนที่สามให้เจ้า เมื่อเจ้าบ่มเพาะมันอย่างชำนาญ เจ้าจะไม่ต้องกังวลว่าจะหมดสติไปอีกแล้ว”

 

“อืม!” หลิวอู๋ตงพยักหน้าและแสดงท่าทางตื่นเต้นออกมาเล็กน้อย นี่คือทักษะบ่มเพาะระดับสวรรค์ สำหรับคนที่คลั่งไคล้ในวิถียุทธเช่นนาง มันคือสิ่งยั่วยวนที่ไม่อาจต้านทานได้

 

ทั้งสองกลับเข้าไปยังห้องนอน และหลิงฮันได้ประสบเข้ากับความยากลำบากในการทำใจให้สงบขณะชี้แนะการบ่มเพาะทักษะให้นางอีกครั้ง อารมณ์ของเขาเกิดความหวั่นไหวอย่างต่อเนื่อง

 

หญิงสาวนางนี้ช่างเป็นปีศาจที่แสนยั่วยวนเสียจริง

 

หลังจากความพยายามอย่างหนัก เขาจึงชี้แนะการบ่มเพาะให้นางจนเสร็จ หลิงฮันเดินออกมาและเริ่มนั่งขัดสมาธิในลานที่พักอีกครั้ง

 

ก่อนหน้านี้ หอคอยทมิฬช่วยให้เราได้รับพลังระดับก่อเกิดธาตุมาชั่วคราว แต่มันคงสภาพอยู่ได้เพียงหนึ่งชั่วโมงเท่านั้น และหากเขาอยากจะใช้พลังของหอคอยทมิฬอีกครั้ง เขาจำเป็นต้องรอจนกว่าจะทะลวงระดับก่อเกิดธาตุได้สำเร็จ

 

อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาทะลวงผ่านระดับก่อเกิดธาตุได้สำเร็จ เขาจะสามาถได้รับความเข้าใจเบื้องต้นเกี่ยวกับความลับของหอคอยทมิฬ เขาไม่รู้เลยว่ามีสิ่งอัศจรรย์อะไรบ้างที่กำลังรอเขาอยู่

 

ยิ่งกว่านั้น หลิงฮันในตอนนี้สามารถบรรลุระดับรวมธาตุขั้นห้าได้เรียบร้อยแล้ว

 

เหตุผลที่ทำไมเขาถึงสามารถทะลวงระดับได้อย่างรวดเร็วเป็นเพราะหลังจากที่ใช้พรศักดิ์สิทธิของหอคอยทมิฬไป ถึงแม้พลังที่เขาได้รับมาจะหายไปอย่างรวดเร็ว แต่ดูเหมือนว่าจะบางส่วนเล็กๆที่เหลือทิ้งไว้อยู่ในร่างกายของเขา หลังจากใช้เวลาสองสามวันในการซึมซับพวกมัน พลังเหล่านั้นก็ได้กลายมาเป็นของเขาอย่างสมบูรณ์

 

ก่อนหน้านี้ เขาต้องใช้เวลาประมาณหนึ่งเดือนในการสะสมพลังวิญญาณเพื่อที่จะทะลวงผ่านขั้นต่อไป แต่หลังจากที่เขาได้รับผลประโยชน์เช่นนั้นมาแล้ว เป็นธรรมดาที่ทุกอย่างจะราบรื่นขึ้น และทำให้เขาทะลวงขั้นได้สำเร็จ

 

ด้วยการกระตุ้นเมล็ดก่อเกิดห้าธาตุ พลังของเขาจะทะยานเพิ่มขึ้นไปยังระดับก่อเกิดขั้นเก้า ถ้าเขาสู้กับฉีฮวงเย่อีกครั้งในตอนนี้ เขาจะสามารถคว้าชัยชนะอันสมบูรณ์แบบมาได้แน่นอน

 

“พลังต่อสู้ของข้าในตอนนี้คงอยู่ประมาณสิบสี่ดาวสินะ?” หลิงฮันบ่นพึมพำกับตัวเอง

 

ในศาสตร์แห่งวรยุทธ มีอัจฉริยะหลายคนที่สามารถมองข้ามความห่างของพลังบ่มเพาะของศัตรูและต่อสู้ข้ามระดับกับคนที่แข็งแกร่งกว่าได้ พลังต่อสู้ที่แท้จริงของพวกเขาไม่สามารถวัดได้จากระดับพลังบ่มเพาะ ดังนั้นในโลกแห่งวรยุทธจึงมีวิธีต่างๆในการวัดพลังต่อสู้ โดยเรียกมันว่า ‘ดาว’แห่งการต่อสู้

 

ยกตัวอย่างเช่น หากอัจฉริยะที่มีพลังบ่มเพาะจริงๆอยู่ที่ระดับรวมธาตุขั้นสี่ แต่สามารถสู้กับระดับรวมธาตุขั้นหกได้อย่างสูสี พลังต่อสู้ของคนคนนั้นจะอยู่ที่หกดาว

 

‘อืม ในหมู่จอมยุทธระดับรวมธาตุขั้นเก้า พลังต่อสู้ของหลีตงเย่นับว่าอ่อนแอที่สุดโดยอยู่ที่สิบดาว ส่วนจิงหวู่จื้อคงจะอยู่ที่สิบเอ็ดดาว สำหรับฉีฮวงเย่นั้น ด้วยทักษะบุตรแห่งหมัดสวรรค์รวมกับปราณหมัดสามอัน น่าจะอยู่ที่สิบสามดาว’ หลิงฮันคิดในใจ

 

อย่างไรก็ตาม มีปัจจัยอยู่หลายอย่างที่มีผลต่อพลังต่อสู้ อย่างเช่น ถ้าไป๋ลี่เถิงหยุนใช้ไม้เท้าวินาศสลาย พลังต่อสู้ของมันจะเพิ่มขึ้นเป็นสิบเอ็ดดาว แต่หากไม่มีไม้เท้า พลังต่อสู้ของมันจะอยู่ที่ประมาณเก้าดาวเท่านั้น มันไม่สามารถสู้หลีตงเย่ได้ด้วยซ้ำ

 

บางคนเป็นประเภทที่ต้องพึ่งพาอารมณ์ ภายใต้อารมณ์อันเกรี้ยวกราด หรือหลังจากดื่มสุราจนเมา พลังต่อสู้ของพวกเขาจะเพิ่มสูงขึ้น

 

ดังนั้นแล้วจึงมีเพียงการต่อสู้ในสถานการณ์จริงเท่านั้นถึงจะสามารถเปิดเผยออกมาได้ว่าแต่ละคนมีดาวแห่งการต่อสู้เท่าไหร่เมื่อใช้พลังทั้งหมดออกไป

 

ในชีวิตที่แล้ว ถึงแม้พลังบ่มเพาะของข้าจะอยู่ในระดับสวรรค์สูงสุด แต่ดาวแห่งการต่อสู้ของข้าอยู่ที่เพียงเก้าหรือสิบดาวเท่านั้น อยากรู้จริงๆว่าเหล่าสัตว์ประหลาดพวกนั้นจะมีกี่ดาวกัน?’

 

หลิงฮันส่ายหัว ในชีวิตที่แล้ว เขาใช้เวลาไปกับการหลอมเม็ดยาอย่างไม่หยุดหย่อน และเก็บตัวเพื่อทะลวงผ่านไปยังระดับต่อไป ถึงแม้เขาจะยืนอยู่บนจุดสูงสุดในด้านของพลังบ่มเพาะ เขาก็ไม่ได้ไปท้าสู้กับจอมยุทธระดับสวรรค์อีกหกคน เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมา ช่วยไม่ได้ที่เขาจะรู้สึกเสียดายเล็กน้อย

 

ในตอนนั้นเองได้มีเสียงวุ่นวายดังขึ้นมาจากข้างนอก เสียงนั่นได้ดังเข้ามาใกล้เรื่อยๆอย่างรวดเร็ว “ปัง” หากจากนั้นไม่นาน ความวุ่นวายได้เข้ามาถึงลานแห่งนี้ ประตูถูกเตะอย่างรุนแรงจะเปิดออก และชายหนุ่มร่างสูงผอมได้เดินเข้ามา

 

ชายหนุ่มคนนี้มีรูปร่างที่งดงาม มันสวมชุดที่ถักทอมาอย่างดี เอวของมันมีดาบเหน็บเอาไว้อยู่ ท่าทางของมันดูอวดดีเป็นอย่างมาก ราวกับว่าจมูกของมันกำลังแหงนเย้ยสวรรค์ มันทำเหมือนกับว่าการที่ตัวมันมาอยู่ที่นี้ถือว่าเป็นสิ่งที่เป็นเกียรติมากแล้ว

 

ด้านหลังของมันตามมาด้วยกลุ่มคนรับใช้ของตระกูลหลิง พวกมันทั้งหมดเป็นคนที่อยู่ในการปกครองของฉีฮวงเย่ ทุกคนอยู่ในสภาพที่เปื้อนดิน ราวกับถูกทุบตีมา มีบางคนถึงกับแขนหักด้วยซ้ำ

 

ชายหนุ่มคนนี้ต้องไม่ได้มาด้วยจุดประสงค์ที่ดีแน่นอน!

 

*ติดตามข่าวสารได้ที่ เพจ*

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด