GE26 อาวุธเทพโบราณ
Chapter 26 อาวุธเทพโบราณ
ข่ายพลังในระดับคงชูนั้นมีอานุภาพบดขยี้ขุนเขาและสยบมหาสมุทรที่เกรี้ยวกราด เมื่อแสงสีแดงโลหิตวาบผ่านท้องฟ้า ทุกสรรพสิ่งในรัศมี 100 ลี้แหลกสลาย
นิกายเทียนหลีโม่ล่มสลายในพริบตา ราวกับทุ่งหญ้าที่แห้งเหี่ยว ตึกรามอาคารทั้งหมดพังทลาย พืชพรรณกลายเป็นฝุ่นควัน!
ภายใต้แสงสีแดงโลหิตนั้น ศิษย์นิกายในขอบเขตเปิดเส้นชีพจรจะประสบการความผันผวนที่รุนแรง กระทั่งร่างกายระเบิดเป็นหมอกโลหิต ผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณจะรั้งชีวิตได้ไม่กี่ลมหายใจ ก่อนที่เส้นชีพจรสวรรค์จะฉีกขาด และถูกบดขยี้ด้วยแรงกดดันที่รุนแรงจนร่างแหลกเหลว
มีเพียงผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำเท่านั้นที่ยังรอดชีวิต แต่ระดับพลังที่อยู่ในขอบเขตแก่นทองคำจะลดลง เหลือเพียงขอบเขตประสานวิญญาณ และไม่อาจสร้างแก่นทองคำใหม่ได้อีกตลอดกาล!
ด้วยเพราะไม่มีหยกสวรรค์มากพอ ทำให้ไม่อาจสำแดงอานุภาพที่แท้จริงของข่ายพลังระดับคงชูได้ มิเช่นนั้น ต่อให้เป็นผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่ม หรือผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณ ย่อมได้รับผลกระทบใหญ่หลวง โดยที่พวกมันจะไม่เสียเพียงแก่นทองคำไป
อานุภาพของข่ายพลังระดับคงชูสมควรอยู่ในระดับดวงจิตแรกเริ่มขั้นสูงสุด
หากกล่าวถึงนิกายเทียนหลีโม่ ผู้ที่เหลือรอดจากข่ายพลังนี้มีเพียงผู้เดียว
นั่นคือผู้นำนิกายหวูเสีย... ซื่อหวูเสีย!
ด้านหลังภูเขา หนิงฝานเหยียบย่างหมู่ดาวบนท้องฟ้าเป็นประกายหิมะ
นิกายเทียนหลีโม่จักต้องพินาศ... พินาศด้วยมือของนิกายปีศาจทมิฬ ให้นี่คือความอัปยศอดสูของพวกมัน!
ซื่อหวูเสียรู้จักหานหยวนจี๋ แต่มันมิได้หวาดกลัว เพราะมันรู้ว่าชายชราระดับพลังของชายชราได้ลดลง
“หานหยวนจี๋! ข้าจักมิถามเจ้าว่าเหตุใด! แต่วันนี้ทั้งเจ้าและศิษย์ต้องตาย!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า! บิดายังใช้ชีวิตมิพอ... บิดาไม่อยากตายหรอก!”
ชายชรากล่าวคำเย้ยหยัน พลางทำลายแรงกดดันของซื่อหวูเสีย
ชายชราสะบัดชายเสื้ออัญเชิญกระถางแยกโอสถ กระถางขยายขนาดขึ้นและปรากฏมังกรเพลิง 8 ตัวรายล้อม ผมและหนวดเคราของชายชราพลิ้วไหวไปตามสายลม กลิ่นอายชั่วร้ายปกคลุมทั่วท้องนภา ชายชราชี้นิ้วส่งกระถางโอสถและมังกรเพลิงทั้ง 8 ตัวพุ่งเข้าใส่ซื่อหวูเสีย หมู่เมฆบนท้องนภาระเหยด้วยความร้อนของมังกรเพลิง
กระถางโอสถสำแดงพลังในระดับแก่นทองคำ ผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณมอดม้วย ผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำนับ 10 บาดเจ็บ พลางจ้องมองไปบนท้องฟ้าด้วยความหวาดกลัว!
เพลิงปีศาจทมิฬ! กระถางแยกโอสถ!
ด้วยสมบัติทั้งสองชิ้นทำให้หานหยวนจี๋สามารถสังหารผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำ และขึ้นรั้งตำแหน่งหนึ่งในสิบผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งที่สุดของแคว้นเยว่
โดยทั่วไปแล้วชายชรามักอาศัยอยู่ในสถานที่ของตน ไม่ค่อยกระทำเรื่องราวใหญ่โตมากนัก ทำให้ผู้อื่นสงสัยว่าที่ชายชราสังหารผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำได้นั้นเพราะเป็นโชคช่วย
นั่นเพราะชายชรามีระดับพลังอยู่เพียงขอบเขตประสานวิญญาณขั้นสุดท้ายเท่านั้น... แต่ด้วยเพลิงปีศาจชีพจรพิภพทำให้ชายชราสามารถต่อกรกับเหล่าบรรพบุรุษในแคว้นเยว่ได้
ด้านหลังชายชรา หนิงฝานใบหน้าซีดขาวไร้โลหิต ขมวดคิ้ว พลางประครองหนิงกู่
‘หานหยวนจี๋ทรงพลัง แต่ซื่อหวูเสียเองก็ลึกลับไม่ธรรมดา’
เพราะอย่างแรก หนิงฝานไม่ทราบเพศของซื่อหวูเสีย เขาจึงบอกไม่ได้ว่ามันคือบุรุษหรือสตรี!
อย่างที่สอง สร้อยหยินหยางของหนิงฝานสั่นเทาเมื่อต้องเผชิญหน้ากับซื่อหวูเสีย
แต่การสั่นเทานั้น เป็นการสั่นเทาด้วยความตื่นเต้น ราวกับมีบางสิ่งในบนร่างกายของมันที่สร้อยหยินหยางต้องการ
และอย่างที่สาม กลิ่นอายของมัน
กลิ่นอายของมันทำให้หนิงฝานรู้สึกว่า มันไม่ได้ด้อยไปกว่าหานหยวนจี๋!
‘หรือมันจะเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ยิ่งใหญ่ แต่พลังได้หายไปเหมือนอย่างหานหยวนจี๋?’
ไม่...มันต่างกัน
เท่าที่หนิงฝานเห็น ซื่อหวูเสียไม่กลัวกระถางแยกโอสถและเพลิงปีศาจทมิฬของหานหยวนจี๋ มันเพียงขมวดคิ้วเล็กน้อยเท่านั้น
มันสะบัดชายอาภรณ์ ก่อนปรากฏลำแสงสายหนึ่งเข้าปะทะกับกระถางปรุงโอสถจนเกิดเสียงดังสนั่น
อำนาจของกระถางโอสถและลำแสงเมื่อครู่ทัดเทียมกัน
ชายอาภรณ์ที่ยาวของซื่อหวูเสียโบกสบัดพลิ้วไหวเกิดเป็นเส้นแสงถักทอปั่นป่วน
ยากจะระบุว่าผู้ใดเป็นฝ่ายแพ้หรือชนะในเวลาสั้นๆ เส้นแสงของซื่อหวูเสียกลายเป็นปราณกระบี่นับไม่ถ้วน ส่วนชายชราก็ควบคุมเพลิงทมิฬของตนเข้าต้านพลางร่ายเตล็ดความไม่หยุด ซึ่งแต่ละเคล็ดความนั้น ล้วนเป็นเคล็ดความระดับดวงจิตแรกเริ่มทั้งนั้น
เหตุการณ์แผ่นดินถล่มเริ่มปรากฏ แรงสั่นสะเทือนและความผันผวนที่เกิดขึ้น ทำให้ทั่วทั้งแคว้นเยว่สัมผัสถึงมันได้
ทักษะระดับดวงจิตแรกเริ่มผลาญพลังเป็นอย่างมาก แม้หานหยวนและซื่อหวูเสียจะเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ไม่ธรรมดา แต่ชายชรายังอยู่เพียงขอบเขตประสานวิญญาณซึ่งด้อยกว่าซื่อหวูเสียอยู่ 1 ขอบเขต
การที่บุคคลทั้งสองปรากฏตัวในแคว้นเยว่แห่งโลกพิรุณ... หนิงฝานคิดว่ามันแปลก
หานหยวนจี๋มาเพื่อซ่อนตัว แล้วซื่อหวูเสียหล่ะ?
คนอย่างมันทำลายเมืองฉีเหม่ยได้อย่างง่ายดาย แม้หานหยวนจี๋ยากจะจัดการ แต่ก็เป็นเพียงชายชราผู้หนึ่ง
นั่นหมายความว่ามันมีจุดประสงค์อื่น... อาจมีบางสิ่งในแคว้นเยว่ที่มันต้องการ
น่าแปลกที่หนิงฝานคาดเดาได้มากขนาดนั้น เพราะแผนการของซื่อหวูเสียยังไม่ได้เริ่มดำเนินแม้แต่น้อย
หนิงฝานไม่สามารถสอดมือกับการต่อสู้ครั้งนี้ได้ ผู้เชี่ยวชาญแก่นทองทำที่อยู่ไม่ไกลยังไม่กล้าสอดมือ แต่ถึงอย่างนั้น หนิงฝานที่เฝ้าสังเกตอยู่ไกลๆก็เห็นการต่อสู้ได้อย่างชัดเจน
แสงนั่นคืออันใด? มันดูราวกับกระบี่ที่มีสายฟ้าขนาดเล็ก...
แต่สิ่งที่ทำให้หนิงฝานประหลาดใจไม่ใช่กระบี่ แต่เป็นสายฟ้าที่อยู่ในกระบี่
“นั่นมันชิ้นส่วนของ ‘ดวงดาวโบราณ! นั่นใช่อาวุธเทพที่สร้างโดยเทพในยุคโบราณหรือไม่?’”
หนิงฝานประหลาดใจ แต่ไม่ถึงกับตกตะลึง อาวุธเทพที่สร้างขึ้นจากดวงดาวโบราณ จะมีเอกลักษณ์เฉพาะเป็นของตน นั่นทำให้มันบรรลุถึงระดับนี้ได้
เดิมทีหากสร้างสมบัติหรืออาวุธแล้ว พวกมันจะไม่สามารถเพิ่มระดับได้อีก แต่หากต้องการเพิ่มพูนอานุภาพของมัน มีผู้เชี่ยวชาญอีก 1 สายที่ช่วยเหลือได้ นั่นคือ ‘นักเสริมวิญญาณ’
แม้ระดับของสมบัติไม่เพิ่ม แต่พลังของมันสามารถมีพลังที่เป็นเอกลักษณ์ได้ ยกตัวอย่างเช่นกระถางแยกโอสถของหานหยวนจี๋ที่มีพลังการตรึงร่าง กระบี่ไร้เงาของหนิงฝานที่ได้จากการสังหารหวู่ตงหนานก็มีความพิเศษอย่างไร้เงา
การที่สมบัติไม่สามารถเพิ่มระดับของมันได้ถือเป็นเรื่องปกติ แต่หากสมบัตินั้นมีวัตถุดิบเทพ มันย่อมไม่อาจใช้ระดับทั่วไปวัดได้
ดวงดาวโบราณ!
เทพโบราณมักจะใช้ดวงดาวโบราณเป็นวัตถุดิบในการสร้างอาวุธเทพ อาวุธเหล่านี้จะพัฒนาระดับของตนขึ้นอย่างต่อเนื่องกระทั่งกลายเป็นอาวุธเทพที่สยบได้ทั่วทุกโลกหล้า
สร้อยหยินหยางที่อยู่ภายในตันเถียนของหนิงฝานก็มีดวงดาวโบราณเช่นเดียวกัน
มีข่าวลือว่าในยุคโบราณ จักรพรรดิผู้หนึ่งได้ทำลายโลกนับล้านล้านใบ และใช้ดวงดาวทั้งหมดเหล่านั้นสร้างเป็นอาวุธที่ทรงพลังที่สุด
หนิงฝานประหลาดใจที่ซื่อหวูเสียครอบครองกระบี่บินอันท้าทายสวรรค์ที่สร้างขึ้นจากดวงดาวโบราณ เช่นนั้นจึงไม่แปลกที่สร้อยหยินหยางสั่นสะท้าน เพราะทั้งสองสิ่งล้วนมาจากยุดโบราณเช่นกัน
โลกพิรุณถูกจัดอยู่ในโลกระดับต่ำ การที่โลกใบนี้จะปรากฏวัตถุดิบเทพย่อมไม่มีทางเป็นไปได้ ดังนั้นที่มาของซื่อหวูเสียจึงไม่ธรรมดา บางทีมันอาจมาจากหนึ่งในสี่แดนสวรรค์เบื้องบน
ลักษณะพิเศษเฉพาะของดวงดาวโบราณปรากฏขึ้นในหัวของหนิงฝาน ก่อนที่เขาจะพยายามหาวิธีรับมือกับอาวุธเทพโบราณ
‘อาวุธเทพโบราณ... หากวันหนึ่งมันพัฒนาสมบูรณ์ ดาราจักรจะล่มสลาย’
‘อาวุธเทพโบราณ... สามารถทำลายดาราและจันทราได้’
‘อาวุธเทพโบราณ... ไม่มีผู้ใดควบคุมมันได้เว้นเสียแต่เป็นเทพ’
ดวงตาของหนิงฝานเป็นประกาย ดูเหมือนข้อสุดท้ายจะเป็นจุดอ่อนของอาวุธเทพโบราณ!
มีเพียงเทพเท่านั้นที่ใช้อาวุธเทพได้... แล้วเทพคืออันใด? เทพคือผู้ที่สืบทอดเส้นชีพจรปีศาจโบราณเหมือนกับที่หนิงฝานและหานหยวนจี๋ครอบครอง แต่หลังจากหนิงฝานตรวจสอบซื่อหวูเสียดูแล้ว มันไม่มีเส้นชีพจรที่ว่า!
‘น่าแปลก มันไม่มีเส้นชีพจรและกายเทพ เหตุใดมันถึงได้ครอบครองอาวุธเทพโบราณ’
แม้ยังไม่กระจ่างแต่หนิงฝานก็มีความคิดบางอย่าง
‘หากข้าชิงกระบี่บินนั่นมาได้... มีโอกาส 6 ใน 10 ส่วนที่ข้าจะทำสำเร็จ…’
แววตาของหนิงฝานไร้ซึ่งความลังเล เขามีโอกาส 6 ส่วนที่จะทำสำเร็จ อีก 4 ส่วนคือถูกสังหารตายใต้คมกระบี่
‘ข้าจะพึ่งพาอาจารย์ไม่ได้’
‘เพราะข้าเป็นผู้เลือกที่จะช่วยหนิงกู่และทำลายนิกายเทียนหลีโม่’
‘หากข้าเอาชนะซื่อหวูเสียไม่ได้... ข้าต้องใช้...แผนสกปรก!’
ในระหว่างที่หนิงฝานกำลังขบคิด การต่อสู้ของหานหยวนจี๋และซื่อหวูเสียก็กำลังจะดำเนินมาจนถึงจุดสิ้นสุด
ซื่อหวูเสียยืนอยู่บนกระบี่บินและควบคุมมันได้อย่างใจนึก ดังนั้นเมื่อเวลาผ่านไป ชายชราจึงเริ่มเสียเปรียบอย่างช้าๆ
พลังของทั้งสองฝ่ายทัดเทียม แต่สมบัติของทั้งสองยังห่างชั้น ซื่อหวูเสียอีกครึ่งก้าวบรรลุดวงจิตแรกเริ่ม อย่างน้อยๆพลังของมันก็มากกว่าชายชราที่อยู่เพียงขั้นสุดท้ายของขอบเขตประสานวิญญาณถึง 10 เท่า หากต่อสู้ด้วยสมบัติจะเผาผลาญพลังไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งนั่นคือปัญหาร้ายแรง หลังจากผ่านไปชั่วธูปไหม้หมดดอก พลังของชายชราก็แทบไม่เหลือ
“เราช่วยหนิงกู่ได้แล้ว ยามนี้ข้าต้องหาวิธีหลบหนี” ชายชราขมวดคิ้ว
“จะหนีงั้นรึ? งั้นจงอย่าได้ทิ้งอะไรเหลือไว้!” ซื่อหวูเสียแสดงสีหน้าสงบ แต่มันกลับแอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก มันไม่อยากต่อสู้เป็นตายกับชายชรา
ทั้งสองล้วนเป็นตัวตนที่ยิ่งใหญ่ จึงสมควรละทิ้งความบาดหมาง อีกอย่าง พวกมันยังเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับสูง ไม่สมควรต่อสู้เป็นตายอย่างไร้ค่า
แต่หนิงฝานไม่ยอมไป
หนิงฝานวางข่ายพลังขนาดยักษ์สังหารหมู่ศิษย์นิกายเทียนหลีโม่ไปมากมายนับไม่ถ้วน ยามนี้มือของเขาเปรอะเปื้อนไปด้วยโลหิตแล้ว
แต่โลหิตแค่นั้นยังไม่พอ
หนิงฝานจ้องมองไปยังเงากระบี่บินของซื่อหวูเสีย
หนิงฝานวางร่างของหนิงกู่ไว้บนเมฆเซียน ก่อนเหยียบย่างหิมะตรงไปยังเงาของกระบี่บินในพริบตา
“6 ส่วนรอด 4 ส่วนตาย... แต่ข้ายังมีสร้อยหยินหยาง ข้าต้องไม่ตาย!”
ปราณกระบี่ฟาดฟันเข้าใส่ร่างของหนิงฝานจนโลหิตสาดกระจายเต็มท้องฟ้า
สีหน้าของชายชราแปรเปลี่ยนใหญ่หลวง ซื่อหวูเสียผงะถอยเล็กน้อยแต่ก็เผยรอยยิ้มที่พึงพอใจ
“เจ้าคิดช่วงชิง ‘กระบี่ผ่าวิญญาณ’ ของข้ารึ? ช่างโชคร้ายที่เจ้า..”
“ข้าทำไม?”
เมื่อปราณกระบี่หายไป หนิงฝานที่อาบโชกไปด้วยโลหิตก็ใช้มือยึดกุมกระบี่เอาไว้แน่น!
ใบหน้าที่ยิ้มแย้มของซื่อหวูเสียแปรเปลี่ยนเป็นซีดขาวไร้โลหิตในพริบตา มันไม่อาจคงความสงบได้อีกเพราะมันสัมผัสได้ว่า การเชื่อมต่อระหว่างตัวมันกับกระบี่ค่อยหายไปอย่างช้าๆ
ด้วยเพราะร่างกายนี้ของมันไม่ใช่ร่างที่แท้จริง จึงทำให้มันไม่อาจควบคุมอาวุธเทพได้ตามปรารถนา แต่ผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณที่เล็กจ้อยอย่างหนิงฝานไม่สมควรช่วงชิงกระบี่ของมันได้
ซื่อหวูเสียจ้องมองหนิงฝานที่กำกระบี่ไว้แน่น
กระบี่บินแทงเข้าที่กลางหน้าอกของหนิงฝานในตำแหน่งที่ห่างจากหัวใจเพียงเล็กน้อย หากเกิดพลาดก็หมายถึงชีวิต
หนิงฝานเค้นความทรงจำของจักรพรรดิสวรรค์และเริ่มใช้โลหิตของตนเขียนผนึกลงไปที่ตัวกระบี่
เส้นชีพจรหยินหยางปีศาจของหนิงฝานทำงาน กระบี่บินหลุดจากการควบคุมของซื่อหวูเสียและรับหนิงฝานเป็นเจ้านายคนใหม่!
ดวงดาวโบราณที่แปรเปลี่ยนเป็นอาวุธเทพ หากไม่ใช่เทพก็ไม่อาจใช้มันได้!
‘ซื่อหวูเสีย ไม่ว่าจะเจ้าทรงพลังขนาดไหน แต่ยามนี้ ร่างกายของเจ้าเป็นเพียงมนุษย์ เจ้าไม่คู่ควรให้ควบคุมกระบี่เล่มนี้!’
‘จากนี้เป็นต้นไป เจ้าคือกระบี่ของข้า ข้าจะมอบนามให้เจ้าว่า ‘แยกสวรรค์’ ที่หมายถึงการตัดขาดจากสวรรค์ทั้งปวง!’
หนิงฝานกำกระบี่แน่น ลำแสงขนาดเล็กปรากฏก่อนแปรสภาพเป็นกระบี่ยาวสามเซี้ยะที่กระจ่างใสราวกับน้ำ ทั้งยังมีประกายสายฟ้าปรากฏที่ตัวกระบี่!
แยกสวรรค์... มันไม่ใช่เพียงกระบี่ แต่ยังเป็นการตัดสินใจของหนิงฝาน!
“ซื่อหวูเสีย ข้าจะถามเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย เจ้ามีวิธีแก้ไขบรรทัดน้ำแข็งหรือไม่?”
“ไม่!” สีหน้าของซื่อหวูเสียมืดมน แม้กระบี่ของมันจะเป็นอาวุธเทพ แต่มีดวงดาวโบราณเป็นส่วนประกอบเพียงเล็กน้อย นอกจากนี้มันโกรธที่หนูตัวจ้อยอย่างหนิงฝานได้ยั่วยุมันอีกครั้ง
‘เหตุใดข้าถึงอ่อนแอเช่นนี้’
เจตจำนงค์กระบี่เพลิงของหนิงฝานลุกโหมทั่วร่าง เขาชูกระบี่แยกสวรรค์ขึ้นสูงและปลดปล่อยจิตสังหาร...