ตอนที่ 85 ไม่มีตระกูลเชิงอีกต่อไป
ตอนที่ 85 ไม่มีตระกูลเชิงอีกต่อไป
เชิงจือเยว่คิดจะใช้พลังทั้งหมดเพื่อสู้สุดชีวิต มันอยากจะทะลวงฟ่าฟันออกไปและกลับมาแก้แค้นทีหลัง
ตามหลักแล้ว ถึงแม้จะมีเชิงจือเยว่สามคน มันก็ไม่สามารถสู้จูเฮอซินหรือจางเหวยชางได้ ไม่ต้องพูดถึงตอนนี้ที่ทั้งสองคนร่วมมือกันจัดการมันเลย แต่อย่างไรก็ตาม หากจอมยุทธระดับก่อเกิดธาตุทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างและใช้พลังทั้งหมดเพื่อสู้สุดชีวิตก็นับว่าเป็นเรื่องที่น่ากลัวอยู่ดี จูเฮอซินและจางเหวยชางจึงไม่กล้าที่จะวู่วามลุยเข้าไปประจันหน้ากับเชิงจือเยว่
ยิ่งกว่านั้น เชิงจือเยว่ที่ใช้พลังทั้งหมดออกมาจะยืนหยัดอยู่ได้อีกนานเท่าไหร่กันเชียว? ทั้งสองคนแค่ต้องทำเพียงการขัดขวางเชิงจือเยว่เอาไว้ และพลังของมันจะถูกเผาผลาญจนหมดสิ้นไปเอง และเมื่อถึงตอนนั้น การจะกำจัดเชิงจือเยว่จะเป็นสิ่งที่ง่ายดายมาก
“เจ้าเด็กเปรต เจ้าจะต้องตาย! ทุกชีวิตในตระกูลหลิงจะต้องตาย!” เชิงเหวิงควินสาปแช่งอย่างเอาเป็นเอาตาย ตราบใดที่เชิงจือเยว่สามารถหลบหนีออกไปได้ และจูเฮอซินกับจางเหวยชางไม่ได้คอยยืนคุ้มกันอยู่ที่ที่พักตระกูลหลิง พวกตระกูลหลิงจะต้องถูกกำจัดอย่างแน่นอน!
“ส่งเสียงน่ารำคาญ!” หลิงฮันเค้นเสียงออกมา และกระทืบเท้าลงไปอย่างหนักแน่น “โผละ” หัวของเชิงเหวิงควินถูกบดขยี้ในทันที เลือดพุ่งกระจายออกมาและร่างที่ไร้หัวได้ดิ้นรนตะเกียกตะกายสองสามครั้งก่อนที่จะแน่นิ่งไป
ภาพที่เกิดขึ้นทำให้ผู้ชมกลายเป็นไร้คำพูด พวกมันทุกคนคิดในใจว่าเด็กหนุ่มคนนี้ช่างมีจิตใจที่แข็งแกร่งราวกับเหล็กจริงๆ
การสังหารเชิงเหวิงควินนั้นไม่ใช่เรื่องที่เกินคาด แต่สิ่งที่น่ากลัวคือความเยือกเย็นของหลิงฮัน บดขยี้หัวของเชิงเหวิงควินได้ด้วยการกระทืบเพียงครั้งเดียว แต่เด็กหนุ่มกลับไม่เปลี่ยนแปลงสีหน้าเลยแม้แต่น้อย ช่างน่ากลัวจริงๆ
“เด็กหนุ่มจากตระกูลหลิงมีคุณสมบัติที่จะเป็นราชันจริงๆ เขาสามารถสังหารศัตรูได้อย่างโหดเหี้ยมและไร้ความเมตตา!”
“ใช่แล้ว สำหรับคนที่มีความเมตตา ไม่ว่าคนคนนั้นจะมีพรสวรรค์ขนาดไหน ก็ไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้นานอยู่ดี!”
“แต่กว่าข้าจะเข้าใจในความเป็นจริงที่ว่าข้าก็อายุปาเข้าไปสามสิบปีแล้ว แต่เด็กหนุ่มจากตระกูลหลิงนั่นตอนนี้อายุเพียงสิบเจ็ดปีเท่านั้น!”
“ช่างน่าประทับใจจริงๆ!”
ดวงตาของฮูหนิวเป็นประกาย นางมีสัญชาตญาณของสัตว์ป่า และสามารถสัมผัสได้ถึงจิตสังหารที่หลิงฮันปล่อยออกมาได้อย่างชัดเจน นางทั้งรู้สึกกลัวและตื่นเต้น เพราะนั่นเป็นความรู้สึกที่นางคุ้นเคย
นางดิ้นไปมาและต้องการจะกระโจนเข้าไปหาหลิงฮัน แต่เพราะแขนกับขาถูกมัดเอาไว้ นางจึงทำได้เพียงพยายามดิ้นรนอย่างไร้ความหมาย
ถึงแม้หลิงฮันจะสังหารหนึ่งในคนร้ายทิ้งไปแล้ว แต่ความโกรธของเขาก็ไม่ลดลงไปแม้แต่น้อย ความทุกข์ทรมานและความอัปยศที่บิดาของเขาและคนในตระกูลได้รับมันไม่สามารถลบล้างออกไปจากจิตใจของเขาได้ จิตสังหารของเขากลายเป็นรุนแรงขึ้น สายตามองไปยังเชิงจือเยว่ นี่คือคนร้ายอีกคนหนึ่ง หรือจะเรียกอีกอย่างได้ว่ามันคือหัวหน้าของคนร้ายที่ฆ่าล้างตระกูลของเขา
เพราะหากไม่ใช่เพราะเชิงจือเยว่ ตระกูลเชิงจะกล้ามารุกรานตระกูลหลิงได้อย่างไร?
เขาจะต้องสังหารเดรัจฉานตนนี้ด้วยมือของเขาเองให้ได้!
“หลีกทางให้ข้า!” หลิงฮันตะโกนขึ้นมาและพุ่งเข้าใส่เชิงจือเยว่
จูเฮอซินและจางเหวยชางล้วนแต่ตกตะลึง ทั้งสองคนอยากจะหยุดหลิงฮันเอาไว้เพื่อที่เขาจะได้ไม่ต้องตกอยู่ในอันตราย แต่หลิงฮันได้พูดออกมา “ข้าอยากจะจัดการเจ้าสุนัขเฒ่านั่นด้วยตัวเอง เจ้าสองคนห้ามเข้ามายุ่ง!” สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความมั่นใจ และไม่ยอมให้พวกมันทั้งสองคนได้มีโอกาสปฏิเสธ
จูเฮอซินและจางเหวยชางทำได้เพียงถอยหลังกลับไป แต่พวกมันก็ยังเตรียมตัวเอาไว้ เมื่อใดก็ตามที่หลิงฮันอยู่ในอันตราย พวกมันจะรีบเข้าไปช่วยแน่นอน ถึงแม้พวกมันจะถูกหลิงฮันตำหนิทีหลังก็ตาม
หลิงฮันกระตุ้นทักษะโลหิตหมาป่าเดียวดาย และพลังของเขาได้เพิ่มขึ้นไปอีกขั้น อย่างไรก็ตาม ด้วยการที่เขาไม่ได้รับบาดเจ็บที่สาหัส พลังที่เพิ่มขึ้นจากโลหิตหมาป่าเดียวดายจึงไม่มากเท่าไหร่ พลังของเขาเพิ่มขึ้นไปเป็นเพียงรวมธาตุขั้นแปดระดับสูงสุดเท่านั้น
แต่เมื่อผสานรวมเข้ากับปราณดาบทั้งห้าและเพลงดาบอสนีบาตฟาดฟัน พลังของเขาก็ยังถือว่าน่ากลัวอยู่ดี
แต่เชิงจือเยว่ไม่ได้เกรงกลัวแม้แต่น้อย และเค้นเสียงเยาะเย้ย มันกระแทกผ่านมือออกไปอย่างต่อเนื่องจนเกิดเป็นผ่ามือปราณก่อเกิดขนาดยักษ์หลายฝ่ามือ และใช้มันโจมตีเข้าใส่หลิงฮัน ฝ่ามือยักษ์เหล่านี้รุนแรงเป็นอย่างมาก มันทำลายปราณดาบที่พุ่งเข้ามาได้อย่างง่ายดาย และแสดงอำนาจของพลังแห่งจอมยุทธระดับก่อเกิดธาตุออกมาอย่างเต็มที่
“ฮ่าๆๆ เจ้าเด็กเปรต สิ่งที่เจ้ากำลังทำอยู่เป็นเพียงการแส่หาความตายใส่ตัวเอง!” เชิงจือเยว่รู้สึกยินดีเป็นอย่างมาก มันสามารถบอกได้ชัดเจนว่าไม่ว่าจะเป็นจูเฮอซิน จางเหวยชาง หรือขุมอำนาจต่างๆของเมืองต้าหยวนต่างก็มาเพราะหลิงฮัน
ดังนั้นตราบใดที่มันสามารถจับตัวหลิงฮันได้ มันจะใช้เขาเป็นตัวประกันและหลบหนีไปจากวงล้อมนี้
เมื่อมันหนีไปได้อย่างปลอดภัย มันจะสังหารหลิงฮันเป็นการแก้แค้นด้วยฝ่ามือเดียว และจะไม่กลับมายังสถานที่นี้อีกตลอดการ
“ฮึ่ม วันนี้จะเป็นวันตายของเจ้า!” หลิงฮันคำรามพร้อมกับกวัดแกว่งดาบไปมา และปราณดาบของเขาโจมตีออกไปราวกับสายรุ้ง
อย่างไรก็ตาม ความแตกต่างระหว่างเขากับเชิงจือเยว่นั้นมากมายเกินไป ด้วยหนึ่งฝ่ามือยักษ์ที่สร้างขึ้นมาจากปราณก่อเกิดของเชิงจือเยว่ก็ทำให้เขารู้สึกถึงความปั่นป่วนของอวัยวะภายในแล้ว แต่เป็นเพราะเขาเรียนรู้ความสามารถของกายาต้นไม้มรณะ และมีความสามารถของคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์ในการช่วยฟื้นฟูบาดแผล ถึงแม้สภาพของเขาจะดูย่ำแย่ แต่ในความเป็นจริงการโจมตีของเชิงจือเยว่ได้ช่วยให้ทักษะโลหิตหมาป่าเดียวดายกระตุ้นพลังของเขาให้เพิ่มยิ่งขึ้นไปอีก
แต่ไม่ว่าพลังที่เพิ่มขึ้นจะมากเท่าใด ก็ยังเป็นไปไม่ได้อยู่ดีที่จะช่วยให้เขาข้ามไปยังระดับก่อเกิดธาตุ
หลิงฮันขมวดคิ้ว ตอนนี้พื้นที่ในตันเถียนของเขามีขนาดกว้างใหญ่มาก ดังนั้นความสามารถในการสู้แบบยื้อเวลาของเขาจึงนับว่าน่ากลัว และด้วยความสามารถในการฟื้นฟูตัวของคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์ เขาสามารถรอให้เชิงจือเยว่เผาผลาญพลังจนหมดสิ้นแล้วค่อยสังหารมันก็ได้
แต่ตอนนี้เขากำลังทำการแก้แค้น แล้วทำไมจะต้องสู้แบบยืดเยื้อด้วย...? ทั้งเขาและหลิงตงซิงไม่สามารถรอนานได้!
ยิ่งกว่านั้น เขาไม่อยากให้หลิงตงซิงเป็นกังวลเกี่ยวกับตัวเขาด้วย
เพราะฉะนั้น!
สายตาของหลิงฮันเปลี่ยนเป็นแน่วแน่ และสื่อสารกับหอคอยทมิฬอย่างไม่ลังเล เขาต้องการใช้พรศักดิ์สิทธิ์ของหอคอยทมิฬเพื่อที่จะเสริมความแข็งแกร่งให้กับตนเอง และเพิ่มพลังของเขาให้ไปสู่ระดับใหม่!
หอคอยทมิฬ จงมอบพลังให้ข้า!
“ครืนน...” ภายในตันเถียนของเขา หอคอยทมิฬสั่นไหวเล็กน้อย และพลังอันลึกลับได้หลั่งไหลออกมา
“ตูม” พลังมหาศาลทะลักออกมาจากร่างกายของหลิงฮัน และพลังบ่มเพาะของเขาได้เพิ่มขึ้นด้วยความเร็วอันน่าสะพรึงกลัว รวมธาตุขั้นห้า รวมธาตุขั้นหก รวมธาตุขั้นเจ็ด... ภายในระยะเวลาหนึ่งลมหายใจ พลังบ่มเพาะของเขาได้ทะลวงผ่านไปยังระดับก่อเกิดธาตุ และยังเพิ่มขึ้นต่อไปจนหยุดอยู่ที่ระดับก่อเกิดธาตุขั้นสี่
พลังบ่มเพาะของเขาเพิ่มขึ้นถึงหนึ่งระดับเต็ม!
“อะไรกัน!” เมื่อสัมผัสได้ว่าพลังของหลิงฮันเพิ่มสูงขึ้น เชิงจือเยว่ จูเฮอซินและจางเหวยชางรู้สึกราวกับว่าดวงตาของพวกมันกำลังจะทะลักออกมาด้วยความตะลึง จะเป็นไปได้อย่างไรที่จอมยุทธในระดับรวมธาตุจะเพิ่มพลังบ่มเพาะของตนเองได้ถึงหนึ่งระดับเต็มภายในพริบตา
เขาช่างเหมาะสมกับฉายาอัจฉริยะแห่งการปรุงยาจริงๆ!
จูเฮอซินและจางเหวยชางคิดไปเองในทันทีว่าหลิงฮันจะต้องกินเม็ดยาบางอย่างเข้าไปเพื่อให้ได้รับพลังเช่นนี้มา พวกมันอดไม่ได้ที่จะชื่นชมและนับถือความสามารถในการปรุงยาของหลิงฮัน พวกมันมาถึงจุดที่ว่า พวกมันได้เชื่อถือในความสามารถของหลิงฮันอย่างไม่ลืมหูลืมตาแล้ว
“บัดซบ!” เชิงจือเยว่คำราม และฝ่ามือของมันได้โจมตีอย่างต่อเนื่อง ฝ่ามือยักษ์พุ่งออกไปเพื่อมุ่งหวังที่จะเอาชีวิตหลิงฮัน
หลิงฮันเค้นเสียงดูถูก มือซ้ายของเขากำหมัดแน่นและปล่อยการโจมตีออกไป
เฉพาะพลังต่อสู้ของเขาเท่านั้นที่เพิ่มขึ้นเป็นระดับก่อเกิดธาตุ ดังนั้นเขาจึงยังไม่สามารถสร้างการโจมตีจากปราณก่อเกิดได้ แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหา ด้วยพลังระดับก่อเกิดขั้นสี่ก็เพียงพอแล้วที่จะอยู่เหนือขั้นหนึ่งอย่างสมบูรณ์ ด้วยหมัดเพียงหมัดเดียว หมัดยักษ์สีมรกตที่สร้างขึ้นจากการควบแน่นปราณก่อเกิดได้ถูกทำลายทันที
หลิงฮันกระโดดไปข้างหน้า ด้วยการกวัดแกว่งดาบ ได้ปรากฏปราณดาบห้าเล่มพุ่งออกไป
“ฉัวะ!”
บนหน้าอกของเชิงจือเยว่เกิดบาดแผลเป็นรอยฟันห้ารอย ทำให้บนหน้าอกของมันกลายเป็นภาพอันน่าสยดสยองที่เต็มไปด้วยเลือด บาดแผลที่เกิดขึ้นนั้นลึกจนเห็นกระดูกและอวัยวะภายในได้รางๆ
“สุนัขเฒ่า มอบชีวิตของเจ้ามาซะ!” หลิงฮันพูดด้วยเสียงอันโหดเหี้ยม
“เจ้าเด็กเปรต เจ้าเพียงแค่ฝืนบังคับเพิ่มพลังมาเป็นระดับก่อเกิดธาตุ พลังที่เจ้าจะสามารถใช้ออกมาได้จะมีเท่าใดกันเชียว? ไม่ว่าอย่างไรข้าก็สามารถสังหารเจ้าได้แน่นอน!” เชิงจือเยว่คำรามอย่างเกรี้ยวกราด มือของมันขยับอย่างต่อเนื่องเพื่อใช้ทักษะลับของตระกูลเชิง เพลงหมัดกัมปนาท
โชคร้ายที่ถึงแม้มันจะทะลวงผ่านระดับก่อเกิดธาตุมาได้ และตอนนี้มันสามารถฝึกฝนทักษะระดับดำได้แล้ว แต่ปัญหาก็คือตระกูลเชิงไม่มีแม้แต่ทักษะระดับเหลืองขั้นสูงในครอบครอง แล้วมันจะไปหาทักษะระดับดำมาจากที่ไหน?
เพลงหมัดกัมปนาทเป็นเพียงทักษะระดับเหลืองขั้นกลาง ดังนั้นพลังของมันจึงมีจำกัด ไม่มีทางที่มันจะสามารถชดเชยความต่างของพลังระหว่างระดับก่อเกิดธาตุขั้นสี่กับขั้นหนึ่งได้
หลิงฮันยิ้มอย่างเย็นชา ถ้าจอมยุทธธรรมดาฝืนบังคับเพิ่มพลังบ่มเพาะของตัวเองถึงหนึ่งระดับเต็ม คนคนนั้นคงไม่สามารถควบคุมพลังได้อย่างแน่นอน เพราะพลังที่เพิ่มมามันมหาศาลเกินไป
แต่ตัวเขานั้นต่างออกไป ในชีวิตที่แล้วพลังบ่มเพาะของเขาอยู่ในระดับสวรรค์ เพียงระดับก่อเกิดธาตุจะไปนับเป็นอันใดได้?
หลิงฮันสะบัดดาบอย่างรุนแรงเพื่อป้องกันการโจมตีของเชิงจือเยว่ ปราณดาบของเขาเคลื่อนไหวราวกับสายรุ้ง มันกำราบเชิงจือเยว่ได้อย่างสมบูรณ์
ระดับก่อเกิดธาตุขั้นหนึ่งคิดจะต่อต้านระดับก่อเกิดธาตุขั้นสี่ มันเป็นการต่อสู้อยู่ฝ่ายเดียวมาตั้งแต่แรกแล้ว
“ปัง” หลิงฮันยกเท้าขึ้นมาและเตะไปยังหน้าอกของเชิงจือเยว่ “แกร่ก แกร่ก แกร่ก” เสียงแตกหักของกระตูกดังขึ้น อย่างน้อยซี่โครงกว่าสี่อันของมันได้ถูกทำลายไปแล้ว และตันเถียนของมันถูกทำลายอย่างสมบูรณ์ พร้อมกับร่างของมันได้ล้มไปอยู่ด้านหน้าหลิงตงซิง
“คุกเข่า!” หลิงฮันสั่งอย่างเย็นชา
“ไร้สาระ!” เชิงจือเยว่ตะโกนด้วยความโกรธ ถึงแม้มันจะถูกสังหาร มันก็จะไม่มีทางก้มหัวต่อหน้าศัตรูเด็ดขาด
“เจ้าไม่มีสิทธิเลือก!” หลิงฮันสะบัดดาบ “ฉัวะ ฉัวะ” เลือดไหลกระเซ็นออกมา เส้นเอ็นที่เท้าทั้งสองของเชิงจือเยว่ถูกตัดขาด จนช่วยไม่ได้ที่ขาของมันจะโน้มลงจนต้องคุกเข่าต่อหน้าหลิงตงซิง
“เจ้าเดรัจฉาน แม้ข้าจะกลายเป็นวิญญาณ ข้าก็จะไม่ปล่อยเจ้าไป!” เชิงจือเยว่กระอักเลือดออกมา มันรู้แล้วว่าวันนี้จะต้องเป็นวันตายของมัน และมันไม่คิดแม้แต่ที่ร้องขอความเมตตา สายตาของมันครบกริบราวกับว่ามันไม่ต้องการอะไรอีกแล้วนอกจากการแทงหลิงฮันให้ตายด้วยสายตาของมัน
“ท่านพ่อ เจ้าหมอนี่ให้ท่านจัดการ!” หลิงฮันสงบจิตใจตัวเอง หลิงฮันรู้ดีว่าหลิงตงซิงต้องการสังหารศัตรูคนนี้ด้วยมือของมันยิ่งกว่าใครๆ
“เข้าใจแล้ว!” ใบหน้าของหลิงตงซิงเต็มไปด้วยความต้องการสังหาร มันนึกถึงเหตุการณ์ที่สมาชิกตระกูลของมันถูกสังหารต่อหน้าต่อตาราวกับสมาชิกตระกูลของมันเป็นเพียงหมู หมา เลือดของคนเหล่านั้นย้อมที่พักตระกูลหลิงจนกลายเป็นสีแดง รวมถึงร่างกายของพวกเขาได้นอนกระจัดกระจายไปทั่วที่พักตระกูล ดวงตาของหลิงตงซิงเปลี่ยนเป็นสีแดง มันรับดาบที่หลิงฮันยื่นมาให้และแทงออกไปทันที
“ฉัวะ!”
ดาบอันแหลมคมแทงผ่านหน้าอก เชิงจือเยว่จ้องมองไปยังหลิงตงซิงอย่างไม่เต็มใจ ปากของมันเปิดและปิดสองสามครั้งราวกับว่าอยากจะพูดอะไรออกมา แต่สิ่งที่ออกมามีเพียงกองเลือดเท่านั้น คอของมันเอียงไปข้างหนึ่งและจบชีวิตลง
หลิงตงซิงเตะร่างไร้วิญญาณของเชิงจือเยว่กระเด็น มันแหงนหน้ามองท้องฟ้าและคำรามปลดปล่อยความโกรธออกไป ตั้งแต่วันนี้ จะไม่มีตระกูลเชิงในเมืองหมอกเมฆาอีกต่อไป!
*ติดตามข่าวสารได้ที่ เพจ*