ตอนที่แล้วDND.38 - อนุศาสน์ฎีกาสวรรค์
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปDND.40 - เพลิงจิตสังหารปะทุ

DND.39 - เหตุมิคาดคิด


นั่นเป็นเพียงคำอธิบายเดียวของดัชนีสวรรค์ ซือหยูยังพบอีกว่าฎีกาสวรรค์ที่ได้บรรลุใหม่นั้นต่างจากของเดิมเล็กน้อย

วิชาระดับสวรรค์สายฟ้าดาราม่วงนั้นแจ่มชัดขึ้นหลังจากได้รับระดับสติปัญญาฎีกาสวรรค์ของชายแก่

แต่ยังมีศิษย์อสูรคนอื่นที่ได้รับสติปัญญาถึงฎีกาสวรรค์เช่นกันคือเจิ่งยี่หลิน ศิษย์อสูรลำดับหนึ่งแห่งสำนัก

แต่เขาในตอนนี้ยังใช้สายฟ้าดาราม่วงได้ไม่ชำนาญ จากนี้ไปซือหยูคิดว่าการบรรลุฎีกาสวรรค์ขั้นถัดไปคงไม่ใช่เรื่องง่ายๆแน่

ฟู่ว---

จู่ๆหม้อเก้ามังกรในหัวของเขาก็เริ่มปะทุ น้ำวิญญาณหยดออกมาจากหม้อ มังกรม่วงที่สลักอยู่บนหม้อกลายเป็นสีแก้วหลังจากถูกชำระล้าง

ซือหยูพบว่าพลังเร่งเวลาของเขาแข็งแกร่งขึ้น จากแต่ก่อนเมื่อเขาหยุดนิ่งเขาจะเร่งเวลาได้ 20 เท่า ในตอนนี้เขาเร่งเวลาได้ 30 เท่าแล้ว และหากเป็นตอนต่อสู้เขาจะเร็วกว่าเดิมจาก 4 ใน 10 ส่วน เป็น 5 ใน 10 ส่วน

สายตาของเขาพัฒนาขึ้น ในตอนนี้เขาเห็นขนวิหคได้ในระยะ 5 ลี้

ซือหยูดีใจมาก การเข้าถึงฎีกาสวรรค์ทำให้หม้อเก้ามังกรของเขาพัฒนาขึ้น

ทันใดนั้นเอง ซือหยูรู้สึกถึงดวงวิญญาณที่ถูกชะล้าง ดวงวิญญาณของเขาใสสะอาดขึ้นมาก กลมกลืนกับธรรมชาติมากขึ้นเทียบกับแต่ก่อน

ดวงวิญญาณของซือหยูทั้งสองดวงจากสองโลกมักจะต่อสู้กันเสมอ แต่หลังจากชะล้างแล้ววิญญาณทั้งสองดวงเริ่มจะหลอมรวมกัน ความรู้สึกสดใสผุดขึ้นมาในร่าง ซือหยูเปิดตำราเนตรอสูรอีกครั้ง

เมื่อก่อนเขาเห็นเพียงเจ็ดคำในหน้าแรกเท่านั้น ในตอนนี้เขาเห็นคำที่แปด! นี่เป็นผลจากการหลอมรวมกันของวิญญาณทำให้พลังวิญญาณของเขาเพิ่มขึ้น

ซือหยูใจเย็นลงและเริ่มบ่มเพาะวิชาเนตรอสูร เขาเคยติดอยู่ที่ระดับสองขั้นสูงมานานและไม่เพิ่มระดับเลย

ในตอนนี้เขาลองบ่มเพาะอีกครั้ง เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ซือหยูใช้เวลาทั้งคืนบ่มเพาะพลัง

ไม่นานก็รุ่งสางพร้อมกับแสงอาทิตย์อบอุ่นและฝูงวิหคร้องรำ ซือหยูค่อยๆลืมตา ด้วยพลังวิญญาณที่สูงขึ้นทำให้เขาสำเร็จเนตรอสูรระดับสามขั้นต้นแล้ว

ในตอนนี้ดวงตาของเขาสามารถสร้างกระบี่อสูรที่ตัดดวงวิญญาณศัตรูได้ วิชาเนตรอสูรของเขาในตอนนี้ใช้สังหารได้อย่างไร้ร่องรอย

หากพลังบ่มเพาะของศัตรูไม่มากกว่าเขาสองระดับขึ้นไป ซือหยูจะฆ่ามันได้ด้วยกระบวนท่าเดียว เขาได้กลายเป็นมือสังหารที่น่ากลัวแล้ว

“เจ้าบ่าว ลองดูชุดเจ้าสาวค่ะ”

คนรับใช้ตะโกนจากนอกประตู

ซือหยูยิ้มเล็กๆ นี่คืองานหมั้นของเขาจริงๆสินะ?

เมื่อเขาสวมผ้าคลุมม่วง ซือหยูทั้งหล่อเหลาราวทวยเทพ ในตอนนี้ที่สวมผ้าคลุมแดง เขาเปล่งประกายอย่างมั่นคง

ด้วยการนำทางจากคนรับใช้ ซือหยูเจอกับเซี่ยนเอ๋อในสวน ร่างกายอ้อนแอนของเซี่ยนเอ๋อประดับด้วยชุดราตรีสีแดงราวเปลวเพลิง ดวงตาราวกับตุ๊กตาหยกของนางดูตื่นเต้นเมื่อเห็นชุดที่ตนเองสวม

“ฮ่าๆๆ พี่ซือหยู!”

เซี่ยนเอ๋อวิ่งมาหาซือหยูอย่างตื่นเต้น

“เซี่ยนเอ๋อวันนี้สวยไหม?”

ซือหยูตกตะลึงไปชั่วครู่ ใบหน้านางงามหยดย้อย ดวงตาไร้เดียงสาบริสุทธิ์ นางช่างน่าทะนุถนอมและน่าหลงใหล นี่คือคู่หมั้นของเขาจริงๆเหรอ? ข้าคู่ควรกับสิ่งนี้แล้วหรือ?

ซือหยูลูบศีรษะนางและพูดด้วยความรัก

“เซี่ยนเอ๋อจะเป็นคนที่น่ารักที่สุดสำหรับข้า”

เซี่ยนเอ๋อเงยหน้าขึ้นอย่างภูมิใจ

“แหะๆ ได้ข้าเป็นภรรยาคือพรของพี่ซือหยูแล้วล่ะ”

ซือหยูไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้

“ใช่แล้ว เจ้าหญิงของข้า”

“อื้มม”

เซี่ยนเอ๋อกอดซือหยูอย่างมีความสุข

“ไปกันเถอะ ไปหมั้นกัน”

ดวงตานางเต็มไปด้วยความตื่นเต้น

ซือหยูหัวเราะ เซี่ยนเอ๋อนั้นราวกับเด็กน้อย บางทีนางอาจจะไม่รู้ว่าพิธีหมั้นมีความหมายเช่นใดกับสตรีจึงได้ทำราวกับว่ามันเป็นการเล่นสนุก

ซือหยูส่ายหัวเดินไปที่โถงกับเซี่ยนเอ๋อ ในโถงประดับเป็นโทนสีแดง เสียงพลุดังอย่างไม่มีหยุดหย่อน ที่นี่เต็มไปด้วยบรรยากาศความยินดี

ในโถงเต็มไปด้วยแขกผู้มีอำนาจเปี่ยมล้นที่กำลังยิ้มแย้ม เหล่าแขกต่างมองมายังคู่ที่เดินเข้ามา

บุรุษช่างอ่อนโยนและรูปงามราวกับภาพเขียนเทพเจ้า เขาดูภูมิฐานราวกับขุนนาง สตรีน่ารักน่าทะนุถนอมราวกับนางในนิทาน นางไร้เดียงสาและบริสุทธิ์กว่าผู้ใด

“ฮ่าๆๆ นี่ต้องเป็นคู่ที่สวรรค์ส่งมาเป็นแน่!”

“ท่านดยุคเซี่ยนหยูเลือกลูกเขยได้ยอดเยี่ยมจริงๆ ข้าต้องให้เขาเลือกให้ข้าบ้างแล้วล่ะ”

ซือหยูและเซี่ยนเอ๋อทำพิธีหมั้นท่ามกลางเสียงหัวเราะและความสนุกสนานในห้องโถง

“ท่านพ่อตา โปรดดื่มชาถ้วยนี้”

ซือหยูและเซี่ยเอ๋อมอบชาให้กับดยุคเซี่ยนหยู

เมื่อเห็นลูกสาวอันเป็นที่รักได้แต่งงานกับมังกรเช่นซือหยูก็ทำให้ดยุคปลื่มปิติ น้ำตาของเขาไหลออกมา เสียงนั้นสั่นระริก

“ดีจริง! ลูกสาวข้าได้เจอกับคู่ครองเสียที!”

ดยุครับถ้วยชาและดื่มหมดในรวดเดียว

แขกผู้มีเกียรติต่างยิ้มแย้มและอวยพรแก่คู่บ่าวสาว

ดยุคเซี่ยนหยูร้องไห้ด้วยความดีใจ นี่เป็นเหตุการที่ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นในชีวิตของเขา

สำหรับผู้เป็นพ่อแม่แล้ว ใครกันจะไม่อยากได้สิ่งที่ดีที่สุดแก่บุตรธิดา? ดยุคเซี่ยนหยูก็เช่นกัน

ดยุคเซี่ยนหยูเช็ดน้ำตาและยื่นขึ้น เขาจับมือซือหยูเขย่าและหัวเราะ

“ซือหยู ช่วยข้าดูแลเซี่ยนเอ๋อดีๆล่ะ”

ซือหยูประทับใจมาก เขาจะไม่มีวันลืมสิ่งที่ดยุคมอบให้กับเขา ซือหยูโค้งคำนับด้วยความนับถือ เขาจับมือเซี่ยนเอ๋อและพูดถ้อยคำจากใจออกมา

“หากผู้คนทั้งแผ่นดินเป็นศัตรูกับเซี่ยนเอ๋อ ศัตรูของข้าก็คือผู้คนทั้งแผ่นดินเช่นกัน”

คำพูดนี้ได้เจาะทะลุดวงใจของแขกทุกคน

เซี่ยจิงหยูยิ้มด้วยความสุข นางมองเซี่ยนเอ๋อด้วยความอิจฉา

เจียงซื่อฉิงราวรู้สึกราวกับถูกทุบตีด้วยค้อน แต่นางก็ฝืนยิ้ม เมื่อก่อนพวกเขาเคยอยู่ร่วมกัน ซือหยูยังคงสัญญาด้วยว่าความรู้สึกของเขาจะไม่มีวันเปลี่ยนแม้โลกจะถึงกาลอวสาน

เซี่ยนเอ๋อกำหมัดน้อยๆด้วยความโมโห

“ทั้งแผ่นดินสิศัตรูเจ้า ข้าไม่มีศัตรูหรอกนะ ฮื่ม!”

ดยุคเซี่ยนหยูหัวเราะ

“ฮ่าๆๆๆ ! ข้าคิดไม่ผิดจริงๆ”

“ในชั่วชีวิตข้า มีสามสิ่งที่ข้าภูมิใจยิ่งนัก”

ดยุคเซี่ยนหยูหัวเราะจากใจ

“อย่างแรกคือการที่ข้าได้แต่งงานกับแม่ของเซี่ยนเอ๋อ จากนั้นคือการกำเนิดขึ้นของเซี่ยนเอ๋อ และในตอนนี้คือการที่ได้ซือหยูมาเป็นลูกเขย!”

ซือหยูใจสั่น ดยุคเซี่ยนหยูยกย่องเขาถึงเพียงนี้เชียวหรือ? ความเอื้อเฟื้อของเขาช่างหนักอึ้งยิ่งกว่าเดิม

“ข้าขอประกาศอย่างเป็นทางการ นับจากวันนี้ไป ซือหยูคือคู่หมั้นของเซี่ยนเอ๋อ!”

ดยุคประกาศกับแขกทุกคน

บรรดาแขกต่างยืนขึ้นปรบมือแสดงความยินดี บรรยากาศความสนุกสนานปกคลุมไปทั่ว

แต่มีสามคนที่ไม่ได้ลุกขึ้น พวกเขายังคงนั่งอยู่กับที่ด้วยสีหน้าหมองหม่น พวกเขานั่งที่หน้าสุดและเป็นจุดสนใจกับทุกคน ตำแหน่งของพวกเขาสูงมากจนทำให้แขกที่สนุกสนานเงียบลง

บรรยากาศความสนุกสนานกลายเป็นบรรยากาศของความเยือกเย็น เพียงพริบตาทั้งโถงก็เงียบลงด้วยบรรยากาศแปลกๆ

ซือหยูใจเต้นแรง เขารู้สึกไม่สบายใจทุกครั้งที่ได้เห็นองครักษ์ชุดเขียว บรรยากาศแปลกๆในวันนี้เกิดขึ้นเพราะองค์ชายทั้งสาม

รอยยิ้มบนใบหน้าดยุคหายใจ เขาพูดอย่างโหดเหี้ยม

“องค์ชายทั้งสาม...นี่มันหมายความว่าอะไรกัน?”

องค์ชายทั้งสามค่อยๆยืนขึ้น องค์ชายลำดับหนึ่งหน้านิ่งเขาหยิบฎีกาจากแขนเสือออกมายื่นให้ดยุคทั้งสองมือ

“ท่านดยุคเซี่ยนหยู รับฎีกา!”

แขกสีหน้าเปลี่ยนไป พวกเขาคุกเข่าทันทีเมื่อได้ยินคำว่าฎีกา

เกิดอะไรขึ้น? องค์ชายทั้งสามนำฎีกาจากราชามาด้วย เพื่ออะไรกัน?

ดยุคเซี่ยนหยู เซี่ยนเอ๋อและซือหยูต่างคุกเข่ารับฎีกา

“ในนามแห่งราชันย์ศักดิ์สิทธิ์ ดยุคเซี่ยนหยูได้หลอกลวงราชาศักดิ์สิทธิ์และเป็นการกบฏต่อแคว้นด้วยการร่วมมือกันแคว้นเฟิงหวง ความผิดของเขาอภัยไม่ได้ เขาจะต้องถูกพาไปยังเมืองหลวงและรอข่าวต่อไป รับฎีกาซะ!”

ดยุคเซี่ยนหยูตกใจ จากนั้นจึงโกรธ

“ข้าทรยศแคว้นงั้นรึ? ข้าอยากพบราชันย์ศักดิ์สิทธิ์ ข้าจะไปถามเขาด้วยตัวเอง”

องค์ชายลำดับหนึ่งและสองใบหน้าเฉยเมย

“ฮื่ม! ฎีกานี้ได้รับโดยตรงจากราชันย์ศักดิ์สิทธิ์ ตามพวกข้ามาที่เมืองหลวงแล้วเจ้าจะได้รับความยุติธรรม”

องค์ชายลำดับสามสุขุมเยือกเย็น เขามองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเงียบเชียบ

ดยุคเซี่ยนหยูหัวเราะด้วยความโกรธ

“ตอนที่ข้าถูกจับเข้าคุก ความบริสุทธิ์ของข้าก็ขึ้นอยู่กับพวกเจ้าแล้ว ความยุติธรรมที่เจ้าว่ามันจะไปอยู่แห่งหนใดกัน?”

จริงๆแล้วดยุคเซี่ยนหยูกำลังจับผิดที่มาของฎีกา ราชันย์ศักดิ์สิทธิ์นั้นเจ็บป่วยรุนแรง มีข่าวลือว่าเขาถูกองค์ชายลำดับหนึ่งและสองจับขังเอาไว้

แม้ว่าเขาอยากจะช่วยราชา เขาก็ยังไม่มีหลักฐานให้ทำเช่นนั้น องค์ชายทั้งสองในตอนนี้อยากจะกำจัดเขาด้วยฎีกาปลอม

นี่คล้ายกับกรณ๊ของดยุคจื่อฉวน เขาถูกสังหารล้างตระกูลด้วยเหตุผลกบฎ ทุกคนที่อายุ 10 ปีขึ้นไปต่างถูกประหาร

ดยุคเซี่ยนหยูไม่สนใจว่าเขาจะตาย แต่เซี่ยนเอ๋ออายุเพียง 14 ปี เขาจะยอมให้นางมาตายกับเขาได้อย่างไร?

องค์ชายลำดับหนึ่งตะโกน

“อวดดีนัก ดยุคเซี่ยนหยู! เจ้าไม่รับฎีกาและวางแผนก่อกบฏ องครักษ์! ล้อมดยุคเอาไว้และฆ่าทุกคนที่มาขวาง”

คำสั่งอันไร้จิตใจดังก้องไปทั่วโถง ด้านนอกห้องโถงมีเสียงก้าวเท้าระรัวเข้ามา

เป็นองครักษ์ชุดเขียวกลุ่มใหญ่ที่ดูราวกับคนธรรมดา พวกเขาเลิกปลอมตัว เข้าล้อมตำหนักอย่างรวดเร็วและค้นหาคนในตระกูลดยุค

องครักษ์เกราะทมิฬในตำหนักเริ่มต่อสู้กับศัตรู

องครักษ์ชุดเขียวแกร่งมาก พวกเขาจัดการองครักษ์เกราะทมิฬอย่างง่ายดายและเข้ามาที่ห้องโถง

หัวหน้ากลุ่มองครักษ์คือไป่ชี่เซียง คนที่มีพลังระดับหกอันน่ากลัวที่เจอในห้าวันก่อน เขาถูกสั่งให้รวบรวมองครักษ์จากนอกเมืองและปลอมตัวเป็นคนธรรมดาสามัญ พวกเขาถูกรวมมายังเขตเซี่ยนหยูและจับทุกคนในตำหนักดยุคเมื่อมีโอกาส

ในตอนนี้มีองครักษ์ระดับห้า 10  คนยืนอยู่หลังไป่ชี่เซียงและปิดทางออก

“อย่าขยับ มิเช่นนั้นจะถือว่าเป็นกบฏต่อแคว้นและมีโทษประหาร”

พลังระดับหกของไป่ชี่เซียงปกคลุมไปทั่ว

เหล่าแขกต่างหยุดเคลื่อนไหวทันที

“จับพวกมัน!”

องค์ชายลำดับสองสั่ง

“ดยุคเซี่ยนหยู  องค์หญิง และบุตรเขย”

เมื่อเขามองซือหยูก็ยิ้มอย่างเยือกเย็นออกมา ดวงตาของเขายินดียิ่ง

ฎีกานั้นได้เปลี่ยนแปลงทุกสิ่งอย่าง

นี่ควรจะเป็นพิธีหมั้นอันสนุกสนาน แต่ตอนนี้ได้กลายเป็นภาพความกระหายเลือด

เซี่ยจิงหยูรับรู้ได้ถึงความผิดปกติ นางอยากจะก้าวไปข้าวหน้าแต่ถูกเซี่ยหลินฉวนหยุดเอาไว้

“หยูเอ๋อ! ใจเย็นลงก่อน!”

เซี่ยหลินฉวนหดหู่

“สังเกตรอบๆไปก่อน เราขัดฎีกาโดยตรงมิได้ ทุกอย่างคือกฎ เรารีบร้อนไม่ได้”

เซี่ยจิงหยูกังวลแต่ทำได้เพียงอดทนรอดูต่อไป เซี่ยหลินฉวนแข็งแกร่งแต่ไม่แกร่งพอที่จะเป็นศัตรูกับแคว้น องค์ชายทั้งสองมีฎีกาในมือ การเคลื่อนไหวของเซี่ยหลินฉวนนั้นหมายถึงการฝืนฎีกา

ฉินเฟิงที่หดหู่มาตลอดเริ่มรู้สึกยินดี เขาหยุดหัวเราะไม่ได้

“ฮ่าๆๆๆ! ซือหยู เจ้าคิดว่าเจ้าจะได้ทะยานนภาดั่งวิหคเพลิง แต่ในตอนนี้เจ้าถูกดยุคเซี่ยนหยูตบตกจากฟากฟ้าและตายเร็วกว่าเดิมซะอีก ฮ่าๆๆๆๆ”

เสียงโหยหวนขององครักษ์เกราะทมิฬที่ล้มตายดังมาจากด้านนอก พวกเขาล้วนเป็นผู้ที่ดยุคบ่มเพาะมาด้วยตัวเองจนมีพลังระดับห้า แต่ฝั่งตรงข้ามกลับฝ่าเข้ามาอย่างง่ายดายด้วยคนเพียง 10 คน

โชคดีที่ดยุคได้บ่มเพาะคนไว้เป็นจำนวนมาก มิเช่นนั้นเหตุการณ์คงจะย่ำแย่กว่านี้

ดยุครู้สึกอยู่แล้วว่าวิกฤติกำลังเข้ามาหาเขาจากตระกูลราชวงศ์ เพียงแต่ไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้นเร็วเพียงนี้ เขายังไม่ได้เห็นงานวิวาห์ของลูกสาวด้วยซ้ำ  เขายังไม่เห็นหน้าค่าตาหลานของเขาเลย เขาจะไม่ได้เห็นแสงวันคืนอีก เขาจะต้องมีชะตาเช่นเดียวกับดยุคจื่อฉวน

เขาทั้งเสียใจและโกรธเกรี้ยว ดยุคเซี่ยนหยูแผ่จิตสังหารไปทั่ว เขาไม่มีวันยอมรับ!

“องค์ชายทั้งสอง พวกเจ้าทำฎีกาปลอม! ข้าจะไม่ใช้ชีวิตพวกเจ้า!”

ดยุคเซี่ยนหยูพุ่งไปหาองค์ชายลำดับหนึ่ง

องค์ชายลำดับหนึ่งยิ้มอย่างเยือกเย็น เขาถอยหลังกลับ

Banshee

ติชมให้กำลังใจ กดไลค์แฟนเพจมาคุยกันได้เลยจ้าาา

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด